วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 90

บทที่ 90 – มุ่งหน้าสู่จุดจบ (3)


สตรีศักดิ์สิทธิ์ยืนต่อหน้ารูปปั้นเทพี

“เทพีของข้า ข้าต้องไปจริงๆหรือ?”

เธอย้ำกับตัวเองว่าต้องไป แต่ก็ผัดผ่อนจนหลายวันผ่านไป

ดูเหมือนเธอมีชะตาต้องบินไปหาเขา ผู้ไม่ตายขอความร่วมมือจากกิลด์ไททัน พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกกลางเพื่อปราบปรามองค์กรก่อการร้าย

เหมือนเขากำลังโบกมือเรียกเธอ เมโลดี้รู้สึกไม่สบายใจ

“เฮ้อ”

เธอจะปฏิเสธไม่ไปก็ไม่ได้ แม้แต่ตอนนี้ เมโลดี้ยังรู้สึกเหมือนถูกรูปปั้นเทพีจ้องมอง ตั้งแต่แรกก็เป็นองค์เทพีที่นำทางเธอมายังมาโลก

หากพระนางประสงค์จะให้เธอมาหาผู้ไม่ตายย่อมต้องมีเหตุผล

เขาอาจเป็นคนที่สามารถช่วยอัลเฟนได้จริงๆ

“ข้าจะไป”

เมื่อตัดสินใจแบบนั้น เมโลดี้รู้สึกเหมือนเห็นรูปปั้นองค์เทพียิ้ม เธอคิดไปเองหรือเปล่านะ?

พอตัดสินใจได้แล้ว เมโลดี้ประกาศไปยังหัวหน้ากิดล์ไททันทันที ทำให้เดคอนต้องมาหาเธออย่างเร่งด่วน

“คุณไปไม่ได้”

กิลด์ไททันลงทุนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปมาก เธอคิดจะออกไป? เรื่องแบบนี้ยอมรับได้อย่างไร?

“นี่เป็นบัญชาจากเทพี ฉันก็ไม่ต้องการเช่นนี้แต่ไม่มีทางเลือก”

“คุณทำให้ผมลำบากใจนะ”

เดคอนตกที่นั่งลำบากจริงๆ

เขาไม่ได้ส่งเราส์แรงค์สูงไปเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของเมโลดี้เพราะหวังดี ไม่ได้อยากช่วยปลดปล่อยอัลเฟน

เขาทำไปเพื่อประโยชน์ของกิลด์ไททัน

ปาฏิหาริย์ที่เมโลดี้สร้างขึ้นเป็นข่าวในโทรทัศน์ กิลด์ไททันได้รับความสนใจจากทั่วโลก เธอรักษาคนหลายคน กิลด์ไททันรู้สึกขอบคุณโบสถ์อาเรีย ยิ่งกว่านั้น ความสามารถในการพยากรณ์ของเธอก็ช่วยได้มาก

พวกเขาได้ครอบครองดันเจี้ยนมากกว่าก่อนถึงสามเท่า เป็นเหตุให้เราส์จำนวนมากมาเข้าร่วมกิลด์ไททัน แน่นอน เราส์ย่อมอยากเข้ากิลด์ที่เก่งด้านการยึดดันเจี้ยน

เราส์แรงค์สูงหลายคนถูกส่งไปเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ แต่กำลังโดยรวมของกิลด์ไททันเพิ่มกว่าเดิม การลงทุนครั้งนี้ทำให้กิลด์ขยายใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า

แต่เขาจะพอใจเพียงเท่านี้ได้อย่างไร?

ผลประโยชน์ไม่ควรจะจบเท่านี้ ต่อไปเมโลดี้จะเป็นกุญแจสำคัญเมื่อเกิดดันเจี้ยนเบรกทั่วโลกกับการยึดอัลเฟน

เหมือนคนร้องหาพระเจ้าเมื่อสิ้นหวัง เมื่อหายนะของการถูกมอนสเตอร์บุกเกิดขึ้น คนย่อมมองหาเทพและองค์กรที่จะปกป้องตนเป็นธรรมดา

ถ้าเขามีสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือจะทำให้กิลด์มีฐานะดีขึ้นในภายภาคหน้า

โชคไม่ดี เขาไม่สามารถขวางทางเธอได้

“ฉันขอบคุณสำหรับความใส่ใจของกิลด์ไททันที่มีให้มาตลอด หลังจากคืนทุกอย่างที่ฉันได้รับแล้วฉันจะไป”

สีหน้าเดคอนเครียดขึ้นเมื่อได้ฟัง

เขายอมไม่ได้

“ในเมื่อเป็นเทพยากรณ์ผมคงได้แต่ส่งคุณไป แต่อัศวินศักดิ์สิทธิ์จะตามคุณ สตรีศักดิ์สิทธิ์ต่อไป และกิลด์ของเราจะสนับสนุนคุณกับโบสถ์อาเรียเช่นเดิม”

“จริงหรือ?”

เมโลดี้ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์มาก่อน แสดงความขอบคุณ

เดคอนพยักหน้าพลางพูด

“ทั้งโบสถ์อาเรียและสตรีศักดิ์สิทธิ์สามารถกลับมาที่นี่ได้เสมอ”

โบสถ์หลักของอาเรียอยู่ที่โลกอัลเฟน ที่นี่เป็นเพียงโบสถ์ชั่วคราว

เมโลดี้รู้ว่าเดคอนต้องการอะไร

“คุณฮามิลตันได้รับเมตตาจากเทพี เธอสามารถใช้พลังพรจากเทพีได้ เธอจะเป็นบาทหลวงของโบสถ์นี้”

“ขอบคุณครับ ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์”

เดคอนหัวเราะ อย่างน้อยนี่ก็เป็นผลดีที่สุดแล้ว

เขาพยายามชักจูงให้เมโลดี้อยู่ที่กิลด์ไททันแต่เมื่อเป็นไปไม่ได้ ได้เท่านี้เขาก็พอใจ โบสถ์อาเรียยังอยู่กับกิลด์ไททัน และอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่สนับสนุนสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็มาจากกิลด์ไททัน

“ตกลงว่าคุณจะไปตะวันออกกลางเหรอ? หรือจะไปเกาหลี?”

เมโลดี้คิดอยู่ครู่แล้วตัดสินใจ

เทพีบอกให้เธอไปหาเขา

“ฉันต้องไปตะวันออกกลาง”

“เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”

เดคอนสั่งให้เตรียมเครื่องบินส่วนตัวของกิลด์ทันที

วูจินไม่ได้ขออะไรจากกิลด์ไททันมาก

เขาขอยานพาหนะสำหรับเดินทางไปตะวันออกกลางและให้พวกเขาเก็บกวาดพื้นที่หลังจากเขาทำลายสถานที่นั้นไป

กิดล์ไททันเป็นคนเตรียมยานพาหนะ ส่วนงานเก็บกวาดเป็นกองทัพสหรัฐอเมริการับผิดชอบ

เดคอนไม่ต้องไปเองด้วยซ้ำ

รถที่เมโลดี้และอัศวินศักดิ์สิทธิ์นั่งมุ่งหน้าไปยังสนามบิน

***

ในดันเจี้ยน

“คิบะ หยุด”

[รับบัญชา!]

คิบะรับคำอย่างองอาจ เรามองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น การต่อสู้หรือประมือ แต่ซุงกูกับฮีซอลกำลังนอนอย่างหมดแรง

“โอย”

“ประธาน...ช่วยด้วย”

ซุงกูมีรอยโหว่ตรงช่องท้อง ส่วนฮีซอลไหล่แหลกละเอียด ขาข้างหนึ่งของเธอทำมุมแปลกๆ ทั้งสองมีสติเลือนรางเต็มที นอนบนพื้นอย่างเจ็บปวดขยับตัวไม่ได้

“เชด”

วูจินส่งวิญญาณรักษาทั้งคู่

“อึก”

กระดูกบิดเบี้ยวบิดกลับสร้างความเจ็บปวดมหาศาล แต่ร่างกายของทั้งสองฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว ไม่นานสีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติแม้จะว่างเปล่าอยู่บ้างเหมือนยังไม่หายช็อค

แต่ซุงกูทำใจได้เร็วกว่าหน่อยเพราะโดนแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

“ฮู้ว คุณคิบะแข็งแกร่งจริงๆ”

“แน่อยู่แล้ว เขาเป็นออร์คลอร์ด”

คิบะเคยเป็นหัวหน้าเผ่า และแม้แต่ในหมู่หัวหน้าเผ่าเขาก็ยังเป็นหัวหน้าเผ่าสูงสุดเป็นตัวแทนเผ่าอื่นทั้งหมด เผ่าปีกเทาของคิบะเป็นที่รู้จักดีแม้แต่ลูกน้องของทราห์เน็ตยังยอมรับ

แรงค์ A กับแรงค์ C

ถ้าจัดระดับตามอัลเฟน ซุงกูกับฮีซอลอยู่ในวงแหวนที่ 6 กับวงแหวนที่ 4

ยังห่างไกลนักหากจะรับมือกับระดับคิบะ

“ฮีซอล ตั้งสติไว้”

“เอ๊ะ? คะ... ค่ะ!”

เธอกลัว เธอนึกว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว สติของฮีซอลกลับมาเมื่อถูกวูจินตะโกนใส่ ภาพของวูจินที่ก้มมองพวกเธอประทับในความคิด

“พวกนายเคลียร์ดันเจี้ยน 5 ดาวได้แน่ ถ้าพยายามมากๆ ดันเจี้ยน 6 ดาวก็น่าจะเคลียร์ได้”

“เฮะๆ ทั้งหมดนี่เพราะลูกพี่สั่งสอนครับ”

ฮีซอลประทับใจในความสามารถประจบของซุงกู ทำไมเขาถึงตั้งสติได้เร็วขนาดนี้ ซุงกูที่เจอแบบนี้มาบ่อยเป็นคนน่าทึ่งมากสำหรับฮีซอล

“งั้นเริ่มกันต่อ”

“ครับผม”

“...”

สายตาซุงกูเปล่งประกายจ้า แต่ฮีซอลทำหน้าหวาดกลัว

‘ชิ ยังอีกไกลเลย’

แน่นอน ใครๆก็ต้องกลัวทั้งนั้นเมื่อถูกต้อนจนใกล้ตาย

แต่ ถ้าประสบกับเรื่องเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า คนๆนั้นจะผ่านมันมาได้ ถ้าไม่ตาย คนๆนั้นจะเข้มแข็งขึ้นเหมือนซุงกู ฮีซอลต้องทำตามเขา

ความสามารถของซุงกูกับฮีซอลทำให้เวลาในการเคลียร์ดันเจี้ยนลดลงมาก วูจินใช้เวลาที่เหลือเรียกอัศวินมรณะเช่นคิบะออกมาฝึกคนทั้งสอง

เวลาในดันเจี้ยนช้ากว่าข้างนอกสี่เท่า ผลที่ได้จากการฝึกจึงมากกว่าข้างนอก 4 เท่า

อัศวินมรณะใช้อาวุธไม่เหมือนกันและมีวิธีสู้ในแบบตัวเอง เมื่อทั้งสองสู้กับอัศวินมรณะต่างกัน พวกเขาจะได้สัมผัสกับการต่อสู้หลากหลาย

“รัคโต”

วูจินเรียกอัศวินมรณะออกมาทีละตน ซุงกูกับฮีซอลรั้งอยู่ตรงขอบความตายจนถึงเวลาที่วูจินไป
ตะวันออกกลาง

***

รถซีดานคันหนึ่งจอดใกล้สถานีจูคจุน

หัวหน้ากิลด์ฮวาราง ลีซังโฮ ขับรถอย่างบ้าคลั่งมาที่นี่ เขาพ่นคำสบถยาวเหยียด

“แม่งกูมาทำอะไรที่นี่วะ”

แม้ตอนลงจากรถเขายังไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาที่นี่ เขาเชื่อสิ่งที่เหมือนภาพหลอนนั่นจริงๆเหรอ?
เขาไม่อยากเชื่อ แต่จะไม่เชื่อได้อย่างไรในเมื่อดาบของยุนฮีอยู่ต่อหน้า?

“ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?”

เมื่อดันเจี้ยนถูกเคลียร์ หลังจากกลุ่มที่เคลียร์ออกไปแล้วมีคนเข้าใหม่ดันเจี้ยนนั้นจะคืนสภาพเป็นแบบเดิม มอนสเตอร์ทั่วไปถูกเรียกออกมาใหม่ ทุกสิ่งก่อนการคืนสภาพจะหายไป

มีใครบางคนทำสิ่งที่ฝืนกฎนี้

อาจเป็นพระเจ้า อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนโครงสร้างของดันเจี้ยนหรือสามารถเข้าดันเจี้ยนจากที่ๆมันมา

“เฮ้อ”

ไม่สำคัญว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ เขาถูกชักชวนด้วยข้อเสนอนั้นจึงมาที่เดกู

เขาลงจากรถ มองทางเข้าสถานีจูกจุนที่ยุนฮีตาย

“ชิ”

มาคิดดู ทุกอย่างเริ่มผิดเพี้ยนไปตั้งแต่จุดนี้ ถ้าเขาไม่ส่งยุนฮีมาที่เดกูเพื่อตรวจสอบคังวูจิน

หน้าทางเข้าสถานี มีรูปปั้นคังวูจินขนาดเล็ก

[เพื่อยกย่องวีรชนผู้หยุดหายนะ]

นี่ไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลท้องถิ่น คนจากพื้นที่ใกล้เคียงช่วยกันออกเงินสร้าง เมื่อลีซังโฮเห็นเขารู้สึกว่าคำด่าขึ้นมาจุกที่คอ

วูจินเป็นวีรบุรุษของคนในท้องที่ แต่เป็นศัตรูตัวฉกาจของลีซังโฮ

วูจินทำลายธุรกิจของเขา ฆ่าน้องสาวเขา เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้กิลด์ของเขาตกต่ำ

ลีซังโฮยืนหน้าทางเข้าดันเจี้ยน

คนจากหน่วยจัดการมองเขาแปลกๆ มีบาเรียกั้นไว้เพราะมีคนใช้ดันเจี้ยนอยู่

“ตรงนั้นอันตรายนะครับ ถ้าไม่ได้จองไว้ก่อนช่วยถอยไปด้วย”

ขนาดคนจากหน่วยจัดการยังจำเขาไม่ได้เหรอ? เขาเป็นหัวหน้ากิลด์ใหญ่ของเกาหลีนะ

ความรำคาญ ความโกรธพลุ่งขึ้นในอก

“อ๋า?”

คนที่เฝ้าทางเข้าดันเจี้ยนรวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนข้างๆลอยขึ้น พลังเหนือธรรมชาติจับพวกเขาลอยขึ้นโดยไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้ พวกเขามองลีซังโฮซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวการ

“พวกนายไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?”

เหมือนจมใต้น้ำลึกโดยไม่มีได้สวมเครื่องป้องกัน แรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ปวดศีรษะ ร่างกายบิดตามสัญชาติญาณป้องกันตัวเองเมื่อในที่สุดก็จำคนตรงหน้าได้

“หัว...หัวหน้ากิลด์ฮวาราง”

ลีซังโฮปล่อยพลังที่จับคนทั้งสามไว้

หลังจากหล่นพื้น พวกเขาสูดลมหายใจลึก สุดท้ายเมื่อคืนสติได้ก็ถามคำถาม

“คุณ...มีธุระอะไรที่นี่”

“...”

นั่นสิ เขามาทำอะไร

เพื่อพลังหรือ? เพราะเขาไม่มีพลังพอจะแก้แค้นเอง?

ตลก เขาต้องมาที่นี่เพราะถูกภาพลวงตาประหลาดล่อลวงมาแน่ เขาอยากเชื่อคำของภาพลวงตา เรื่องแบบนี้ทำให้เขาอยากหัวเราะ

“ไม่มีอะไร”

ลีซังโฮหันหลัง

ถึงจะตกที่นั่งลำบาก เขาจะทำตัวเหมือนคนบ้าได้เหรอ? ตอนนี้เขาทำตัวเหมือนพวกคลั่งเรื่องไสยศาสตร์ไม่รู้ผิดถูก

มันเกิดขึ้นตอนลีซังโฮกำลังจะเดินจากไป

[คุๆ ข้าถูกใจเจ้า]

ภาพลวงตาปรากฏตรงหน้าเขาอีกครั้ง

[ถ้าเจ้าตามข้า ข้าจะให้พลัง]

ภาพลวงตาเปลี่ยนเป็นควันขาว ผ่านหูของลีซังโฮเข้าไปในดันเจี้ยน

ภาพลวงตาหายไปเหมือนถูกดูดเข้าไปในดันเจี้ยน ลีซังโฮขยี้ตา

‘อะไรวะ?’

เขาถูกผีล่อลวง?

ลีซังโฮส่ายหน้า แต่แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้นกับดันเจี้ยน

แสงพุ่งจากดันเจี้ยนขึ้นฟ้า

“ดันเจี้ยนรีเซ็ท!”

“ฮะ จริงด้วย”

นี่เป็นดันเจี้ยนที่ตั้งตรงสี่แยก คนจำนวนไม่น้อยเดินผ่านไปมา เราส์ที่อยู่ใกล้ๆเข้ามามอง

มันเกิดขึ้นพอดีเกินกว่าจะเรียกว่าบังเอิญ ดวงตาลีซังโฮสั่นไหว

“ฮัลโหล? ที่นี่สถานีจูคจุน...”

เมื่อเกิดดันเจี้ยนรีเซ็ท เวลาเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด จากนี้ไปมีเวลาอีก 30 วันสำหรับเคลียร์ดันเจี้ยน พนักงานยุ่งอยู่กับการรายงานทางโทรศัพท์แต่แล้วโทรศัพท์ก็ระเบิด เขาไม่อาจรายงานจบ

“ทำอะไรของคุณ!”

พนักงานยังไม่ทันหันไปมองรอบตัว ตัวเขากับพนักงานรักษาความปลอดภัยถูกดึงขึ้นฟ้า หัวกระแทกกับกำแพง

เสียงเหมือนแตงโมถูกทุบ เลือดไหลตามกำแพงลงมาเป็นทางยาว จากนั้นร่างสามร่างก็ร่วงลงพื้น

“พลัง”

เหมือนถูกแม่เหล็กดูด ลีซังโฮมุ่งหน้าไปทางดันเจี้ยนที่ถูกรีเซ็ท

เขาไม่สนใจว่าดันเจี้ยนนี้เป็นแรงค์อะไร เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าแรงค์ B อย่างตัวเองจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้หรือไม่

“แก้แค้น”

บางอย่างในนั้นจะมอบพลังให้

เขาไม่สนใจถ้ามันจะเปลี่ยนเขาเป็นพวกคลั่งนิกายประหลาด เขาต้องการพลัง

มนุษย์โลกคนหนึ่งโยนสำนึกผิดถูกทิ้งแล้วผ่านทางเข้าดันเจี้ยนไป



สารบัญ                                   บทที่ 91


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น