บทที่ 83 – ขยายกิลด์
“อืม เหมือนให้กำลังใจน่ะ แปลว่าเขากำลังดูอยู่และอยากให้ฉันแต่งให้ดี?”
“หา บอกว่าจะเลิก นี่คือให้กำลังใจเหรอ?”
“อืม สมัยนี้ใช้แบบนี้แหละ”
“ทำไมศัพท์สมัยนี้เข้าใจยากจัง?”
“เฮะๆ ในเน็ตเขาเล่นกันแบบนี้แหละ”
วูจินเริ่มอ่านความเห็นหลังจบตอนต่อ
“เจ้านี่ หมาลายจุด ต้องเป็นแฟนแน่ เขาบอกจะเลิกทุกตอนเลย”
“อ่า...นั่นสินะ”
จีวอนหัวเราะแห้ง
“สนุกดีนะ หรือฉันจะเขียนมั่งดี?”
“หา?”
“ฮะๆ ล้อเล่น ฉันว่าจะเรียนคำสมัยใหม่พวกนี้ก่อน”
วูจินยิ้มเมื่อนึกถึงเบคจองโด เจอกันครั้งต่อไป เขาจะเป็นคนสอนคำที่กำลังนิยมให้เอง
“ดูพวกเว็บตูนสิ มีอะไรสนุกๆเยอะเลยนะ นายจะประหลาดใจมากแน่ถ้าเห็นคนในเน็ตสร้างสรรค์กันขนาดไหน”
“โอ้ จริงเหรอ?”
วูจินกับจีวอนสนุกกับการดูเว็บตูนในโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กของพวกเขา
‘ความจำเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อยๆเลย เรื่องนี้ยังพิมพ์ต่ออีกแฮะ’
เว็บตูนเรื่อง ‘เสียงจากร่างกาย’ ยังไม่จบ นี่เป็นเรื่องที่เขาอ่านก่อนจะถูกเรียกไปต่างโลก มันทำให้คิดถึงวันเก่าๆ ทุกครั้งที่วูจินนึกถึงความทรงจำสมัยก่อนได้ เขาจะรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา
หลังจากคุยเล่นกับจีวอนอยู่นาน วูจินไปที่ที่ทำงาน
มันเป็นเวลา 5 โมงเย็น
เมื่อเปิดประตูสำนักงานเข้ามา สายตาของพนักงานมองมาทางวูจิน ขณะที่ทุกคนมองห่างๆ มีคนหนึ่งเดินเข้าหาเขาอย่างเร่งรีบ
“ท่านประธาน มาแล้วเหรอครับ?”
“อืม ซุงกูกับเฮมินยังไม่กลับมาเหรอ?”
“พวกเขากำลังจัดการกับของที่ได้จากดันเจี้ยนครับ ตอนนี้คงกำลังกลับมาแล้ว”
“อ้อ”
“เฮะๆ กินอะไรมาแล้วยังครับ?”
วูซุงฮุนยิ้มพลางประจบวูจิน เขารู้สึกใจอ่อนขึ้นมานิดๆ ซุงฮุนไม่ใช่คนเลว วิญญาณเขายังไม่เน่าเสีย...
วูจินมองป้ายชื่อของซุงฮุน
[แผนกสนับสนุน รักษาการหัวหน้าแผนกวูซุงฮุน]
“นายทำแบบนี้เพราะอยากเลื่อนตำแหน่ง?”
“ฮะๆ...”
วูซุงฮุนหัวเราะอย่างขัดเขิน ขนาดคนใหม่ที่เข้ามาช้ากว่าเขามากยังได้รับการจัดสรรตำแหน่งต่างๆตามความประสบการณ์ความสามารถ ได้ตำแหน่งรองหัวหน้าแผนก บ้างก็หัวหน้าแผนก
ทุกวันวูซุงฮุนมองรอบตัวแล้วรู้สึกเหมือนกำลังเดินบนชั้นน้ำแข็งบางๆ วูจินตบไหล่ซุงฮุนเบาๆ
“ไม่ต้องกังวล ฉันมองนายอยู่”
“ฮะๆ ขอบคุณครับ”
“อีกไม่นานนายก็จะได้เลิกแล้ว ตั้งใจเข้า”
“...”
วูจินกำลังกดดันให้เขาลาออกเหรอ?
เมื่อเห็นซุงฮุนหน้าแข็งทื่อ วูจินหัวเราะ
“นายจะอึ้งไปทำไม นี่ให้กำลังใจนะ ให้กำลังใจ”
“อ่า ครับ...”
“ขยันเข้าล่ะ”
“...ครับ”
ไม่รู้ทำไม แต่ล้อเล่นแบบนี้ทำเอาซุงฮุนเพลีย วูจินเดินไปทางห้องประธาน
“กินยาสักหน่อยแล้วกัน”
วูจินเปิดคลังแล้วเอาหินเพิ่มพลังออกมา กินอันที่ให้ค่าสถานะโดยไม่ต้องรอเวลาดูดซึม เมื่อซุงกูกลับมาเขาก็จะให้ซุงกูกินหินต่อ
วูจินรู้ว่าเวลาดูดซึมของเขานานเท่าไหร่โดยดูจากหน้าต่างค่าสถานะของเขา แต่ซุงกูไม่มีข้อได้เปรียบนั้น ถ้าซุงกูกินหินที่ต้องรอเวลาดูดซึมก็จะไม่ได้ผล เขาจึงต้องเป็นคนเลือกหินให้ซุงกูกินเอง
ขณะวูจินกำลังจะกินหินเพิ่มพลัง เขาได้ยินเสียงเคาะประตู
“เข้ามา”
คนที่ยื่นหน้าเข้ามาคือร้อยโทเชฮีซอลนั่นเอง
“โอ้ ร้อยโทเช”
“ตอนนี้เป็นแค่ทหารกองหนุนแล้วค่ะ”
ฮีซอลเดินเข้ามายืนตรงต่อหน้าวูจิน
“ท่าทางคงอีกสักพักแหละกว่าเธอจะเลิกทำท่าแบบทหาร มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ดิฉันมาทำงานที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานค่ะ”
วูจินเขย่ามือกับเธอพลางยิ้ม
เราส์คนที่สามของกิลด์อลันดาล
“รายละเอียดไว้คุยกันตอนมินชานมาถึง นั่งสิ”
“ค่ะ”
วูจินมองฮีซอล
[เลเวล 14 เชฮีซอล]
ความสามารถ – ฝึกมอนสเตอร์ สถานะ...
วูจินใช้ทักษะหลายๆอย่าง เช่น สังเกต สังหรณ์ วิเคราะห์รวมกันเพื่อรวบรวมข้อมูลของฮีซอล
“โฮ่ เธอเป็นนักฝึกสัตว์?”
“เอ๊ะ คุณรู้ได้ยังไง?”
“ฉันเห็นน่ะ”
“...”
“ที่ผ่านมาคงพัฒนาฝีมือของตัวเองไม่ค่อยได้ผลสินะ”
“ฮะๆ ค่ะ”
บนโลกมีที่ไหนยอมให้มอนสเตอร์มีชีวิตอยู่?
เมื่อเกิดดันเจี้ยนเบรก มอนสเตอร์ออกมาจากดันเจี้ยน กองกำลังต่างๆจะระดมยิงเพื่อฆ่าพวกมัน นี่เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง
ไม่มีโอกาสในการจับพวกมันมากนัก
ถ้าต้องการ ฮีซอลสามารถวนดันเจี้ยน 1 ดาวไปเรื่อยเพื่อฝึกความสามารถฝึกสัตว์ไปช้าๆ แต่เธอกลายเป็นเราส์ตอนที่เธอเข้าประจำการแล้ว
ถ้ายื่นคำร้อง เธออาจย้ายไปที่หน่วยเราส์ได้ แต่เธอเลือกอยู่กับหน่วยเดิม
แม้จะเป็นเราส์ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอยู่อย่างเราส์
แต่แล้ว วูจินมอบทางเลือก (ที่จริงๆก็มีทางเดียว) ให้เธอ ฮีซอลต้องล้มเลิกความฝันที่จะเป็นทหารแล้วเข้ากิลด์อลันดาล
วูจินผลักหินเพิ่มพลังมา
“ดูดซึมนี่เข้าไป”
“คะ?”
“ไม่รู้วิธีเหรอ แค่กินน่ะ หินนี่จะเพิ่มพลังให้เธอ”
“อ๊ะ เรื่องพวกนี้ฉันรู้ค่ะ แต่...”
ทำไมเขาถึงให้หินเพิ่มพลังราคาแพงพวกนี้ตั้งแต่ครั้งแรกง่ายๆ?
“เธอต้องมีประโยชน์กว่านี้ ตอนนี้เธอช่วยอะไรฉันไม่ได้”
“...”
แม้ไม่ชอบที่ถูกเรียกว่าไร้ความสามารถต่อหน้าแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ อีกฝ่ายไม่ใช่คนแข็งแกร่งธรรมดา เขาเป็นเราส์ระดับโลกหรืออาจเก่งที่สุดในโลก คนแบบนี้กำลังพยายามจะฝึกฝนเธอ
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณค่ะ”
หินราคาหลายล้านวอนหายไปอย่างรวดเร็ว เชฮีซอนใจเต้นแรงทุกครั้งที่หินหมดไป วูจินยิ้ม
“เธอจะพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้น”
ด้วยมานาบนโลกเพิ่มขึ้น เราส์ก็จะแข็งแกร่งขึ้นช้า แม้เฮซอลไม่ได้ฝึกเลยเธอก็ยังเลเวล 14 แล้ว
มนุษย์ธรรมดาจะมีเลเวล 9 เราส์ระดับวงแหวนที่หนึ่งคือเลเวล 10
เธอเพิ่มเลเวลมา 4 เลเวลโดยไม่ทำอะไรเลย ศักยภาพของเฮซอลถือว่าไม่เลว
“ร่างกายเธอตอบรับหินได้ดีนะ กินนี่ด้วย”
หลังจากรับหินเพิ่มพลังแล้วไม่มีช่วงรอย่อย วูจินจึงส่งหินให้อีก เฮซอลรู้สึกหนักใจแต่เธอกินต่อไปตามลำดับที่วูจินส่งให้
วูจินมองสถานะของเฮซอลเพิ่มขึ้นแล้วคิดถึงเวทย์ที่เหมาะกับเธออย่างจริงจัง ถ้าเขามีอยู่ในคลังเขาจะให้เธอเรียนเลย ถ้าไม่มีก็จะบอกให้พนักงานซื้อมา
วูจินเอาม้วนคาถาออกมา
“นี่คือเทเลพาธี”
“อะ ให้ฉันแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอคะ?”
เขาเอาแต่ให้ไอเทมราคาแพงมาเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปสามัญสำนึกของเฮซอลจะเริ่มเพี้ยน
“มันจำเป็น เธอต้องฝึกฝนความสามารถไปเรื่อยๆ”
เทเลพาธีเป็นทักษะสำคัญ ในการรบที่โกลาหลทักษะนี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ดี
ตอนนี้เครือข่ายการสื่อสารไม่เป็นอะไร หลายคนคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปตลอด แต่เมื่อเกิดดันเจี้ยนเบรกพร้อมกันทั่วโลก เมืองจะเป็นสถานที่แรกที่ถูกทำลาย สาธารณูปโภค อย่างเช่นเสาไฟฟ้าที่ส่งกระแสไฟฟ้าจะถูกทำลาย
ฮีซอลเป็นทหารเก่าที่มีศักยภาพสูง ถึงบอกไม่ได้ว่าเธอจะจงรักภักดีต่อเขาแต่เธอเป็นคนที่ไว้ใจได้ เหมาะต่อการสั่งการเราส์ฝึกใหม่
ไม่หมดแค่นั้น วูจินให้ทักษะดาบ เวทย์ป้องกันตัว เวทย์ลม ฯลฯ วูจินให้ทักษะขั้นต่ำที่ไม่มีข้อจำกัดของอาชีพ
“ดิฉันต้องเรียนหมดนี่เลยเหรอคะ?”
“ใช่ ทำไม?”
แม้ที่ผ่านมาเธอจะฝึกด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีความรู้พื้นฐานของเราส์ เราส์ต้องเรียนเพียงด้านใดด้านหนึ่งเพื่อพัฒนาความสามารถไปอย่างมั่นคง...
“...ไม่ใช่แบบนั้นเหรอคะ?”
ฟังเหตุผลของฮีซอลแล้ววูจินก็ยิ้ม
“เธอเล่นเกมอยู่เหรอฮีซอล?”
“เอ๊ะ?”
“เธอกำลังฝึกตัวละครในเกมงั้นเหรอ?”
“...”
“ถ้าไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เรียนพวกนี้ให้หมด หยุดพูดเหมือนรับไม่ไหว”
“...ค่ะ”
ฮีซอลตอบปฏิเสธไม่ได้เลยเมื่อวูจินพูดอย่างบังคับ ตอนอยู่ในกองทัพเธอได้ฝึกจิตใจให้เข้มแข็งมาบ้างแล้ว แต่แค่วูจินจ้องเธอก็รู้สึกเหมือนถูกขู่
ฮีซอลเริ่มเรียนทักษะที่วูจินให้มาโดยไม่บ่น
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
คิมเฮมินกับซงฮุงกูเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าค่อนข้างรีบร้อน
“ลูกพี่ นี่เรื่องจริงเหรอ?”
“เรื่องอะไรของนาย?”
เขาได้เจอประธานเป็นครั้งแรกหลังจากไปอเมริกาหนึ่งเดือน แต่ทักทายกันแบบนี้... ซุงกูของเราเติบโตขึ้นมาก
“อ๊ะ...ดูนี่ครับ”
ซุงกูหยิบรีโมทแล้วเปิดโทรทัศน์ เปลี่ยนช่องไปหยุดที่ถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวแห่งหนึ่ง มีคนสามคนนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นคนคุ้นเคย
“มินชานไม่ใช่เหรอ? เขาไปกินเลี้ยงแล้วไปทำอะไรตรงนั้น?”
“...”
ซุงกูอึ้งเมื่อเห็นปฏิกิริยาของวูจิน วูจินพยักหน้าไปทางอีกสองคนที่กับมินชาน
“ใคร?”
“รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกับเสนาธิการทหารบก”
“แล้วมินชานไปทำอะไรกับพวกเขา?”
“...”
ดูท่าวูจินจะไม่เข้าใจจริงๆ คิมเฮมินกลืนน้ำลายแล้วอธิบายอย่างใจเย็น
“อลันดาลเพิ่งทำความตกลงกับรัฐบาล ข้อตกลงนี้ในการสนับสนุนพวกเราเหมือนเป็นรัฐวิสาหกิจ พวกเขากำลังประกาศเรื่องนี้”
“เหรอ”
“อย่า “เหรอ” สิครับ”
รายละเอียดต่างๆมินชานเป็นคนจัดการ ดังนั้นวูจินจึงไม่ห่วงเรื่องนี้ เห็นท่าทางใจเย็นของวูจิน คิมเฮมินส่ายหน้า
“ท่านประธาน นี่เป็นครั้งแรกที่เกาหลีทำแบบนี้”
“พวกนายจะตื่นเต้นไปทำไม?”
“เราเป็นกิลด์ที่มีหน้าที่ปกป้องประเทศ... หมายความว่าพวกเราจะถูกทำเหมือนเป็นกองกำลังของประเทศนี้”
“แล้วไง?”
“นั่น...”
วูจินขมวดคิ้ว เฮมินดูไม่ออก ซุงกูจึงพูดแทน
“ช่วงเกณฑ์ทหารของพวกเราถูกขยายไปอีก”
นี่อาจจะเป็นการรับราชการทหารไปตลอด...
“หา?”
ไอ้เปรตนั่น... บอกให้ไปกินอะไรอร่อยๆแต่ดันทำเรื่องไม่จำเป็นแบบนี้...
วูจินถอนหายใจ
“พอมินชานเป็นรองประธานแล้วก็ทำเรื่องใหญ่เลยนะ”
“....”
วูจินดูอารมณ์เสีย ทุกคนจึงเงียบ
“ถ้าไอ้เวรนั่นกลับมา บอกมันไปว่าไม่ต้องมาทำงานแล้ว”
“ท่านประธานจะไปไหนครับ?”
“ลงดัน...”
“เอ๋?”
“ซุงกูกับเฮซอลตามฉันมา”
พูดจบ วูจินออกจากห้องประธานไป เฮมินรีบตามไปเตรียมรถ
ซุงกูลืมตาโตมองเชฮีซอล
จากนั้นก็หัวเราะจนตาหยี
ฮีซอลยิ้มแล้วยื่นมือไปทักทาย
“ดิฉันหวังว่า...”
ซุงกูไม่ยอมจับมือแต่กอดเธอแทน
“อื้มๆ มาร่วมทรมานไปด้วยกันนะ”
“ค่ะ...”
ฮีซอล เราส์คนที่สามของกิลด์ รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นท่าทางของซุงกู ซุงกูกอดเธอแน่นแล้วหัวเราะ
เขาไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
เขามีเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมโศกแล้ว
“ไปเถอะ เดี๋ยวลูกพี่จะคอย”
“ค่ะ... เราจะไปดันเจี้ยนไหนคะ?”
“ไม่แน่ใจ อย่างน้อยก็คง 4 ดาว หรืออาจจะเป็น 5 ดาวก็ได้ครับ”
ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้าคงมีดันเจี้ยนให้ใช้ไม่มากนัก พวกเขาเองก็มีดันเจี้ยนไม่กี่แห่ง เฮมินคงเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ฮีซอลหน้าแข็งค้างเมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะเข้าดันเจี้ยนระดับสูง
“ดิฉันฟังผิดหรือเปล่า?”
“อะไรเหรอ?”
“เรา...เราจะเข้าดันเจี้ยนระดับสูงเลยเหรอคะ?”
“น่าจะนะ”
“ดิฉันเป็นแค่แรงค์ F ทำไมถึงเป็นดันเจี้ยนระดับสูงเลยล่ะ... ไม่ใช่ว่าปกติเริ่มจากดันเจี้ยน 1 ดาวเหรอ?”
กิลด์แบบไหนกันที่ฝึกเราส์คนใหม่ในดันเจี้ยนระดับสูง? เมื่อซุงกูเห็นปฏิกิริยาของฮีซอล เขารู้สึกตลก เศร้า และยินดี
‘ใช่ ปฏิกิริยาแบบนี้แหละปกติ นี่คือปกติ’
ใช่แล้ว คนปกติต้องคิดแบบนี้แหละ
เป็นเขาที่ถูกฝึกมาแบบไม่ปกติ ใช่แน่
“ฮ่าๆ คุณจะรู้สึกว่ากำลังจะตาย แต่สุดท้ายเขาไม่ปล่อยให้คุณตายหรอก”
หา? เธอฟังผิดไปหรือเปล่า? รู้สึกเหมือนได้ยินคำแปลกๆจากกรรมการผู้ร่าเริง ฮงซุงกู...
“ฮ่าๆๆ พวกเรารอดกลับมากันเถอะครับ”
“...”
เขาร่าเริงเกินไปหรือเปล่า สำหรับเราส์ที่เตรียมตัวตายขนาดนี้?
กรรมการส่วนงานจับฉ่ายร่าเริงยิ่งนักที่ได้เพื่อนร่วมชะตา แม้จะเป็นคนใหม่ที่กำลังสับสนก็ตาม
คุณได้รับคนปกติ 1 ea ในที่สุดก็มีคนมาหารความระทมแล้วสินะซุงกู สองคนนี้มันคู่(เวร)กรรมชัดๆ555 ถึงวันหยุดจะหมดแล้วแต่ก็ยังมีตอนใหม่มาปลอบใจ #ขอบคุณที่แปลนะครับ
ตอบลบสุขสันต์วันปีใหม่ไทยย้อนหลังค่า :D
ลบ