บทที่ 66 – ผลได้ที่เกินคาด (2)
วูจินเดินออกมาจากอุโมงค์ใต้ดิน
“หยุดเถอะค่ะ!”
ด้วยวิธีการบางอย่าง เชฮีซอลหาวูจินจนเจอ เธอวิ่งมาทางเขาแล้วขวางทางเขาไว้ ใบหน้ายังบิดเบี้ยวเหมือนยังไม่หายเจ็บ
“หยุดเถอะค่ะ ยังไม่สายเกินไป เรายังพอแก้ไขได้”
เชฮีซอลหมายความตามที่พูดจริงๆ ถ้าเรื่องยังเป็นแบบนี้ต่อสงครามจะเกิดขึ้น เธอต้องป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น เชฮีซอลพูดอย่างจริงใจที่สุด
“นี่ไม่ใช่ทางแก้ หยุดเถอะค่ะ”
เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ สงครามหมายถึงชีวิตคนเป็นหมื่นๆต้องสูญเสียไป เธอต้องการหยุดโศกนาฎกรรมไม่ให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
วูจินมองเธอเฉยๆ
ฮีซอลมองวูจิน ดวงตาสั่นไหว
“มะ...ไม่จริง!”
เขาทำลงไปแล้ว คิมจองอึนตายแล้ว
เชฮีซอลทรุดลงกับพื้น อา จะเกิดฝนเลือดอีกครั้งแล้ว
เธอทำพลาดไป ไม่ควรขอให้กิลด์อลันดาลมาเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวของพย็องยังเลย
ฮีซอลนั่งมึน วูจินมองแล้วอมยิ้ม
“ยังไม่ตายน่ะ”
“จริงเหรอคะ? ดีจริงๆ... ยัง? นี่ยังวางแผนจะสังหารเขาอยู่เหรอคะ?”
ฮีซอลกลืนน้ำลาย
“อืม เรื่องนั้นไว้ดูอีกที”
วูจินอยากเห็นว่าเขาจะลงโทษคนที่สั่งให้เกิดระเบิดพลีชีพอย่างไร
“กรุณายับยังไว้ด้วยค่ะ ถ้าคุณยังไม่หายโกรธ เอาชีวิตดิฉันไปก็ได้ ดิฉันพูดจริง”
เชฮีซอลลุกขึ้นคุกเข่า
“จริงเหรอ?”
“สงครามคาบสมุทรเกาหลีอาจไม่มีวันจบ สงครามครั้งล่าสุดเพื่อผ่านไปไม่ถึง 100 ปี ที่นี่ไม่ควรต้องเจอกับเรื่องเศร้าแบบนั้นอีก ถ้าแค่ชีวิตของดิฉันทำให้คุณพอใจได้...”
เธอไม่ได้สนใจว่าความขัดแย้งจะเปลี่ยนเป็นสงครามโลก แต่สงครามนี้จะเกิดบนคาบสมุทรเกาหลี ดินแดนที่เธอรักจะล่มสลาย ดังนั้นแค่ยอมสละชีวิตเพื่อหยุดสงครามถือว่าคู่ควรแล้วไม่ใช่เหรอ?
วูจินหรี่ตามองฮีซอล วิญญาณของเธอไม่ได้ไร้มลทินเหมือนของจีวอน แต่นี่เป็นครั้งแรกบนโลกที่ได้เห็นวิญญาณที่เจิดจ้าขนาดนี้
นี่แปลว่าความตั้งใจของเธอเป็นความตั้งใจแท้จริง เธอไม่ได้โกหกเรื่องที่จะยอมเสียสละชีวิตตัวเอง
“ร้อยโทเชฮีซอล”
“ค่ะ”
“เธอตั้งใจจะสละชีวิตให้ฉันจริงๆ?”
“แน่นอนค่ะ ถ้ามันหยุดเรื่องหายนะไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ได้”
ถ้าคิมจองอึนยังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็ยังสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ วูจินยักไหล่
“ฆ่าเธอเฉยๆคงเสียของเปล่า... ลาออกจากกองทัพซะ”
“ดิฉันฟังผิดหรือเปล่าคะ?”
“พอลาออกแล้วก็มาทำงานกับฉัน แล้วฉันจะไว้ชีวิตจองอึน”
“...”
สีหน้าฮีซอลเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความฝันของเธอคือการเป็นทหารไม่ใช่เหรอ?
ตอนนั้นเอง วูจินรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขา คนกลุ่มหนึ่งออกมาจากอุโมงค์
“รีบสะสางให้เสร็จ หารีพยังกานให้เจอ”
วูจินยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคิมจองอึน
“หรือฉันจะไปจับหมูนั่นดี?”
“...ดิฉันจะเข้ากิลด์คุณค่ะ”
วูจินยิ้มกว้าง
คนที่มีความตั้งใจแบบเชฮีซอลนั้นหายาก วูจินได้ของที่คาดไม่ถึงมาแล้ว เขาเดินจากไปยิ้มๆ
เขารู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนในวังอนุสรณ์จากความทรงจำของกาเกบิ ได้เวลาลักทรัพย์ของสะสมของคิมจองอึนแล้ว
“งั้นเธอก็ไปแก้ไขสถานการณ์เถอะ”
“...”
อะไรของเขา? ทำเรื่องป่วนขนาดนี้ยังมาบอกง่ายให้เธอแก้ไขสถานการณ์...
ก่อนเรื่องจะสงบลง วูจินมุ่งหน้าไปที่ห้องงานอดิเรกของคิมจองอึนอย่างรวดเร็ว
***
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
รีพยังกานและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขาถูกจับ มีกระทั่งผู้บริสุทธิ์ที่ถูกจับรวมไปด้วย ตัวแทนจากเกาหลีใต้จากไปและปล่อยให้คิมจองอึนเป็นคนจัดการคนเหล่านี้เอง
คิมจองอึนตัวสั่นด้วยความโกรธ
“คุณตายแน่! กล้าดียังไงถึงมาขโมยสมบัติที่ผู้อื่นสละเลือดน้ำตาหามา? คุณแย่งอนาคตไปจากสาธารณรัฐตัวเองหรือ? เลวมาก!”
“ประธาน...ผมไม่รู้จริงๆ...”
“ยังกล้าโกหกอีก? ลงโทษพวกเขาไปจนกว่าจะยอมพูด”
“ครับ”
รีพยังกานถูกมัดแขนห้อยลงมาเหมือนเนื้อในร้านขายเนื้อ พนักงานสวบสวนเริ่มฟาดเขา คิมจองอึนมองด้วยสายตาเย็นชาพยายามระงับความโกรธ
สมบัติที่คนของเขารวบรวมมาอย่างยากลำบากหายไปหมด สิ่งเดียวที่เหลือคือรูปถ่ายของเขากับคังวูจินและลายเซ็น... คิมจองอึนโกรธจัดเพราะใครบางคนขโมยของๆเขาไปหมด
เขาใช้เวลา 5 ปีในการสะสมของเหล่านั้น
คนเดียวที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคือรีพยังกาน เขาคงวางแผนกบฏมานานแล้ว คงวางแผนใส่ร้ายตัวแทนจากเกาหลีใต้...
‘ถ้าไม่ใช่เพราะสหายคังวูจิน ผมอาจตกที่นั่งลำบาก’
เขาไม่ตาย คังวูจินรอดชีวิต และแผนกบฏของรีพยังกานก็ถูกเปิดเผย
‘พวกเขาไม่เกี่ยว’
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สงสัยคนจากเกาหลีใต้ แต่พวกเขามากับรถแค่สองคัน เขาไม่คิดว่าสมบัติจำนวนมากจะถูกขโมยไปได้
เราส์ในกลุ่มมีเพียงแรงค์ AA คังวูจิน และแรงค์ F เชฮีซอล
พวกเขาถูกตรวจสอบว่าใช้อาร์ติแฟคหรือเปล่า ซึ่งไม่พบอาร์ติแฟคเกี่ยวกับมิติพิเศษ ต่อให้เจอ อาร์ติแฟคพวกนั้นก็เก็บของได้ไม่มาก
อาร์ติแฟคมิติพิเศษที่ดีที่สุดเป็นของราชวงศ์หนึ่งในตะวันออกกลาง ซึ่งก็เก็บได้เพียงตู้เย็น 300 ลิตร
ดังนั้นคนเดียวที่สามารถทำได้คือคนของเกาหลีเหนือ
“ไอ้เลว อดทนนักนะ”
คิมจองอึนกัดฟันเมื่อเห็นรีพยังกานไม่ยอมสารภาพ
***
“ถึงพันมุนจอมแล้วค่ะ”
“เฮ้อ ถึงซะที”
ฮีซอลไม่พูดอะไรระหว่างวูจินบิดขี้เกียจ
สามวันนี้ วูจินเอาแต่นอน ทีมเจรจาต้องทำหน้าที่เจรจาต่อรอง
หลังจากการกบฏในเกาหลีเหนือคลี่คลายเรียบร้อย คังวูจินจากเกาหลีใต้กลายเป็นข่าวในฐานะผู้มีหน้าที่สำคัญในทุกเหตุการณ์
ไม่ว่าความเป็นจริงจะเป็นเช่นไร สถานการณ์ของเกาหลีใต้ก็ดีขึ้น
วูจินจัดการเราส์แรงค์สูงในเกาหลีเหนือที่เหลือจนหมด เกาหลีเหนือไม่มีกำลังมากพอจะเข้าดันเจี้ยน 6 ดาว
พวกเขาตัดจีนออก ดังนั้นความสัมพันธ์ของสองประเทศจึงเลวร้าย รัสเซียก็ไม่ใช่ตัวเลือก สุดท้ายเกาหลีใต้จึงเป็นฝ่ายเข้าดันเจี้ยนโดยมีเกาหลีเหนือแบ่งผลประโยชน์ไป
ถ้าไม่นับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพย็องยัง ผลลัพท์ถือว่าดีมากสำหรับเกาหลีใต้ วูจิน ตัวต้นเหตุ กลับนอนสบายในวังอนุสรณ์
ขนาดอยู่ท่ามกลางเสียงยิงประหารรีพยังการและคนของเขาที่ดังขึ้นแต่เช้า วูจินยังหลับได้
เชฮีซอลไม่มีขวัญกล้าเหมือนวูจิน เธอจึงกระสับกระส่ายตลอดเวลาที่อยู่ที่เกาหลีเหนือ บรรยากาศคุกรุ่นทำให้การเจรจาตึงเครียด
พวกเขาผ่านพันมุนจอม ถือว่าถึงเกาหลีใต้แล้ว แต่เธอยังไม่สบายใจ
“ดิฉันมีเรื่องจะถามค่ะ”
“พูดสิ”
เชฮีซอลไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คังวูจินเปลี่ยนมาพูดกับเธอแบบสบายๆ
“ทำไมคุณยอมหยุดมือหลังจากบอกให้ดิฉันเข้ากิลด์อลันดาลคะ?”
วูจินกล้าพอตบหน้าหัวหน้ากิลด์ฮวารางท่ามกลางการถ่ายทอดสด เมื่อดูจากนิสัยดุร้ายของเขาแล้วมันทำให้เธอสงสัย เธอรู้ว่าถ้าวูจินอยากจะทำอะไรก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความคิดเขาได้ง่ายๆ
“อยากได้ยินอะไรล่ะ?”
“อะไรนะคะ?”
เชฮีซอลเกาศีรษะ เธออายที่จะพูดสิ่งที่คิด
เธออยากได้ยินคำชมเหรอ? อยากรู้ว่าเธอมีดีตรงไหน? อยากได้ยินเขาพูดว่าเธอหยุดเขาไม่ให้สังหารเผด็จการของเกาหลีเหนือได้อย่างไร?
พอมาคิดดูแล้ว เธอแค่อยากถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
วูจินมองนอกหน้าต่าง ฮีซอลมองด้านหลังเขาแล้วหน้าแดงด้วยความอาย
“ไม่มีอะไรค่ะ”
เชฮีซอลกระแอม วูจินยิ้ม
“ถ้าเราหาคนดีมีความสามารถเข้าองค์กร องค์กรก็จะวิ่งไปได้เอง”
“...”
เขาไม่ต้องการคนหักหลังอยู่ในกิลด์
เขาไม่ต้องการควบคุมลูกน้องของตัวเอง เขาอยากได้คนมาจัดการเรื่องยุ่งยากน่ารำคาญแทนเขา เรื่องนี้เป็นเรื่องเย้ายวนใจเขามาก
“เธอมีค่า เป็นคนเด่นมีสิ่งน่าสนใจหลายอย่าง...”
“...”
ทำให้เขาอยากได้เธอมาเป็นลูกน้อง จะได้สั่งได้
วูจินละสายตาจากวิวนอกหน้าต่างหันกลับมา เขาเห็นหน้าของทหารอายุน้อย ดวงตาเธอสั่นไหวเพราะคำพูดของเขา เธอไม่ร้องแต่ดวงตาชื้น
“ดิฉันจะไปหาคุณทันทีหลังจากลาออกจากกองทัพค่ะ”
“อืม”
วูจินตัดสินใจไม่บอกเธอว่าเขาไม่คิดจะฆ่าคิมจองอึนอยู่แล้ว
***
สำนักงานของกิลด์อลันดาล
ทีวีจอใหญ่เครื่องเดียวของสำนักงานอยู่ในห้องประธาน ดังนั้นสมาชิกแรกก่อตั้งจึงมารวมกันที่นี่ พวกเขากำลังดูรายการพิเศษเวอร์ชั่นตัดต่อจากข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงสามวัน
พวกเขาดูบ่อยจนเกือบจะจำเนื้อหาได้หมดแล้ว
พวกเขาเห็นวูจินถี่จนไม่รู้สึกเหมือนวูจินไม่อยู่ที่สำนักงาน
[ค่ะ ถ้าเรารวบรวมจากข่าวจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนรีพยังกานจะเป็นตัวหลักในการกบฏ เขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพลังพิเศษเกาหลีเหนือ คุณคิดว่าอย่างไรคะ?]
[ความสามารถของเราส์ก็เหมือนดาบสองคมครับ เราส์ข้ามผ่านขีดจำกัดของมนุษย์ พวกเขาปกป้องประเทศของเราจากพวกสัตว์ประหลาด แต่อีกด้าน ก็มีพวกที่ก่ออาชญากรรม เราส์จะอันตรายมากสำหรับระบอบการปกครองแบบเกาหลีเหนือ การทรยศของผู้บัญชาการหน่วยรบพลังพิเศษทำให้ระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก]
[คนที่เคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวคือหัวหน้ากิลด์อลันดาล หากไม่ใช่ประธานคังวูจิน การกบฎอาจนำมาสู่จุดสิ้นสุดสมัยของคิมจองอึนก็ได้ เรื่องนี้คิดว่าอย่างไรคะ?]
[ถ้าผู้นำคนใหม่มีความคิดสุดโต่ง เราคงอันตรายกว่านี้ ประธานคังวูจินมีความดีความชอบในการช่วยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเหนือกับใต้ไว้ครับ]
[เขาจะได้เหรียญหรือเปล่า?]
[ได้ครับ การกระทำอันกล้าหาญของประธานคังวูจินในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเหนือกับใต้...]
[แล้วการที่ประธานคังวูจินถูกฟ้องข้อหาทำร้ายร่างกายซึ่งยังไม่คลี่คลาย คิดว่า...]
ติ๊ด
เมื่อเริ่มทวนเรื่องเดิม จุงมินชานปิดโทรทัศน์ ทุกคนหันไปมองหน้ากันอย่างตึงเครียด
“ชัวร์ปึ๊ก 100% ทุกคนก็รู้นิสัยท่านประธานใช่ไหม?”
“...”
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของวูซุงฮุนเงียบๆ
“เรื่องเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้น หรือประธานเราจะไปข่มขู่คิมจองอึน? เขาว่ารีพยังกานขโมยอาร์ติแฟคของเกาหลีเหนือไปหมด นั่นฟังเหมือนฝีมือประธานเราเลย”
คิมเฮมินไม่เชื่อการคาดเดาอันแม่นยำของวูซุงฮุน
“เอ๋ ไม่มั้ง ต่อให้ท่านประธานจะไม่เคารพกฎหมายเท่าไหร่ คุณคิดว่าเขาจะขโมยเลยเหรอ?”
“เรียกเขาไม่เคารพกฎหมายน่ะใจดีไป ไม่ยั้งคิดเลยเหอะ”
ซุงกูพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เอ่อ นี่เป็นเรื่องตอนผมเจอท่านประธานครั้งแรก...”
เขาเล่าเรื่องวูจินฆ่าปาร์ตี้เบโดซู สีหน้าของสมาชิกแรกก่อตั้งมืดครึ้มเมื่อซุงกูเล่าว่าวูจินเอาเงินจากคนตาย วูซุงฮุนพูดอย่างมั่นใจ
“บ๊ะ เป็นไงล่ะ? ที่ข่าวพูดมันเชื่อได้ไม่หมดหรอก...”
“จะว่าไป ก่อนตั้งกิลด์ลูกพี่บอกว่าเขาอยากไปลอบสังหารคิมจองอึนด้วยนะครับ...”
“เห็นไหมล่ะ! อูย ขนลุกเลยผม”
วูซุงฮุนฟังซุงกูแล้วยิ่งตื่นเต้น
“หรือท่านประธานจะฆ่าคิมจองอึนไปแล้ว”
“เฮ้ย ไม่จริงอ่ะ”
“นายบอกว่าประธานเราอยากฆ่าเขาไม่ใช่เหรอ? เขาต้องวางแผนไว้แน่ หรือเขาจะโตมาในครอบครัวชาตินิยม? เขาคงไม่พอใจเกาหลีเหนือแน่”
“อ่า ลูกพี่แค่โกรธที่ได้หมายเกณฑ์...”
วูซุงฮุนเลิกคิ้ว
“แค่ได้หมายเกณฑ์เนี่ยนะ? มันเกี่ยวอะไร...”
“เขาไม่อยากเข้ากองทัพ...”
“ป้าด ดูท่านประธานคิดสิ พวกนายไม่ขนลุกเหรอ?”
เขาอยากฆ่าเผด็จการของประเทศหนึ่งเพราะไม่อยากเข้ากองทัพ
“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วผมก็ไม่คิดจะว่าอะไรนะ แต่ สมัยที่ผมขายมือถือ...”
กริ๊ก
ซุงฮุนชะงักเมื่อประตูห้องประธานถูกเปิดออก
“พวกนายเป็นไงกันมั่ง?”
“...”
ทุกคนตัวแข็งทื่อเมื่อวูจินโผล่มา วูจินไม่ได้เห็นพวกเขานานเลยส่งยิ้มสดใส
“หืม มีอะไร?”
“ผมนึกว่าท่านประธานกำลังร่วมงานเลี้ยงกับประธานาธิบดีเสียอีก?”
“ฉันจะไปทำไม? ฉันอยากดื่มเหล้ากับพวกนายต่างหาก”
อ่า เขาผิดสัญญากับประธานาธิบดีง่ายๆเลยเหรอ?
“อื๋อ หูฉันมันคันๆ? ใครนินทาหรือเปล่า?”
ฟังเสียงวูจินแล้วทุกคนหันไปทางวูซุงฮุนทันที ม่านตาวูซุงฮุนหดตัวและสั่นวูบ ทันใดนั้นเขายืนขึ้นแล้วปรบมือมองไปทางวูจิน
แปะๆๆ!
“มาปรบมือให้ท่านประธานของเราเถอะ ท่านเหนื่อยมามากและกลับมาอย่างวีรบุรุษ ขอบคุณครับ พวกเราภูมิใจในตัวท่าน”
คนอื่นทำตามช้าไปหน่อย วูจินหัวเราะ เขาหรี่ตามองวูซุงฮุนที่พูดด้วยท่าทางเกินจริง
“นั่นสินะ”
วูซุงฮุนเหงื่อตก
---
อะไรสนุกกว่านินทาหัวหน้า ไม่มี lol อย่าโดนจับได้ละกัน
ผมชอบสไตล์การแปลของคุณนะครับ555
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอช่องทางติดต่อเจ้าของ blog หน่อยได้มั้ยง่า หาในเฟสก็ไม่มี
ตอบลบส่งเมล์ได้ค่ะ ที่อยู่บนเมล์อยู่บนสุดของหน้าจ้า
ลบ