วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 106

บทที่ 106 – หน้าที่


“เจ้านายตายแล้ว!”

อัศวินมรณะประท้วงคำพูดของบิบิ

[ความตายของท่านจ้าวคือความตายของพวกเรา]

[แม่มดพูดไร้สาระ]

บิบิเอียงคองง แล้วมองวูจิน วูจินหัวเราะพลางเดินไปหาบิบิแล้วเคาะหัวเธอเบาๆ

“นำเที่ยวหน่อยสิ”

“อูย เอ เจ้านายเข้ามาได้ยังไงน้า?”

บิบิพึมพำพลางก้าวเท้าสั้นๆโดยมีวูจินเดินตาม

“จากตรงนี้ถึงตรงนั้นเป็นที่ของเรา ฮิๆ กระท่อมเราน่ารักไหม?”

วูจินมองข้ามรั้วไปเห็นดินแดนด้านหลังมัน สวนเต็มไปด้วยพรรณไม้ประหลาดจากโลกอสูร มีกระท่อมดูน่าอยู่ ที่นี่ประดับไปด้วยของตกแต่งน่ารักและบิบิอวดพวกมันอย่างภูมิใจ

“อะแฮ่ม รอตรงนี้นะคะ”

บิบิโบกมือ แล้วโต๊ะปิกนิกก็ปรากฏในสนามหญ้า จากนั้นขนมปังกับเนื้อก็ถูกวางบนโต๊ะ

“หืม? เธอทำได้ไง?”

“ก็ทำแบบนี้?”

ดูเหมือนบิบิจะชินกับการทำแบบนี้

“ยิ่งเจ้านายเก่งขึ้นเท่าไหร่เราก็ยิ่งตกแต่งที่นี่ได้ตามใจชอบ ฮิๆ เจ้านายขยันอีกนิดนะคะ”

ห้องอัญเชิญเป็นพื้นที่ว่างเปล่า และมันปล่อยให้ผู้อาศัยปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบ เขามองไปที่หอคอยไม่มีเจ้าของ มันคงเป็นหอคอยของเจนิส ภูเขาที่อยู่ไกลออกไปอีกเป็นของรงรงหรือเปล่า?

พื้นที่โล่งกว้างเต็มไปด้วยโครงกระดูก พวกมันกำลังฝึกซ้อมกับอัศวินมรณะ ช่างเป็นภาพที่ไม่น่ามอง

อัศวินมรณะของเขามีบุคลิกแตกต่างกัน สิ่งก่อสร้างเช่นโรงตีเหล็กและโรงเหล้ามีตั้งอยู่รอบๆ ยังมีคอกม้าสำหรับม้าปีศาจ สิ่งก่อสร้างต่างๆเรียงเป็นแห่งๆ

[ท่านจ้าวประสงค์จะพิสูจน์ความเป็นนักรบกับข้าไหม?]

ดูท่าพวกอัศวินมรณะจะสู้กันเองจนเบื่อ บางตนจึงมาท้าวูจิน

“ไว้ทีหลัง ตอนนี้ตามฉันมาก่อน”

วูจินนำบรรดาอสูรออกมาจากห้องอัญเชิญ

[ประตูมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?]

[เมื่อก่อนตรงนี้เป็นแท่นบูชา]

แต่ละตนพูดถึงประตูขณะที่เดินผ่านมันเข้ามายังอาณาเขตมิติ

<อัศวินมรณะ คิบะ มาเยือนอลันดาล>

<เขาเป็นมิตร ท่านสามารถรับเขาเป็นผู้อพยพ>

<ซัคคิวบัส บิบิ มาเยือนอลันดาล...>

ทุกครั้งที่อสูรของเขาเหยียบพื้นดินอลันดาล เสียงประกาศก็จะดังขึ้น วูจินยิ้ม เป็นไปตามคาด เขาสามารถรับอสูรของเขาเป็นผู้อพยพและทำเป็นกำลังรบได้

‘ฉันคงไม่ต้องใช้พลังงานแล้ว’

เขาทำอะไรไม่ได้เรื่องมอนสเตอร์จะเกิดใหม่ทุกครั้งที่มีคนเข้าดันเจี้ยน แต่เขาสามารถป้องกันอาณาเขตมิติได้โดยใช้แค่อสูรของตัวเอง

แน่นอน เขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับเวลาที่อสูรถูกเรียกออกมา เขาจะเพิ่มกำลังป้องกันอาณาเขตให้เพียงพอ

วูจินรับอสูรของเขาทั้งหมดเป็นผู้อพยพ และให้บิบิกับคิบะเป็นข้ารับใช้ในอาณาเขตเขา

ในระดับลอร์ด เขาสามารถตั้งข้ารับใช้ได้เพียงสองตำแหน่ง คือผู้บัญชาการที่มีหน้าที่ป้องกันอาณาเขต กับหัวหน้าพ่อบ้านที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องในปราสาท

“ฮิๆ เราต้องใส่ชุดให้เหมาะกับหัวหน้าพ่อบ้านไหม?”

ควันดำปกคลุมตัวบิบิและเธอเปลี่ยนไปอยู่ในชุดเมดสีดำระบายลูกไม้สีขาว ดูน่ารักแต่ไม่เหมาะ

“นี่ไม่ใช่ชุดพ่อบ้านนะ”

“เจ้านายไม่ชอบแบบนี้เหรอ?”

“อย่ากวนกันน่า จากนี้ไปเธอต้องปกป้องที่นี่”

“ยะโฮ่! เราจะตกแต่งแบบไหนก็ได้ใช่ไหม?”

“อืม เอาแต่พอดีล่ะ”

“ฮิๆ สนุกแน่ๆเลย”

บิบิจะดูแลทุกอย่างเท่าที่หัวหน้าพ่อบ้านมีสิทธิ์ และคิบะได้ตำแหน่งผู้บัญชาการป้องกันอาณาเขต ควบคุมไวเวิร์น 10 ตัว นี่คือเหตุผลหลักที่วูจินแต่งตั้งพวกเขาเป็นข้ารับใช้

วูจินตั้งให้หัวหน้าพ่อบ้านมีอำนาจใช้พลังงาน 10,000 หน่วย ผู้บัญชาการมีอำนาจใช้พลังงาน 30,000 หน่วย

“ถ้าพวกนายมีปัญหาก็ใช้มัน”

[บัญชาของท่านจ้าวคือชีวิตของเรา!]

บิบิทำแก้มป่อง

“ฮึ นายตายไปแล้วนะ... เจ้านายขา ขอใช้พลังงานไปตกแต่งปราสาทหน่อยได้ไหม?”

“อืม อย่าเยอะล่ะ แต่ถ้ามีอันตรายก็ใช้ไปเลยไม่ต้องเก็บไว้”

“ยะโฮ่”

ดูเหมือนการตกแต่งจะเป็นงานอดิเรกของบิบิ เธอรู้สึกเหมือนจะลอยได้เมื่อได้กลายเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของอาณาเขตมิติขนาดใหญ่

ทำให้เหมือนโลกอสูรบ้านเกิดดีไหม? หรือทำให้เหมือนที่เธอเคยเห็นบนโลก? วูจินปล่อยบิบิไว้แล้วไปนั่งบนบัลลังก์

“ถ้ามีอะไรผิดปกติก็เรียกฉัน”

อาณาเขตของเขาอยู่ในช่วงคุ้มครอง 30 วัน วูจินจึงห่วงความโกลาหลในโซลมากกว่า เขาลบต้นเหตุของการเกิดดันเจี้ยนเบรกไปแล้ว แต่มอนสเตอร์ยังอาละวาดอยู่

เขาได้รู้ข้อมูลมากมายหลังอ่านคู่มือบริหารอาณาเขตมิติ อาณาเขตนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของวูจิน

เมื่อเขาถูกอาณาเขตมิติอื่นท้ารบ เขาสามารถใช้อุโมงค์มาที่อาณาเขตมิตินี้จากที่ไหนก็ได้

วูจินสร้างอุโมงค์ไปสู่สถานีโซลทางออกที่ 1

อุโมงค์ปรากฏในห้องโถง วูจินเข้าไป หลังจากมึนงงไปวูบหนึ่งเขาก็มาโผล่ในตัวสถานีใต้ดิน ที่ๆปกติอุโมงค์จะก่อตัวขึ้น

เมื่อวูจินเดินขึ้นบันได พวกเราส์ยังรอเขาอยู่

“ป...ประธานลีซังโฮล่ะ?”

สองคนเข้าไปแต่ออกมาเพียงคนเดียว คำตอบชัดเจนอยู่แล้วแต่ยังมีเราส์คนหนึ่งถาม เขามาจากกิลด์ขนาดกลางที่ไหนสักแห่งใช่ไหมนะ?

“ฉันฆ่าเขาไปแล้ว”

“...”

เราส์ที่มารอเสียวสันหลังวูบ ทำไมเขาถึงพูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยเลยนะ?

“มันเคยจ้างคนมาฆ่าฉัน ต้องการคำอธิบายเพิ่มอีกไหม?”

“...”

แน่นอน พวกเขาอยากได้คำอธิบายละเอียดกว่านี้ จากที่พวกเขามอง วูจินเป็นฝ่ายทำร้ายคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผล แต่ไม่มีใครกล้าถาม วูจินมองลีมุงจินที่แนะนำตัวเองว่าเป็นรองประธาน กิลด์ KH

“นายบอกว่ามาจากกิลด์ของพี่เบคใช่ไหม?”

“ครับ ผมเป็นรองประธาน ลีมุงจิน”

“ขอให้ช่วยสักเรื่องได้ไหม?”

“เชิญพูดครับ”

ลีมุงจินเคยได้ยินเรื่องของคังวูจินจากประธานเบคจองโด เขาถูกบอกไม่ให้เป็นศัตรูกับคังวูจิน และถูกย้ำจนหูชาว่าถ้ามีโอกาสต้องช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ

“เฝ้าที่นี่จนกว่าคนของฉันจะมา อย่าให้ใครเข้าไป”

“เข้าใจแล้วครับ แต่ว่าดันเจี้ยนเพิ่งรีเซ็ทไป...”

มองจากด้านนอก วูจินครอบครองดันเจี้ยนแห่งนี้เหมือนเกิดดันเจี้ยนรีเซ็ท วูจินพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“ตอนนี้มันเป็นดันเจี้ยนของฉัน”

“...?”

วูจินตบไหล่ลีมุงจินเบาๆ

“ฝากบอกพี่เบคว่าฉันหวังว่าจะได้เจอเขาอีก”

“ครับ”

ลีมุงจินมีสีหน้าดีขึ้น เขามองคังวูจินขี่ม้าปีศาจจากไป

“เอาล่ะ มาจัดการรอบๆให้เรียบร้อยกัน ห้ามใครเข้าไปจนกว่าคนของกิลด์อลันดาลมา”

ไม่มีใครลงดันเจี้ยนตอนสถานการณ์กำลังยุ่งเหยิงขนาดนี้ แต่ก็ไม่แน่ ด้วยเหตุนี้ลีมุงจินจึงวางคนเฝ้ารอบดันเจี้ยนอย่างใกล้ชิด

ลีมุงจินส่งข้อความรายงานสถานการณ์สั้นๆ

[ดี]

ลีมุงจินยิ้มเมื่อเห็นข้อความตอบกลับสั้นๆแต่มีความหมาย จากนิสัยของเบคจองโดนี่เป็นคำชมที่ดีที่สุด เบคจองโดทำเรื่องต่างๆตามอารมณ์เป็นหลัก ดังนั้นลีมุงจินรู้สึกพอใจเมื่อนึกถึงรางวัลที่เขาจะได้

***

เมื่อวูจินมาถึงซาดาง มอนสเตอร์ถูกฆ่าไปเกือบหมดแล้ว ถนนเต็มไปด้วยทหารและอาวุธ พวกทหารกำลังเก็บศพมอนสเตอร์และจัดระเบียบถนนหนทาง

ทีมเราส์ที่ประกอบด้วยเราส์ที่มีทักษะตามรอยถูกตั้งขึ้น พวกเขาตระเวนไปรอบโซลล่ามอนสเตอร์ที่เหลือ

“ปลาเน่าตัวเดียวทำวิบัติขนาดนี้”

วูจินส่ายศีรษะเมื่อเห็นเมืองถูกเผาราบคาบในเวลาสั้นๆ วูจินเดินไปทางสำนักงานใหญ่ของกิลด์แฮมเมอร์

ที่นั่นยังมีคนหลบภัยอยู่ เพราะข้างนอกยังมีอันตรายและเมืองกำลังอยู่ในระหว่างการเก็บศพมอนสเตอร์ ซ่อมแซมที่เสียหาย

วูจินกำลังมองหาครอบครัวของเขาเมื่อคนของกิลด์ไททันมาหา แล้วนำทางวูจินไปยังชั้นบน

“ครอบครัวคุณอยู่ทางนี้”

มันเป็นห้องรับแขก เมื่อวูจินเข้าไป สิ่งแรกที่ทักทายเขาคือเสียงเห่า

มันคือสุนัขตัวใหญ่ บ็อกวี ของขวัญจากเขาให้โซอา สุนัขใหญ่กว่าเดิมมาก วูจินจ้องมันเขม็งแล้วบ็อกวีก็ครางถอยไป

“มาแล้วเหรอ?”

“ครับแม่”

แม้จะผ่านความโกลาหลมาแม่ของเขาก็ยังมีบรรยากาศของความสงบ

“พอลูกแวะมาก็มีคนพาพวกเรามาที่นี่”

แม่พูดเสียงแผ่วเบา

“โซอาล่ะ?”

“หลับอยู่”

วูจินเดินอ้อมเสามาแล้วเห็นโซอานอนหลับสนิทบนเตียง เขาถอยไปอย่างระวังไม่ให้โซอาตื่น แม่เรียกเขา

“มานั่งตรงนี้ก่อน”

“...”

ดูเหมือนนางจะอารมณ์ไม่ดี วูจินจึงนั่งตรงข้ามนางอย่างเชื่อฟัง ลีซูกยุงเม้มปากหลายครั้ง แต่นางไม่ได้ลังเลนาน

“วูจิน”

“ครับ”

“แม่ภูมิใจในตัวลูก”

“...”

“แม่นึกว่าลูกตายไปแล้ว แต่ลูกกลับมาหลังจากผ่านไป 5 ปี แค่เรื่องที่ลูกยังมีชีวิตอยู่...แม่ก็สมใจแล้ว”

ดวงตาลีซูกยุงมีน้ำตาเอ่อคลอ นางไม่เช็ดปล่อยให้ไหลอาบหน้าและมองวูจินด้วยความรัก

“ลูกหายไปแล้วพ่อก็หายไป...โซลวุ่นวายไปหมด”

นางพูดถึงภัยพิบัติเมื่อ 5 ปีก่อน ดูอารมณ์ไม่ดี นางคงคิดถึงตอนเกิดดันเจี้ยนระเบิดครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นคือช่วงเวลาที่นางต้องลำบากอยู่คนเดียวเพื่อเลี้ยงดูโซอาน้อย

“ตอนนี้แม่ได้รับการตอบแทนบุญคุณจากลูกทั้งๆที่ไม่เคยหวังมาก่อน ได้ออกทีวีเพราะลูก”

นักข่าวอาจไล่ตามลีซูกยุงเพื่อสัมภาษณ์ แต่เธอก็ยังรู้สึกขอบคุณ ลูกชายของเธอเป็นคนเก่งกาจ

ลีซูกยุงคว้ามือลูกชายของเธอ

“แม่ไม่ต้องการให้ลูกปฏิบัติกับแม่เป็นพิเศษ”

คนที่มาหลบภัยที่นี่รวมตัวกันในห้องที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไร แต่ครอบครัวของเธอได้มาอยู่ในห้องเป็นสัดส่วนและมีเตียงนอน... เธอไม่รู้สึกดีใจและกลัวว่าจะทำให้ลูกชายเดือดร้อน

“ไม่ต้องห่วงแม่ ช่วยโซลไม่ต้องช่วยแม่”

“...”

เขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง?

ที่วูจินทนมาได้ถึงตอนนี้ก็เพราะครอบครัวเขา

“คนพูดกันว่าลูกเป็นวีรบุรุษ”

เขาไม่ใช่วีรบุรุษ เขาเป็นผู้ล่าสัตว์ร้าย

ทำไมวันนี้แม่ทำตัวแบบนี้

“แม่เห็นข่าวแล้วเหรอ?”

“...”

เขาแทบจะมีนักข่าวตามตัวตลอด เขาอยากให้คนเห็น ให้คนสนใจ

ถ้าคนกลัว วูจินก็ยินดี ถ้าคนต่อต้าน เขาก็ยินดีเช่นกัน มันเป็นการแบ่งว่าใครอยู่ข้างเขาใครไม่ใช่

แต่แม่จะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นลูกชายสังหารไม่เลือกหน้า

เขาเห็นความเป็นห่วง สงสาร ลังเลไม่แน่ใจในดวงตานาง นางพยายามกดความรู้สึกเหล่านั้นไว้ นางอยากให้เขาทิ้งทุกอย่างไป เขารู้สึกได้ว่านางพยายามห้ามตัวเองไว้

วูจินยิ้ม เขากุมมือทั้งสองของลีซูกยุงเอาไว้แล้วเขย่า

“ไม่ต้องเป็นห่วงผม”

ลีซูกยุงยิ่งเจ็บเมื่อเห็นลูกชายหัวเราะ

ทำไมลูกชายของนางต้องเดินบนหนทางยากลำบากด้วย? นางอยากเถียง อยากให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม

เพราะทำไม่ได้ ดวงใจนางจึงแตกสลาย

สิ่งเดียวที่ทำได้คือเป็นกำลังใจให้เขาเงียบๆ สิ่งเดียวที่นางช่วยได้คือทำให้แน่ใจว่าครอบครัวของเขาจะไม่กลายเป็นภาระ

ลูกชายของนางเติบใหญ่เกินกว่านางจะกอดไว้ในอ้อมอก

เขาโตจนสามารถปกป้องโลกไว้ในอ้อมแขนได้แล้ว

“ผมไม่เป็นไร”

“ได้ๆ”

ลีซูกยุงหัวเราะพยายามกลั้นน้ำตา

“ลูกไปเถอะ ยุ่งอยู่นี่”

“ครับ”

วูจินยืนขึ้น กอดแม่ แล้วจากไป

วูจินยืนนอกห้อง เสียงแม่ร้องไห้ดังเข้าหู

แม่ ผมขอโทษ

การล่มสลายของโลกเริ่มขึ้นแล้ว

วีรบุรุษหรือพระเจ้าก็หยุดไม่ได้... ภัยพิบัติที่ทำให้ดันเจี้ยนระเบิดดูน่ารักไปเลยกำลังจะมา




สารบัญ                                             บทที่ 107



1 ความคิดเห็น: