วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 64

บทที่ 64 – เสียงตะโกนจากพย็องยัง (4)


เชฮีซอลกำลังรอเขาอยู่

วูจินตาโตเมื่อเห็นเธอ ฮีซอลคุกเข่าลงทันทีที่เห็นเขา

“เอ๋? ทำอะไรน่ะ?”

“ช่วยรับฟังคำขอของดิฉันด้วยค่ะ”

“อะไรเหรอ?”

“พักก่อนสักหน่อยได้ไหมคะ สักชั่วโมงก็ยังดี”

“อะไรนะ?”

ทุกครั้งที่เขาออกมาจากดันเจี้ยน ร้อยโทเฮซอลจะพยายามรั้งเขาไว้ แต่คราวนี้เธอดูเอาเป็นเอาตายกว่าปกติ

“เฮ้อ ก็บอกว่าฉันสบายดีไง”

“สถานการณ์การเมืองตอนนี้ไม่ดีเลยค่ะ เห็นแก่ประเทศของคุณกรุณาพักสักนิดเถอะ”

พูดอะไรของเค้านี่? วูจินงง ฮีซอลเหลียวมองรอบๆแล้วเข้าไปกระซิบที่หูวูจิน

“เกาหลีเหนือตั้งใจจะโฆษณาความสำเร็จในการพิชิตดันเจี้ยนไปให้ทั่วถึง เกาหลีใต้ก็อยากจะร่วมด้วยในฐานะเป็นการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างเหนือใต้ค่ะ”

“ก็ทำไปสิ”

วูจินทำหน้า “แล้วไง”

“ช่วยมากับดิฉันด้วยค่ะ”

“ฉันต้องเข้าดัน เธอจัดการเรื่องการเมืองไป...”

เชฮีซอลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เต็มที

บุคคลสำคัญที่สุดในงานไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็น อย่างน้อยมาถ่ายรูปสักหน่อยไม่ได้หรือ?

วูจินยอมเห็นแก่เชฮีซอล เขาตัดสินใจแบ่งเวลาให้หนึ่งชั่วโมง

“เฮ้อ ยุ่งยากจริง”

ที่วังอนุสรณ์วุ่นวายขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าวูจินกำลังมา

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือและทีมเจรจาของเกาหลีใต้ทั้งหมดมารวมกันที่โถงงานเลี้ยง บางคนมีสีหน้าไม่พอใจเพราะพวกเขารอวูจินมา 2 สัปดาห์แล้ว แต่วูจินไม่สนใจเรื่องนี้สักนิด

อาหารเลิศรสถูกจัดวางอย่างอลังการในห้องโถง วูจินกินไปบ้าง จากนั้นยืนให้ถ่ายรูปกับคิมจองอึนและตัวแทนจากทีมเจรจาของเกาหลีใต้

“ยิ้มหน่อยครับ”

วูจินฉีกยิ้มให้ตามคำขอ เจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือมองอย่างไม่พอใจ

“เอาล่ะ ผมยุ่งมาก พอแค่นี้เถอะ”

วูจินกำลังจะผละไปแต่ถูกพันตรีคนหนึ่งหยุดไว้ เขาเป็นองครักษ์จากหน่วยรักษาความปลอดภัย

“สหาย ช่วยเซ็นชื่อให้ผมหน่อย”

วูจินมองกระดาษเปล่าที่ยื่นมาให้เขาเฉยๆ

“คุณเป็นเราส์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเกาหลีใต้ จะเป็นเกียรติมากที่ได้ลายเซ็นของคุณ”

“ผมก็นึกว่าคุณจะเอาอะไร”

วูจินยิ้ม จากนั้นเซ็นชื่อบนกระดาษ

“โชคดี”

“ขอบคุณ สหาย”

เมื่อองครักษ์ได้ลายเซ็น เขาถอนหายใจโล่งอก ทั้งยังแอบมองไปทางคิมจองอึนแล้วขยิบตาให้

เห็นแล้ววูจินรู้สึกแปลกๆจึงเรียกกาเกบิ

‘กาเกบิ เห็นหมูตรงโน้นไหม’

‘เห็นสิเจ้านาย’

‘ไปเกาะเขาสิ’

‘คึๆ มาแล้ว ภารกิจแรกบนโลกของข้า’

วูจินรู้สึกถึงกาเกบิออกจากเงาของเขาแล้วแทรกเข้าไปในเงาของคิมจองอึนเงียบๆ เมื่อเข้าไปได้แล้วกาเกบิจะสามารถรับความคิดความรู้สึกของเจ้าของเงาได้

ยิ่งกว่านั้น เมื่อกลับมาหาวูจิน วูจินก็จะได้รู้เห็นในสิ่งที่กาเกบิประสบมาด้วย

“คงยุ่งหน่อยล่ะ”

วูจินเหลือเวลาใช้ดันเจี้ยนอีกเพียง 1 วัน ถ้าเขาอยากได้ค่าความสำเร็จมากกว่าเดิมสักนิดเขาต้องเร่งมือกว่าเดิม

ชายหน้าตาคมสันกำลังมองวูจินที่ออกไปจากห้องโถง

ลีพยังกาน ผู้บัญชาการหน่วยรบพลังพิเศษแห่งชาติ

ชายอีกคนเข้ามากระซิบกับเขา

“ท่านผู้บัญชาการ เราพร้อมแล้วครับ ท่านแน่ใจหรือครับเรื่องสู้กับเขา?”

“ทำต่อไปอย่างลับที่สุด”

“รับทราบ”

เมื่อชายที่รับคำสั่งหายไป ลีพยังกานหัวเราะโรคจิต

“ไอ้เวรนั่นกล้าดูถูกสาธารณรัฐของเรา”

แค่เราส์คนหนึ่งจากเกาหลีใต้มาวางท่าถึงศูนย์กลางของเกาหลีเหนือ เขาไม่ชอบใจเลย เขายังไม่ชอบที่วูจินไม่มีท่าทีเคารพท่านประธานด้วย

ท่านประธานชื่นชมเราส์

เขาจัดตั้งหน่วยรบพลังพิเศษแห่งเกาหลีเหนือขึ้นมา และลีพยังกานเป็นผู้บัญการของหน่วยรบนี้ พวกเขามีคนไม่เยอะ ดังนั้นเมื่อดันเจี้ยนระดับสูงเกิดรีเซ็ทก็ต้องขอความช่วยเหลือจากจีน ทำให้เสียผลประโยชน์ไปมาก คนจีนมาขุดทองถึงถิ่นพวกเขาแต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย

ในการเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวนี้ ลีพยังกานส่งทีมเราส์ที่ฝึกมาอย่างดีเข้าไป ประกอบด้วยเราส์แรงค์ A 2 คน แรงค์ B 8 คน

ทีมนี้ถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของเราส์แรงค์สูงในเกาหลีเหนือ สาธารณรัฐยังให้หินเปิดมิติไป 2 ก้อน แต่แล้วทั้งทีมก็ถูกกวาดเรียบ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

เนื่องจากทั้งทีมตายก่อนได้ใช้หินเปิดมิติกลับมาจึงไม่มีข้อมูลของดันเจี้ยนนี้ ซ้ำพวกเขายังสูญเสียเราส์ที่ทุ่มเทฝึกมา

พริบตาเดียวความเชื่อมั่นที่มีต่อหน่วยรบพลังพิเศษก็สูญเสียไป ตำแหน่งผู้บัญชาการของลีพยังกานก็สั่นคลอน

แค่หน่วยรบพลังพิเศษของเกาหลีเหนือไม่อาจเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวได้ พวกเขายังต้องห่วงเรื่องเกิดดันเจี้ยนเบรก จีนเมินเฉยต่อคำขอของเกาหลีเหนือ ประเทศอื่นๆก็เช่นกัน

สุดท้าย เราส์ท่าทางอวดเก่งจากเกาหลีใต้มาเข้าดันเจี้ยนนี้ ตอนแรกลีพยังกานไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้ แต่วูจินกลับเคลียร์ดันเจี้ยนสำเร็จทัน 3 วัน ทำให้ลีพยังกานตกที่นั่งลำบาก

ดันเจี้ยนถูกพิชิต การเจรจาแบ่งดันเจี้ยนก็จบลงแล้ว เกาหลีเหนือยังมีเราส์แรงค์ A อีก 2 คน เราส์แรงค์ B ก็พอมีอยู่บ้าง

การเคลียร์ดันเจี้ยนครั้งแรกจะยาก แต่เมื่อเข้าดันเจี้ยนครั้งต่อๆมาความยากจะลดลง และพวกเขาก็ได้รับข้อมูลมากมายของดันเจี้ยนนี้จากการเจรจา

‘ไอ้ทุเรศนั่น’

เมื่อกระต่ายตายก็ถึงเวลาสังหารสุนัขล่าเนื้อ

วูจินเคลียร์ดันเจี้ยนได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ถ้าถูกยิงหรือโดนระเบิดก็ต้องตาย

ถ้าเกิดขึ้นในดันเจี้ยนก็จะไม่มีหลักฐาน ก่อนสังหารมอนสเตอร์หมดแล้วอุโมงค์เข้าดันเจี้ยนที่แท้จริงปรากฎขึ้น ระหว่างนี้ยังใช้สิ่งของจากโลกได้

‘จงเป็นปุ๋ยให้สาธารณรัฐของเราเติบโตแข็งแกร่งอุดมสมบูรณ์ซะเถอะ’

ทุกอย่างเพื่อประเทศ ท่านประธานตัดสินใจบกพร่องไปเล็กน้อย นี่เพื่อสหายของเขา ลีพยังกานมองคิมจองอึนด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

***

วูจินเดินผ่านพวกทหารที่ยังยืนเฝ้าทางเข้าดันเจี้ยนอย่างเคร่งครัดเข้าไป

“จะเข้าไปอีกแล้วหรือครับ?”

“แน่นอน”

“สำหรับคุณนี่คงเป็นการเข้าครั้งสุดท้าย ขอให้โชคดี”

ทหารเปิดทางให้ อีกแค่วันเดียว ไม่สิ อีก 4 วันในดันเจี้ยน เขาต้องตั้งใจเก็บเลเวลแล้วก็จะได้กลับบ้าน

วูจินเข้าดันเจี้ยนไปอย่างไม่คิดอะไร แต่ก่อนบาเรียจะเกิดขึ้น คนอีกคนหนึ่งกระโดดเข้าไปในดันเจี้ยน

ทหารคนอื่นๆไม่มีท่าทีแปลกใจ

“เขาเข้าไปสำเร็จ”

คนๆนั้นเข้าไปก่อนบาเรียจะเกิดขึ้น ถ้าบาเรียสลายไป หมายความว่าดันเจี้ยนถูกพิชิตหรือทุกคนในนั้นเสียชีวิต

คราวนี้พวกเขาหวังว่าจะเป็นเหตุผลข้อหลัง

“ทำได้ดี สหายนัมโจซุน”

ทหารคนหนึ่งผละไปรายงาน

พวกเขาไม่เห็นว่ามีนักข่าวต่างประเทศกำลังถ่ายรูปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไกลๆ

***

ผ่านไป 4 ชั่วโมงนับจากคังวูจินเข้าดันเจี้ยน

ลีพยังกานวิตก

“หรือว่าล้มเหลว?”

คนที่ตามวูจินเข้าไปเป็นสมาชิกของหน่วยรบพลังพิเศษ เราส์แรงค์ C เขาจงรักภักดีต่อสาธารณรัฐเป็นพิเศษ เขาติดระเบิดไว้รอบตัวตอนที่เข้าดันเจี้ยนไป

นี่เป็นแผนที่เขาต้องสังเวยชีวิตตัวเองแต่แรก

ทันทีที่เข้าดันเจี้ยน เขาต้องกอดคังวูจินแล้วระเบิดตัวเอง ต่อให้จับวูจินไว้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทางเข้าสถานีใต้ดินนั้นแคบ เมื่อมีการระเบิดในระยะนั้นก็ถึงตายเช่นกัน

แล้วทำไมบาเรียยังไม่หายไปล่ะ?

ถ้ามันรอดกลับมา...

“ชิ”

แค่คิดลีพยังกานก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ระเบิดที่เตรียมไว้มากพอจะระเบิดอาคารได้ทั้งหลัง วูจินจะรอดกลับมาได้หรือ?

“ใช่แล้ว ต่อให้ไม่ตายก็คงสาหัส มันคงใกล้ตายแล้ว เจ็บขนาดนั้นจะไปหาหินรีเทิร์นกลับมาได้ยังไง?”

พลังของเราส์อยู่เหนือจินตนาการของมนุษย์ คังวูจินคงมีไม้เด็ดอะไรซ่อนอยู่จึงยังไม่ตาย แต่เขาแน่ใจว่าวูจินต้องบาดเจ็บสาหัส

การทำลายบาเรียต้องใช้หินรีเทิร์นสโตน

ถึงวูจินจะยังไม่ตายแต่คงใกล้เต็มที เขารู้สึกหงุดหงิดเพราะไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร แต่ลีพยังกานยังไม่หมดหวัง

***

ผ่านไป 2 วัน 1 ชั่วโมงนับจากคังวูจินเข้าดันเจี้ยน

“มันผิดปกตินะคะ”

“อะไร?”

หัวหน้าทีมเจรจา ผู้พันลีซุนเจถามเชฮีซอลด้วยท่าทีกระด้าง

“ถ้าคิดจากนิสัยของคุณคังวูจิน เขาจะไม่ทำอะไรที่เกินความสามารถ”

“มีอะไรผิดพลาดแน่”

เสียงของลีซุนเจเคร่งเครียด วูจินเข้าดันเจี้ยนไป 2 วันแล้ว เขามีเวลา 15 วันในการใช้ดันเจี้ยน แต่นี่เกินมา 1 วันแล้ว

เกาหลีใต้ตกลงจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากวูจินอยู่เกินกำหนด ดังนั้นลีซุนเจจึงรู้สึกกังวล

“ครั้งสุดท้ายคุณคังวูจินใช้เวลาเคลียร์ดันเจี้ยน 1 วัน 17 ชั่วโมง เขาควรจะออกมาตั้งนานแล้ว”

“ฮึ่ม แล้วคุณอยากจะพูดอะไรอีก?”

“เราจะไม่ตรวจสอบเรื่องนี้เหรอคะ?”

“นี่คุณรู้หรือเปล่าว่าเราอยู่ที่ไหน เราจะทำอะไรได้”

ที่นี่คือพย็องยัง

สายตานับร้อยจ้องมองพวกเขาอย่างลับๆ แค่ทีมเจรจาไม่กี่คนอย่างพวกเขาจะทำอะไรได้?

“กรุณาดูสิ่งนี้ค่ะ”

เชฮีซอนได้รับรูปถ่ายใบหนึ่งจากนักข่าวต่างประเทศ เธอหยิบมันออกมา มันเป็นรูปชายไม่ทราบชื่อติดตามวูจินเข้าไปในดันเจี้ยน

เมื่อเห็นรูป ลีซุนเจหน้าเครียด

“ได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ประมาณ 30 นาทีที่แล้วค่ะ”

หลังจากได้รูปถ่าย เธอมารายงานด้วยความวิตกกังวล

“เราต้องสืบสวนเรื่องนี้ทันทีนะคะ เราต้องเขียนจดหมายประท้วงทางเกาหลีเหนือด้วย”

“คุณบ้าเหรอ?”

ลีซุนเจตำหนิเชฮีซอนอย่างเย็นชา

ถ้ามีคนวางแผนร้ายก็ต้องเกาหลีเหนือเป็นผู้วางแผน แล้วพวกเขาจะประท้วงฝ่ายนั้นได้อย่างไร บอกให้ฝ่ายนั้นยอมสารภาพผิดหรือ?

แบบนั้นก็เหมือนราดน้ำมันใส่กองไฟ ที่นี่เป็นใจกลางเกาหลีเหนือ หากเผลอเมื่อไหร่ก็เหมือนกระโดดเข้าปากเสือ

“รอดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”

“...”

ถ้าพวกนั้นวางแผนสังหารคังวูจิน ทีมเจรจาจะยิ่งได้เปรียบ

หากพวกเขาจะส่งจดหมายประท้วง พวกเขาต้องทำหลังกลับจากเกาหลีใต้

พวกเขาต้องจัดการเรื่องนี้ผ่านการทูต

มีเพียงเชฮีซอลที่มีสีหน้าวิตกกังวล

***

ผ่านไป 2 วัน 18 ชั่วโมงนับจากคังวูจินเข้าดันเจี้ยน

“นี่อะไร?”

คิมจองอึนเห็นข่าวในแท็บเล็ท เขาตะโกนอย่างโกรธเคือง

มันเป็นบทความของศูนย์ข่าวฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง มันเป็นรูปของชายคนหนึ่งเล็ดรอดเข้าดันเจี้ยนตามหลังวูจิน

“มันเป็นใคร”

“เรากำลังสืบหาอยู่ครับ”

“รีบๆหาเร็วเข้า บอกผมว่าไอ้เวรนี่มันเป็นใคร!”

“รับคำสั่ง”

หน้าของคิมจองอึนเป็นสีแดง แก้มอูมสั่นเทิ้ม เราส์ที่เก่งที่สุดของเกาหลีเหนืออาจตายไปแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรนี่นับเป็นการสูญเสีย เขาต้องหาคนวางแผนเรื่องนี้ให้ได้

ไอ้เวรที่ภักดีไม่เข้าท่าแบบนี้แหละที่คอยหาเรื่องให้เขามากที่สุด

“ไอ้เชี่ยเอ๊ย!”

คิมจองอึนทุบโต๊ะ สายตามองไปที่กระดาษขาวในกรอบรูป มันเป็นกระดาษที่มีลายเซ็นของคังวูจิน

***

ผ่านไป 3 วัน 5 ชั่วโมงนับจากคังวูจินเข้าดันเจี้ยนไป

“อ๋า? มันกำลังหายไป”

บาเรียกำลังสลาย ไม่ว่าวูจินจะรอดหรือตายก็เป็นข่าวใหญ่

บรรดานักข่าวต่างชาติกดชัดเตอร์กล้องรัวๆ

นักข่าวต่างชาติคนหนึ่งถ่ายรูปชายนิรนามเข้าดันเจี้ยนได้ และเอาไปเผยแพร่ในข่าว ทำให้สถานการณ์ในเกาหลีเหนือตึงเครียด ทหารระดับสูงของกองทหารเกาหลีเหนือเริ่มเตรียมการ

ร้อยโทเชฮีซอลจากเกาหลีใต้ยืนหน้าดันเจี้ยนตลอดทุกวันยกเว้นเวลาที่เธอต้องนอนพัก

“ได้โปรดเถอะ”

เพราะเธออยากได้ยินหรือเปล่า? เธอได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินขึ้นบันได

ตึกๆ

แต่ละย่ำก้าวเชื่องช้า เมื่อเขามาถึงบันไดขั้นบนสุด เธอเห็นหน้าเขา

ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล หน้าเป็นแผลเป็นจุดเป็นดวงเหมือนผิวหนังถูกลอกไป ผิวหนังเขาดูไม่ดีเลย
เมื่อวูจินเดินขึ้นมา เขามองไปรอบๆ สายตาหลายคู่จับจ้องเขานิ่ง

“ฮ่าๆ”

เขาหัวเราะ

วูจินที่มีสีหน้าว่างเปล่า หัวเราะ

เขาต้องใส่ยาฟื้นฟูสภาพจำนวนมาก หน้าและตัวเขายังไม่หายดี แต่เขาไม่สนใจ แผลบนร่างเขาจะหายดีในอีกวันสองวัน

ปัญหาคือความสกปรกโสมมที่เขารู้สึก ในใจเขาอัดแน่นไปด้วยความเกรี้ยวกราด

เสียงหัวเราะชั่วร้ายของวูจินหยุดไป รอยยิ้มบนหน้าหายไป

“พวกนายอยากตายใช่ไหม? นี่ใช่ไหมที่พวกนายต้องการ?”

วูจินมองรอบๆด้วยสายตาเย็นชา




สารบัญ                                      บทที่ 65










1 ความคิดเห็น: