วูจินหยิบชิ้นส่วนมิติออกมาจากคลัง
เขาได้จากพย็องยัง 1 ชิ้น จากเมโลดี้ 1 ชิ้น และตอนนี้ได้อีกชิ้น รวม 3 ชิ้น
วิ้ง
พลอยขนาดเท่ากำปั้นลอยขึ้นไปพลางส่งเสียงสะท้อนใส่กัน
มันหมุนแล้วรวมกันเป็นชิ้นเดียว จากนั้นค่อยๆลดระดับลงมา วูจินคว้าเอาไว้แล้วแสงสว่างจ้าก็หายไป
แสงสีม่วงสั่นเหมือนเป็นวงน้ำภายในตัวพลอย แสงนั้นแกว่งเหมือนจะหลุดออกมาจากตัวพลอยให้ได้ มองแล้วนึกถึงแสงที่ถูกกักในขวดแก้ว
“อืม”
วูจินอ่านรายละเอียดของพลอย
<หลักฐานมิติ>
ท่านสามารถครอบครองส่วนหนึ่งของมิติที่ฉีกขาด
“ท่าทางจะไม่ใช่ที่นี่”
ถ้าวูจินอยากได้ส่วนขาดของมิติมาเป็นอาณาเขตมิติของเขา เขาต้องหาดันเจี้ยนที่ใช่ ถ้าดันเจี้ยนเข้ากับเขาได้มันจะตอบสนองกับเขาเอง ดันเจี้ยนนี้ไม่มีการสนองตอบ อาจเป็นเพราะมันเคยเป็นของจูเลียลมาก่อน
วูจินเก็บหลักฐานมิติเข้าไปในคลัง จากนั้นกวาดตามองรอบๆ เขาอยากรู้ว่าทุ่งราบของจูเลียลมีของรางวัลเหมือนห้องทดลองของรัชโมดหรือเปล่า
“บิบิ มาหากัน”
“ได้เลย”
บิบิวิ่งเหยาะๆพลางมองหารอบๆทุ่งหญ้า วูจินก็ใช้เวทย์ค้นหาของเขาดูตรงรังของจูเลียลอย่างตั้งใจ
ตรงมุมถ้ำมีร่องรอยดินถูกขุด สีของดินต่างไปเหมือนมันกลบฝังอะไรบางอย่าง วูจินรู้สึกถึงมานามหาศาลแผ่ออกมาจากข้างใต้
วูจินลงมือขุดและเจอกองกระดูกถูกฝังเอาไว้
“หืม อะไรของมัน...”
กระดูกของมอนสเตอร์หลายตัวอยู่ในนี้ ดูเหมือนทั้งหมดจะมาจากส่วนเดียวของร่าง
กระดูกมีขนาดใหญ่ประมาณกระบอง วูจินรู้ว่านี่เป็นของขบเคี้ยวของจูเลียล
เขาเลือกหยิบกระดูกชิ้นใหญ่ที่ส่งมานาออกมามากที่สุด
<กระดูกซี่โครงที่ 3 ของมังกรแดง>
<กระดูกซี่โครงที่ 3 ของมังกรน้ำเงิน>
<กระดูกซี่โครงที่ 3 ของกอริลล่าสามสี>
วูจินเก็บไอเทมพวกนี้แล้วเดินไปหาบิบิ
“เราหาได้เท่านี้ล่ะ...”
“...”
วูจินมองของที่บิบิหาได้แล้วส่ายหน้า
“ไม่มีของที่ใช้ได้เลย”
วูจินมองปราดเดียว เขาเห็นแต่ซากมอนสเตอร์ พูดง่ายๆคือมันเป็นของกินเหลือ มีไอเทมจิปาถะบ้างแต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ
“อันนั้นขนหมาหรือเปล่านะ?”
“ใช่ ออกกันก่อนเถอะ”
“เข้าใจแล้ว เจ้านาย ขอเราใช้ร่างนี้ได้ไหม?”
“เอ่อ...”
วูจินมองบิบิ
เธอเป็นปีศาจ แต่รูปร่างภายนอกไม่ต่างจากเด็ก 10 ขวบ
“อยู่กับร่างแมวไปก่อนจนกว่าจะได้ร่างจริงคืนมา”
“ฮิๆ ก็ได้”
บิบิเปลี่ยนเป็นร่างแมวแล้วหายเข้าไปในห้องรออัญเชิญ อัศวินมรณะก็กลับไปเช่นกัน วูจินหยิบหินรีเทิร์นสโตนที่อยู่ข้างมิติชิ้นส่วนแล้วออกจากดันเจี้ยนไป
“ลูกพี่!”
ซุงกูรอวูจินอยู่หน้าดันเจี้ยน
“ดันเจี้ยนเบรกติดต่อกันเลยครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อผมกลัวว่าโซลจะเป็นอะไรไป”
“เบรกที่ไหนบ้าง?”
“เกิดตลอดสาย 4 ครับ เพิ่งได้ยินจากวิทยุว่าตอนนี้เกิดดันเจี้ยนเบรกที่สถานียงซัน”
“ดูแลรอบๆให้เรียบร้อย”
“ครับ ลูกพี่ระวังตัวด้วยนะครับ”
ถนนเสียหายและมีรถเสียจอดเกะกะ วูจินคงใช้รถไปไหนไม่ได้ เขาเรียกชิงชิงออกมา
ม้าปีศาจกระโดดหลบหลีกรถไปตามถนน
มอนสเตอร์ออกอาละวาดในทุกที่ เราส์กับทหารไม่เพียงพอจัดการกับพวกมัน พลเมืองถูกมอนสเตอร์ไล่ล่ากลายเป็นภาพชินตา
“ไปฆ่าพวกมันซะ”
[รับบัญชา]
วูจินควบม้าปีศาจไปตามถนน เขาสั่งอัศวินมรณะทุกครั้งที่เห็นมอนสเตอร์
“ดันเจี้ยนช็อกเพิ่งผ่านไปแค่ 5 ปี แล้วทำไมถึงยังเป็นแบบนี้อีก?”
เหตุการณ์ดันเจี้ยนระเบิดเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้วเท่านั้น ประชากรครึ่งหนึ่งของเมืองโซลถูกฆ่า
พวกเขาโฆษณาความสำเร็จของธุรกิจดันเจี้ยนและโซลเป็นที่ๆปลอดภัย แทนที่จะเตรียมพร้อมกับการเกิดดันเจี้ยนเบรกในอนาคต...
ครั้งแรกถือเป็นอุบัติเหตุ แต่พอครั้งที่สองมันคือความผิดพลาดของทุกฝ่าย
อย่างน้อยก็ไม่ควรสร้างเขตพักอาศัยใกล้กับดันเจี้ยน
“ชิ ไปฆ่าพวกมันด้านโน้น ถ้าคนโจมตีพวกนายก็กลับห้องอัญเชิญไป”
[ตามแต่ท่านจ้าวบัญชา!]
อัศวินมรณะกระจายกำลังไปล่าพวกมอนสเตอร์ รูปร่างพวกมันไม่ต่างจากมอนสเตอร์พวกอันเดดนัก ดังนั้นเราส์อาจเข้าใจผิดโจมตีใส่ได้ เพราะอย่างนี้พวกมันจึงถูกสั่งให้กลับห้องอัญเชิญทันทีถ้าถูกโจมตี
สถานียงซันอยู่ในสภาพโกลาหลอย่างแท้จริงเมื่อวูจินมาถึง มอนสเตอร์หลายขนาดเรียงเต็มท้องถนนเหมือนมันหลุดออกมาจากหลายทางเข้าสถานี
“ถ้าฉันมีเจนิสก็ดีสิ...”
ในบรรดากองทัพผู้ไม่ตาย เจนิสแข็งแกร่งที่สุดในด้านพลังทำลาย วูจินอดเสียดายไม่ได้เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้ โชคยังดีที่เลเวลเขาขึ้นเร็ว วันที่เขาจะได้เจอกับเจนิสอยู่อีกไม่ไกล
“โดลเซ ไป”
วิ้ง
ดันเจี้ยนเพิ่งระเบิดได้ไม่นาน บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยพวกมอนสเตอร์
ยานพาหนะที่อยู่ใกล้ๆรวมตัวกันกลายเป็นโกเลมโลหะร่างใหญ่ มันไม่มีแรงยิงเหมือนจรวดหรือปืนกล แต่ร่างโลหะของมันเองก็เพียงพอจะทุบมอนสเตอร์แหลก
ถ้าวูจินเข้าไปสู้ด้วย การล่ามอนสเตอร์ก็จะเร็วขึ้น แต่มันจะไม่จบไม่สิ้น เราไม่วิดน้ำรั่วออกแต่จะหารูรั่วแล้วปิดมันแทน
“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่ถ้าจับมันได้...”
ถ้าจับตัวการได้เขาจะรู้สาเหตุและวิธีทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรก
วูจินขี่ชิงชิงไปทางเหนือ
“เวร”
มอนสเตอร์กำลังหลั่งไหลออกมาจากดันเจี้ยนที่ระเบิดพอดี วูจินเรียกหอกกระดูกสร้างเป็นกำแพงใกล้ทางเข้าสถานีกักพวกมอนสเตอร์ไว้
เจอกับมอนสเตอร์ที่อาละวาดกำแพงกระดูกคงกักพวกมันไว้ได้ไม่นาน แต่มันช่วยยื้อเวลาให้คนอพยพหนี
“ที่นั่นจะเป็นที่ต่อไปเหรอ?”
วูจินมองไปที่สถานีโซล
เขาต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตไปแล้วถึงระเบิดอีก วูจินเรียกอัศวินมรณะที่กลับห้องอัญเชิญไปแล้วหลังเสร็จงานออกมาใหม่ เขาส่งพวกมันไปหามอนสเตอร์ที่กำลังจะหลุดออกมาจากคุกกระดูก
วูจินเดาว่าการระเบิดครั้งต่อไปจะเป็นที่ไหน ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้ามาที่สถานีโซล
‘ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น’
นี่ต้องไม่ใช่เหตุปกติ ที่อื่นไม่เป็นไรแต่ที่โซล เกาหลีกำลังวุ่นวาย และการระเบิดก็เกิดขึ้นเป็นทอดๆแทนที่จะเกิดขึ้นพร้อมกัน
‘ใครบางคนจงใจสร้างดันเจี้ยนเบรกขึ้นมา’
นับจาก 5 ปีหลังเกิดดันเจี้ยนระเบิดครั้งแรก นี่เป็นครั้งแรกที่ดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตไปแล้วระเบิด
ตลอดเวลาที่ว่านี้ มีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม?
‘รัชโมด แล้วก็จูเลียล’
แม่ทัพของทราห์เน็ต
พวกมันเริ่มเผยตัว
แม้จะเป็นแค่แม่ทัพแท่น 1 แท่น 2 การที่พวกมันโผล่มาที่โลกเป็นเรื่องสำคัญ ไม่นานแท่น 3 ก็จะโผล่มา และระดับมานาบนโลกก็จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าเดิมอีกมาก แม่ทัพที่ครอบครองแท่นสูงกว่ากำลังมา
‘มีคนควบคุมเรื่องนี้’
เพื่อป้องกันเรื่องนี้ไม่ให้คืบหน้า วูจินต้องรู้แบบแผนที่ทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้ การไม่รู้ทำให้เขาหงุดหงิด
ถ้าสาเหตุมาจากมิติอื่น การระเบิดจะไม่เกิดติดต่อกันไปตามถนนสายหนึ่ง นอกจากว่าแม่ทัพตนไหนจะมีงานอดิเรกชอบดูแผนที่รถไฟใต้ดิน วูจินจึงเชื่อว่าคนกดสวิทช์ดันเจี้ยนเบรกอยู่ที่โลก
มีคนกำลังเดินไปตามทางรถไฟใต้ดิน
วูจินรออยู่นาน แต่ไม่มีทางออกสถานีโซลทางไหนระเบิด เขาส่งพลังไปที่ประสาทสัมผัสมากกว่าเดิม
‘หรือมันต้องใช้เวลา?’
ถ้าดูจากรูปแบบของการระเบิด เป้าหมายต่อไปคือสถานีโซล แต่มันยังไม่เกิด หรือวิธีการทำให้เกิดดันเจี้ยนระเบิดต้องใช้เวลามาก?
วูจินรออีก 30 นาที แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘ฉันแน่ใจ’
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือวูจินมาถึงสถานีโซลก่อนเวลา
ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าดันเจี้ยนเบรกเกิดโดยฝีมือใครบางคน และคนร้ายเห็นวูจินจึงหยุด ถ้าคนร้ายรู้ตัวว่าวูจินรอเขาอยู่ที่นี่ต้องอ้อมไปยังดันเจี้ยนอื่น
วูจินขยายประสาทรับรู้ออกไป อัศวินมรณะกับเราส์ที่จัดการกับมอนสเตอร์ระลอกก่อนหน้าเดินมาหาวูจิน
“คุณคังวูจิน”
“...?”
“ผมเป็นรองประธานกิลด์ KH ลีมุงจินครับ ได้ยินเรื่องของคุณมามาก”
“ผมเป็นประธานกิลด์เจาส์ โอเทกยูครับ เป็นเกียรติที่ได้เจอคนที่ผมเคยเห็นแต่ในทีวี”
“ผมชื่อคิมชุลจิน อยู่กิลด์เส้นทางครับ ยินดีที่ได้รู้จัก...”
การต่อสู้เพิ่งจบไป มอนสเตอร์หลังจากถูกขังไว้ก็หนีไปไหนไม่ได้ อัศวินมรณะกับเราส์กวาดล้างมอนสเตอร์จนหมด แต่...
หลังจากเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์ เราส์เห็นวูจินและเข้ามาทักทาย
หลายคนมองวูจินอย่างอิจฉา บางคนมองเขาเหมือนมองดารา สายตาเต็มไปด้วยความทึ่งและสงสัย
พวกเขารู้จักวูจิน แต่วูจินไม่รู้จักใครเลย เขาไม่ใช่ดาราที่ต้องใส่ใจเรื่องความรู้สึกของแฟนๆ...
“เราไปจับมอนสเตอร์ต่อดีไหม?”
“เราส์คนอื่นน่าจะย้ายไปทางอื่นแล้ว”
ทีมเราส์ของหน่วยป้องกันเมืองหลวงกับเราส์จากหลายๆกิลด์ถูกพาเข้ามาในแถบที่เกิดดันเจี้ยนระเบิด สถานีซาดางเป็นที่แรกที่ระเบิดจึงมีผู้เสียหายมากที่สุด
ที่อื่นๆพอจะคาดการณ์ได้ว่าสถานีไหนจะระเบิด ดังนั้นพลเมืองด้านเหนือแม่น้ำฮันจึงถูกอพยพออกไป
ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตายน้อยมาก และเราส์ถูกเรียกเข้ามาร่วมล่ามอนสเตอร์ ทุกอย่างจึงแก้ไขได้รวดเร็ว
“ขอถ่ายรูปคู่ได้ไหมครับ?”
“ถ้าอยากเอาไปใช้เป็นรูปถ่ายงานศพของนายก็ได้”
“...”
เราส์ทุกคนหุบปากเมื่อได้ยินคำพูดห้วนๆของวูจิน วูจินมองไปรอบๆแล้วขมวดคิ้ว
มีนักเวทย์หญิงอายุราว 20 ปี ถือไม้เท้าอันเล็กประดับคริสตัลเม็ดหนึ่ง
วูจินมองเธอ เมื่อสบตากัน เธอเบิกตากว้างเหมือนตกใจ เธอทำเหมือนอยู่ต่อหน้ากล้อง มองคนรอบๆเพื่อยืนยันว่าวูจินกำลังมองเธออยู่
วูจินขมวดคิ้ว เดินไปทางผู้หญิงคนนั้น
“ท..ทำไม?”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจถอยไปข้างหลัง
“อยู่เฉยๆดีกว่านะ”
“...”
ผู้หญิงรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก เหมือนเธอถูกดวงตาของวูจินดูดเข้าไป ดวงตาของวูจินเหมือนกดดันสัตว์ป่า ขนาดตอนเผชิญหน้ากับโอเกอร์เธอยังไม่ยืนแข็งที่อแบบนี้
วูจินเดินไปถึงตัวผู้หญิงแล้วต่อยหน้า
เธอนึกไม่ถึงว่าจะถูกต่อยจึงล้มหงายหลัง คนรอบๆช็อกไป พวกเขารู้ว่าวูจินป่าเถื่อนแต่ไม่นึกว่าจะขนาดนี้...
ทุกคนมองหน้ากันเหมือนจะถามว่าควรห้ามไหม ขณะกำลังลังเลอยู่นั้น ภาพประหลาดก็ปรากฎต่อหน้า
ร่างของผู้หญิงสั่นพร่า
วูจินใช้ปลายไม้เท้าเสยผมของผู้หญิงขึ้น ขอบหมวกฮูดถูกปลายไม้เท้าเกี่ยวไปข้างหลัง
เมื่อฮูดถูกดึงออกก็เผยให้เห็นผ้าคลุมใส ไม่มีผู้หญิงอีกต่อไปแต่มีลีซังโฮที่ปลายจมูกแดงก่ำมาแทนที่
“แกรู้ได้ยังไง?”
ลีซังโฮถาม เขาจ่ายไปไม่น้อยสำหรับผ้าคลุมมายานี้
“ฉันมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่”
วูจินหัวเราะพลางเรียกไม้เท้าเหล็กออกมา
ขอบคุณครับ
ตอบลบ