บทที่ 85 – ขยายกิลด์ (3)
เคยมีคนพูดไว้ใช่ไหมว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่รู้จักปรับตัว?
เชฮีซอลกรีดก็อบลินที่ตายเพราะถูกเผา ดึงบลัดสโตนออกมาอย่างรวบรัด
“เฮ้อ ฉันเก็บมาหมดแล้วค่ะ”
เฮซอลเก็บบลัดสโตนเข้ากระเป๋าแล้วยืดหลังขึ้น
“เหนื่อยไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ”
เฮซอลดื่มน้ำขวดที่ซุงกูส่งให้ วูจินเป็นคนเอาน้ำพวกนี้มาจากมิติส่วนตัวของเขา มันเป็นน้ำสะอาด ไม่ต้องห่วงเรื่องสารปนเปื้อน เฮซอลรู้ว่าถ้าขืนกินหรือดื่มของในดันเจี้ยนเข้าไปอาจป่วยได้
“ฮู่ว จะว่าไป หินเพิ่มพลังที่ดิฉันกินเข้าไปก่อนมาที่นี่ช่วยได้มากเลยค่ะ”
“ฮะๆ อะไรที่เขาให้คุณต้องรีบใช้ทันทีเลยนะ”
นี่เป็นกฎเหล็กของซุงกู ห้ามปฏิเสธของที่วูจินให้
ทำตามที่เขาสั่ง ไม่ทำสิ่งที่เขาห้าม
ถ้าทำตามกฎนี้ อย่างน้อยไม่ตายแน่
ไม่นานมานี้ ซุงกูเคลียร์ดันเจี้ยน 5 ดาวสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว
ความเครียดกังวลในตอนนั้นต่างจากตอนนี้ลิบลับ เข้าดันเจี้ยนครั้งนี้เขารู้สึกปลอดภัยเหมือนมาปิกนิกกับวูจิน
แต่เขาไม่ได้เข้ามาเล่น เขามาลงแรงเก็บบลัดสโตน เพราะอย่างนั้นจะว่าเป็นปิกนิกก็ไม่เชิง เหมือนมาหาของป่าล่ะมั้ง?
เอาน่ะ ซุงกูรู้แน่ว่าเขาไม่ได้มาเสี่ยงตาย
เฮซอลก็เช่นกัน
“ตกใจเลยค่ะ ดิฉันไม่รู้เลยว่าประธานควบคุมอันเดดได้มากมายขนาดนี้...”
เราส์สายอัญเชิญสามารถอัญเชิญหรือจับอสูรมาใช้งานได้ คุณภาพและปริมาณขึ้นอยู่กับความสามารถของเราส์ แม้ทหารโครงกระดูกกับนักเวทย์โครงกระดูกของวูจินจะเป็นแรงค์ C แต่เขาควบคุมพวกมันทีเดียวมากกว่าร้อยตัว
“ตอนนี้ผมคิดว่าเขาเรียกมาแค่ครึ่งหนึ่งของที่เขาเรียกมาได้นะ ผมยังไม่เคยเห็นเขาเรียกมาเต็มขีดจำกัดเลย ฮะๆ”
“...”
“อย่าไปใช้เหตุผลกับเขาเลยครับ”
“ฮ้า โลกยังรู้จักความสามารถของประธานไม่ถึงครึ่งเลยนะคะ”
ถูกต้อง แม้แต่ซุงกูที่เข้าดันเจี้ยนกับวูจินยังไม่เคยเห็นขีดจำกัดของเขาเลย
วูจินมีแต่จะเก่งขึ้นๆ
“เขากำลังมาทางนี้แน่ะ”
วูจินนำกองทัพโครงกระดูกเข้าไปในป่าตามเส้นทางที่ถูกทำลาย ฮีซอลรู้ว่าพวกมันไม่ใช่ศัตรูแต่เธอก็อดตึงเครียดไม่ได้เมื่อเห็นโครงกระดูกร้ายกาจหลายร้อยตัวนี้
“โก”
ท่ามกลางกองทัพโครงกระดูก เธอเห็นสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นออกมา
โกเลมสร้างจากศิลากำลังเดินมา ถืออะไรบางอย่างไว้
“ฮีซอล”
“ค่ะ!”
ฮีซอลวิ่งไปหาวูจินอย่างรวดเร็ว
“ลองจับเจ้าตัวนี้ดู”
“ตะ...ตัวนี้เหรอคะ?”
เสือขาวตัวหนึ่งกำลังดิ้นไปมาในมือโดลเซ
ถ้าเทียบกับสิ่งมีชีวิตในโลก มอนสเตอร์ตัวนี้เหมือนเสือเขี้ยวดาบที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
วูจินเรียกหอกกระดูกมาฝังลงพื้น เขาส่งพลังเวทย์ไปแล้วเปลี่ยนมันเป็นคุกกระดูก โดลเซโยนเสือเข้าไป
“ฮื่อ”
เสือถูกโยนลงพื้นจากนั้นมันหมอบตัวต่ำ คำราม
จากแท่งกระดูกที่ทำเป็นคุก ฮีซอลรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจากเสือเขี้ยวดาบ มันตัวใหญ่เท่าบ้าน
“คุณอยากให้ดิฉันเข้าไปในนั้นเหรอคะ?”
วูจินฟังแล้วยิ้ม
เขาจับมันได้ไม่ยาก แต่เสือตัวนี้เลเวล 57 ถ้าฮีซอลเข้าไปในกรง ไม่ถึง 3 วินาทีก็กลายเป็นชิ้นๆแล้ว
“อยากตายแล้วเหรอไง?”
“...”
“ซุงกู”
“ครับลูกพี่”
“สั่งสอนให้มันว่าง่ายหน่อย”
“ได้ครับ”
ซุงกูกระโดดเข้าไปอย่างกล้าหาญ
ฮีซอลตกใจเมื่อเห็นอย่างนั้น ซุงกูเป็นเราส์คนที่สองของกิลด์อลันดาลและเพิ่งเลื่อนเป็นแรงค์ B เมื่อเดือนก่อน
“เฮะๆ หวัดดี”
“แฮ่”
ซุงกูยิ้มพลางมองเสือ
“โฮก!”
เสือเขี้ยวดาบอ้าปากกว้างส่งเสียงคำราม เสียงขู่ของมันทำอาจทำอะไรพวกโอเกอร์ไม่ได้ แต่ทำให้สัตว์ตัวเล็กๆแข็งทื่ออย่างด้วยความกลัว
ฮีซอลตัวแข็งขยับไปไหนไม่ได้ ซุงกูเขี่ยหูตัวเอง
“อ่า ขอโทษไว้ก่อนนะ”
ซุงกูขอโทษแล้ววิ่งเข้าหาเสือเขี้ยวดาบ คุกกระดูกมีรัศมีประมาณ 5 เมตร มีที่ให้หลบไม่มากนักแต่เสือเขี้ยวดาบไม่คิดหลบ
มันหมอบต่ำแล้วคอยโอกาสจู่โจม
“กายเหล็ก”
ซุงกูใช้ทักษะกายเหล็กให้ทั่วร่างแข็งเหมือนเหล็ก จากนั้นก็เปิดฉากทุบตีเสือ
บางครั้งซุงกูก็ถีบพลาด แต่ไม่บ่อยนัก เสือตัวใหญ่เกินไปเตะต่อยยังไงก็โดน
ความว่องไวของเสือกลายเป็นไร้ประโยชน์
ไม่ใช่แค่เพราะกรงเล็ก
ซุงกูรับหินเพิ่มพลังเข้าไป ด้วยเหตุนั้นค่าพลังของเขาจึงเกินขอบเขตของมนุษย์ไปแล้ว ความเร็วของเขาเทียบได้กับเสือเขี้ยวดาบ...ไม่ใช่ เร็วยิ่งกว่า
ซุงกูปล่อยหมัดเหมือนนักมวย เรียบง่ายแต่ได้ผล เขาขยับตัวเพียงนิดเดียวหลบกรงเล็บของเสือเขี้ยวดาบแล้วต่อยต่อ
‘กรรมการฮงเก่งขนาดนี้เชียว?’
หลังจากส่งจดหมายสมัครงานไปที่กิลด์อลันดาล เชฮีซอลค้นประวัติของกิลด์อย่างละเอียด เธอรู้ว่ากรรมการฮงซุงกูเริ่มจากเราส์แรงค์ F และเพิ่งจะเปลี่ยนเป็นแรงค์ B เมื่อเดือนที่แล้ว
ในความเข้าใจของเธอ แรงค์ B ย่อมเก่งอยู่แล้ว แต่ที่อยู่ในความคิดกับที่มาเห็นจริงๆมันต่างกันเกินไป
ฮงซุงกูเทียบได้กับระดับท็อปของเราส์สายกายภาพในเราส์แรงค์ B เลยทีเดียว
เขาเป็นคนร่าเริงมากแท้ๆ... เธอกับหนุ่มน้อยคนนี้เก็บบลัดสโตนมาด้วยกัน ฮีซอลอึ้งเมื่อเห็นอีกด้านที่คาดไม่ถึงของซุงกู
เธอไม่ได้ตกใจที่เห็นการเคลื่อนไหวว่องไวของซุงกู แต่สับสนกับท่าทางสบายๆของเขา
พอฮีซอลเข้าไปในคุกกระดูก เสือเขี้ยวดาบก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว มันถูกสั่งสอนมาอย่างหนัก
ท่าทางมันร่อแร่เหมือนโจมตีเบาๆอีกทีเดียวก็จะตายแล้ว
ฮีซอลวางมือบนหัวเสือเขี้ยวดาบแล้วใช้ทักษะฝึกสัตว์
แสงรวมตัวในมือเธอห่อหุ้มเสือกับตัวเธอเอาไว้ก่อนจะหายไป ฮีซอลหันไปทางวูจินอย่างหม่นหมอง
“พลาดค่ะ”
วูจินยักไหล่
คิดจากความห่างของเลเวลก็ไม่น่าจะสำเร็จได้
“ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะสำเร็จ...”
“...เข้าใจแล้วค่ะ”
จากนั้นเฮซอลพยายามอีกหลายครั้งและก็ยังพลาด เธอทรุดลงบนพื้นเหงื่อท่วมตัว
“ดิ...ดิฉันไม่มีพลังเวทย์เหลือแล้วค่ะ”
วูจินส่งวิญญาณดวงหนึ่งไปเพิ่มพลังให้
พลังที่ไม่รู้ที่มาที่ไปซึมเข้าไปในร่างของฮีซอลเพิ่มพลังเวทย์ของเธอจนเต็ม ฮีซอลมองวูจินอย่างงุนงง
“ทำต่อไป...”
“...ค่ะ”
ฮีซอลใช้ทักษะไปเรื่อยๆและพลาดเรื่อยๆ ซุงกูทนไม่ไหวจึงลองแนะนำ
“ภาวนาอย่างจริงจังสิครับ บางทีจักรวาลอาจจะช่วยคุณก็ได้”
“...”
คิดจริงๆเหรอว่าจะได้ผล?
“เฮ้ย ซุงกู ไอ้เวรนั่นเล็งคอฮีซอลอยู่ สั่งสอนอีกหน่อย”
“อ๋า? แรงมันกลับมาหน่อยแล้ว”
ผัวะ ผัวะ ผัวะ
เสือเขี้ยวดาบที่ใกล้ตายมีเรี่ยวแรงฟื้นขึ้นมาเพราะได้นอนพัก มันกำลังรอโอกาสโจมตีฮีซอล แต่ซุงกูตีมันทันที
วูจินให้คำแนะนำฮีซอลที่ถอยกลับมา
“อย่าร้อนใจไป ดูจากความห่างของเลเวล นี่เป็นงานยาก”
ถ้าเป็นมอนสเตอร์แรงค์ต่ำคงดีกว่า แต่ที่นี่เป็นดันเจี้ยนระดับสูง มีก็อบลิน แต่การฝึกมอนสเตอร์ที่ใช้ชีวิตในสังคมเผ่ายากกว่าฝึกมอนสเตอร์สัตว์ป่า
“การฝึกมอนสเตอร์มี 2 วิธี เธอรู้สึกสนิทและเป็นเพื่อนกับมัน หรืออีกวิธีคือกำราบมัน คิดว่าตอนนี้เธอกำลังใช้วิธีไหนอยู่?”
ฮีซอลมองซุงกูเตะต่อยเสือเขี้ยวดาบอย่างไม่ปราณีแล้วพูดอย่างใคร่ครวญ
“กำราบมันอยู่ใช่ไหมคะ?”
“เปล่า เธอกำราบมันอยู่เหรอ?”
ในฐานะเนโครแมนเซอร์ วูจินมีค่าพลัง ‘บงการ’ นักฝึกสัตว์มีค่าพลัง ‘ความสนิทสนม’ ค่าพลังนี้ต้องสูง นักฝึกสัตว์จึงจะมีโอกาสจับมอนสเตอร์ระดับสูงได้ดี
วูจินชี้ไปทางซุงกูที่กำลังทุบตีเสือ
“นั่นตัวโกง”
“...”
วูจินชี้ไปทางเสือเขี้ยวดาบที่ถูกซุงกูทุบตี
“ไอ้ตัวโกงนั่นกำลังทำร้ายเพื่อนของเธอ”
“...”
“เธออยากเป็นเพื่อนกับไอ้นั่นที่กำลังโดนตื้บ”
วูจินกับฮีซอลมองหน้ากัน
“เธอจะทำยังไง?”
“ดิ...ดิฉันต้องหยุดเขา?”
“เธอต้องปกป้องมันจากตัวโกง”
“...”
นี่มันอะไรกัน? เขาอยากให้เธอแสดงละครเหรอ?
“คุณอยากให้ฉันแสดง...”
“ไม่ เธอต้องทำให้เหมือนเธอจริงใจจริงๆ เธอกำลังปกป้องแมวจากกรรมการฝ่ายงานเบ็ดเตล็ดจอมโกง ไปสู้กับเขา ล้มตัวโกงให้ได้”
“...”
วูจินตะโกนถามซุงกู
“ได้ยินที่ฉันพูดไปไหม?”
“ได้ยินครับ”
“แสดงให้เหมาะล่ะ”
“ครับ!”
วูจินตบหลังฮีซอล
“ไปช่วยมัน แล้วก็เป็นเพื่อนกับมัน”
“...ค่ะ”
ซุงกูตะโกนเมื่อฮีซอลวิ่งเข้ามา
“เฮี้ย ฮ่าๆๆๆ คนอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้”
ดูเหมือนซุงกูจะดูการ์ตูนเรื่องไหนมาสักเรื่อง ฮีซอลสงสัยว่าเธอควรจะตอบอะไรไหม แต่หมัดของซุงกูพุ่งมาทางเธอ
ฮีซอลบล็อกหมัดอย่างไม่ตั้งใจ
ปึก!
‘เอ๊ะ?’
ซุงกูต่อยมาช้าๆ แต่แรงกระแทกใส่กระดูกแขนเธอไม่เบาเลย
“เฮือก!”
ความเจ็บพุ่งวูบ ฮีซอลร้องไม่ออกได้แต่อ้าปากพะงาบๆ
“ก...กรรมการฮง คุณ...หักแขนดิฉัน”
“เฮะๆ เจ้ามันอ่อนแอเกินไป”
“ก...กรรมการฮง”
เขายังหัวเราะร่าเริงแล้วปล่อยลูกเตะ ฮีซอลกลัวจริงๆเมื่อเห็น เธอกลิ้งหลบ
“รีบๆโจมตีสิ แล้วใช้ทักษะฝึกสัตว์ใหม่”
ตามเสียงของวูจิน ฮีซอลเข้าใกล้ซุงกูแล้วต่อยใส่หน้าอกเขา ซุงกูสามารถหลบได้ง่ายๆ แต่เขากระเด็นไปตามแรงหมัด... เขากระโดดถอยไป
ซุงกูกระเด็นไปทะลุกำแพงกระดูก แล้วร่วงไปแน่นิ่งกับพื้น
“...”
เธอรู้ว่าเธอไม่ได้ทำ แต่ก็ยังมองสลับระหว่างหมัดตัวเองกับซุงกูที่ถูกต่อยกระเด็น
“รีบจับมันเร็ว”
“ค่ะ”
ละครโง่ๆแบบนี้จะได้ผลเหรอ? ฮีซอลหันไปมองเสือเขี้ยวดาบ มันถูกตีอย่างหนักจนแทบขยับลูกตามามองเธอไม่ไหว
ดวงตาของมันมีน้ำตาคลอ
เธอรู้สึกได้ตั้งแต่ก่อนจะเริ่มใช้ทักษะจับมัน
‘มัน...ซึ้งมากที่ฉันช่วย?’
ฮีซอลเข้าไปใกล้เสือเขี้ยวดาบแล้วแตะหัวมัน แสงวาบจากมือและเสาแสงล้อมรอบพวกเธอ ผูกสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างพวกเธอเอาไว้
“ครืด”
เสือเขี้ยวดาบครางอย่างพอใจ ความรู้สึกของมันส่งผ่านมายังฮีซอล
‘มันประทับใจมาก ขอบคุณและอยากตอบแทน’
มันถูกพวกมนุษย์จับมา ถูกทำร้าย มันรู้สึกขอบคุณที่มีมนุษย์ลุกขึ้นต่อต้านมนุษย์ด้วยกันเองเพื่อช่วยมัน
“ได้ผู้พิทักษ์มาหนึ่งแล้ว”
วูจินยิ้มแล้วดึงวิญญาณที่เก็บไว้ในเกราะผีออกมารักษาแขนหักของฮีซอลกับเสือเขี้ยวดาบ
เสือเขี้ยวดาบแยกเขี้ยวใส่วูจินกับซุงกู แต่มันไม่แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับฮีซอลที่ยืนข้างๆ
“ไอ้นี่คงพอปกป้องเธอได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“เอาล่ะ ตามฉันมา คอยเก็บบลัดสโตนด้วย”
“...ค่ะ”
“แล้วก็ฝึกสกิลที่เธอเรียนวันนี้ด้วย”
“ค่ะ”
วูจินให้ฮีซอลทำงานหนักจนจับเสือเขี้ยวดาบมาได้ เพราะเขาอยากใช้ซุงกูได้สะดวก ถ้าทิ้งซุงกูให้ปกป้องฮีซอล ถึงจะเก็บบลัดสโตนได้แต่ประสิทธิภาพโดยรวมก็จะตกไป
“เฮะๆ ฝีมือการแสดงผมเป็นไงบ้างครับลูกพี่?”
“เอารางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมไปเลย”
“เฮะๆๆ”
วูจินชมไปงั้นๆแต่ซุงกูดีใจมาก
ฮีซอลส่ายหน้า เธอมองซุงกูแล้วตัดพ้อ
“เมื่อกี๊กรรมการฮงน่ากลัวมากเลยค่ะ”
“เฮะๆ ผมอัดคุณเบาๆนะ กลัวว่าจะตาย”
“...”
หรือกรรมการฮงจะอันตรายกว่าประธานนะ
ตอนแรกฮีซอลไม่คิดอะไรกับซุงกูมาก แต่ตอนนี้เธอต้องมองซุงกูใหม่แล้ว
ในอลันดาล นอกจากเธอแล้วมีเราส์สองคน เราส์คนแรกเธอประเมินไม่ถูกด้วยซ้ำว่ามีพลังถึงขั้นไหน เราส์อีกคนก็เก่งกาจเช่นกัน
“ขนาดในกองทัพยังแทบไม่มีเราส์สายกายภาพที่เก่งขนาดคุณเลยค่ะ อีกไม่นานต้องได้แรงค์ A แน่ๆ”
ฮีซอลชมแต่ซุงกูขมวดคิ้ว
“แต่ผมเป็นนักเวทย์นะ?”
“...”
กิลด์พิลึกอะไรแบบนี้เนี่ย?
คิมจองอึนต้องไปเจอกับวูจินมาแน่ๆเลย...
ตอบลบซุงกูนักเวทย์กล้าม....
ตอบลบ5555พี่เทพปั้นมาเองกับมือ
ตอบลบกิลด์นี้ไม่ปกติตามประธานกิลด์แล้วฮะทุกคน โหดยกแผง
ตอบลบนักเวทที่ชอบต่อสู้ระยะประชิดเป็นอะไรที่ดี
ตอบลบอีกหน่อยเธอก็จะได้ประหลาดตามเพื่อนร่วมกิลด์ไปนั่นแหละ 5555
ตอบลบ