วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 91

บทที่ 91 – มุ่งหน้าสู่จุดจบ (4)


‘ฉันทำอะไรไป’

ลีซังโฮประหลาดใจเมื่อเข้าดันเจี้ยนมา

เขาเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปและรู้สึกเสียใจทีหลัง แต่จะถอยกลับก็สายไปแล้ว เมื่อบาเรียก่อตัวขึ้นเขาก็ออกไปไม่ได้จนกว่าจะเคลียร์ดันเจี้ยนและได้หินรีเทิร์นสโตนมา

[ไม่ใช่ ถ้าเจ้ารับข้อเสนอของข้า เจ้าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย]

“น...นายเป็นใคร?”

[คึๆๆ]

เสียงหัวเราะดังในหัวทำให้ลีซังโฮตัวสั่น

[ถ้าเจ้าอยากได้พลัง มาหาข้า]

ชิ้ง

อุโมงค์สีแดงก่อตัวขึ้นต่อหน้าลีซังโฮ

‘ขึ้นมาทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้ฆ่ามอนสเตอร์เลยเหรอ?’

อุโมงค์ที่พาไปยังดันเจี้ยนจริงจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมอนสเตอร์ในสถานีใต้ดินตายหมดแล้ว คราวนี้มันกลับก่อตัวขึ้นทันทีที่ลีซังโฮเข้ามา

พูดให้ถูกคือ เจ้าของเสียงประหลาดเป็นคนสร้างขึ้น

ถ้าลีซังโฮไม่โง่ก็สังเกตได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น

‘สิ่งนั้นควบคุมดันเจี้ยนได้’

เขาไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ไม่รู้ว่าเป็นเทพ ปีศาจหรือสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก แต่เขารู้ว่ามันสามารถควบคุมดันเจี้ยนได้ และไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกมาที่นี่

ที่แน่ๆคือเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าอุโมงค์นี้

ลีซังโฮขจัดความคิดเรื่องเคลียร์ดันเจี้ยนออกไป มี'บางสิ่ง'เชิญชวนเขามาด้วยสัญญาจะให้'พลัง' ที่เขาต้องทำคือตกลงแลกเปลี่ยนกับสิ่งนั้น

วิ้ง

ลีซังโฮผ่านอุโมงค์ เขาได้ยินเสียงวิ้ง จากนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายไม่มีน้ำหนัก เหมือนกำลังถูกส่งไปมิติอื่น

เขาเป็นเราส์แรงค์ B เคยเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์สูงมาบ้างจึงไม่รู้สึกประหลาดกับความรู้สึกนี้

แต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้านั้นทั้งประหลาดทั้งไม่คุ้นเคย

ปราสาทน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่มีลมเย็นโชยพัด

พื้นดินรกร้างปกคลุมไปด้วยหิมะขาว ถนนทอดไปยังเนินเขาที่ปราสาทตั้งอยู่

ลีซังโฮตัวสั่นอย่างไม่ตั้งใจเมื่อเห็นภาพข่มขวัญเบื้องหน้า

ขณะกำลังกลืนน้ำลาย บางอย่างที่ไม่รู้จักออกมาจากปราสาทแล้ววิ่งมาทางลีซังโฮ

กึงๆๆ

แต่ละย่างก้าวของสัตว์ประหลาดทำให้พื้นสะเทือน หัวใจลีซังโฮเต้นแรงขึ้น

ความสามารถพิเศษลีซังโฮคือพลังจิต เขาอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นเราส์สายกายภาพ

“อา...”

เขารู้ว่าสิ่งที่เขารับมือไม่ได้กำลังมุ่งหน้ามาจึงคราง

สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่มีหลังโค้งปกคลุมไปด้วยขนสีขาวหนา มันคืนโทรลน้ำแข็ง มันหยุดตรงหน้าลีซังโฮ ยืนด้วยความสูงกว่าคนปกติสามเท่า

มันสูดจมูกเพื่อดมกลิ่นเขา กลิ่นเหม็นเกินทนออกมาจากปากของมันแต่ลีซังโฮไม่ขยับตัว สิ่งนั้นคงไม่เรียกเขามาที่นี่เพื่อเป็นอาหารของโทรลน้ำแข็งหรอก

เมื่อมันหันหลัง ลีซังโฮจึงได้เห็นสิ่งที่โทรลน้ำแข็งลากมา มันดูเหมือนรถลากผสมเลื่อน

ลีซังโฮเข้าใจความหมาย เขาสูดลมหายใจลึกแล้วขึ้นไปนั่งบนเลื่อน

ไอร้อนลอยออกมาจากจมูกของมันขณะมันวิ่งลากเลื่อนไปยังปราสาท ปราสาทมีขนาดใหญ่จนให้ความรู้สึกเหมือนมันอยู่ใกล้ แต่กลับต้องใช้เวลานานกว่าจะไปถึง แม้เลื่อนจะเคลื่อนที่ไปอย่างเร็วมากแล้ว

เมื่อลีซังโฮมายืนหน้าประตูปราสาท มันสูงประมาณ 10 เมตร ทำให้เดาไปถึงเจ้าของที่ใช้ประตูนี้บ่อยๆ

เมื่อประตูเปิดออก เขาตามโทรลน้ำแข็งเข้าไป

มองไปรอบตัวเห็นโทรลน้ำแข็งจำนวนไม่น้อย เขายังเห็นมอนสเตอร์ที่เหมือนแมมมอธ

หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน เขามาถึงใจกลางปราสาท

มันเหมือนที่อยู่ของพระราชา ที่แห่งนี้เป็นประกายเนื่องจากแกะจากน้ำแข็ง เป็นปราสาทในนิทานอย่างล้นเหลือ

ใจกลางโถงกว้าง มีบันไดทอดขึ้นไปข้างบน ที่จุดสูงสุดมีสิ่งที่เรียกเขามากำลังนั่งบนบัลลังก์

“เจ้ามาจริงๆ”

สิ่งนั้นทำจากน้ำแข็งทั้งหมด

มันเหมือนโกเลมน้ำแข็ง แต่มีขนาดรูปร่างเหมือนมนุษย์ ถึงอย่างนั้นก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่มนุษย์

ลีซังโฮคุกเข่าลงก้มหัวให้

เมื่อสิ่งนั้นเห็น มันลุกขึ้นจากบัลลังก์

“หัวไวดีนี่”

เหมือนมันจะชอบใจ มันเดินลงบันไดมาทีละขั้นแล้วยืนตรงหน้าลีซังโฮ

“เงยหน้าขึ้น”

“ครับ”

ลีซังโฮเงยหน้าขึ้น บังคับตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้ เขารู้สึกชัดเจน รูปปั้นน้ำแข็งตรงหน้าสามารถใช้เพียงปลายนิ้วฆ่าเขา...

คังวูจินที่ต่อยเขาต่อหน้ากล้องยังเทียบกับสิ่งนี้ไม่ได้

“ยินดีต้อนรับสู่อาณาเขตมิติของข้า”

“...”

“คึๆ ไม่ต้องตัวสั่นไป ข้าอยากมอบข้อเสนอให้ จึงส่งข้อความไปหาเจ้า”

เงาขาวเงาหนึ่งปรากฏตัวแล้วหายไปยังข้างกายร่างน้ำแข็ง

“ข้าจะมอบพลังที่เจ้าต้องการให้...”

มอบพลังให้... เขาชอบคำนี้ นี่เป็นคำที่เขาต้องการ แต่เขารู้ว่าของฟรีไม่มีในโลก ความต้องการพลังของเขาถูกใช้เป็นตัวล่อพาเขามาที่นี่

“คุณต้องการอะไร?”

“คึๆๆ”

สิ่งนั้นหัวเราะ

“เพราะอย่างนี้ข้าถึงชอบพวกมนุษย์”

มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เข้าใจ-ว่าถ้าอยากได้อะไรเกินตัวก็ต้องมีอย่างอื่นตอบแทน เพราะอย่างนี้พวกมันจึงเป็นเหยื่อ เป็นแหล่งพลังงานชั้นดี

“ข้าอยากยึดโลก แต่โลกยังไม่ยอมรับข้า มันเร็วเกินไป”

“...”

ลีซังโฮฟังเงียบๆ เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้กำลังพูดถึงอะไร แต่เขารู้สึกเหมือนได้ฟังความลับบางอย่างที่ไม่มีใครบนโลกรู้

“ข้าไม่ยอมเสียที่ล่าดีๆให้พวกที่ต่ำต้อยกว่าข้า”

สิ่งนั้นหันหลังให้ลีซังโฮ มันมองบังลังก์ที่เพิ่งลุกจากมา

มีบันได 25 ขั้น

เขาคือเกรทลอร์ดขั้นที่ 25 ของทราห์เน็ต

อิเอลโล

“ข้าไม่ใช่เจ้าโง่รัชโมด ข้าไม่ใช้ทางเชื่อมไม่เสถียรแบบนั้นหรอก”

แม่ทัพทั้ง 72 ของทราห์เน็ต เกรทลอร์ดที่มีบัลลังก์ของตัวเอง

แต่ละบัลลังก์มีตัวเลขตามขั้นบันไดจาก 1 ถึง 72 และเหนือเหล่าแม่ทัพขึ้นไปเป็นราชา... ทุกตนต้องมีพื้นที่ล่าของตัวเอง

โลกกำลังถูกประสาน พลังงานจึงเพิ่มขึ้นและเกิดการเชื่อมต่อโดยเริ่มจากขั้น 1 เมื่อพลังงานเพิ่มขึ้นอีก แม่ทัพจากขั้นสูงขึ้นไปจะสามารถเข้ามาที่โลก

อิเอลโลไม่ชอบเลย

มันไม่อาจเชื่อมต่อกับโลกเร็วเท่าเกรทลอร์ดตนอื่นที่อยู่ในขั้นต่ำกว่า มันต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงบนโลก

“เจ้าแค่ต้องก่อปัญหาตามใจเจ้าต้องการ”

อิเอลโลหันกลับมาใหม่ ยกมือเหนือหัวลีซังโฮที่กำลังคุกเข่าอยู่ ความรู้ใหม่ไหลเข้ามาในหัวลีซังโฮเหมือนเรียนทักษะจากตำราทักษะ

‘นี่...นี่คือ...’

ดันเจี้ยนเบรก

อิเอลโลต้องการเวลา 30 วันกว่าจะสามารถใช้หินรีเทิร์นสโตนได้ แต่มันสามารถเร่งเวลาได้ถ้าใช้คนจากบนโลก ลีซังโฮจะเป็นตัวนำให้มัน เปิดทางให้บรรดามอนสเตอร์เข้ามาในโลกได้

“อ้อ ข้าจะมอบพลังให้เจ้า ดูเจ้าจะมีความแค้นกับผู้ไม่ตายน่ารำคาญนั่น”

อิเอลโลหักเศษน้ำแข็งจากไหล่แล้วยื่นให้ลีซังโฮ เขารับมาอย่างยำเกรง เศษน้ำแข็งที่เหมือนดอกไม้ซึมเข้าไปในร่างเขาทันที

‘ป...เป็นไปได้ยังไง!’

เขารู้สึก พลังล้นเหลือลุกฮือขึ้นในร่างเหมือนมังกรตัวหนึ่ง เขาปลุกความสามารถใหม่ขึ้นมาและความรู้ของเขาขยายกว้างขึ้น

‘เทพ สิ่งนี้คือหนึ่งในมวลเทพ’

ถ้าแอสการ์ดมีจริงคงจะเป็นแบบนี้? ที่นี่คงเป็นโลกของเผ่าเทพ? (TN-Asgard-ภพของเหล่าเทพตามตำนานนอร์ส แอบสงสัยทำไมลีซังโฮเห็นปราสาทน้ำแข็งแล้วนึกเจาะจงไปถึงแอสการ์ด เล่นเกมมาก?)

เหล่าเทพพยายามจะลงมายังโลก

พวกมนุษย์โง่เขลาพยายามต่อต้านเทพอย่างไร้ประโยชน์ ไม่ว่าอย่างไรเหล่าเทพก็จะลงมาอยู่ดี

ลีซังโฮรู้ดี ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรมนุษย์ก็หยุดไม่ได้

เขาจะเป็นตัวแทนของเทพ

เขาจะแก้แค้น เขาจะทำลาย

[คุณกลายเป็นข้ารับใช้ของอิเอลโล เกรทลอร์ดขั้นที่ 25]

อิเอลโลยิ้ม

คงไม่ได้มีแต่มันที่ส่งข้อความไป

การประสานของโลกจะเร่งเร็วขึ้น อิเอลโลจะก่อตัวบนโลกก่อนพวกต่ำต้อยกว่ามันได้พลังมากไปกว่านี้ มันจะป้องกันบัลลังก์ของมันและท้าทายบัลลังก์ที่เหนือกว่า

“ทำตามที่เจ้าต้องการ ทาสของข้า”

แสงสีน้ำเงินวาบผ่านดวงตาลีซังโฮ

***

วูจินเคยนั่งเครื่องบินส่วนตัวของกิลด์ไททันมาแล้ว เขาจึงทักทายคนบนเครื่องบินที่คุ้นหน้า แต่เมื่อเห็นหญิงสาวเขาขมวดคิ้ว

“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่?”

“...”

ไม่ทันสตรีศักดิ์สิทธิ์จะตอบ ควันดำก่อตัวขึ้นข้างวูจิน คิบะโผล่ออกมา

[นังปีศาจ!]

คิบะคำรามก้องเครื่องบิน เขากำลังจะพุ่งไปใช้ขวานสับหญิงสาวเป็นสองส่วน แต่วูจินห้ามไว้

“ถ้าไม่ได้เรียกอย่าออกมา”

ลมหายใจของคิบะพ่นใส่สตรีศักดิ์สิทธิ์ เมโลดี้หน้าซีดแต่ไม่ถอย สติของวูจินเชื่อมต่อกับห้องรออัญเชิญ เขาถอนหายใจเมื่อรู้ว่าบรรดาอัศวินมรณะกำลังคัดค้าน

“กลับไป”

บัญชาของผู้ไม่ตายต้องทำตามอย่างเคร่งครัด

คิบะไม่เก็บซ่อนความคิดสังหารขณะจ้องเมโลดี้ เขาเปลี่ยนกลับเป็นควันดำแล้วกลับเข้าไปในตัววูจิน

“...”

สิ่งที่น่ากลัว ไม่มีใครรู้จักปรากฏตัวขึ้น พนักงานบนเครื่องบินต่างตกตะลึง ถอยไปยืนติดผนังเครื่องบิน

อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ติดตามเมโลดี้ต่างตัวแข็งเพราะจิตสังหารกับแรงกดดันของคิบะ

“เธอก็จะไปตะวันออกกลางด้วย?”

“ค่ะ...”

“อสูรของฉันไม่ชอบเธอ เธอจะตามมาทำไม?”

“...เทพีบอกให้ผู้น้อยสนับสนุนผู้ไม่ตาย...”

“เฮ้อ ทำไมเจ๊คนนั้นบอกแบบนั้นล่ะ?”

วูจินขมวดคิ้ว

สตรีศักดิ์สิทธิ์แบบไหนกันต้องมาช่วยเนโครแมนเซอร์?

“ขะ...ขออภัยค่ะ”

เมโลดี้ก้มหัว

คนๆนี้เคยเจอกับเหล่าเทพมาแล้ว เมโลดี้ได้แต่สำรวมต่อหน้าผู้ไม่ตาย เธอเป็นแค่ทาสที่ได้ยินเสียงของเทพี

“เฮ้อ ไม่เป็นไร ขอโทษทำไม?”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ต้องทำตามคำสั่งของเทพี

ที่ผิดคือเทพีอาเรีย เมโลดี้ไม่ได้ทำผิดอะไร

“อย่าเข้ามาใกล้ฉันมากแล้วกัน”

“ค่ะ”

“แล้วก็อย่าใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ใกล้ๆฉันด้วย”

“ค่ะ...”

วูจินย้ำอีกครั้ง

“ฉันเอาจริงนะ อย่าใช้ ถ้าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอพลาดไปโดนพวกนี้มันจะตายเอา”

“ค่ะ ผู้น้อยจะระวัง”

เหล่าอัศวินมรณะยังตะโกนคัดค้านอยู่ในห้องอัญเชิญ วูจินขมวดคิ้ว

เขาไม่ว่าอะไรที่เธอมาอยู่ด้วย

บิบิกับโดลเซก็ไม่เป็นไร เพราะหนึ่งเป็นปีศาจอีกหนึ่งเป็นโกเลม แต่อสูรผีดิบของเขาเกลียดสตรี
ศักดิ์สิทธิ์

“เฮ้อ ช่างมัน”

วูจินนั่งคาดเข็มขัด

สตรีศักดิ์สิทธิ์ถอยไปนั่งไกลๆ เธอภาวนาต่อเทพีของเธอ

‘องค์เทพี ถ้าเห็นใจข้าได้โปรดปกป้องข้าด้วย’

เธอดีใจที่อัลเฟนจะได้รับการช่วยเหลือ

แต่เธอต้องติดตามวูจินทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ยินดีต้อนรับนัก อนาคตของเธอดูมืดมัว หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความกังวล

เมื่อเมโลดี้ถอยห่างจากวูจิน อัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็มองเขาอย่างระแวงด้วย

“อ๊ะ ฉันน่าจะเอาหนังมาดูด้วย”

วูจินรู้สึกเสียดาย แต่สายไปแล้ว

เครื่องบินลอยจากรันเวย์แล้วมุ่งหน้าไปยังตะวันออกกลาง




สารบัญ                            บทที่ 92


1 ความคิดเห็น: