บทที่ 90 – มุ่งหน้าสู่จุดจบ (3)
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยืนต่อหน้ารูปปั้นเทพี
“เทพีของข้า ข้าต้องไปจริงๆหรือ?”
เธอย้ำกับตัวเองว่าต้องไป แต่ก็ผัดผ่อนจนหลายวันผ่านไป
ดูเหมือนเธอมีชะตาต้องบินไปหาเขา ผู้ไม่ตายขอความร่วมมือจากกิลด์ไททัน พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกกลางเพื่อปราบปรามองค์กรก่อการร้าย
เหมือนเขากำลังโบกมือเรียกเธอ เมโลดี้รู้สึกไม่สบายใจ
“เฮ้อ”
เธอจะปฏิเสธไม่ไปก็ไม่ได้ แม้แต่ตอนนี้ เมโลดี้ยังรู้สึกเหมือนถูกรูปปั้นเทพีจ้องมอง ตั้งแต่แรกก็เป็นองค์เทพีที่นำทางเธอมายังมาโลก
หากพระนางประสงค์จะให้เธอมาหาผู้ไม่ตายย่อมต้องมีเหตุผล
เขาอาจเป็นคนที่สามารถช่วยอัลเฟนได้จริงๆ
“ข้าจะไป”
เมื่อตัดสินใจแบบนั้น เมโลดี้รู้สึกเหมือนเห็นรูปปั้นองค์เทพียิ้ม เธอคิดไปเองหรือเปล่านะ?
พอตัดสินใจได้แล้ว เมโลดี้ประกาศไปยังหัวหน้ากิดล์ไททันทันที ทำให้เดคอนต้องมาหาเธออย่างเร่งด่วน
“คุณไปไม่ได้”
กิลด์ไททันลงทุนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปมาก เธอคิดจะออกไป? เรื่องแบบนี้ยอมรับได้อย่างไร?
“นี่เป็นบัญชาจากเทพี ฉันก็ไม่ต้องการเช่นนี้แต่ไม่มีทางเลือก”
“คุณทำให้ผมลำบากใจนะ”
เดคอนตกที่นั่งลำบากจริงๆ
เขาไม่ได้ส่งเราส์แรงค์สูงไปเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ของเมโลดี้เพราะหวังดี ไม่ได้อยากช่วยปลดปล่อยอัลเฟน
เขาทำไปเพื่อประโยชน์ของกิลด์ไททัน
ปาฏิหาริย์ที่เมโลดี้สร้างขึ้นเป็นข่าวในโทรทัศน์ กิลด์ไททันได้รับความสนใจจากทั่วโลก เธอรักษาคนหลายคน กิลด์ไททันรู้สึกขอบคุณโบสถ์อาเรีย ยิ่งกว่านั้น ความสามารถในการพยากรณ์ของเธอก็ช่วยได้มาก
พวกเขาได้ครอบครองดันเจี้ยนมากกว่าก่อนถึงสามเท่า เป็นเหตุให้เราส์จำนวนมากมาเข้าร่วมกิลด์ไททัน แน่นอน เราส์ย่อมอยากเข้ากิลด์ที่เก่งด้านการยึดดันเจี้ยน
เราส์แรงค์สูงหลายคนถูกส่งไปเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ แต่กำลังโดยรวมของกิลด์ไททันเพิ่มกว่าเดิม การลงทุนครั้งนี้ทำให้กิลด์ขยายใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า
แต่เขาจะพอใจเพียงเท่านี้ได้อย่างไร?
ผลประโยชน์ไม่ควรจะจบเท่านี้ ต่อไปเมโลดี้จะเป็นกุญแจสำคัญเมื่อเกิดดันเจี้ยนเบรกทั่วโลกกับการยึดอัลเฟน
เหมือนคนร้องหาพระเจ้าเมื่อสิ้นหวัง เมื่อหายนะของการถูกมอนสเตอร์บุกเกิดขึ้น คนย่อมมองหาเทพและองค์กรที่จะปกป้องตนเป็นธรรมดา
ถ้าเขามีสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือจะทำให้กิลด์มีฐานะดีขึ้นในภายภาคหน้า
โชคไม่ดี เขาไม่สามารถขวางทางเธอได้
“ฉันขอบคุณสำหรับความใส่ใจของกิลด์ไททันที่มีให้มาตลอด หลังจากคืนทุกอย่างที่ฉันได้รับแล้วฉันจะไป”
สีหน้าเดคอนเครียดขึ้นเมื่อได้ฟัง
เขายอมไม่ได้
“ในเมื่อเป็นเทพยากรณ์ผมคงได้แต่ส่งคุณไป แต่อัศวินศักดิ์สิทธิ์จะตามคุณ สตรีศักดิ์สิทธิ์ต่อไป และกิลด์ของเราจะสนับสนุนคุณกับโบสถ์อาเรียเช่นเดิม”
“จริงหรือ?”
เมโลดี้ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์มาก่อน แสดงความขอบคุณ
เดคอนพยักหน้าพลางพูด
“ทั้งโบสถ์อาเรียและสตรีศักดิ์สิทธิ์สามารถกลับมาที่นี่ได้เสมอ”
โบสถ์หลักของอาเรียอยู่ที่โลกอัลเฟน ที่นี่เป็นเพียงโบสถ์ชั่วคราว
เมโลดี้รู้ว่าเดคอนต้องการอะไร
“คุณฮามิลตันได้รับเมตตาจากเทพี เธอสามารถใช้พลังพรจากเทพีได้ เธอจะเป็นบาทหลวงของโบสถ์นี้”
“ขอบคุณครับ ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์”
เดคอนหัวเราะ อย่างน้อยนี่ก็เป็นผลดีที่สุดแล้ว
เขาพยายามชักจูงให้เมโลดี้อยู่ที่กิลด์ไททันแต่เมื่อเป็นไปไม่ได้ ได้เท่านี้เขาก็พอใจ โบสถ์อาเรียยังอยู่กับกิลด์ไททัน และอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่สนับสนุนสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็มาจากกิลด์ไททัน
“ตกลงว่าคุณจะไปตะวันออกกลางเหรอ? หรือจะไปเกาหลี?”
เมโลดี้คิดอยู่ครู่แล้วตัดสินใจ
เทพีบอกให้เธอไปหาเขา
“ฉันต้องไปตะวันออกกลาง”
“เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”
เดคอนสั่งให้เตรียมเครื่องบินส่วนตัวของกิลด์ทันที
วูจินไม่ได้ขออะไรจากกิลด์ไททันมาก
เขาขอยานพาหนะสำหรับเดินทางไปตะวันออกกลางและให้พวกเขาเก็บกวาดพื้นที่หลังจากเขาทำลายสถานที่นั้นไป
กิดล์ไททันเป็นคนเตรียมยานพาหนะ ส่วนงานเก็บกวาดเป็นกองทัพสหรัฐอเมริการับผิดชอบ
เดคอนไม่ต้องไปเองด้วยซ้ำ
รถที่เมโลดี้และอัศวินศักดิ์สิทธิ์นั่งมุ่งหน้าไปยังสนามบิน
***
ในดันเจี้ยน
“คิบะ หยุด”
[รับบัญชา!]
คิบะรับคำอย่างองอาจ เรามองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น การต่อสู้หรือประมือ แต่ซุงกูกับฮีซอลกำลังนอนอย่างหมดแรง
“โอย”
“ประธาน...ช่วยด้วย”
ซุงกูมีรอยโหว่ตรงช่องท้อง ส่วนฮีซอลไหล่แหลกละเอียด ขาข้างหนึ่งของเธอทำมุมแปลกๆ ทั้งสองมีสติเลือนรางเต็มที นอนบนพื้นอย่างเจ็บปวดขยับตัวไม่ได้
“เชด”
วูจินส่งวิญญาณรักษาทั้งคู่
“อึก”
กระดูกบิดเบี้ยวบิดกลับสร้างความเจ็บปวดมหาศาล แต่ร่างกายของทั้งสองฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว ไม่นานสีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติแม้จะว่างเปล่าอยู่บ้างเหมือนยังไม่หายช็อค
แต่ซุงกูทำใจได้เร็วกว่าหน่อยเพราะโดนแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
“ฮู้ว คุณคิบะแข็งแกร่งจริงๆ”
“แน่อยู่แล้ว เขาเป็นออร์คลอร์ด”
คิบะเคยเป็นหัวหน้าเผ่า และแม้แต่ในหมู่หัวหน้าเผ่าเขาก็ยังเป็นหัวหน้าเผ่าสูงสุดเป็นตัวแทนเผ่าอื่นทั้งหมด เผ่าปีกเทาของคิบะเป็นที่รู้จักดีแม้แต่ลูกน้องของทราห์เน็ตยังยอมรับ
แรงค์ A กับแรงค์ C
ถ้าจัดระดับตามอัลเฟน ซุงกูกับฮีซอลอยู่ในวงแหวนที่ 6 กับวงแหวนที่ 4
ยังห่างไกลนักหากจะรับมือกับระดับคิบะ
“ฮีซอล ตั้งสติไว้”
“เอ๊ะ? คะ... ค่ะ!”
เธอกลัว เธอนึกว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว สติของฮีซอลกลับมาเมื่อถูกวูจินตะโกนใส่ ภาพของวูจินที่ก้มมองพวกเธอประทับในความคิด
“พวกนายเคลียร์ดันเจี้ยน 5 ดาวได้แน่ ถ้าพยายามมากๆ ดันเจี้ยน 6 ดาวก็น่าจะเคลียร์ได้”
“เฮะๆ ทั้งหมดนี่เพราะลูกพี่สั่งสอนครับ”
ฮีซอลประทับใจในความสามารถประจบของซุงกู ทำไมเขาถึงตั้งสติได้เร็วขนาดนี้ ซุงกูที่เจอแบบนี้มาบ่อยเป็นคนน่าทึ่งมากสำหรับฮีซอล
“งั้นเริ่มกันต่อ”
“ครับผม”
“...”
สายตาซุงกูเปล่งประกายจ้า แต่ฮีซอลทำหน้าหวาดกลัว
‘ชิ ยังอีกไกลเลย’
แน่นอน ใครๆก็ต้องกลัวทั้งนั้นเมื่อถูกต้อนจนใกล้ตาย
แต่ ถ้าประสบกับเรื่องเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า คนๆนั้นจะผ่านมันมาได้ ถ้าไม่ตาย คนๆนั้นจะเข้มแข็งขึ้นเหมือนซุงกู ฮีซอลต้องทำตามเขา
ความสามารถของซุงกูกับฮีซอลทำให้เวลาในการเคลียร์ดันเจี้ยนลดลงมาก วูจินใช้เวลาที่เหลือเรียกอัศวินมรณะเช่นคิบะออกมาฝึกคนทั้งสอง
เวลาในดันเจี้ยนช้ากว่าข้างนอกสี่เท่า ผลที่ได้จากการฝึกจึงมากกว่าข้างนอก 4 เท่า
อัศวินมรณะใช้อาวุธไม่เหมือนกันและมีวิธีสู้ในแบบตัวเอง เมื่อทั้งสองสู้กับอัศวินมรณะต่างกัน พวกเขาจะได้สัมผัสกับการต่อสู้หลากหลาย
“รัคโต”
วูจินเรียกอัศวินมรณะออกมาทีละตน ซุงกูกับฮีซอลรั้งอยู่ตรงขอบความตายจนถึงเวลาที่วูจินไป
ตะวันออกกลาง
***
รถซีดานคันหนึ่งจอดใกล้สถานีจูคจุน
หัวหน้ากิลด์ฮวาราง ลีซังโฮ ขับรถอย่างบ้าคลั่งมาที่นี่ เขาพ่นคำสบถยาวเหยียด
“แม่งกูมาทำอะไรที่นี่วะ”
แม้ตอนลงจากรถเขายังไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงมาที่นี่ เขาเชื่อสิ่งที่เหมือนภาพหลอนนั่นจริงๆเหรอ?
เขาไม่อยากเชื่อ แต่จะไม่เชื่อได้อย่างไรในเมื่อดาบของยุนฮีอยู่ต่อหน้า?
“ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?”
เมื่อดันเจี้ยนถูกเคลียร์ หลังจากกลุ่มที่เคลียร์ออกไปแล้วมีคนเข้าใหม่ดันเจี้ยนนั้นจะคืนสภาพเป็นแบบเดิม มอนสเตอร์ทั่วไปถูกเรียกออกมาใหม่ ทุกสิ่งก่อนการคืนสภาพจะหายไป
มีใครบางคนทำสิ่งที่ฝืนกฎนี้
อาจเป็นพระเจ้า อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนโครงสร้างของดันเจี้ยนหรือสามารถเข้าดันเจี้ยนจากที่ๆมันมา
“เฮ้อ”
ไม่สำคัญว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ เขาถูกชักชวนด้วยข้อเสนอนั้นจึงมาที่เดกู
เขาลงจากรถ มองทางเข้าสถานีจูกจุนที่ยุนฮีตาย
“ชิ”
มาคิดดู ทุกอย่างเริ่มผิดเพี้ยนไปตั้งแต่จุดนี้ ถ้าเขาไม่ส่งยุนฮีมาที่เดกูเพื่อตรวจสอบคังวูจิน
หน้าทางเข้าสถานี มีรูปปั้นคังวูจินขนาดเล็ก
[เพื่อยกย่องวีรชนผู้หยุดหายนะ]
นี่ไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลท้องถิ่น คนจากพื้นที่ใกล้เคียงช่วยกันออกเงินสร้าง เมื่อลีซังโฮเห็นเขารู้สึกว่าคำด่าขึ้นมาจุกที่คอ
วูจินเป็นวีรบุรุษของคนในท้องที่ แต่เป็นศัตรูตัวฉกาจของลีซังโฮ
วูจินทำลายธุรกิจของเขา ฆ่าน้องสาวเขา เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้กิลด์ของเขาตกต่ำ
ลีซังโฮยืนหน้าทางเข้าดันเจี้ยน
คนจากหน่วยจัดการมองเขาแปลกๆ มีบาเรียกั้นไว้เพราะมีคนใช้ดันเจี้ยนอยู่
“ตรงนั้นอันตรายนะครับ ถ้าไม่ได้จองไว้ก่อนช่วยถอยไปด้วย”
ขนาดคนจากหน่วยจัดการยังจำเขาไม่ได้เหรอ? เขาเป็นหัวหน้ากิลด์ใหญ่ของเกาหลีนะ
ความรำคาญ ความโกรธพลุ่งขึ้นในอก
“อ๋า?”
คนที่เฝ้าทางเข้าดันเจี้ยนรวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนข้างๆลอยขึ้น พลังเหนือธรรมชาติจับพวกเขาลอยขึ้นโดยไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้ พวกเขามองลีซังโฮซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวการ
“พวกนายไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?”
เหมือนจมใต้น้ำลึกโดยไม่มีได้สวมเครื่องป้องกัน แรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ปวดศีรษะ ร่างกายบิดตามสัญชาติญาณป้องกันตัวเองเมื่อในที่สุดก็จำคนตรงหน้าได้
“หัว...หัวหน้ากิลด์ฮวาราง”
ลีซังโฮปล่อยพลังที่จับคนทั้งสามไว้
หลังจากหล่นพื้น พวกเขาสูดลมหายใจลึก สุดท้ายเมื่อคืนสติได้ก็ถามคำถาม
“คุณ...มีธุระอะไรที่นี่”
“...”
นั่นสิ เขามาทำอะไร
เพื่อพลังหรือ? เพราะเขาไม่มีพลังพอจะแก้แค้นเอง?
ตลก เขาต้องมาที่นี่เพราะถูกภาพลวงตาประหลาดล่อลวงมาแน่ เขาอยากเชื่อคำของภาพลวงตา เรื่องแบบนี้ทำให้เขาอยากหัวเราะ
“ไม่มีอะไร”
ลีซังโฮหันหลัง
ถึงจะตกที่นั่งลำบาก เขาจะทำตัวเหมือนคนบ้าได้เหรอ? ตอนนี้เขาทำตัวเหมือนพวกคลั่งเรื่องไสยศาสตร์ไม่รู้ผิดถูก
มันเกิดขึ้นตอนลีซังโฮกำลังจะเดินจากไป
[คุๆ ข้าถูกใจเจ้า]
ภาพลวงตาปรากฏตรงหน้าเขาอีกครั้ง
[ถ้าเจ้าตามข้า ข้าจะให้พลัง]
ภาพลวงตาเปลี่ยนเป็นควันขาว ผ่านหูของลีซังโฮเข้าไปในดันเจี้ยน
ภาพลวงตาหายไปเหมือนถูกดูดเข้าไปในดันเจี้ยน ลีซังโฮขยี้ตา
‘อะไรวะ?’
เขาถูกผีล่อลวง?
ลีซังโฮส่ายหน้า แต่แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้นกับดันเจี้ยน
แสงพุ่งจากดันเจี้ยนขึ้นฟ้า
“ดันเจี้ยนรีเซ็ท!”
“ฮะ จริงด้วย”
นี่เป็นดันเจี้ยนที่ตั้งตรงสี่แยก คนจำนวนไม่น้อยเดินผ่านไปมา เราส์ที่อยู่ใกล้ๆเข้ามามอง
มันเกิดขึ้นพอดีเกินกว่าจะเรียกว่าบังเอิญ ดวงตาลีซังโฮสั่นไหว
“ฮัลโหล? ที่นี่สถานีจูคจุน...”
เมื่อเกิดดันเจี้ยนรีเซ็ท เวลาเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุด จากนี้ไปมีเวลาอีก 30 วันสำหรับเคลียร์ดันเจี้ยน พนักงานยุ่งอยู่กับการรายงานทางโทรศัพท์แต่แล้วโทรศัพท์ก็ระเบิด เขาไม่อาจรายงานจบ
“ทำอะไรของคุณ!”
พนักงานยังไม่ทันหันไปมองรอบตัว ตัวเขากับพนักงานรักษาความปลอดภัยถูกดึงขึ้นฟ้า หัวกระแทกกับกำแพง
เสียงเหมือนแตงโมถูกทุบ เลือดไหลตามกำแพงลงมาเป็นทางยาว จากนั้นร่างสามร่างก็ร่วงลงพื้น
“พลัง”
เหมือนถูกแม่เหล็กดูด ลีซังโฮมุ่งหน้าไปทางดันเจี้ยนที่ถูกรีเซ็ท
เขาไม่สนใจว่าดันเจี้ยนนี้เป็นแรงค์อะไร เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าแรงค์ B อย่างตัวเองจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้หรือไม่
“แก้แค้น”
บางอย่างในนั้นจะมอบพลังให้
เขาไม่สนใจถ้ามันจะเปลี่ยนเขาเป็นพวกคลั่งนิกายประหลาด เขาต้องการพลัง
มนุษย์โลกคนหนึ่งโยนสำนึกผิดถูกทิ้งแล้วผ่านทางเข้าดันเจี้ยนไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น