วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 103

บทที่ 103 – อาณาเขตมิติ


วูจินหยิบชิ้นส่วนมิติออกมาจากคลัง

เขาได้จากพย็องยัง 1 ชิ้น จากเมโลดี้ 1 ชิ้น และตอนนี้ได้อีกชิ้น รวม 3 ชิ้น

วิ้ง

พลอยขนาดเท่ากำปั้นลอยขึ้นไปพลางส่งเสียงสะท้อนใส่กัน

มันหมุนแล้วรวมกันเป็นชิ้นเดียว จากนั้นค่อยๆลดระดับลงมา วูจินคว้าเอาไว้แล้วแสงสว่างจ้าก็หายไป

แสงสีม่วงสั่นเหมือนเป็นวงน้ำภายในตัวพลอย แสงนั้นแกว่งเหมือนจะหลุดออกมาจากตัวพลอยให้ได้ มองแล้วนึกถึงแสงที่ถูกกักในขวดแก้ว

“อืม”

วูจินอ่านรายละเอียดของพลอย

<หลักฐานมิติ>

ท่านสามารถครอบครองส่วนหนึ่งของมิติที่ฉีกขาด

“ท่าทางจะไม่ใช่ที่นี่”

ถ้าวูจินอยากได้ส่วนขาดของมิติมาเป็นอาณาเขตมิติของเขา เขาต้องหาดันเจี้ยนที่ใช่ ถ้าดันเจี้ยนเข้ากับเขาได้มันจะตอบสนองกับเขาเอง ดันเจี้ยนนี้ไม่มีการสนองตอบ อาจเป็นเพราะมันเคยเป็นของจูเลียลมาก่อน

วูจินเก็บหลักฐานมิติเข้าไปในคลัง จากนั้นกวาดตามองรอบๆ เขาอยากรู้ว่าทุ่งราบของจูเลียลมีของรางวัลเหมือนห้องทดลองของรัชโมดหรือเปล่า

“บิบิ มาหากัน”

“ได้เลย”

บิบิวิ่งเหยาะๆพลางมองหารอบๆทุ่งหญ้า วูจินก็ใช้เวทย์ค้นหาของเขาดูตรงรังของจูเลียลอย่างตั้งใจ

ตรงมุมถ้ำมีร่องรอยดินถูกขุด สีของดินต่างไปเหมือนมันกลบฝังอะไรบางอย่าง วูจินรู้สึกถึงมานามหาศาลแผ่ออกมาจากข้างใต้

วูจินลงมือขุดและเจอกองกระดูกถูกฝังเอาไว้

“หืม อะไรของมัน...”

กระดูกของมอนสเตอร์หลายตัวอยู่ในนี้ ดูเหมือนทั้งหมดจะมาจากส่วนเดียวของร่าง

กระดูกมีขนาดใหญ่ประมาณกระบอง วูจินรู้ว่านี่เป็นของขบเคี้ยวของจูเลียล

เขาเลือกหยิบกระดูกชิ้นใหญ่ที่ส่งมานาออกมามากที่สุด

<กระดูกซี่โครงที่ 3 ของมังกรแดง>

<กระดูกซี่โครงที่ 3 ของมังกรน้ำเงิน>

<กระดูกซี่โครงที่ 3 ของกอริลล่าสามสี>

วูจินเก็บไอเทมพวกนี้แล้วเดินไปหาบิบิ

“เราหาได้เท่านี้ล่ะ...”

“...”

วูจินมองของที่บิบิหาได้แล้วส่ายหน้า

“ไม่มีของที่ใช้ได้เลย”

วูจินมองปราดเดียว เขาเห็นแต่ซากมอนสเตอร์ พูดง่ายๆคือมันเป็นของกินเหลือ มีไอเทมจิปาถะบ้างแต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ

“อันนั้นขนหมาหรือเปล่านะ?”

“ใช่ ออกกันก่อนเถอะ”

“เข้าใจแล้ว เจ้านาย ขอเราใช้ร่างนี้ได้ไหม?”

“เอ่อ...”

วูจินมองบิบิ

เธอเป็นปีศาจ แต่รูปร่างภายนอกไม่ต่างจากเด็ก 10 ขวบ

“อยู่กับร่างแมวไปก่อนจนกว่าจะได้ร่างจริงคืนมา”

“ฮิๆ ก็ได้”

บิบิเปลี่ยนเป็นร่างแมวแล้วหายเข้าไปในห้องรออัญเชิญ อัศวินมรณะก็กลับไปเช่นกัน วูจินหยิบหินรีเทิร์นสโตนที่อยู่ข้างมิติชิ้นส่วนแล้วออกจากดันเจี้ยนไป

“ลูกพี่!”

ซุงกูรอวูจินอยู่หน้าดันเจี้ยน

“ดันเจี้ยนเบรกติดต่อกันเลยครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อผมกลัวว่าโซลจะเป็นอะไรไป”

“เบรกที่ไหนบ้าง?”

“เกิดตลอดสาย 4 ครับ เพิ่งได้ยินจากวิทยุว่าตอนนี้เกิดดันเจี้ยนเบรกที่สถานียงซัน”

“ดูแลรอบๆให้เรียบร้อย”

“ครับ ลูกพี่ระวังตัวด้วยนะครับ”

ถนนเสียหายและมีรถเสียจอดเกะกะ วูจินคงใช้รถไปไหนไม่ได้ เขาเรียกชิงชิงออกมา

ม้าปีศาจกระโดดหลบหลีกรถไปตามถนน

มอนสเตอร์ออกอาละวาดในทุกที่ เราส์กับทหารไม่เพียงพอจัดการกับพวกมัน พลเมืองถูกมอนสเตอร์ไล่ล่ากลายเป็นภาพชินตา

“ไปฆ่าพวกมันซะ”

[รับบัญชา]

วูจินควบม้าปีศาจไปตามถนน เขาสั่งอัศวินมรณะทุกครั้งที่เห็นมอนสเตอร์

“ดันเจี้ยนช็อกเพิ่งผ่านไปแค่ 5 ปี แล้วทำไมถึงยังเป็นแบบนี้อีก?”

เหตุการณ์ดันเจี้ยนระเบิดเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้วเท่านั้น ประชากรครึ่งหนึ่งของเมืองโซลถูกฆ่า

พวกเขาโฆษณาความสำเร็จของธุรกิจดันเจี้ยนและโซลเป็นที่ๆปลอดภัย แทนที่จะเตรียมพร้อมกับการเกิดดันเจี้ยนเบรกในอนาคต...

ครั้งแรกถือเป็นอุบัติเหตุ แต่พอครั้งที่สองมันคือความผิดพลาดของทุกฝ่าย

อย่างน้อยก็ไม่ควรสร้างเขตพักอาศัยใกล้กับดันเจี้ยน

“ชิ ไปฆ่าพวกมันด้านโน้น ถ้าคนโจมตีพวกนายก็กลับห้องอัญเชิญไป”

[ตามแต่ท่านจ้าวบัญชา!]

อัศวินมรณะกระจายกำลังไปล่าพวกมอนสเตอร์ รูปร่างพวกมันไม่ต่างจากมอนสเตอร์พวกอันเดดนัก ดังนั้นเราส์อาจเข้าใจผิดโจมตีใส่ได้ เพราะอย่างนี้พวกมันจึงถูกสั่งให้กลับห้องอัญเชิญทันทีถ้าถูกโจมตี

สถานียงซันอยู่ในสภาพโกลาหลอย่างแท้จริงเมื่อวูจินมาถึง มอนสเตอร์หลายขนาดเรียงเต็มท้องถนนเหมือนมันหลุดออกมาจากหลายทางเข้าสถานี

“ถ้าฉันมีเจนิสก็ดีสิ...”

ในบรรดากองทัพผู้ไม่ตาย เจนิสแข็งแกร่งที่สุดในด้านพลังทำลาย วูจินอดเสียดายไม่ได้เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้ โชคยังดีที่เลเวลเขาขึ้นเร็ว วันที่เขาจะได้เจอกับเจนิสอยู่อีกไม่ไกล

“โดลเซ ไป”

วิ้ง

ดันเจี้ยนเพิ่งระเบิดได้ไม่นาน บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยพวกมอนสเตอร์

ยานพาหนะที่อยู่ใกล้ๆรวมตัวกันกลายเป็นโกเลมโลหะร่างใหญ่ มันไม่มีแรงยิงเหมือนจรวดหรือปืนกล แต่ร่างโลหะของมันเองก็เพียงพอจะทุบมอนสเตอร์แหลก

ถ้าวูจินเข้าไปสู้ด้วย การล่ามอนสเตอร์ก็จะเร็วขึ้น แต่มันจะไม่จบไม่สิ้น เราไม่วิดน้ำรั่วออกแต่จะหารูรั่วแล้วปิดมันแทน

“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่ถ้าจับมันได้...”

ถ้าจับตัวการได้เขาจะรู้สาเหตุและวิธีทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรก

วูจินขี่ชิงชิงไปทางเหนือ

“เวร”

มอนสเตอร์กำลังหลั่งไหลออกมาจากดันเจี้ยนที่ระเบิดพอดี วูจินเรียกหอกกระดูกสร้างเป็นกำแพงใกล้ทางเข้าสถานีกักพวกมอนสเตอร์ไว้

เจอกับมอนสเตอร์ที่อาละวาดกำแพงกระดูกคงกักพวกมันไว้ได้ไม่นาน แต่มันช่วยยื้อเวลาให้คนอพยพหนี

“ที่นั่นจะเป็นที่ต่อไปเหรอ?”

วูจินมองไปที่สถานีโซล

เขาต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตไปแล้วถึงระเบิดอีก วูจินเรียกอัศวินมรณะที่กลับห้องอัญเชิญไปแล้วหลังเสร็จงานออกมาใหม่ เขาส่งพวกมันไปหามอนสเตอร์ที่กำลังจะหลุดออกมาจากคุกกระดูก

วูจินเดาว่าการระเบิดครั้งต่อไปจะเป็นที่ไหน ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้ามาที่สถานีโซล

‘ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น’

นี่ต้องไม่ใช่เหตุปกติ ที่อื่นไม่เป็นไรแต่ที่โซล เกาหลีกำลังวุ่นวาย และการระเบิดก็เกิดขึ้นเป็นทอดๆแทนที่จะเกิดขึ้นพร้อมกัน

‘ใครบางคนจงใจสร้างดันเจี้ยนเบรกขึ้นมา’

นับจาก 5 ปีหลังเกิดดันเจี้ยนระเบิดครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกที่ดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตไปแล้วระเบิด

ตลอดเวลาที่ว่านี้ มีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม?

‘รัชโมด แล้วก็จูเลียล’

แม่ทัพของทราห์เน็ต

พวกมันเริ่มเผยตัว

แม้จะเป็นแค่แม่ทัพแท่น 1 แท่น 2 การที่พวกมันโผล่มาที่โลกเป็นเรื่องสำคัญ ไม่นานแท่น 3 ก็จะโผล่มา และระดับมานาบนโลกก็จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าเดิมอีกมาก แม่ทัพที่ครอบครองแท่นสูงกว่ากำลังมา

‘มีคนควบคุมเรื่องนี้’

เพื่อป้องกันเรื่องนี้ไม่ให้คืบหน้า วูจินต้องรู้แบบแผนที่ทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้ การไม่รู้ทำให้เขาหงุดหงิด

ถ้าสาเหตุมาจากมิติอื่น การระเบิดจะไม่เกิดติดต่อกันไปตามถนนสายหนึ่ง นอกจากว่าแม่ทัพตนไหนจะมีงานอดิเรกชอบดูแผนที่รถไฟใต้ดิน วูจินจึงเชื่อว่าคนกดสวิทช์ดันเจี้ยนเบรกอยู่ที่โลก

มีคนกำลังเดินไปตามทางรถไฟใต้ดิน

วูจินรออยู่นาน แต่ไม่มีทางออกสถานีโซลทางไหนระเบิด เขาส่งพลังไปที่ประสาทสัมผัสมากกว่าเดิม

‘หรือมันต้องใช้เวลา?’

ถ้าดูจากรูปแบบของการระเบิด เป้าหมายต่อไปคือสถานีโซล แต่มันยังไม่เกิด หรือวิธีการทำให้เกิดดันเจี้ยนระเบิดต้องใช้เวลามาก?

วูจินรออีก 30 นาที แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

‘ฉันแน่ใจ’

สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือวูจินมาถึงสถานีโซลก่อนเวลา

ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าดันเจี้ยนเบรกเกิดโดยฝีมือใครบางคน และคนร้ายเห็นวูจินจึงหยุด ถ้าคนร้ายรู้ตัวว่าวูจินรอเขาอยู่ที่นี่ต้องอ้อมไปยังดันเจี้ยนอื่น

วูจินขยายประสาทรับรู้ออกไป อัศวินมรณะกับเราส์ที่จัดการกับมอนสเตอร์ระลอกก่อนหน้าเดินมาหาวูจิน

“คุณคังวูจิน”

“...?”

“ผมเป็นรองประธานกิลด์ KH ลีมุงจินครับ ได้ยินเรื่องของคุณมามาก”

“ผมเป็นประธานกิลด์เจาส์ โอเทกยูครับ เป็นเกียรติที่ได้เจอคนที่ผมเคยเห็นแต่ในทีวี”

“ผมชื่อคิมชุลจิน อยู่กิลด์เส้นทางครับ ยินดีที่ได้รู้จัก...”

การต่อสู้เพิ่งจบไป มอนสเตอร์หลังจากถูกขังไว้ก็หนีไปไหนไม่ได้ อัศวินมรณะกับเราส์กวาดล้างมอนสเตอร์จนหมด แต่...

หลังจากเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์ เราส์เห็นวูจินและเข้ามาทักทาย

หลายคนมองวูจินอย่างอิจฉา บางคนมองเขาเหมือนมองดารา สายตาเต็มไปด้วยความทึ่งและสงสัย

พวกเขารู้จักวูจิน แต่วูจินไม่รู้จักใครเลย เขาไม่ใช่ดาราที่ต้องใส่ใจเรื่องความรู้สึกของแฟนๆ...

“เราไปจับมอนสเตอร์ต่อดีไหม?”

“เราส์คนอื่นน่าจะย้ายไปทางอื่นแล้ว”

ทีมเราส์ของหน่วยป้องกันเมืองหลวงกับเราส์จากหลายๆกิลด์ถูกพาเข้ามาในแถบที่เกิดดันเจี้ยนระเบิด สถานีซาดางเป็นที่แรกที่ระเบิดจึงมีผู้เสียหายมากที่สุด

ที่อื่นๆพอจะคาดการณ์ได้ว่าสถานีไหนจะระเบิด ดังนั้นพลเมืองด้านเหนือแม่น้ำฮันจึงถูกอพยพออกไป
ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตายน้อยมาก และเราส์ถูกเรียกเข้ามาร่วมล่ามอนสเตอร์ ทุกอย่างจึงแก้ไขได้รวดเร็ว

“ขอถ่ายรูปคู่ได้ไหมครับ?”

“ถ้าอยากเอาไปใช้เป็นรูปถ่ายงานศพของนายก็ได้”

“...”

เราส์ทุกคนหุบปากเมื่อได้ยินคำพูดห้วนๆของวูจิน วูจินมองไปรอบๆแล้วขมวดคิ้ว

มีนักเวทย์หญิงอายุราว 20 ปี ถือไม้เท้าอันเล็กประดับคริสตัลเม็ดหนึ่ง

วูจินมองเธอ เมื่อสบตากัน เธอเบิกตากว้างเหมือนตกใจ เธอทำเหมือนอยู่ต่อหน้ากล้อง มองคนรอบๆเพื่อยืนยันว่าวูจินกำลังมองเธออยู่

วูจินขมวดคิ้ว เดินไปทางผู้หญิงคนนั้น

“ท..ทำไม?”

ผู้หญิงคนนั้นตกใจถอยไปข้างหลัง

“อยู่เฉยๆดีกว่านะ”

“...”

ผู้หญิงรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เหมือนเธอถูกดวงตาของวูจินดูดเข้าไป ดวงตาของวูจินเหมือนกดดันสัตว์ป่า ขนาดตอนเผชิญหน้ากับโอเกอร์เธอยังไม่ยืนแข็งที่อแบบนี้

วูจินเดินไปถึงตัวผู้หญิงแล้วต่อยหน้า

เธอนึกไม่ถึงว่าจะถูกต่อยจึงล้มหงายหลัง คนรอบๆช็อกไป พวกเขารู้ว่าวูจินป่าเถื่อนแต่ไม่นึกว่าจะขนาดนี้...

ทุกคนมองหน้ากันเหมือนจะถามว่าควรห้ามไหม ขณะกำลังลังเลอยู่นั้น ภาพประหลาดก็ปรากฎต่อหน้า

ร่างของผู้หญิงสั่นพร่า

วูจินใช้ปลายไม้เท้าเสยผมของผู้หญิงขึ้น ขอบหมวกฮูดถูกปลายไม้เท้าเกี่ยวไปข้างหลัง

เมื่อฮูดถูกดึงออกก็เผยให้เห็นผ้าคลุมใส ไม่มีผู้หญิงอีกต่อไปแต่มีลีซังโฮที่ปลายจมูกแดงก่ำมาแทนที่

“แกรู้ได้ยังไง?”

ลีซังโฮถาม เขาจ่ายไปไม่น้อยสำหรับผ้าคลุมมายานี้

“ฉันมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่”

วูจินหัวเราะพลางเรียกไม้เท้าเหล็กออกมา




สารบัญ                                             บทที่ 104






1 ความคิดเห็น: