วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 101

บทที่ 101 – ทุ่งราบของจูเลียล



 “ก...เกิดอะไรขึ้นครับ?”

“ไว้คุยกันทีหลัง”

วูจินผละจากซุงกูมุ่งหน้าไปทางจูเลียล

“นายเรอะ? นายใช่ไหมที่เป็นคนเที่ยวไปทำดันเจี้ยนเบรก?”

หัวใจวูจินเย็นเฉียบ เมื่อเขากลับจากส่งเงาตามพวกผู้ก่อการร้าย เมโลดี้ก็มารายงานสถานการณ์ในเกาหลี เดกูเกิดดันเจี้ยนเบรกขึ้นกะทันหัน

ขณะเขากำลังเตรียมตัวกลับเกาหลีก็ได้ยินเรื่องดันเจี้ยนในโซลระเบิดเป็นวงกว้าง เมื่อสถานีข่าวทุกช่องรายงานเรื่องนี้ วูจินตัดสินใจกลับโดยใช้จรวดมิสไซล์

ด้วยการสนับสนุนเต็มที่ของนายพลเดวิด วูจินได้รับอนุญาตให้ใช้ ICBM ที่ถอดหัวรบออกแล้ว เขาใช้พลังของโดลเซเอาเครื่องบินรบหลายๆลำมารวมกันแล้วติดกับ ICBM เขาทำแท็กซี่จรวดขึ้นมา

วูจินไม่จำเป็นต้องใช้ของอย่างร่มชูชีพ เกราะผีจะปกป้องเขาเอง

นี่คือเหตุผลที่วูจินสามารถมาถึงโซลภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากดันเจี้ยนสถานีซาดางระเบิด

กฎของการเกิดดันเจี้ยนเบรกแต่เดิมเปลี่ยนไป และจูเลียล หนึ่งในแม่ทัพของทราห์เน็ตอยู่ต่อหน้าวูจิน

ในความจำของเขา เจ้านี่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร พวกเขาสู้กันบ่อยๆแต่มันไม่ถือเป็นภัยคุกคามเท่าไหร่

[ข้าไม่เชื่อ...]

จูเลียลตัวสั่น

ไอ้รัชโมด

รัชโมดได้โอกาสใช้เวทย์อัญเชิญ มันจึงสร้างตัวตนของมันบนโลกโดยการใช้เวทย์อัญเชิญ แต่มันไปไม่นานก็กลับ ไม่มีโอกาสแม้แต่ได้ออกไปเห็นท้องฟ้า

จูเลียลเฝ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รัชโมดไม่ยอมพูดอะไร นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะผู้ไม่ตาย...

[เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?]

“นี่บ้านฉัน”

[…]

มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?

จูเลียลเฝ้าสังเกตที่แห่งนี้มานาน มันมองมนุษย์บนโลกสู้ ประเมินพลังทำลายล้างของอาวุธสมัยใหม่ มันยังเข้าใจว่าเราส์บนโลกมีพลังในขั้นไหน

มันตัดสินใจเปลี่ยนที่นี่เป็นฐานทัพของมันช้าๆ แต่แล้วจู่ๆผู้ไม่ตายก็มาปรากฏตรงหน้ามัน

“นายทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรกได้ยังไง?”

[เห่าอะไรของเจ้า?]

“ถูกหมาถามว่าเห่าอะไรนี่รู้สึกแปลกๆแฮะ”

จูเลียลตัวสั่นสะท้าน มันเป็นจ่าฝูงของเผ่าหมาป่าเทาอันเกรียงไกรแต่ถูกทำเหมือนหมาตัวหนึ่ง สำหรับมันนี่เป็นคำดูถูกที่สุด

แถมผู้ไม่ตายยังเคยด่ามันมาหลายครั้ง เป็นจ้าวที่นิสัยเลวร้ายที่สุด

“นายเป็นคนทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรกหรือเปล่า?”

[…]

“ไม่ใช่สินะ”

[โอ้ เจ้าถูกเปลี่ยนมาเริ่มใหม่นี่]

“...”

มันพูดเหมือนรัชโมด

[คึ ฮ่าๆๆ เจ้าเป็นมนุษย์จากโลกจริงๆ]

จูเลียลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แสงเริ่มมารวมกันที่เขาของมัน ผู้ไม่ตายถูกเปลี่ยนกลับมาที่จุดเริ่มต้นจึงยังได้พลังคืนมาไม่เต็มที่ เป็นโอกาสดีที่จะได้ล้างแค้น

[พลังของทราห์เน็ตเข้าข้างข้า ฮ่าๆๆ]

“ไร้สาระ”

วูจินขมวดคิ้วมองจูเลียลรวบรวมเวทย์สายฟ้า

“เปลี่ยนมาเริ่มใหม่ ไอ้คำบ้านี่”

คำนี้ทำให้วูจินหงุดหงิด อาชีพของเขากลายเป็นขั้นพัฒนาแล้ว แต่เลเวลของเขาลดลง เขาได้พลังคืนกลับมาอย่างเร็วแต่การที่แม่ทัพของทราห์เน็ตสังเกตเห็นได้ทำให้เขารู้สึกไม่ดี

“ฉันว่านายเข้าใจผิดไปมากนะ”

วูจินดึงอาวุธอาชีพวอริเออร์ออกมา เปลี่ยนมันเป็นรูปแบบขวาน วูจินวิ่งไปทางจูเลียล เขาใช้ ‘พุ่งตัว’ ไปที่เบื้องหน้าจูเลียลในพริบตาเดียว

“ถ้านักเรียนม.ปลายกลายเป็นนักเรียนม.ต้น นักเรียนม.ต้นคนนั้นจะแพ้เด็กประถมเหรอ?”

วูจินเหวี่ยงขวาน เขาเล็งหัวของจูเลียล

จูเลียลยื่นเขาออกมาปะทะตรงๆกับวูจิน

[ข้ารู้อยู่แล้วว่าสักวันความยโสโอหังของเจ้าจะทำให้ตัวเจ้าเองลำบาก]

จูเลียลหัวเราะ สมัยอยู่ที่อัลเฟนผู้ไม่ตายเป็นผู้อวดดีที่สุดแต่ไม่รู้ตัวว่านี่เป็นจุดอ่อน คราวนี้จูเลียลจะจัดการให้สิ้นซาก

หมาป่าตัวโตเท่ารถบรรทุกออกวิ่ง การที่มนุษย์คนหนึ่งสู้กับหมาป่าดูบ้าบิ่นมาก แต่การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสีอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อไป จูเลียลรู้สึกมันเริ่มกลายเป็นฝ่ายถูกกดดัน มันรู้สึกสิ้นหวัง

‘ผู้ไม่ตายสู้เก่งแบบนี้เลยเหรอ?’

มันรู้สึกถูกดูถูกเพราะผู้ไม่ตายไม่ใช้เวทย์มนตร์ใดๆ มาคิดดูก็เห็นว่าผู้ไม่ตายไม่ใช้กองทัพที่ถือเป็นกำลังรบหลัก

‘อย่างนี้นี่เอง ไอ้ทุเรศนี่เสียกองทัพผีดิบไปแล้ว!’

ทำไมมันจู่ๆหายไปจากอัลเฟน? หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?

ดินแดนของผู้ไม่ตายคืออลันดาล

มันเป็นที่ๆกองทัพผู้ไม่ตายอาศัยอยู่ หลังจากผู้ไม่ตายหายตัวไป อาณาจักรก็ไม่มีราชาและไม่มีอัศวินใดครอบครอง ตอนนั้นกองทัพผู้ไม่ตายก็ไม่ใช่กองทัพอีกต่อไป มอนสเตอร์ผีดิบแค่ร่อนเร่ไปมาในอลันดาล
ผู้ไม่ตายสูญเสียลูกน้องของตัวเองไป... ไม่เหมาะกับชื่อราชาแห่งความตายอีกต่อไป...

จูเลียลคำรามสั่ง พวกหมาป่าเทาออกวิ่ง

พวกหมาป่าเทาแยกเขี้ยวคำราม วูจินยิ้มเยาะ พวกมอนสเตอร์รอบๆเบนมายังที่นี้ วูจินจงใจถอย

จูเลียลคิดว่าคังวูจินพยายามจะหนีเพราะกำลังเสียเปรียบ มันคำรามดังกว่าเดิม พวกมอนสเตอร์รวมทั้งหมาป่าเทาถูกเรียกมา

พวกมันรวมตัวกันตรงที่วูจินรอยแตกที่วูจินร่วงลงมา วูจินหันไปมองให้แน่ใจว่าชั้นล่างของตึกกิลด์แฮมเมอร์ปิดสนิท

ขณะจูเลียลรวบรวมลูกน้องของมัน ซุงกูได้รับข้อความโทรจิตจากวูจิน จากนั้นปาร์คซังโอและเราส์ของกิลด์แฮมเมอร์ก็ล่าถอยไป

[คึๆ รู้สึกยังไงบ้างที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ?]

จูเลียลไม่เคยนึกเลยว่าจะมีโอกาสได้โจมตีผู้ไม่ตายด้วยจำนวนที่มากกว่าแต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ มันจะสู้จนเหนื่อยแล้วสุดท้ายก็ตายไป

จูเลียลไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่สิ มันจะใช้เขี้ยวฉีกกระชากคอของผู้ไม่ตายในจังหวะสุดท้าย

ผู้ไม่ตายรู้สึกแบบที่มันรู้สึกตอนนี้เสมอเลยหรือ?

“ทำไมหมาถึงเห่าจัง?”

[หมา...ข้าคือเผ่าหมาป่าเทาอันเกรียงไกร...]

“หมาป่าก็คือหมาอยู่ดีไม่ใช่หรือไง?”

[...ฆ่ามัน]

พวกมอนสเตอร์ทำตามประสงค์รุนแรงของจูเลียล ค้างคาวหน้าคน หมาป่าเทาและมอนสเตอร์อื่นๆที่ออกมาจากดันเจี้ยนมุ่งตรงมาที่วูจิน วูจินหัวเราะ

“ขอบใจที่ช่วยรวมพวกมันมาให้”

เมืองซับซ้อนเกินไป เป็นที่ๆเลวร้ายที่สุดต่อการตามล่าเหยื่อ มอนสเตอร์แค่ตัวเดียวหนีลงท่อประปาไปก็ต้องเสียเวลาอีกหลายวันกว่าจะจับมันได้ วูจินจึงอดปลื้มไม่ได้ที่เห็นมอนสเตอร์มารวมกันเพื่อเขา

“ออกมา”

เงาดำรวมตัวกัน อัศวินมรณะทั้งหมดถูกเรียกออกมาในทีเดียว

“จัดการพวกมันให้หมด”

[บัญชาจากท่านจ้าว!]

คิบะกับอัศวินตนอื่นเรียกม้าปีศาจออกมาจากนั้นร่ายวงเวทย์อัญเชิญ มิติแหวกออกเป็นรอยแยกสีดำแล้วทหารโครงกระดูกในบัญชาการก็กระโดดออกมา

“เคะๆๆๆ”

ทหารโครงกระดูกส่งเสียงน่าขนลุกแล้วพุ่งใส่พวกมอนสเตอร์ที่โจมตีเข้ามา พริบตาเดียวกองทัพผีดิบก็ล้อมรอบพวกมอนสเตอร์ จูเลียลผงะ

[จ...เจ้าซ่อนพวกนี้เอาไว้!]

“เห็นเขาว่าหมามันแสนรู้ไม่ใช่เหรอ ทำไมนายโง่จัง?”

[…]

วูจินเดินทอดน่องไปทางจูเลียลโดยใช้เส้นทางเลือดที่อัศวินมรณะถางไว้ น่าอายนัก น่าอายจนพูดไม่ออก จูเลียลอยากฉีกผู้ไม่ตายเจ้าเล่ห์ออกเป็นชิ้นๆ

“เลิกร้องเอ๋งๆได้แล้ว มาสู้ฉันนี่”

วูจินเปลี่ยนอาวุธเป็นค้อน จูเลียลปล่อยสายฟ้าทันที

สายฟ้าแผ่ไปรอบบริเวณ แต่เกราะผีป้องกันมันได้หมด จูเลียลหายไปจากสายตาของวูจิน ไม่นานเมื่อเขากลับมาเห็นได้ชัด วูจินเตรียมพร้อมรับการจู่โจม

“อ้าว?”

วูจินนึกว่าจูเลียลจะโจมตีต่อ แต่มันหนีไป

[ฝากไว้ก่อนเถอะผู้ไม่ตาย!]

มันปล่อยประโยคที่พูดบ่อยจนน่าเบื่อ จากนั้นวิ่งหนีกลับเข้าไปในสถานีใต้ดิน ไม่รู้ร่างใหญ่ขนาดนั้น
เข้าไปได้อย่างไร

“ชิ”

วูจินนึกถึงนิสัยของจูเลียล มันสู้กับเขามานับครั้งไม่ถ้วน มันชอบเห่าเหมือนหมาจริงๆ พวกเขาสู้กันบ่อยแต่จำนวนครั้งที่วูจินได้ฆ่าจูเลียลกลับนับด้วยนิ้วได้ ไอ้เวรนั่นพอจะแพ้เมื่อไหร่มันจะหนีหางจุกตูด

“สะสางที่นี่ให้เรียบร้อย”

[รับบัญชา]

อัศวินมรณะรับคำสั่งใหม่ ศพมอนสเตอร์กองสูงขึ้นเรื่อยๆ วูจินอยากไล่ตามจูเลียลไปทันทีแต่เขาต้องจัดการพวกมอนสเตอร์ก่อนที่พวกมันจะหนีไปให้ต้องลำบากตามอีก

“ลูกพี่! ผมช่วย”

เมื่อจูเลียลหนีไป ซุงกูกับเราส์คนอื่นก็วิ่งออกมาจากตึก

เฮลิคอปเตอร์ห้าลำติดปืนกลมาถึง และไม่นานก็เห็นรถถังวิ่งมาตามถนน

ทหารมาถึง พวกเขาเรียงเป็นวงกว้าง รถถังยิงเข้ามาตรงที่มีมอนสเตอร์รวมกันเป็นฝูงใหญ่

ทหารกับเราส์ร่วมมือกัน การสะสางมอนสเตอร์จบไปในเวลาอันสั้น

“เราชนะแล้ว!”

ความดีใจในชัยชนะคงอยู่ไม่นาน

“ฮือๆ แม่จ๋า”

“อาจิน! ไม่มีอาจินแล้วฉันจะทำยังไง”

พลเมืองที่เสียครอบครัวมิตรสหายไปส่งเสียงคร่ำครวญ มองเผินๆมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ถูกจัดการไปแล้ว แต่ก็ยังมีมอนสเตอร์ที่ไม่ฟังคำสั่งของจูเลียลเหลืออยู่ พวกมันยังสร้างปัญหา ยังต้องใช้เวลาอีกถึงจะฆ่าพวกมันหมดจริงๆ

มีศพมอนสเตอร์มากมาย แต่ศพมนุษย์ก็เช่นกัน

นี่เป็นหายนะที่เกิดขึ้นจากการเกิดดันเจี้ยนเบรกกะทันหัน

คนที่มาหลบภัยในตึกกิลด์แฮมเมอร์เริ่มส่งเสียงประท้วง

“ขอฉันออกไป”

“อย่าเพิ่งครับ มันอันตราย กลับเข้าไปก่อน”

“ลูกสาวฉันอยู่ตรงนั้น! คุณจะไม่ให้ฉันไปเอาศพลูกกลับมาเลยเหรอ?”

พวกมอนสเตอร์ยังถูกกำจัดไม่หมด ทำไมคนพวกนี้ถึงสร้างปัญหาล่ะ? พนักงานกิลด์แฮมเมอร์เหงื่อตกขณะพยายามปลอบพลเมืองที่กำลังโกรธ

ตอนใกล้ตายพวกเขาหนีเพราะชีวิตตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ แต่เมื่อแน่ใจแล้วว่าตัวเองปลอดภัย ความเศร้าก็ระบาดไปในกลุ่มคนเหมือนพายุ

แต่เมื่อวูจินปรากฎตัว กลุ่มคนหยุดส่งเสียงร้อง เมื่อวูจินก้าวเข้ามาใกล้ พวกเขาถอยให้ทันที

เมื่อมินชานเห็นวูจิน เขาแทรกผ่านฝูงชนเข้ามาหา

“ท่านประธาน!”

“ยังไม่ตายสินะ”

“...”

“ครอบครัวฉันล่ะ?”

“คุณแม่กับน้องสาวของท่านปลอดภัย”

วูจินเป็นกังวลเมื่อได้ยินว่าดันเจี้ยนสถานีซาดางระเบิด แต่ดูเหมือนครอบครัวเขาจะโชคดีหนีทัน วูจินตบบ่ามินชาน

“ดี งั้นฝากที่นี่ด้วยล่ะ”

“อะไร? ท่านไม่ไปหาครอบครัวเหรอ?”

วูจินยักไหล่

“นายบอกเองว่าพวกแม่ปลอดภัย”

“ก็ใช่ แต่...”

“งั้นก็ดีแล้ว ไว้ตามไปจัดการไอ้เวรนั่นเสร็จแล้วฉันจะกลับมา”

“ครับ”

วูจินจากที่หลบภัยไปอย่างรวดเร็ว มินชานมองร่างวูจินที่ผละไปอย่างงงๆ ทำไมเขาแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ดีขนาดนี้?

‘ไม่ใช่’

ไม่เหมือนกัน

ครอบครัวของวูจินตกอยู่ในอันตราย และเขาดูสงบนิ่งเกินไป...

มินชานสะบัดศีรษะเหมือนจะทำให้ความคิดหลุดไป เขากลับเข้าไปในกลุ่มคนเพื่อหาครอบครัววูจินและสมาชิกกิลด์อลันดาล

***

วูจินส่งอัศวินมรณะกับทหารโครงกระดูกกลับห้องรออัญเชิญ จากนั้นเขาคนเดียวเข้าไปในดันเจี้ยนที่จูเลียลหนีเข้าไป

ความลับของดันเจี้ยนคือมันสามารถใช้เป็นประตูเปิดไปมิติอื่นได้

ทำไมดันเจี้ยนถึงระเบิดก่อนเวลา 30 วัน?

การระเบิดเชื่อมต่อกับสมดุลของมิติ

ถ้าสามารถไปมาระหว่างมิติได้อย่างอิสระ ดันเจี้ยนเบรกก็เกิดได้ทุกเมื่อ ประชากรจะตายเป็นล้านคน

วูจินเดินลงบันไดสถานีใต้ดินไป

เขาตัดสินใจไล่ตามก่อนค่อยถาม

เมื่อเข้าไปในดันเจี้ยน วูจินได้ยินเสียงประกาศที่ต่างไปจากเคย

<ท่านได้เข้าสู่ดงป่าของจูเลียล>

<ที่นี่มีสถานะไม่ถูกระบุ ไม่สามารถเลือกโหมด ‘Battle -ต่อสู้’ และ ‘Intelligence - เรียนรู้’>

<ท่านสามารถเลือกระหว่าง ‘Visit - เยี่ยมเยือน’, ‘Infiltration  - แทรกซึม’ และ ‘Clear  - พิชิต’>

 “เฮ้อ...”

วูจินขมวดคิ้ว ดันเจี้ยนนี้เป็นอาณาเขตมิติของจูเลียล เขาเคยได้ยินประกาศนี้ครั้งหนึ่งตอนรัชโมด

ตอนนั้นไม่มีข้ออื่นให้เขาเลือกนอกจากโหมดเคลียร์...

“ช่วยไม่ได้แฮะ”

ในสถานการณ์แบบนี้ ข้อนั้นน่าจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด




สารบัญ                                           บทที่ 102



วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 100

บทที่ 100 - Bullet Taxi

“แล้วตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันนี่?”

หนึ่งในบรรดาเราส์ที่ยืนใกล้ฮีซอลเป็นคนตอบคำถามของซุงกู

“เฮ้อ คุณไม่รู้อะไร เริ่มตั้งแต่สถานีซาดาง จากนั้นดันเจี้ยนอื่นใกล้ๆก็ระเบิดกันเป็นแถว ตอนนี้ทั้งเมืองโซลอยู่ในภาวะฉุกเฉิน คุณมาจากกิลด์ไหนเหรอ...”

มองแวบเดียวก็บอกได้ว่าความสามารถต่อสู้ของซุงกูไม่ธรรมดา ด้วยความสามารถขนาดนี้เขาควรจะเป็นเราส์แรงค์สูงและมีชื่อเสียง แต่พวกเขาไม่รู้จักหน้าซุงกู พวกเขาจึงถามอย่างไม่แน่ใจ ฟังคำถามของชายคนนี้แล้วซุงกูก็แค่หัวเราะตามเคย

ดูเหมือนจะเกิดดันเจี้ยนเบรกหลายแห่ง กระทั่งตอนนี้ซุงกูยังได้ยินเสียงระเบิดกับเสียงปืนดังกระแทกหู
ฟังจากที่พูด มีคำหนึ่งซึ่งทำให้เขารู้สึกสะกิดใจ

“สถานีซาดางระเบิดเหรอครับ?”

“ใช่ มันระเบิดเป็นที่แรก กิลด์แฮมเมอร์อยู่แถวนั้นที่จริงน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว แต่พอดันเจี้ยน 6 ดาวระเบิด ดันเจี้ยน 5 ดาวกับ 4 ดาวก็ระเบิดตาม เหมือนพวกเขายังพยายามควบคุมสถานการณ์อยู่”

ทางเข้าสถานีใต้ดินมีมาก จำนวนทางเข้าดันเจี้ยนก็เท่ากัน ดันเจี้ยน 3 แห่งใกล้ๆระเบิดพร้อมกันคงต้องใช้เวลากวาดล้างมอนสเตอร์อีกนาน

และสถานีซาดางยังเป็นศูนย์กลางของการระเบิด ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็ต้องเจอมอนสเตอร์

ครอบครัวเขาอยู่ที่นั่น...

“คุณฮีซอล ผมต้องไปที่ซาดาง”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

มันห่างไปเพียงสถานีเดียว

ซุงกูออกวิ่งทันที

***

สำนักงานใหญ่ของกิลด์แฮมเมอร์ใกล้สถานีซาดาง

ที่นี่เป็นตึกสูงสร้างหลังจากเกิดดันเจี้ยนเบรก จึงแข็งแกร่งเหมือนปราการเหล็ก สามารถป้องกันมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ไม่ให้เข้ามาได้

จากชั้นหนึ่งถึง 3 ประตูเหล็กหนาถูกดึงลงมาบังประตูและหน้าต่างทุกบาน หยุดพวกหมาป่าเทาที่รุกล้ำเข้ามา

ที่นี่ยังออกแบบมาให้เป็นที่หลบภัยด้วย

“เร็วๆ!วิ่ง!”

เราส์ของกิลด์แฮมเมอร์กำลังเร่งและปกป้องชาวเมือง พวกหมาป่าเทากระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ

ปาร์กซังโอ ประธานกิลด์แฮมเมอร์เดินออกมา

“ฮ่า!”

เขากางแขนออก สร้างพายุพัดใส่พวกหมาป่ากระเด็น

นักเวทย์ลมที่เก่งที่สุดของเกาหลี,ปาร์กซังโอ ตะโกน

“วิ่งเร็วเข้า”

ชาวเมืองรีบวิ่งเข้าไปในตึก ปาร์กซังโอพึมพำกับตัวเองขณะมองฝูงมอนสเตอร์

“มันเรื่องบ้าอะไรกัน...”

เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

เป็นเรื่องบังเอิญ? หรือดันเจี้ยนเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง?

นี่ไม่ตรงกับความรู้เรื่องดันเจี้ยนเบรกที่พวกเรารู้กันมา

ดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตแล้วกำลังระเบิด

“เอ๋?”

ในกลุ่มชาวเมือง ปาร์คซังโอเห็นคนคุ้นหน้า

“คุณจุงมินชาน”

“...ประธาน”

พวกเขาจากกันด้วยไม่ดีนัก มินชานหันมาหาหัวหน้าเก่าของเขาแล้วยกมือไปทางแม่และน้องสาวของคังวูจินกับครอบครัวของซุงกูที่มาด้วยกัน

“เข้าไปก่อนเถอะครับ”

“อา แล้วคุณรองประธานล่ะ”

“เดี๋ยวผมตามไป”

เฮมินนำครอบครัวของเขาและครอบครัวของสมาชิกกิลด์เข้าไปในที่หลบภัยของกิลด์แฮมเมอร์

“เฮ้อ”

ปาร์คซังโอมองมินชานอย่างลังเล

พวกเขาอายุไล่เลี่ยกันและมินชานเคยเป็นพนักงานมากความสามารถ ดูเหมือนตำแหน่งใต้ปาร์คซังโอจะเล็กเกินไป เขาเคยเป็นหัวหน้าทีมแต่ปีนขึ้นไปถึงตำแหน่งรองประธานเมื่อย้ายไปอยู่กับอลันดาล

“ที่นี่อันตราย เข้าไปเถอะ”

“ครับ อีกเดี๋ยวเราส์ของกิลด์เราจะมาด้วย”

ปาร์คซังโอทำเสียงดังฮึอย่างไม่เชื่อถือ กิลด์อลันดาลก็มีแต่คังวูจินไม่ใช่เหรอไง? เขายังอยู่ที่ตะวันออกกลางจะมาที่นี่ได้ยังไง? นอกจากเขาก็มีเราส์แรงค์ B ชื่อฮงซุงกู กับเราส์ที่เคยเป็นทหารอีกคนที่เพิ่งมาร่วมทีมได้ไม่นาน เราส์ระดับนั้นในกิลด์แฮมเมอร์ก็มีเกลื่อนกลาด

“เอาเถอะ รีบเข้าไปข้างใน”

“ครับ”

พลเมืองอยู่ตรงนี้ก็มีแต่เกะกะ การอพยพไปอย่างปลอดภัยและอยู่นิ่งๆก็เป็นการช่วยอย่างหนึ่ง

“ชิ ถ้าจินวูอยู่ที่นี่ก็ดี...”

เราส์แรงค์ A อีกคนของกิลด์แฮมเมอร์ รองประธานปาร์คจินวูกำลังเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวอยู่ที่ปูซาน

เรื่องเหตุการณ์ครั้งนี้ถูกส่งไปที่ทีมสนับสนุนของเขา ตอนนี้เขาคงกำลังเดินทางกลับโซล แต่คงไม่มีความหมายอะไรนัก เพราะเมื่อเขากลับมามอนสเตอร์คงถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว ดูท่าปาร์คซังโอคงต้องรับหน้าที่พาทีมเราส์ของกิลด์เขาออกมาสู้กับมอนสเตอร์เอง

“วิ่งไปจนกว่าจะหมดแรง...หือ?”

ปาร์คซังโอพูดไม่จบ เขาเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเดินกลางถนน

ต่อให้เป็นดันเจี้ยน 6 ดาวที่ระเบิดก็เถอะ เจ้านี่ออกมาได้ด้วยเหรอ?

มอนสเตอร์ระดับบอสไม่ควรจะอยู่ในดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตแล้ว แค่มองแวบเดียวไกลๆเขาก็บอกได้ว่าพลังที่มันเปล่งออกมาเป็นระดับเดียวกับบอส

[โอ]

มันคำรามแล้วฝูงหมาป่าเทาก็เดินออกมาจากช่องว่างระหว่างตึกต่างๆ จ่าฝูงหมาป่าเรียกพวกมันมา

“มันไม่ใหญ่ไปหน่อยเหรอ?”

“คำว่าใหญ่ไปหน่อยนี่ออกจะเบาไปนะ”

ปาร์คซังโอขมวดคิ้วตอบเราส์ที่พูดขึ้นข้างๆเขา

ขนาดตัวของจ่าฝูงเทียบกับหมาป่าธรรมดาแล้วผิดปกติมาก ถ้าหมาป่าเทาธรรมดาขนาดประมาณรถคันหนึ่ง หมาป่าจ่าฝูงก็ขนาดเท่ารถบรรทุก

มันมีกระทั่งเขางอกขึ้นที่หัว และส่งคลื่นพลังน่าอึดอัด

“ชิ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เตรียมตัวให้พร้อมทั้งป้องกันและโจมตี”

ปาร์คซังโอเป็นเราส์แรงค์ A สมาชิกทีมของเขาเป็นเราส์แรงค์ B มากประสบการณ์ พวกเขาเคยเข้าพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาวมาหลายครั้ง เขาล้มบอสขนาดเท่านั้นมามากจึงไม่กลัว

นอกจากนั้นเขายังได้เปรียบที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนคนแบบในดันเจี้ยน

[โอ]

พวกหมาป่าพุ่งเข้ามาโดยมีจ่าฝูงอยู่ตรงกลาง

“พายุหมุน!”

ฉายาของปาร์คซังโอคือนักเวทย์ลม เวทย์ที่เขาร่ายขึ้นมาทันทีพุ่งไปทางฝูงหมาป่าทำลายรูปขบวนของพวกมันอย่างสมฉายา เราส์สายกายภาพถืออาวุธวิ่งขึ้นไป

การต่อสู้เกิดขึ้นตามที่ต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นเราส์จากกิลด์แฮมเมอร์ แต่ก็มีเราส์จากกิลด์ขนาดกลางไม่น้อย พวกเขาร่วมมือกันสู้

ท่ามกลางทั้งหมดนั้น ความสนใจของปาร์คซังโอมุ่งไปที่จ่าฝูงหมาป่าเท่านั้น ถ้าทีมของเขาสามารถควบคุมมันได้ การกวาดล้างมอนสเตอร์จะเป็นไปอย่างราบรื่น

กองทหารจะมาในอีกไม่นาน

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีแต่แล้วการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น

“กี๊ซ!”

เสียงร้องชวนให้ขนลุกมาจากมอนสเตอร์ที่มาใหม่

‘ค้างคาวหน้าคน’

ถ้าแค่หน้ามันเหมือนคนก็ดีไป โชคร้ายขนาดตัวของมันก็เท่ากับคน มันล่าเหยื่อด้วยการใช้มือเท้าที่เหมือนของคนจับเหยื่อแล้วปล่อยจากกลางอากาศลงมาตาย

ระหว่างเราส์สู้กับฝูงหมาป่า ถ้าค้างคาวหน้าคนเข้ามาร่วมสู้ด้วยจะกลายเป็นปัญหา ในการสู้เสี่ยงชีวิต สิ่งรบกวนสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้เลย

“เวร! นักเวทย์ยิงเวทย์ไปให้เต็มที่เลย เราส์กายภาพจะหยุดพวกหมาป่า”

ปาร์คซังโอตะโกนแล้วจ้องไปที่จ่าฝูงหมาป่า มันยืนนิ่ง เขาไม่รู้ว่ามันมีเป้าหมายอะไร แต่เขารู้สึกว่ามันจะกระโจนใส่เขาทันทีถ้าเขาเสียสมาธิ

แต่ถ้าเขาสนใจแต่จ่าฝูงหมาป่า ฝ่ายเขาจะเสียเปรียบ เขากังวล ดูท่าฝ่ายเขาต้องได้รับความเสียหายมากกว่าเราส์คนอื่นหรือกองทหารจะมาถึง

ตอนนั้นเอง กำลังเสริมที่ดึงสถานการณ์ในสนามรบให้กลับมาสมดุลใหม่ก็มาถึง

‘เราเคยเห็นคนนี้มาก่อนหรือเปล่า?’

ปาร์คซังโอมีสีหน้าสับสนเมื่อมองนักเวทย์ที่ควบคุมไฟได้ดังใจ

“ฮ่า!”

ซุงกูเผาค้างคาวไปสามตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นต่อยใส่หัวหมาป่าที่แยกเขี้ยววิ่งใส่เขา แรงหมัดไม่น่าเชื่อว่ามาจากนักเวทย์!

ซุงกูขมวดคิ้วเมื่อมองบรรดามอนสเตอร์พุ่งเข้ามาทางถนนไม่หยุด

‘ดันเจี้ยนสไลม์ 5 ดาว’ 

พวกดันเจี้ยนสไลม์คลานมาทางพวกเขา การโจมตีกายภาพทำร้ายพวกมันไม่ได้ พวกมันมากันหลายสี มีพิษร้าย ซ้ำยังโจมตีด้วยกรด การที่มันมาปรากฏในเมืองเท่ากับหายนะ

ถ้าไม่จัดการสไลม์พวกนี้ให้หมดทันทีจะเกิดความเสียหายหนัก

“กำแพงไฟ!”

ซุงกูเกร็งท้อง ยื่นมือออกแล้วร่ายคาถา พลังเวทย์ถูกดึงไปจากตัวเขาจนทำให้รู้สึกมึน แล้วกำแพงไฟอันยาวก็พุ่งขึ้นตรงจุดที่มือของซุงกูหันไป

พวกสไลม์เข้าใกล้ไม่ได้เพราะความร้อน ขณะพวกมันถูกรั้งไว้ เราส์กายภาพฆ่าพวกหมาป่าและค้างคาวหน้าคนอย่างรวดเร็วเพื่อให้นักเวทย์ตั้งสมาธิไปที่การฆ่าสไลม์

“มาตั้งใจสู้กันเถอะครับ”

การกระทำของซุงกูดึงดูดความสนใจของเราส์และพวกเขาเริ่มสู้อย่างคึกคักกว่าเดิม

“สกัดพวกมันให้ได้”

เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยป้องกันเมืองหลวงปรากฏกลางท้องฟ้า เมื่อเราส์,พลเมืองในที่หลบภัยของกิลด์แฮมเมอร์,และพลเมืองที่ติดอยู่ในอาคารอื่นเห็น พวกเขาต่างส่งเสียงเชียร์

ตอนนั้นเองที่จ่าฝูงหมาป่าขยับ

[โลกเป็นที่ๆน่าสนุกมาก]

คำพูดจากปากหมาป่าดังในหัวของคนในที่นั้น ทุกคนกลายเป็นสับสน บางคนถึงกับตะโกนอย่างตกใจ

‘หมาป่ามันพูดได้?’

[ที่นี่จะเป็นพื้นที่ล่าที่น่าสนุก]

มันเฝ้าสังเกต มันอยากเห็นว่ามนุษย์โลกสู้อย่างไร มันรู้แล้วว่าพวกมนุษย์จะทำอะไร และ...มันรู้ว่าจะสู้พวกมนุษย์อย่างไร

แม่ทัพ 72 ตนของทราห์เน็ต

จูเลียล แม่ทัพขั้นที่ 2 ครอบครองแท่น 2 แท่น

มันหัวเราะ

การล่าจะทำให้มันแข็งแกร่งกว่าเดิม จากนั้นมันจะท้าทายขั้นที่ 3

มานาบนโลกเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันจึงสามารถทุ่มเทพลังมาสร้างร่างกายบนโลกได้ นี่เป็นขีดจำกัดของมัน แม่ทัพขั้นที่ 3 ต่อให้ใช้พลังทั้งหมดก็ยังสร้างร่างกายบนโลกไม่ได้ มันมาที่โลกตอนนี้เป็นจังหวะเหมาะพอดี

มันจะใช้โลกเป็นพื้นที่ล่าก่อนใคร มันมีโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้น

บนเขาของหมาป่าจ่าฝูงเกิดแสงสีขาวแล้วแผ่ไปรอบด้าน

เปรี๊ยะๆ!

“อึก!”

กระแสไฟพุ่งเป็นวงกว้าง คนที่มีพลังต้านทานน้อยตายทันที ขนาดคนที่มีพลังต้านทานมากยังตัวสั่นสะท้าน

“ร...เราต้องหยุดมัน”

ซุงกูลิ้นคับปาก เขาพยายามสลัดอาการช็อกออกไป แต่จูเลียลปล่อยกระแสไฟรอบที่สองใส่ร่างของซุงกู มันไม่ใช่การจู่โจมวงกว้างเหมือนครั้งแรกแต่พุ่งเป้ามาที่คนๆเดียว มันเหมือนถูกฟ้าผ่าใส่

ซุงกูตาเหลือกแล้วล้มลง

‘ล...ลูกพี่’

ความทรงจำต่างๆปรากฏในหัวเขา เมื่อเขายอมรับความตาย สิ่งที่น่าขำก็เกิดขึ้น คนแรกที่เขานึกถึงไม่ใช่พ่อแม่...แต่เป็นวูจิน

เราคงยังอยากอยู่ต่ออีกนิดสินะ?

เขาอยากเจอคังวูจิน

‘มนุษย์น่าอร่อยมารวมกันที่นี่’

จูเลียลมองไปทางตึกของกิลด์แฮมเมอร์ มนุษย์... นั่นเป็นที่ๆแหล่งพลังงานของมันไปรวมกัน

โลกเหมือนสวรรค์สำหรับจูเลียล ที่นี่ไม่มีเราส์ระดับวงแหวนที่ 7 ดังนั้นจึงไม่มีใครทนเวทย์สายฟ้าของมันได้

เฮลิคอปเตอร์ยิงจรวดใส่ แต่ไม่อาจทำร้ายจูเลียลได้แม้แต่เส้นขน

[น่ารำคาญ]

จูเลียลส่งสายฟ้าไปและเฮลิคอปเตอร์เสียการทรงตัว มันหมุนแล้วร่วงลง

[โอ]

ไม่ได้มีแต่หมาป่าสีเทาที่มารวมกันตามคำเรียกของจูเลียล สไลม์,ค้างคาวหน้าคนและมอนสเตอร์อื่นเริ่มมารวมกัน พวกมันทำตามคำสั่งของแม่ทัพ

***

ห้องประชุมในภาวะไม่ปกติของหน่วยป้องกันเมืองหลวง

“เฮลิคอปเตอร์ที่เราส่งไปร่วงทั้งสองลำ”

“หน่วยภาคพื้นดินยังไปไม่ถึงหรือ?”

“พวกเขาจะถึงสถานีซาดางในอีก 12 นาที”

“ฮึ่ม”

หลังจากดันเจี้ยนเบรกครั้งแรก กองทหารก็มาประจำการในหลายๆส่วนของโซล แต่การเคลื่อนย้ายหน่วยทหารไปยังที่ต่างๆภายในเวลาไม่กี่นาทีก็ยังยากอยู่ดี และมอนสเตอร์ได้ทำลายถนนหลายสายไปบวกกับพวกมันยังอาละวาดอยู่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น

“เอ๋? มีสิ่งบินไม่ระบุชื่อกำลังเข้าใกล้สนามบินโซล”

“อะไร? เป็นมอนสเตอร์บินได้หรือเปล่า?”

“ม...ไม่ใช่ครับ”

เจ้าหน้าที่อ่านเรดาร์และตอบอย่างอึกอัก

“ดูจากความเร็ว น่าจะเป็นขีปนาวุธ”

“อะไรนะ!”

ผู้บัญชาการขมวดคิ้ว ไอ้บ้าที่ไหนยิงมิสไซล์ใส่เกาหลี? จีน? เกาหลีเหนือ? หรือญี่ปุ่น?

“เป้าหมายมาอยู่เหนือโซลใน 2 นาที กรุณาออกคำสั่งขัดขวาง”

มันเป็นขีปนาวุธปริศนา สุดท้ายแล้วที่สำคัญที่สุดคือต้องหยุดมัน

“อนุญาต”

“เปิดระบบป้องกันขีปนาวุธ”

ขีปนาวุธต้องเป็น ICBM (ขีปนาวุธข้ามประเทศ) มันเกือบมาอยู่เหนือน่านฟ้าของโซล ดูจากวิถีแล้วก็บอกได้ว่าขีปนาวุธขึ้นไปถึงชั้นบรรยากาศแล้วกลับเข้ามาใหม่ มันยิงมาจากที่ไกลขนาดไหน...

พวกเขาทำอะไรกับความเสียหายที่เกิดจากแรงระเบิดของเศษชิ้นส่วนขีปนาวุธที่หล่นมาไม่ได้ แต่ถ้ารอช้าไปมากกว่านี้ แรงระเบิดจะทำลายโซล ถ้าขัดขวางมันไม่ได้ โซลอาจหายไปจากแผนที่

“ยิงสำเร็จ!”

จุดสีแดงบนเรดาร์หายไป

***

ซุงกูกำลังนอนบนพื้น มองท้องฟ้า

เมื่อมองเห็นฟ้าสดใสมากเขาคิดว่าตายวันนี้ก็ไม่ใช่แย่นัก ความคิดนี้ปลอบใจเขาแบบแปลกๆ

กระแสไฟคงทำให้เขาเพี้ยนไป ซุงกูจ้องท้องฟ้านิ่งแล้วก็เห็นจุดหนึ่งบนท้องฟ้า

“หือ?”

เขากินหินเพิ่มพลังเหมือนเป็นขนม สายตาจึงดีกว่าคนปกติ ถ้าตั้งใจเพ่งเขาจะมองได้เหมือนกล้องส่องทางไกล ซุงกูมองไปที่จุดนั้น

เหมือนมันจะเป็นขีปนาวุธ มีเครื่องบินรบหลายลำขับตามมัน ปัญหาคือขีปนาวุธที่ว่ากำลังหล่นลงมาจากฟ้า

‘รัฐบาลจะทิ้งโซลแล้วมั้ง’

ซุงกูคิดอย่างนั้นจริงๆ เขาคิดว่ารัฐบาลต้องการจัดการพวกมอนสเตอร์โดยใช้การโจมตีด้วยขีปนาวุธ

แต่ระบบต่อต้านขีปนาวุธยิงขึ้นสกัด ดูเหมือน ICBM ไม่ได้ติดหัวรบเอาไว้เมื่อมันระเบิดออก มีแต่เศษชิ้นส่วนที่ร่วงลงมา

ท่ามกลางเศษซากเหล่านั้น มีคนๆหนึ่งร่วงลงมาด้วยความเร็วสูง

“เหอ?”

คนๆนั้นอยู่ห่างเกินกว่าจะเห็นหน้าตาชัดเจน แต่ดูเหมือนเขากำลังหล่นมาทางซุงกู เมื่อเกือบมาอยู่เหนือซุงกู ปากของซุงกูอ้าค้าง

“ลูก...พี่?”

ขีปนาวุธที่แหวกอากาศลงมาระเบิด แล้วลูกพี่ก็ร่วงลงมาแถมยังไม่ได้ติดร่มชูชีพด้วย

กึง!

เขาหล่นมาเหมือนดาวตก ชายคนนั้นคนเดียวทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนเกิดแผ่นดินไหวรอบตัวพวกเขา ความสนใจของทุกคนพุ่งไปที่ชายคนนั้น

กลางถนนเกิดหลุมบ่อขึ้น คังวูจินเดินออกมาพลางยกมือปัดฝุ่นที่ลอยตรงหน้า ฝุ่นลอยคละคลุ้งไปทั่ว

ซุงกูยันตัวขึ้นนั่งทันทีแล้วขยี้ตาตัวเอง

เป็นคังวูจินจริงๆ

คนที่น่าจะอยู่ตะวันออกกลางมาอยู่ที่นี่?

“ล...ลูกพี่ หรือว่าลูกพี่มากับจรวดเมื่อกี๊?”

“แล้วนายคิดว่าฉันมากับกวางเรนเดียร์หรือไง?”

คังวูจินยิ้ม จากนั้นมองไปที่หมาป่าตัวใหญ่ จูเลียล

“นายสินะที่อาละวาด?”

เขาได้ยินว่ามีคนทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรกติดต่อกัน เจ้านี่คือตัวการ?

จูเลียลขั้นสอง แน่นอน พวกเขาเคยเผชิญหน้ากันมาก่อน

เนื้อตัวของจูเลียลเปลี่ยนจากสงบนิ่งเป็นสั่นระริก



สารบัญ                                           บทที่ 101




100 แล้ว \o/ เหลืออีก100 กว่าตอน...

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 99

บทที่ 99 – ฮงซุงกูโจมตี (2)



“คนนั้นน่าสงสัยนะ?”

พนักงานฟังคำพูดของวูซุงฮุนแล้วยักไหล่

“คนแบบนั้นมีให้เห็นบ่อยๆครับ อาจจะเป็นเราส์”

“เหรอ?”

อาร์ติแฟคมีหลายแบบ

คนส่วนใหญ่เก็บมันอย่างดีเพราะกลัวถูกขโมย แต่ก็มีคนที่ใส่มันออกมาข้างนอกเหมือนกัน
และคนถือดาบหรือหอกใกล้สถานีก็หาไม่ยาก

โทรศัพท์ของซุงฮุนดัง เมื่อหยิบขึ้นมาเขาเห็นว่าเป็นคิมเฮมินที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นกรรมการ

“หือ? มีอะไรหว่า ซื้ออะไรมาให้ฉันก็ได้”

“ครับ”

เขาให้พนักงานเข้าร้านกาแฟไปก่อน ซุงฮุนไปนั่งตรงเก้าอี้นอกระเบียงแล้วรับโทรศัพท์

“ว่าไงครับ”

[คุณซุงฮุน คุณซุงกูกับคุณฮีซอลเข้าดันเจี้ยนแล้วหรือครับ?]

“ครับ เพิ่งเข้าไปเอง”

[อา แย่แล้ว ตอนนี้เกิดดันเจี้ยนเบรกที่สถานีซาดาง รีบอพยพเถอะครับไม่ต้องเข้าออฟฟิศแล้ว]

“อะไรกัน?”

วูซุงฮุนกระพริบตาปริบๆแล้วเสียงหวอก็ดังลั่น

เสียงหวอดังเหมือนกำลังมีการซ้อมหลบภัย แต่ทำให้วูซุงฮุนหนาวเยือก เขาคิดถึงดันเจี้ยนเบรกที่เพิ่งเกิดที่แดกู สถานีซาดางอยู่ถัดไปแค่สถานีเดียว

[ประกาศ ขณะนี้เกิดดันเจี้ยนเบรกที่สถานีซาดาง พลเมืองกรุณาอพยพออกไปด่วน ประกาศ...]

หลังจบประกาศ คนก็หลั่งไหลออกมาจากตึกรามบ้านช่อง รวมถึงพนักงานแผนกเลขานุการ

“ห...หัวหน้า!”

“ฮู่ว ทุกคนตามผมมา ไปกันเถอะ”

วูซุงฮุนนำพนักงานที่ตกใจกลัว เขาบอกตัวเองให้ตั้งสติเอาไว้

พนักงานตามวูซุงฮุนไปขึ้นรถของพวกตนอย่างรวดเร็ว

“ทุกคนขึ้นรถ ระหว่างนี้เราจะขับไปให้ห่างจากสถานีซาดาง เร็วๆเถอะ”

“ครับ”

ดันเจี้ยนเป็นสถานที่ปลอดภัย ต่อให้ถูกระเบิดใส่มันยังไม่เป็นไรด้วยซ้ำ สิ่งที่อยู่ในดันเจี้ยนอันตรายกว่าการโจมตีจากข้างนอก ซุงกูกับฮีซอลคงไม่เป็นไร พวกเขาจะออกมาหลังจากเคลียร์ดันเจี้ยนเสร็จแล้ว
วูซุงฮุนคิดว่าให้พวกเขาใช้เวลาเคลียร์ดันเจี้ยนไปนานๆน่าจะดีกว่า แล้วค่อยออกมาหลังจากสถานการณ์ข้างนอกสงบลง

ซุงฮุนขึ้นรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นเปิดมือถือเพื่ออ่านข่าว

“เชี่ย มันเป็นดันเจี้ยน 6 ดาว!”

เบรกที่ไหนไม่เบรก ต้องมาเบรกที่ดันเจี้ยน 6 ดาวตรงทางออกที่ 1 เขาเปิดฟอรั่มดันเจี้ยนเพื่อรวบรวมข้อมูลของดันเจี้ยนแห่งนี้ มอนสเตอร์พื้นฐานคือ หมาป่าเทา

พวกมันตัวใหญ่เท่าวัวและเคลื่อนไหวว่องไว เชี่ยวชาญด้านการล่าและมีนิสัยชอบโจมตีเราส์เป็นฝูง

“เวรแล้วไง!”

ไอ้พวกนี้จะถูกปล่อยมาในโซลอย่างน้อยหลายร้อยตัว พวกมันตัวเล็กกว่าโทรลน้ำแข็งและว่องไวกว่ามาก คงต้องใช้เวลามากกว่าจะกำจัดพวกมันได้หมด เวลาที่ผ่านไปหมายถึงคนเจ็บจะยิ่งเพิ่มขึ้น

“ไปไหนดีครับหัวหน้า?”

“ขับไปก่อน ที่หลบภัยใกล้สุด...”

วูซุงฮุนกำลังอ่านฟอรั่มดันเจี้ยน เมื่อรถไปถึงทางแยกเขาก็รู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา สายตาเขาจ้องไปที่แห่งหนึ่งเขม็ง

สถานีลีซูทางออกที่ 8

มันคือดันเจี้ยนที่ชายพิลึกใส่เสื้อคลุมดำกับหน้ากากเข้าไป จู่ๆงูตัวใหญ่ก็พุ่งอ้าปากกว้างออกมาจากทางเข้าดันเจี้ยน

วูซุงฮุนตาโต

มันเป็นงูตัวใหญ่เหลือเชื่อ หัวมันใหญ่เท่าตัวคน

“เหยียบคันเร่ง!”

“...!”

พนักงานเหยียบคันเร่งตามเสียงตะโกนของวูซุงฮุน

มันเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่งูธรรมดาเทียบไม่ติด หลังจากโผล่ออกมาจากดันเจี้ยน มันอ้าปากกว้างแล้วเลื้อยมาทางทางแยก

ปัง!

รถที่อยู่ข้างหลังซุงฮุนชนหัวงูแล้วหงายขึ้น พิษจากเขี้ยวงูหล่นเข้าไปในกระจกหน้าของรถ

ซี่ๆๆ

พิษงูรุนแรงจนละลายกระจก พิษหล่นใส่คนขับแล้วตามมาด้วยเสียงโหยหวน

งูแลบลิ้นรัดร่างของคนขับแล้วส่งร่างนั้นเข้าปาก

“เชี่ย!”

ถ้าวูซุงฮุนช้ากว่านี้สักนิด เขาอาจเป็นคนที่ต้องเข้าไปอยู่ในท้องของงู ความคิดนั้นทำให้เขาหนาววูบ

หลังจากงูยักษ์ มอนสเตอร์ก็หลั่งไหลออกมาจากดันเจี้ยน

“เวร! เหยียบให้มิดเลย!”

“ครับ”

คนขับก็ตาไม่บอด เขามองผ่านกระจกข้างเห็นมอนสเตอร์ออกมา เขาเหยียบคันเร่งอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียว มอนสเตอร์ก็ฆ่าคนไปหลายคน

“เวร พวกมันเป็นมอนสเตอร์ 5 ดาว”

วูซุงฮุนสบถออกมาเมื่อหาข้อมูลของดันเจี้ยน สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาสบถออกมาไม่หยุด

ดันเจี้ยนเบรกกะทันหันอีกแล้ว

ที่แดกูมันเป็นแค่จุดเริ่มต้น

พวกมอนสเตอร์กำลังอาละวาดใกล้ดันเจี้ยนของโซล

***

“ฮ้า ฮ้า”

ฮีซอลหายใจหอบ ซุงกูยิ้มพลางยื่นมือให้ฮีซอล

“ฮะๆ ทำได้ดี”

“ฮ้า กรรมการฮง คุณสุดยอดเลย ทักษะต่อสู้ประชิดตัวของคุณดีพอๆกับเราส์สายกายภาพหรืออาจจะดีกว่าอีกค่ะ”

ฮีซอลจำเป็นต้องเรียนทักษะต่อสู้อื่นๆพร้อมกับพัฒนาทักษะฝึกสัตว์ การประลองฝีมือกับซุงฮูช่วยฮีซอลได้มาก

“ฮะๆ เทียบกับลูกพี่แล้วผมยังห่างชั้น... ไม่สิ ผมเทียบกับอัศวินเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ฮะๆ”

เขาพูดจริงเหรอ?

ไม่ต้องพูดถึงคังวูจิน แต่อัศวินมรณะเป็นมอนสเตอร์ ฮีซอลกับซุงกูเคยประลองฝีมือกับพวกมัน และรู้ถึงความห่างไกลระหว่างเธอกับพวกอัศวินมรณะ

ชายสองคนนี้มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้

ถ้าเธออยากแข็งแกร่งให้เท่าพวกเขา เธอต้องฝึกให้มากกว่านี้

“ออกไปข้างนอกกันเถอะ”

“ค่ะ”

ซุงกูกับฮีซอลเก็บหินรีเทิร์นสโตนแล้วเดินกลับไปที่บาเรีย เมื่อซุงกูยกหินรีเทิร์นสโตนขึ้นบาเรียก็จางหายไป พวกเขาขึ้นบันไดแล้วเจอกับความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่บนท้องถนน

“เอ๋?”

ชั่วครู่หนึ่ง พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น บนถนนกลายเป็นหลุมบ่อ ยานพาหนะถูกทำลาย หน้าต่างบนอาคารต่างๆแตก มีไฟไหม้และควันดำลอยคลุ้ง

มีเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนโหยหวน

มีเสียงปืน และเสียงเวทย์สายฟ้า

“เฮ้ย”

ซุงกูพ่นลมหายใจ

เขาไม่ใช่คนโง่ ไม่นานก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ดันเจี้ยนเบรก

ซุงกูหน้าเครียด

หัวใจเขาเต้นแรง กล้ามเนื้อเกร็ง ประสาทสัมผัสตื่นตัว

“คุณฮีซอล คุณไปจัดการพวกมันตรงนั้น”

“ค่ะ แจ็คสันไป!”

“โฮก!”

แจ็คสันเผยเขี้ยวคม กระโดดคำราม เราส์กับหมีดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังต่อสู้กันเมื่อแจ็คสันกระโจนเข้าไป ฮีซอลส่งข้อความเทเลพาธีให้เราส์แต่ละคน

[จัดทีมสู้เถอะค่ะ]

ฮีซอลประเมินสนามรบอย่างรวดเร็วแล้วแบ่งทีมเพื่อสู้กับมอนสเตอร์และช่วยคนที่กำลังสู้กับมอนสเตอร์
พวกเขาส่วนใหญ่เป็นเราส์แรงค์ C และเราส์ขั้นต่ำกว่าแรงค์ C

มีแต่เสือเขี้ยวดาบแจ็คสันที่มีพลังระดับแรงค์ B

เมื่อเราส์ร่วมมือกับฮีซอล พวกเขาเริ่มล่ามอนสเตอร์ได้เร็วกว่าเดิมมาก

สายตาของซุงกูถูกดึงดูดไปที่ร้านรับซื้อหินบลัดสโตนใกล้สถานี

งูยักษ์ตัวหนึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตากินหินบลัดสโตนหลังจากมันพลิกอาคารล้ม

ทุกครั้งที่กินหินเข้าไป มันจะเปล่งแสงจางๆและค่อยๆตัวใหญ่ขึ้น ถ้าไม่ใช่ว่ามันกำลังยุ่งอยู่กับการกินหินบลัดสโตน มันคงฆ่าเราส์ในแถบนี้หมดไปแล้ว

ซุงกูยิงบอลไฟไปที่ตัวมันทันที

เหมือนรู้ถึงอันตราย,งูยกหัวขึ้นหลบบอลไฟ

บอลไฟไม่โดนเป้าหมาย แต่เมื่อถูกพื้นมันระเบิด

งูแลบลิ้นแผล็บๆขณะเลื้อยมาทางซุงกูช้าๆ ตัวมันใหญ่เหมือนงูยักษ์อีมูกิในตำนาน และเกล็ดของมันเรืองแสง 5 สี

มันคืองูเห่าสายรุ้ง (TN/ชื่อน่ารักวุ้ย)

‘เราสู้ไหว’

ถ้าเกล็ดมันมี 5 สีแปลว่ามันเป็นมอนสเตอร์ 5 ดาว

ซุงกูหรี่ตามองงู

เกล็ดของมันเปลี่ยนเป็นสีหม่น

“หา?”

นอกจากมันจะเกิดเป็นโรคผิวหนังขึ้น เหตุผลเดียวที่เกล็ดมันเปลี่ยนสีคือ

ไอ้งูบ้าเริ่มลอกคราบ เกล็ดส่องแสงเป็น 6 สี

“ฮะๆ”

ซุงกูปาดเหงื่อ

งูเห่าสายรุ้ง 6 ดาว

จากเอกสารข้อมูล นี่เป็นมอนสเตอร์ระดับบอสที่ออกมาในการพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาวครั้งแรก หลังจากดันเจี้ยนถูกพิชิตก็มีแต่งูเห่าสายรุ้ง 5 สีกับมอนสเตอร์พื้นฐานที่ออกมา...

‘เราจะสู้มันได้ไหม?’

เขาเคยเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวมาแล้ว แต่ไม่เคยพิชิตดันเจี้ยน ซุงกูกลืนน้ำลายนึกถึงคำพูดของวูจินตอนที่เจอกันครั้งแรก

‘ต่อให้กลัว ลูกผู้ชายต้องไม่แสดงออกให้ใครเห็น’

เขาแทบจะได้ยินเสียงของวูจินดังในหัว ซุงกูยิ้มเยาะตามอย่างวูจินแล้วใช้ทักษะกายเหล็ก

เขาจ้องงูเห่าสายรุ้งแล้วเร่งพลังเวทย์ให้ไหลตามร่างเหล็กของเขา

ร่างของซุงกูลุกเป็นไฟ

งูเห่าสายรุ้งอ้าปากเห็นเขี้ยวน่ากลัวแล้วพ่นพิษใส่ แต่มันระเหยไปเมื่อใกล้ไฟ ซุงกูเริ่มโยนไฟใส่งูเห่าสายรุ้ง

มันตัวใหญ่จนเขาไม่ต้องเล็ง เพราะเกล็ดของมันหนามากจึงดูเหมือนมันไม่ได้รับความเสียหายนัก แต่ก็ทำให้มันรำคาญ

มันพุ่งใส่ซุงกูอย่างดุเดือด

“เปลวไฟ”

ซุงกูหันหลังวิ่งหนี เกิดเป็นเส้นทางไฟ ไฟทำได้แค่ทำให้เกล็ดงูกลายเป็นสีดำ แต่ซุงกูหลบพลางจุดไฟบนพื้นไปพลาง

ถนนเต็มไปด้วยไฟ ซุงกูวิ่งหนี งูเห่าสายรุ้งไล่ตาม

เวลาผ่านไปนาน ซุงกูมองถนนทั้งถนนมีเปลวไฟลุกท่วม มันร้อนจนเขาเจ็บแปลบ เขายิ้ม

งูเห่าสายรุ้งที่ถูกยั่วโมโหจ้องซุงกูแล้วขดตัว จากนั้นพุ่งใส่ซุงกู

“ดูดซับเปลวไฟ”

ซุงกูร่ายคาถาแล้วเปลวไฟที่ลุกท่วมถนนก็ถูกดูดเข้าไปทางซุงกู ไฟจากรถระเบิด ไฟจากแก๊สระเบิด กระทั่งไฟที่เผาศูนย์การค้าทั้งหลังก็ถูกดูดเข้ามา

ไฟลุกท่วมร่างของซุงกูที่ถูกปกป้องด้วยทักษะกายเหล็กก็ถูกดึงเข้ามา ทั้งหมดรวมเข้าไปที่มือขวาของซุงกู

ในจำนวนคาถาไฟที่วูจินหามา เวทย์นี้มีพลังทำลายสูงที่สุด มันเป็นแก่นหลักของไฟที่สร้างจากการรวบรวมไฟทั้งหมดรอบตัว

“นี่จะร้อนหน่อยนะ”

“ฟ่อ!”

ซุงกูกระโดด ถือลูกบอลไฟเอาไว้ งูเห่าสายรุ้งพุ่งผ่านอากาศเหยียดตัวยาวเต็มที่ อ้าปากกว้างเหมือนตั้งใจจะกลืนซุงกูเข้าไป ซุงกูยิ้ม

เขาโยนไฟนรกเข้าไปในปากของงูเห่าสายรุ้ง 6 ดาว

“ฉันจะเผาแก!”

บอลไฟระเบิดในปากและหัวของงูเห่าระเบิด ซุงกูถูกแรงระเบิดพัดปลิวไปกระแทกกับรถคันหนึ่ง

“กรรมการฮง!”

ฮีซอลวิ่งมาทางเขา ต่อให้เราส์สายกายภาพก็ทนแรงขนาดนี้ไม่ได้ ซุงกูลุกขึ้น ยืดไหล่เหวี่ยงแขนเป็นวง ตอนที่ถูกซัดมาทางรถเขาพยายามใช้แขนหยุด ผลคือมันเกือบหัก

“อูย แขนผมเกือบหัก”

“คุณสุดยอดจริงๆ!”

“แฮะๆ ไม่เท่าไหร่หรอก”

ฮีซอลมองซุงกูที่กำลังหัวเราะซื่อๆอย่างชื่นชมเต็มเปี่ยม




สารบัญ                                       บทที่ 100

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 98

บทที่ 98 – ฮงซุงกูโจมตี


[ขณะนี้ ดันเจี้ยนเบรกเกิดขึ้นในดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภาพที่เราเห็นข้างหน้าเหมือนดันเจี้ยนช็อกครั้งนั้นหวนกลับมา...]

ทุกคนในห้องดูข่าวแล้วนิ่งไป

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ทำไมดันเจี้ยนถึงระเบิดก่อน 30 วัน?

ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึง ประตูห้องก็เปิดออก

“รองประธานครับ เราได้คำขอจากกระทรวงกลาโหมให้เราส์ทุกคนหยุดเคลียร์ดันเจี้ยน และคำสั่งให้เตรียมพร้อม”

“อืม เข้าใจแล้ว”

มินชานมีสีหน้าเคร่งเครียด

ดันเจี้ยนเบรกครั้งนี้มันผิดปกติและการสั่งให้ทุกคน,นอกจากคนที่ยังติดในดันเจี้ยน,เตรียมตัวให้พร้อมเป็นสิ่งสมควร ซุงกูอยู่ในห้องและฮีซอลอยู่ใกล้ๆศูนย์กักกันมอนสเตอร์

“ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“เราควรรายงานท่านประธานก่อนใช่ไหม?”

“ผมไม่มีวิธีติดต่อกับเขา...”

วูจินไม่ใช้โซเชียลมีเดีย แม้แต่อีเมล์ก็ไม่ค่อยเข้าไปดู วิธีเดียวที่จะติดต่อเขาได้คือแอพพลิเคชั่นส่งข้อความ แต่ถ้าไม่มีอินเตอร์เน็ตก็ทำไม่ได้

“ก่อนอื่นส่งข้อความไปหาเขา แล้วพยายามติดต่อเขาผ่านทางกิลด์ไททัน”

วูจินอยู่กับสตรีศักดิ์สิทธิ์ ถ้าพวกเขาติดต่อเธอได้ก็มีทางติดต่อกับวูจิน ถึงไม่ได้ผล ข่าวต่างประเทศย่อมต้องรายงานดันเจี้ยนเบรกครั้งนี้ เขาจะได้ข่าวอยู่ดี

“ฮืม ตกลงว่ามันเรื่องอะไรกันแน่...”

มินชานตัวสั่นเมื่อนึกถึงดันเจี้ยนช็อกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว คนนับไม่ถ้วนตายเมืองหลายแห่งถูกทำลาย ที่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในเวลาสั้นๆก็ด้วยการใช้เงินจำนวนมากที่ได้จากบลัดสโตน แต่จำนวนประชากรยังไม่กลับมาเท่าก่อนเกิดดันเจี้ยนช็อกเลย

ทุกคนดูข่าวอย่างตึงเครียด

***

ตึกใกล้ๆสถานีจุกจุน แดกู ถูกทำลายราบคาบ

พวกโทรลน้ำแข็งออกอาละวาด ไม้กระบองฟาดยานพาหนะกระเด็นไปอย่างง่ายดาย อาคารพังทลายเมื่อพวกมันฟาดกระบองใส่

ไม่มีการเตือนมาก่อนว่าจะเกิดดันเจี้ยนเบรก ดังนั้นนี่จึงเป็นหายนะของชาวเมือง

โทรลน้ำแข็งตัวหนึ่งสูดจมูกฟืดฟาดขณะเดินไปรอบเขตที่พักอาศัย

มันได้กลิ่นมนุษย์

มันตัวไม่ใหญ่ขนาดโอเกอร์ แต่ยังใหญ่เป็นสองเท่าของมนุษย์ มันสูงพอมองผ่านหน้าต่างชั้นสองเข้าไปในบ้านได้ เห็นขนตาน่าขยะแขยง

“กรี๊ด!”

เด็กหญิงคนหนึ่งสบตากับมัน เธอกุมหัวส่งเสียงกรี๊ด

โทรลน้ำแข็งหัวเราะแล้วยื่นแขนเข้ามา มนุษย์อายุน้อยจะอร่อยเป็นพิเศษ

โทรลน้ำแข็งมีขนสีขาวคลุมหนา มันใช้แขนยาวทุบหน้าต่าง ทำข้าวของในห้องเละเทะขณะควานหาเด็กหญิง เด็กหญิงพยายามถอยหลังจนกระทั่งชนกำแพง ไม่มีทางหนี

ประตูอยู่ข้างเธอ แต่ขาของเด็กหญิงแข็งทื่อด้วยความกลัว ไม่คิดแม้แต่เปิดประตูหนีไป

โทรลน้ำแข็งยื่นมือมาใกล้ แต่เด็กหญิงหลบ มันโกรธแล้วยกไม้กระบองขึ้น ตั้งใจจะทำลายบ้านแล้วค่อยกินเด็กหญิง

ตอนนั้นเอง ชายร่างบึกร่วงลงมาจากฟ้า

“ฮึบ!”

กำปั้นชายคนนั้นทุบใส่หัวโทรลน้ำแข็ง

“คู-รู-รู-รูก!”

“อ้า ไม่ตายแฮะ”

เขาลงน้ำหนักทั้งหมดไปที่การโจมตีนี้แต่โทรลน้ำแข็งไม่ตาย ศีรษะมันผิดรูปเหมือนกะโหลกยุบไป แต่มันกระตุกเหมือนกำลังจะฟื้นตัว

“ถ้าครั้งเดียวไม่ได้ผล งั้นก็อีกครั้ง!”

กำปั้นเขากลายเป็นสีดำ

กึง!

เหมือนกำปั้นสีดำกลายเป็นหิน มันทุบหัวโทรลน้ำแข็งแตก สมองไหลออกมา โทรลน้ำแข็งยังกระตุกแต่ไม่นานก็นิ่งไป

“เอ้า เด็กน้อย ออกมาเถอะ”

เด็กหญิงไม่ขยับตามคำบอกเพราะกลัว คนกลุ่มหนึ่งไล่ตามชายคนนั้นมาถึง

“ประธาน!”

“ดูแลตรงนี้ให้เรียบร้อย มีเด็กด้วย”

“ครับ”

เบคจองโด ประธานกิลด์ KH เดินเข้าไปในตรอก ขมวดคิ้วเมื่อเห็นโทรลน้ำแข็งอีกตัวเดินมาทางเขา

“กองทหารยังไม่มาอีกเหรอ?”

“กำลังลดจำนวนมอนสเตอร์จากด้านตะวันออกครับ พลเมืองยังไม่อพยพออก คงหวังเรื่องการยิงสนับสนุนไม่ได้”

ถ้าเป็นดันเจี้ยนเบรกที่คาดไว้แล้วว่าจะเกิดคงไม่มีปัญหาแบบนี้

พลเมืองจะถูกย้ายออกไป กองทัพจะตั้งสมาธิมาที่การยิงสังหารมอนสเตอร์ที่หลุดออกมาจากดันเจี้ยน

แต่วิธีนี้เป็นไปไม่ได้เพราะนี่เป็นดันเจี้ยนเบรกที่เกิดกะทันหัน

เมื่อไม่ได้ย้ายพลเมืองออกไป การทิ้งระเบิดใส่เมืองก็ทำไม่ได้ และรถถังก็ช้าเกินไปสำหรับการล่ามอนสเตอร์ที่กำลังซ่อนตัวในเมือง เราส์จึงเหมาะที่สุดสำหรับการล่ามอนสเตอร์ที่ซ่อนตัวเช่นนี้

ด้วยเหตุนี้เราส์ทุกคนที่มาเพื่อเข้าดันเจี้ยนในแดกูจึงได้รับคำสั่งระดมพล

เบคจองโดของกิลด์ KH จองดันเจี้ยน 6 ดาวของดันเจี้ยนในแดกูไว้ แต่มาที่นี่เมื่อได้ข่าวดันเจี้ยนเบรก

เราส์กระจายไปในตัวเมือง ล่าพวกมอนสเตอร์

“ชิ โชคยังดี พวกมอนสเตอร์ยังไม่หลุดมามาก”

เราส์แรงค์ B หนึ่งคนสามารถสู้กับโทรลน้ำแข็งได้ ถ้าเป็นตัวใหญ่มากๆ ก็ยังฆ่ามันได้ถ้าร่วมมือเป็นทีม นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยนที่จำกัดจำนวนคน ข้างนอกนี้เราส์ได้เปรียบเรื่องจำนวน โชคดีพอสมควรที่มอนสเตอร์ที่ออกมาเป็นโทรลน้ำแข็งตัวใหญ่เห็นง่าย ถ้าเป็นมอนสเตอร์ตัวเล็กหลบเก่งคงกำจัดมันให้หมดได้ยาก

เรื่องความเสียหายเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่มากพอจะเรียกว่าเป็นภัยพิบัติ ปัญหาคือดันเจี้ยนที่ระเบิดกะทันหันแบบนี้เป็นการเริ่มต้นของปัญหาใหม่หรือเปล่า

“หวังว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

ถ้าอยากเรียกมันเป็นอุบัติเหตุธรรมดาก็ต้องหาเหตุผลให้ได้ว่าทำไมดันเจี้ยนเบรกจึงเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือน แต่ก่อนอื่นคือต้องกำจัดมอนสเตอร์ที่หลุดออกมาให้หมด

เบคจองโดมองโทรลน้ำแข็ง กำปั้นของเขากลายเป็นสีดำสนิท

***

ซู่

น้ำจากฝักบัวไหลลงมาทำให้ร่างกายกับจิตใจของเขาเย็นลง

“ฮ้า”

ลีซังโฮคราง เขาได้รับสิ่งสุดยอดมา

“ฉันควบคุมมันได้”

เราส์ต้องเคลียร์ดันเจี้ยนก่อนถึงจะออกมาได้ ต้องใช้หินรีเทิร์นสโตนลดบาเรียลง มอนสเตอร์ก็เช่นกัน ผ่านไป 30 วัน พวกมันจะใช้หินรีเทิร์นสโตนเพื่อออกจากดันเจี้ยน

นั่นคือดันเจี้ยนเบรก

“เฮ้อ พลังนี่...”

เขากลายเป็นลูกน้องของเลลโล มอนสเตอร์ไม่เห็นเขาด้วยซ้ำขณะเขาตรงไปที่หินรีเทิร์นสโตน เขาหยิบหินแล้วลดบาเรียลง

มันเหมือนดันเจี้ยนเบรกครั้งก่อนๆ แต่คราวนี้เขาเป็นคนปล่อยมอนสเตอร์ออกมา

ไม่มีการเตือน และเป็นความตั้งใจของเขาเอง

“คึๆๆ”

เขารู้ว่าความเสียหายจะใหญ่หลวงขนาดไหนถ้าเกิดดันเจี้ยนเบรกโดยไม่มีใครเตรียมพร้อม เขาผ่านดันเจี้ยนช็อกมาแล้ว

คนส่วนใหญ่ย้ายไปอยู่ที่ปลอดภัยห่างจากสถานีใต้ดิน แต่ยังมีคนจำนวนมากอยู่รอบดันเจี้ยนเพื่อทำงาน

สถานการณ์นี้เหมือนบ้านที่ทำจากไพ่ แค่แตะนิดเดียวมันก็จะพังทลาย

“จงกลัวตัวสั่นเข้าไป”

น่าเสียดายที่เขาควบคุมมอนสเตอร์ไม่ได้ แต่การทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรกก็จะให้ผลอย่างที่เขาต้องการ
แน่นอนเขาต้องเตรียมอะไรหลายอย่างก่อน

อาจมีคนเห็นว่าเขาออกมาจากดันเจี้ยนกับพวกมอนสเตอร์ เขาต้องวางแผนปกปิดการกระทำของตัวเอง หลังจากเตรียมพร้อมแล้วเขาจึงจะเริ่มลงมือ

“คังวูจิน รอก่อนเถอะ”

คังวูจิน

มันต้องได้รู้

ความเศร้าจากการสูญเสีย

“จะแย่งอะไรมาจากมันเป็นอย่างแรกก่อนดี?”

ลีซังโฮหัวเราะ เขาไม่เคยพอใจขนาดนี้มาก่อนเมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก หลายวันมานี้ เขาเคยมีความสุขขนาดนี้ไหม? แค่คิดว่าจะทำลายไอ้เวรนั่นยังไงเขาก็รู้สึกเคลิบเคลิ้ม

เหมือนความเครียดที่กดดันเขามานานกระจายหายไป

“ใช่ อย่างแรก ครอบครัวมัน...”

ต่อไปก็เพื่อนมัน กิลด์ ลูกน้อง ชื่อเสียง...

เขาจะแย่งทุกอย่างมาจากคังวูจิน

***

มีผู้เสียชีวิต 47 ราย บาดเจ็บ 512 ราย ประมาณการความเสียหายที่เกิดขึ้น 50 ล้านดอลล่าร์

ดันเจี้ยนเบรกกะทันหันก่อผลกระทบและความเสียหายจำนวนมาก

มันปลุกความทรงจำตอนที่เกิดดันเจี้ยนช็อกรวมถึงความกลัวของวันนั้น

แค่ดันเจี้ยนเบรกนี้ทำให้คนอพยพออกจากเมืองที่มีสถานีรถไฟใต้ดิน

บ้างอพยพออกไป บ้างอยู่ที่เดิม แต่คนที่อยู่คือคนที่ไม่สามารถย้ายไปไหนได้ คนมีเงินย้ายไปที่เขตปลอดภัยทันที ที่เหลือเตรียมตัวย้ายไปช้าๆ

เวลาผ่านไปเพียง 2 วัน ประชากรในเมืองโซล 10% ย้ายไปที่เขตปลอดภัยของคังวอนโด

“เฮ้อ อยู่เฉยๆแล้วผมรู้สึกหงุดหงิดจัง”

สองวันนี้ซุงกูกับฮีซอลต้องอยู่ว่างเพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าดันเจี้ยน พวกเขารู้สึกตัวเองไร้พลัง อันตรายมาถึงแต่พวกเขาไม่ได้เตรียมพร้อม

ไม่ พวกเขาเตรียมตัว 

พวกเขาย้ายครอบครัวมาอยู่ใกล้สำนักงานของอลันดาลเพื่อจะได้ปกป้องครอบครัว ราคาที่อยู่อาศัยในเขตปลอดภัยพุ่งพรวด แต่ราคาอพาร์ทเมนท์ใกล้สถานีต่ำติดดิน

มองจากด้านของซุงกู เขารู้สึกดีกว่าเมื่อรู้ว่าครอบครัวอยู่ใกล้ๆ

“ยังติดต่อลูกพี่ไม่ได้อีกเหรอครับ?”

“อืม พวกเขาบอกว่าเขากำลังอยู่ระหว่างปฏิบัติงาน อีกไม่นานคงโทรกลับมา”

มินชานก็คับข้องใจ เกาหลีตกอยู่ในอันตรายแต่หัวหน้าของอลันดาลที่เป็นหลักยึดของพวกเขากลับไม่อยู่

ซุงกูผิดหวัง เขาไม่ได้ฝึกไม่ได้ล่ามอนสเตอร์ เขารู้สึกไม่สบายใจเหมือนกำลังล้าหลัง

“ผมอยู่เฉยๆแบบนี้ไม่ได้ ผมจะไปแถวๆดันเจี้ยนระดับต่ำนะครับ”

“อืม ได้ เสร็จแล้วติดต่อมาทันทีล่ะ”

“ครับ”

“ไปกับหัวหน้าทีมวู เราจะติดต่อผ่านทางหัวหน้าทีมวู”

“ตกลงตามนั้นครับ”

วูซุงฮุนเป็นหัวหน้าแผนกเลขานุการประธานกิลด์ แต่ตอนนี้คังวูจินไม่อยู่ เขาจึงไปสนับสนุนซุงกู เวลาที่ใช้เคลียร์ดันเจี้ยนระดับต่ำนั้นสั้น ซุงกูคิดว่าเขาจะสงบใจได้ดีกว่าถ้าได้เคลียร์ดันเจี้ยนแทนที่จะอยู่เฉยๆ

อาจเป็นเพราะความไม่สงบ ดันเจี้ยนที่มีตารางเวลาเต็มตอนนี้มีที่ว่างหลายช่วง แต่ดันเจี้ยนระดับต่ำไม่มีการจอง พนักงานจากสำนักงานจึงถูกส่งไปต่อแถวที่ดันเจี้ยนใกล้ๆและจัดตารางเวลา

“ตอนนี้ใช้สถานีลีซูทางออกที่ 4 ได้ครับ”

“งั้นไปที่นั่นกันเถอะครับ”

มันห่างไปเพียงสถานีเดียวจึงไปได้ไม่ยาก ซุงกูกับฮีซอลมุ่งหน้าไปที่สถานีลีซู เสือเขี้ยวดาบแจ็คสันกับกาปากมีดตามมาในรถบรรทุก

“ผมจะกลับมาภายในสามชั่วโมง”

“ครับ ตั้งใจทำงานนะครับ”

เขาเคลียร์ดันเจี้ยนได้ไม่เร็วขนาดคังวูจิน แต่เขาสามารถเคลียร์ดันเจี้ยน 3 ดาวคนเดียวได้ภายใน 3 ชั่วโมง เมื่อมีฮีซอลมาด้วยเวลาที่ใช้ก็จะน้อยลงอีก

ซุงกูกับฮีซอลหายเข้าไปในดันเจี้ยน วูซุงฮุนเริ่มเกมรอที่คุ้นเคย

“เฮ้อ ไปนั่งที่ร้านกาแฟกันไหม?”

“ครับหัวหน้า”

แผนกเลขานุการมีพนักงาน 20 คน ซุงฮุนทิ้งคนเฝ้าทางเข้าดันเจี้ยนไว้จำนวนหนึ่ง แล้วนำคนที่เหลือไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆ

“หือ?”

ซุงฮุนเห็นชายสวมชุดคลุมสีดำ ใส่หน้ากากสีดำ เขาหยุดเดินแล้วเอียงคองง

‘เหมือนเขากำลังหัวเราะฉัน’

เขาหันไป แต่ชายคนนั้นเดินไปแล้ว

‘มองผิดมั้ง?’

ดวงตาชายคนนั้นส่องแสงวาบเหมือนชายคนนั้นจำเขาได้ เหมือนชายคนนั้นกำลังหัวเราะเยาะเขา ชายคนนั้นใส่หน้ากาก ซุงฮุนเลยคิดว่าเขาคงตาฝาดไป

วูซุงฮุนเดินไปทางร้านกาแฟ และชายใส่หน้ากากเดินไปทางสถานีลีซูทางออกที่ 8



สารบัญ                                     บทที่ 99