เมื่อบลัดดี้มาถึงจุดเกิดระเบิด
เขาเห็นอัศวินที่รับผิดชอบบริเวณนี้นอนบาดเจ็บ
มีเพียงวิลเลียมคนเดียวกำลังสู้กับชายชราใส่หน้ากากทอง
“วิลเลียม!”
บลัดดี้ปล่อยรัศมีดาบใส่พวกหน้ากากดำที่กำลังโจมตีวิลเลียมกระเด็นไป
“ฮ่าๆๆ! ดูท่าว่าเพื่อนของเจ้ามาถึงแล้วสินะ!
คนเผ่าผีเสื้อ!”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น สิงห์!”
วิลเลียมหลับตาตั้งรับ
บลัดดี้เห็นวิลเลียมที่ตั้งใจฟังโดยไม่ยอมลืมตาขึ้นมาก็เข้าไปหาโดยตั้งรับการโจมตีของคนใส่หน้ากากไปด้วย
“ตาของเจ้า!”
“ขอโทษ ข้าพลาดไป”
ตาของวิลเลียมถูกเวทมนตร์ของสิงห์ทำให้บอดไปชั่วคราวในตอนที่เขาเบนความสนใจไปที่อัศวินที่ได้รับบาดเจ็บจากการระเบิด แต่ถึงจะตาบอดและถูกคนใส่หน้ากาก 10 คนรุมโจมตี
เขาก็ยังป้องกันตัวได้โดยไม่บาดเจ็บหนัก
หรือพูดอีกอย่างคือ ที่พวกคนใส่หน้ากากสู้กับวิลเลียมได้
เพราะเขาสูญเสียการมองเห็นและถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว
“ไม่เป็นไร รีบจบกันดีกว่า”
บลัดดี้ยังต้องไล่ตามคนใส่หน้ากากขาวอยู่
เขาอยากจบเรื่องนี้เร็วๆและกลับไปที่โรงเรียนเวทมนตร์
“ได้ ขอบใจ” วิลเลียมปล่อยเวทมนตร์ “ลูกศรน้ำแข็ง!”
เวทมนตร์ของวิลเลียมพุ่งใส่หน้ากากคนหนึ่ง แต่อีกฝ่ายหลบอย่างง่ายดาย
การมองไม่เห็นและต้องรับรู้การเคลื่อนไหวของศัตรูผ่านพลังเวททำให้คาดเดาการเคลื่อนไหวล่วงหน้ายาก
แต่ขอให้บลัดดี้อยู่ เรื่องมองไม่เห็นไม่ใช่ปัญหา
บลัดดี้พุ่งใส่หน้ากากที่อยู่ตรงกับเวทมนตร์ของวิลเลียม
“อย่าหวัง!” สิงห์ร่ายคาถาขึ้น
พื้นดินตรงหน้าบลัดดี้ยกตัวขึ้นทันที เขาก้าวถอย
และลูกศรพุ่งใส่จุดที่เขาถอยไป ปล่อยให้คนเผ่ากาเข้าสู้ประชิดตัวก็คือการฆ่าตัวตาย
เพราะรู้เรื่องนั้นดี พวกคนใส่หน้ากากจึงใช้อาวุธระยะไกล
เมื่อบลัดดี้ฟันลูกศรหัก สิงห์ก็สั่งให้ดินที่ยกตัวขึ้นถล่มไปทางบลัดดี้
แต่แล้วก็มีบาเรียน้ำแข็งขึ้นมากั้นไว้ มันเป็นเวทมนตร์ของวิลเลียม
บลัดดี้พุ่งตัวไปทางสิงห์ผ่านรอยแยกที่เกิดเพราะบาเรียน้ำแข็ง
ห่าลูกศรโจมตีใส่เขาแต่ถูกดาบปัดออก
สิงห์ปักไม้เท้าที่พื้น กลุ่มโซ่สีขาวงอกขึ้นมาและมัดร่างบลัดดี้ไว้แน่น
บลัดดี้ออกแรงเต็มที่และทำลายโซ่ตรวน แต่โซ่ใหม่ก็มาพันแทนโซ่ที่ขาด
“กล้าเหรอ!”
วิลเลียมยิงลูกศรน้ำแข็ง พร้อมกันนั้นก็ใช้เวทมนตร์ตัดโซ่ตรวน
เพราะสิงห์กำลังป้องกันลูกศรน้ำแข็งด้วยเวทมนตร์จึงรักษาโซ่ตรวนไว้ไม่ได้
บลัดดี้หลุดจากโซ่และโจมตี
คนใส่หน้ากากเอาตัวเข้ามาบังดาบของวิลเลียมที่ฟันใส่สิงห์
“อ๊าก!”
ร่างคนใส่หน้ากากถูกดาบผ่าครึ่ง
เขากรีดร้องแต่กำดาบของบลัดดี้ไว้แน่นขณะเพื่อนร่วมรบยิงธนูใส่บลัดดี้
บลัดดี้พยายามดึงดาบเพื่อปัดลูกศร แต่อีกฝ่ายยึดมันไว้แน่น
“ปล่อย!”
“ไม่!”
บลัดดี้เลิกพยายามดึงดาบ แต่คว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายและใช้เป็นโล่
ชายใส่หน้ากากถูกยิงพรุน แต่แม้ตายไปแล้วดาบก็ยังดึงออกจากศพเขาไม่ได้
บลัดดี้ทิ้งดาบของเขาและใช้ดาบหักของชายใส่หน้ากากแทน
“สกปรกเป็นบ้า”
บลัดดี้เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจการโจมตีที่ไม่สนใจความเป็นตายของพวกเดียวกัน
และกระโจนใส่สิงห์อีกครั้ง
ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกถึงคลื่นพลังเวทรุนแรงมาจากโรงเรียนเวทมนตร์
“ไม่จริงน่า! วิลเลียม!”
บลัดดี้หน้าซีดเมื่อนึกถึงโจรหน้ากากขาว
เขามักจะลืมไปว่าไม่ได้ไล่ตามบุคคลน่าสงสัยนั้นเพราะไม่รู้สึกว่าเขามีเจตนาร้าย
“ไม่ เวทที่ร่ายใส่โรงเรียนยังเรียบร้อยดี”
วิลเลียมตอบอย่างใจเย็นพลางร่ายเวทจู่โจมสิงห์
เวทที่เขาร่ายใส่โรงเรียนเวทมนตร์ไม่ได้มีแค่เวทกันเสียง
ยังมีเวทป้องกันหลายประเภทและเวทที่จะเตือนเขาถ้ามีการบุกรุก
นอกจากนั้นแล้วเจ้าหญิงยังใส่สร้อยข้อมือที่จะแจ้งที่อยู่ของเธอให้เขารู้เมื่อถูกลักพาตัว
ตรงกันข้าม สิงห์กับกลุ่มคนใส่หน้ากากไม่ใจเย็นด้วย
“ท่านสิงห์”
เมื่อคนใส่หน้ากากคนหนึ่งเรียก สิงห์พยักหน้า
ตามแผนแล้ว ระหว่างพวกเขาถ่วงเวลาวิลเลียมกับบลัดดี้ไว้ที่นี่
กลุ่มที่นำโดยอินทรี ลูกน้องของสิงห์ จะลักพาตัวเจ้าหญิง
แต่คลื่นพลังเวทรุนแรงที่เกิดระหว่างแผนก็ไม่ต่างจากการบอกว่าพวกเขาเผชิญกับศัตรูที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย
“จิ้งจอก! ถ่วงเวลาไว้! ข้าจะไปที่นั่นเอง!”
“ทราบแล้ว!” จิ้งจอกตอบรับและโจมตีวิลเลียมไปด้วย
“คิดจะไปไหน!”
เมื่อบลัดดี้พยายามหยุดสิงห์ หน้ากากห้าคนก็โจมตีเขาพร้อมกัน
สิงห์ฉวยโอกาสหลบหนีไป
วิลเลียมสร้างบาเรียป้องกันการโจมตีของจิ้งจอกและตะโกน “บลัดดี้!
พวกเราก็ไปด้วย!”
“ได้!”
บลัดดี้คลุมดาบหักด้วยรัศมีดาบ สร้างใบดาบจากพลังเวทยาวเกือบ 3
เมตรเพื่อผลักกลุ่มคนใส่หน้ากากไป จากนั้นเขาแบกวิลเลียมขึ้นหลังแล้วหนี
ถ้าวิลเลียมไม่ตาบอดเขาก็บินเองได้ แต่การบินทั้งๆที่มองไม่เห็นเป็นเรื่องอันตราย
“พวกเราตาม!” จิ้งจอกตะโกน
กลุ่มคนใส่หน้ากากยิงธนูใส่บลัดดี้ที่กำลังจะหนี
แต่ลูกศรถูกบาเรียของวิลเลียมแล้วกระเด้งออก
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไล่ตามบลัดดี้ไปที่โรงเรียนเวทมนตร์
***
ขณะรอที่ประตูหลังของโรงเรียนเวทมนตร์
มาลิฟรู้สึกผิดปกติและพากลุ่มของเขาไปที่โรงเรียนเวทมนตร์
“อินทรี 9!”
มาลิฟเจอลูกน้องของเขาที่ถูกเดนเบอร์กเตะหล่นหลังคาและพยายามใช้เวทมนตร์รักษา
“อั่ก! ท่านมาลิฟ...”
ลูกน้องของเขาได้สติ แต่สลบไปอีกรอบก่อนจะพูดกันรู้เรื่อง
มาลิฟไต่ผนังไปถึงหลังคาโรงเรียนเวทมนตร์ด้วยอารมณ์เคร่งขรึม
ภาพบนหลังคาคือความหายนะ
“ใคร...ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้?!”
มาลิฟโกรธแต่รักษาสติไว้
เขาเข้าใกล้หัวหน้ากลุ่มลักพาตัวที่กำลังนอนตรงขอบหลังคา และใช้เวทมนตร์รักษา
สภาพของเขาสาหัส แขนขวาถูกตัดและไม่อาจยกดาบได้อีก
ใบหน้าบวมช้ำจนไม่เหลือเค้าหน้าเดิม
“พาลาดินมาริโอ” มาลิฟเรียกเพื่อนของเขาด้วยความเศร้า
“ตื่นสิ มาริโอ”
มาริโอปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหมือนสัมผัสได้ถึงความเศร้าของมาลิฟ
“อั่ก มาลิฟ?”
แม้จะได้สติ มาริโอยังครางด้วยความเจ็บ มาลิฟให้กินยาระงับปวด
เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนของเขาดีขึ้น มาลิฟสาบาน “ข้าจะไม่ให้อภัยคนที่ทำกับเจ้าอย่างนี้”
จากนั้นเขาตวาดสั่ง “ครึ่งหนึ่งให้รวบรวมและรักษาคนเจ็บ ที่เหลือให้ไปทำภารกิจใหญ่ต่อจากหน่วยอินทรี”
ตอนนี้ เรื่องสำคัญที่สุดคือการทำภารกิจใหญ่ให้สำเร็จ
“รับทราบ!”
จากการสำรวจเบื้องต้น เจ้าหญิงควรจะยังอยู่ในห้องพัก
“เตรียมลงไป!”
“เตรียมลงไป!”
เพื่อลงไปในห้องพักอย่างราบรื่น คนใส่หน้ากากมัดเชือกกับหลังคา
“ทำให้สำเร็จในทีเดียว อย่าให้ฝ่ายนั้นไหวตัวทัน!”
กึง!
ทันใดนั้น มาลิฟฟันลูกศรเวทมนตร์ที่บินมาทางเขาด้วยสัญชาติญาณ
และตะโกน “ยกเลิกการลง! เตรียมสู้!”
กลุ่มคนใส่หน้ากากตัดเชือกออกจากเอว ชักดาบ ตั้งท่าเตรียมสู้
และอีกครั้ง มาลิฟปัดลูกศรเวทมนตร์และเห็นคนยิงอยู่ไกลๆ
คนยิงใส่หน้ากากสีขาวครึ่งหน้าและโอบเป้าหมายของพวกเขา เจ้าหญิง
ด้วยมือข้างหนึ่ง
“คนยิงมีเป้าหมายของเรา!”
“ตามไป!”
“รับทราบ!”
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นมีส่วนในการทำร้ายมาริโอ
“ข้าจะไม่ให้อภัย” มาลิฟปล่อยเจตนาสังหาร
“ข้าไปด้วย” มาริโอพูด ฝืนลุกขึ้นด้วยร่างกายร่อแร่ มาลิฟอยากส่ายหน้า
แต่เมื่อเห็นใจสู้จากตาของมาริโอ เขาก็พยักหน้าแทน
“ข้าไปก่อน เจ้าค่อยๆตามมา”
“ฮ่าๆ ภารกิจต้องมาก่อน ข้าไม่เป็นตัวถ่วงเจ้าหรอก”
มาลิฟและลูกน้องของเขากระโดดลงจากหลังคา ทิ้งมาริโอไว้
มาริโอใช้เวทมนตร์รักษาตัวเองก่อน
***
ว้าว ปฏิกิริยาของพวกเขาเร็วทีเดียว
ถ้าพวกเขาเข้าไปในห้องโถงจะกลายเป็นเรื่องยุ่ง ผมจึงตั้งใจให้พวกเขาเห็นเจ้าหญิง
แครอทเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการล่อให้ม้าวิ่ง
ผมออกวิ่งโดยมีเจ้าหญิงที่กำลังหลับสนิทอยู่บนหลัง
เพราะคิดว่าต่อไปอาจจะเจอพวกเขาอีกหลายครั้ง ผมจึงใส่เวทมนตร์จำนวนมหาศาลทำให้เจ้าหญิงหลับไปจนได้
พร้อมกับโล่ป้องกันสามชั้น ขนาดนี้แล้วอารีเลียน่าจะไม่มีอันตราย น่าจะนะ
เมื่อผมเริ่มวิ่งหนี ลูกธนูก็เริ่มพุ่งใส่ผมจากด้านหลัง
ผมปัดมันด้วยดาบที่ได้จากหัวหน้าอินทรี
เทียบกับลูกธนูที่ยิงโดยแมค รองกัปตันหน่วยนักรบ
แล้วรู้สึกเหมือนพวกเขายิงฟางใส่ แน่นอน ต่อให้เป็นฟาง ถ้าโดนก็เจ็บอยู่ดี
เพราะฉะนั้นหลบดีกว่า
“แก! บังอาจใช้มือสกปรกจับดาบเล่มนั้น!”
ผมยกนิ้วกลางให้คนใส่หน้ากากที่จู่ๆก็โมโหขึ้นมา
“สมัยนี้แล้วไม่มีหรอก
ของข้าหรือของเจ้าอะไรนั่น! เจ้าคนหัวดื้อ!”
“แก!”
เสียงความดันเลือดพุ่งสูงเหมือนจะดังมาถึงนี่ แต่พูดก็พูดเถอะ
คนลักพาตัวว่าคนอื่นสกปรกได้เหรอ?
ผมหยุดพวกเขาไม่ให้เข้าไปในห้องโถงได้แล้ว แล้วยังไงต่อล่ะ?
ถ้าสู้ ก็ต้องห่วงเจ้าหญิงบนหลังของผม
แต่การสู้ด้วยเวทมนตร์ก็ยากเหมือนกันเพราะพลังเวทที่ผมใช้กับอารีเลียมันไม่น้อยเลย
ปกติ การใช้เวทมนตร์ให้คนหลับถึงจะใช้พลังเวทเยอะ แต่ให้คนนั้นหลับต่อไปก็จะง่ายลง
แต่ตรงกันข้าม ผมใช้พลังเวทจำนวนมากกว่าจะทำให้อารีเลียหลับได้
และต้องใช้มากกว่านั้นอีกเพื่อทำให้เธอหลับต่อไป
การเคลื่อนไหวรุนแรงต้องทำให้เธอตื่นแน่
แล้วยังความเป็นไปได้ว่าจะมีฉาก ‘เลือดสาด’
เจ้าหญิงเด็กเกินไปที่จะดู
เอ่อ ที่จริงพวกเราอายุเท่าๆกัน เอาเป็นว่าเธอกินพลังเวทเยอะมาก
กินเยอะอย่างกับฮิปโป
ไม่ว่าผมจะใช้เวทมนตร์แค่ไหนตั้งแต่ออกจากบ้านเกิด
อัตราการสูญเสียไม่เคยมากกว่าอัตราการฟื้นฟู แต่ตอนนี้ การทำให้อารีเลียหลับ
มันเหมือนท่อประปาแตกและพลังเวทพุ่งออกมาไม่หยุด
ถ้าพูดให้น่ากลัวก็คือ ถ้าวันนี้ผมเป็นอะไรไป
ไม่ใช่เพราะกลุ่มคนใส่หน้ากากหรอก แต่เพราะผมถูกเจ้าหญิงดูดพลังเวทจนกลายเป็นมัมมี่
พรุ่งนี้ผมมีเรียน แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจแล้วว่าจะไปไหว
“ไอ้ชั่ว... ไม่จริง หน้ากากนั่น!”
ชายใส่หน้ากากที่ด่าผมอยู่ตะโกนอย่างตกตะลึง
“ข้าเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นมาทีแล้ว ซ้ำซาก ให้หนึ่งคะแนน”
ถ้าเห็นคนหนึ่งทำปฏิกิริยาตามอีกคนหนึ่งเป๊ะ เราจะรู้สึกชิน ว่าแต่
ถ้าผมกลับไปคงต้องใส่เวทมนตร์ให้หน้ากากใหม่
ถ้าคนจำผมได้เพราะหน้ากากแล้วจะใส่มันทำไม
“ข้าจะตัดหัวเจ้าส่งให้ท่านผู้นั้น!”
คนที่เหมือนเป็นหัวหน้าตรงมาที่ผมอย่างรวดเร็ว ผมบินหนีอย่างง่ายดาย
“บิน! อั่ก ข้าจะตายแล้ว”
ผมคราง พลังเวทที่เหลืออยู่ลดฮวบ ช่วยด้วย!
“กระสุนเวท 10 นัดติดต่อกัน!”
ระหว่างบิน ผมยิงกระสุนเวทใส่พวกคนใส่หน้ากาก
ผมควรใช้สนามแรงดึงดูดหยุดพวกเขาแล้วยิงเพื่อให้แน่ใจว่าต้องมีคนโดน
แต่เพราะขาดพลังเวท จะให้หยุดการเคลื่อนไหวพวกเขาก็ยากเกินไป ตามคาด
พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหลบไปได้
ไม่ว่าจะคิดอย่างไร การหนีคือคำตอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น