บทที่ 207 – ฟื้นฟู (3)
ด็อกเตอร์ท็อปเลอร์บังคับสีหน้าไม่ให้เปลี่ยน
เขาจูงใจสำเร็จหรือ?
คังวูจินลืมตาในโลกจริง ตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร?
“คุณคิดได้แล้วเหรอ?”
“นายพูดเรื่องอะไร?”
“รีเซ็ท... เอ่อ ผมคิดว่ามันคงไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
เขาเคยต้องการให้คังวูจินผู้มีรหัสฟื้นฟูล็อกเอาท์ออกมาพร้อมกับรหัสโลก
คังวูจินล็อกเอาท์ออกมาจริง แต่รหัสโลกยังอยู่ในทราห์เน็ต
คิมคังชุลเอารหัสโลกออกมาไม่สำเร็จ
และท็อปเลอร์ถูกบังคับล็อกเอาท์และไม่สามารถเชื่อมต่อกับทราห์เน็ตอีกต่อไป
ท็อปเลอร์มองวูจินอย่างจริงจัง
“ยังไม่สายเกินไป ผมจะบอกวิธีส่งข้อความหาคนสักคนในอลันดาล
เมื่อคนนั้นได้รหัสโลก เราก็เอาเขาออกมาก”
ท็อปเลอร์พูดอย่างกระตือรือร้น คังวูจินหัวเราะเสียงแปลก
“นายจะให้ฉันสั่งลูกน้องฆ่าน้องสายของฉัน?”
“...ไม่ใช่ ผมกำลังบอกว่าเราควรเอารหัสโลก
จากนั้นเราจะสามารถย้อนเวลากลับไปก่อนโลกเกิดสงคราม”
“ไม่ตลกนะ”
“ตื่นเถอะครับ ที่นั่นมันก็แค่ VR พอรีเซ็ทแล้วน้องสาวของคุณก็จะยังมีชีวิตเหมือนเดิม เราไม่ได้ฆ่าเธอ
เรากำลังช่วยโลก”
ท็อปเลอร์พยุงร่างขึ้น คังวูจินยื่นหน้ามาทางเขา
“นายเข้าใจผิด”
“...”
“เป้าหมายของฉันคือตัดการเชื่อมต่อโลกของฉันออกจากทราห์เน็ต
ฉันไม่สนใจโลกของนาย”
“...”
ท็อปเลอร์หน้าขรึม
คังวูจินล็อกเอาท์ออกมา แต่ความทรงจำของเขายังสับสน
นี่เป็นสิ่งที่ท็อปเลอร์สรุปได้
“เราย้อนเวลา VR ได้เสมอ
แต่ความเป็นจริง...”
“หยุด”
คังวูจินตบบ่าท็อปเลอร์
“ฉันมาที่นี่เพราะอยากพิสูจน์บางอย่าง”
“...?”
เขาพูดอะไร? เขามาที่นี่ด้วยตัวเอง?
ท็อปเลอร์เป็นคนสั่งให้กัปตันลีโอนีล็อกเอาท์วูจิน
“ฉันมาดูวิญญาณของนาย”
วูจินหัวเราะขณะมองด็อกเตอร์ท็อปเลอร์
สิ่งที่วูจินสงสัยถูกคลี่คลายแล้ว มันกวนใจเขามานาน
“ค...คุณจะไปไหน?”
“ฉันมีเรื่องต้องทำ”
เมื่อวูจินหันจากไป ด็อกเตอร์ท็อปเลอร์ชี้ไปทางวูจิน
“ทำไมพวกคุณไม่หยุดเขา?”
“...”
แต่ทหารใกล้ๆรวมถึงกัปตันลีโอนีไม่ขยับตามคำท้วงของเขา
“กัปตันลีโอนี! คุณทำอะไร?”
“ยอมแพ้เถอะ ศาสตราจารย์”
“...?”
คังวูจินมีรหัสฟื้นฟู พวกเขาไม่ได้รหัสโลกมาก็ไม่เป็นไร
พวกเขาต้องหาวิธีย้อนเวลากลับ
“ถ้าตอนนี้เราปล่อยให้เขาไปล่ะก็...”
อย่างน้อยที่สุด รหัสฟื้นฟูจำเป็นต่อการรีเซ็ท
ด็อกเตอร์ท็อปเลอร์ลุกจากเตียงและวิ่งตามวูจิน
“หยุด!”
“...”
วูจินกำลังอยู่ที่บันไดสำหรับลงจากยาน วูจินหันไปสบตา...
“หา?”
ท็อปเลอร์ครางเมื่อรู้สึกเหมือนกำลังถูกเหวี่ยง ไม่ใช่แค่ความรู้สึก
ร่างเขากำลังลอยอยู่จริงๆ
“อย่าตาม ฉันไม่ต้องใช้นายแล้ว...”
“เป็นไปได้ยังไง...”
ด็อกเตอร์ท็อปเลอร์ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาทำหน้าเหมือนเห็นผี
วูจินทำอะไร? อะไรทำให้เขาใช้พลังเหนือธรรมชาติแบบนี้ได้?
เขาเหมือนเราส์จากโลกเสมือนจริง...
“พวกนายกลับบ้านไปดีกว่า คนจากโลกพระจันทร์”
วูจินลงบันได พลังที่ยกท็อปเลอร์ไว้ก็หายไป
“มันอะไรกัน...”
กัปตันลีโอนีช่วยพยุงท็อปเลอร์ขึ้นยืน
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาก็รู้สึกแบบเดียวกับศาสตราจารย์
“บางที เขาอาจไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว ยอมแพ้เถอะ ศาสตราจารย์”
“คุณพูดบ้าอะไร...”
“มันคือค่าในโปรเจกท์นี้ไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้เนื้อหาในโลกเสมือนมาปรากฏในโลกจริงแล้ว... มันคือการเริ่มต้นการแปรสภาพดวงดาว”
“แต่...”
มันคือผลกระทบหรือ?
มันคือตัวแปรที่คาดไม่ถึง
มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์
พลังเหนือธรรมชาติของเขาอยู่ไกลจากความรู้ของมนุษย์ธรรมดา
อะไรคือคำอธิบายเบื้องหลังการพัฒนานี้?
“ถ้า...ถ้าเป็นแบบนี้...”
ด็อกเตอร์วิ่งไปทางบันไดด้วยเหมือนถูกสะกดจิต
“ศาสตราจารย์! หน้ากากกันพิษ!”
ไม่รู้ว่าเขาได้ยินคำเตือนของทหารหรือไม่ แต่ท็อปเลอร์ไม่หยุดวิ่งลงบันได
“แฮ่ก”
อากาศน่าอึดอัดและเต็มไปด้วยฝุ่นละออง เขารู้สึกเหมือนมีทรายในปาก
ท็อปเลอร์วิ่งไม่ไกลก็เห็นคังวูจิน
“รอผมด้วย! แค่ก”
ท็อปเลอร์วิ่งไปไอไป เขาไปถึงคังวูจิน
“อะไร?”
คังวูจินตอบเหมือนรำคาญนิดๆ
“คุณจะไปไหน?”
“ถ้าฉันบอกแล้วนายจะทำอะไร?”
“กรุณาบอกผมเถอะว่าคุณกำลังจะทำอะไร?”
เขาจะทำอะไร...
คังวูจินมองไปข้างบน
ดวงดาวเต็มฟ้าส่องแสงสว่าง ตรงข้ามกับความสวยงามด้านบน
พื้นดินเป็นสีดำ
ดินเวิ้งว้าง ไม่เห็นแม้แต่หญ้าสักต้น
“ฉันจะกลับ”
เขารู้วิธีตัดการเชื่อมต่อแล้ว
ความรู้อยู่ในหัวเขาตอนตื่นขึ้น เหมือนเขาเรียนมันจากตำราทักษะ
“ก่อนผมจะตื่นโลก VR ก็ใกล้จะล่มสลาย
ถึงคุณกลับไป คนของอลันดาล...”
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์พูดอย่างระมัดระวัง
“นายเห็นเหรอ?”
“...”
“นายเห็นพวกเขาตายเหรอ?”
“ผมไม่เห็นวาระสุดท้ายของพวกเขา แต่พวกเขารู้แล้วว่าสู้กับตัวตนสมบูรณ์ไม่ได้...”
ท็อปเลอร์กลืนคำพูดลงไป วูจินมองเขานิ่งและเขาไม่อาจพูดพล่อยๆได้
“นายมองไม่เห็นอนาคต นายจะไปรู้เรื่องนั้นได้เหรอ?”
“...”
“คนของฉันไม่ร่วงง่ายๆหรอก”
“ต่อให้พวกเขายังฝืนยืนหยัดอยู่ได้ คุณจะล็อกอินเข้าไปได้ยังไง?”
คังวูจิน คิมคังชุล เช่นเดียวกับท็อปเลอร์
พวกเขาไม่สามารถล็อกอินกลับเข้าไปได้เพราะไม่ได้ล็อกเอาท์ออกมาด้วยวิธีธรรมดา
“ถ้าฉันไปที่นั่นไม่ได้...”
วูจินยิ้ม
“...งั้นก็เอาพวกเขาออกมาที่นี่”
***
บาเรียของปราสาทบิบิเสียหาย
กึง!
สิ่งก่อสร้างในเรือบรรทุกเครื่องบินสั่นรุนแรง
คนที่หลบมาอยู่ข้างในตัวสั่นด้วยความกลัว
“พวกเรา...ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
จุงมินชานพูดอย่างหดหู่
พวกเขาสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่พลังของเกราะดำอยู่เหนือจินตนาการ
ทุกคนหมดแรง... รวมถึงกองทัพผีดิบ
[พลังงานของพวกเรามีน้อย]
นี่คือปัญหาหลัก
คังวูจินไม่อยู่ที่นี่
เนโครแมนเซอร์ที่ปลุกศพของศัตรูมาเป็นทหารไม่อยู่
พลังเวทของพวกมันก็ไม่สามารถเติมผ่านการใช้วิญญาณของศัตรูอีกแล้ว
เมื่อเนโครแมนเซอร์ไม่อยู่ กองทัพผีดิบก็ลดขนาดลงเรื่อยๆ
เหลือแต่อสูรรับใช้
ลิชไม่เคยต้องกังวลเรื่องพลังเวทตอนที่มันอยู่กับเจ้านาย
แต่ตอนนี้มันไม่มีเจ้านาย มันต้องใช้เวทอย่างรอบคอบ
เพราะเหตุนี้มันจึงได้แต่ใช้เวทเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากด้านหลัง
อัศวินมรณะไม่รู้จักเหนื่อย
แต่ตอนนี้พวกมันต้องกังวลเรื่องการป้องกัน มันสู้เต็มที่ไม่ได้
มังกรกระดูกและโกเลมก็มีพลังเวทไม่พอ พวกมันต้องรอพักหนึ่งถึงจะฟื้นฟูร่างกายที่แตกหักคืนมาได้
[คึฮ่าๆ]
อาจเพราะเกราะดำพูดไม่เป็น หรือไม่ต้องการพูด มันเอาแต่หัวเราะประหลาดและปล่อยหมัดส่งพลังงานสีดำออกมา
แต่ละหมัดสร้างความเสียหายมหาศาล
ตัวเรือของปราสาทบิบิเกิดช่องขนาดใหญ่ พนักงานโชคร้ายคนหนึ่งร่วงลงไป
“อ๊าก!”
นกเพลิงตัวหนึ่งบินไปทางคนที่กำลังร่วง
วงแหวนไฟรัดตัวคนๆนั้น นกเพลิงเกาะบนดาดฟ้าเรือ
“ข...ขอบคุณ”
เขาไม่มีเวลาตอบ
อลันดาลต้านทานเกราะดำได้หนึ่งสัปดาห์ ฮงซุงกูและเชฮีซอลมีส่วนมากที่สุด
ฮงซุงกูไม่มีบาดแผลบนตัว แต่นั่นเพราะความพิเศษของร่างกายเขา
ที่จริงเขาเหนื่อยมาก
เขากำลังฝืนตัวเองอย่างหนัก
“เฮ้อ มีวิธีแก้ปัญหานี้ไหม?”
[คึฮ่าๆ]
มังกรวารีตัวหนึ่งบินขึ้นไปพัวพันกับเกราะดำ
พวกมันแลกเปลี่ยนการโจมตีกัน
มังกรวารีส่งเสียงร้องยาว มันต้านทานพลังหมัดของศัตรูไม่ได้อีกต่อไป
“มังกรวารีตัวสุดท้าย...”
เชฮีซอลพูดเสียงเบากับตัวเอง เหมือนเธอกำลังสิ้นหวัง
มังกรวารี สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ของอัลเฟน
พวกมันตายหมดแล้ว
ซุงกูมองมังกรโลหิตที่เกาะบนดาดฟ้า
พลังของอาณานิคมแห้งขอด จึงไม่มีพลังซ่อมแซมร่างของมังกรกระดูก
ปีกของมันถูกฉีกออกไปข้างหนึ่ง...
โกเลมเลือดมองเหมือนก้อนเลือดรอบๆมังกรกระดูก มังกรที่บาดเจ็บคำราม
[มังกรอย่างข้าจะไม่ตาย!]
มังกรโบราณอยู่มาเกินพันปี ตอนนี้มันมีความปรารถนาที่แท้จริงแล้ว
เผ่าพันธุ์ของมันตาย... ถูกทำให้มีตำหนิ...
มันพยายามลืมประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์ของมันที่น่าอับอายไป...
เพราะมันไม่สามารถแก้ไขประวัติศาสตร์ได้ มันจึงจะหายตัวไปพร้อมกับมัน
รงรงที่นั่งหมอบอยู่ ลุกขึ้น
หัวของมันหันไปทางฮงซุงกู
ตาส่องแสงสีแดงของมังกรมองฮงซุงกู
กลิ่นของเขาเหมือนมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกับมัน...
[ความปรารถนาของเจ้าคืออะไร?]
“ความปรารถนา...”
ซุงกูมองเกราะดำ
“ถ้านายฆ่าไอ้เวรนั่นได้ก็ดี”
[ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง!]
ถึงเวลาทำให้ความปรารถนาที่ซื่อตรงที่สุดของมันเป็นจริงแล้ว
มันไม่ได้อยากมีชีวิตใหม่
มันแค่อยากบินได้อีกครั้ง
มันยังอยากรู้สึกอีกครั้ง
[มอบลมหายใจสุดท้ายให้ข้า!]
ถ้ามันบินได้หายใจได้ มันจะเป็นมังกรที่ตายแล้วได้อย่างไร?
มันลืมกระทั่งชื่อของมันไปแล้ว แต่มันยังไม่ตาย
“เป็นความคิดที่ดี”
ซุงกูยิ้มและเปลี่ยนร่างเป็นลูกบอลไฟ ไฟเหมือนควัน
มันถูกดูดเข้าไปทางจมูกของรงรง
[โอ้!]
เจนิสยื่นมือไปทางมังกรที่กำลังคำราม
[ข้ามอบพลังทั้งหมดให้เจ้า!]
พลังของอาณานิคมหมดไปแล้ว ลิชจึงใช้พลังของตัวเองทั้งหมด
ส่วนที่เสียหายบนร่างรงรงฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
[มีแต่ชัยชนะจึงจะทำให้เราเลี่ยงจากความตาย!]
เหล่าอัศวินมรณะยื่นมือและส่งพลังเวทเข้าไปในมังกรกระดูก
พวกมันไม่ถอย เพราะศัตรูทรงพลัง
ชนะหรือตาย
พวกมันตายไปแล้ว พวกมันไม่ตายครั้งที่สอง
[โอ้!]
เหมือนควบคุมพลังที่ท่วมท้นไม่ได้
มังกรโลหิตกระโจนออกไปทำให้ปราสาทบิบิโคลงเคลง
[คึฮ่าๆ]
สังหารมังกรวารีไป 17 ตัว เกราะดำหัวเราะเมื่อเห็นศัตรูตัวต่อไป
มังกรโลหิตมันหนังเหนียว
มันหนีไปซ่อมแซมตัวเองทุกครั้งที่ได้รับความเสียหายสักเล็กน้อย
มังกรโลหิตแปลกไปเล็กน้อย
มันไม่พุ่งเข้ามาโจมตีอย่างไม่ยั้งคิด
มันตีปีกช้าๆพลางจ้องเกราะดำเขม็ง ท้องของมันป่องแล้วแฟบ มันกำลังหายใจ
มันควรจะเป็นมังกรตายที่เหลือแต่กระดูก
มังกรปลอมที่สวมหนังทำจากเลือด
แต่ดวงตาสีแดงของมันเต็มไปด้วยความมั่นใจ
[...]
เกราะดำตระหนักว่าดูถูกมันไม่ได้
มันพุ่งความสนใจไปที่ท้องของมังกรโลหิต มันขยับเป็นจังหวะ...ช้าๆ...
เหมือนที่สูบลมกำลังเพิ่มอุณหภูมิในเตา...
[ข้ามีชีวิต]
มันเสียเลือดเนื้อ หัวใจถูกแยกไป
มันลืมชื่อ ลืมอดีต
แต่...
มันยังมีชีวิตอยู่
มังกรอ้าปากเหมือนจะคายดวงอาทิตย์ออกมา
ความร้อนมหาศาลและคลื่นกระแทกรุนแรงพาดผ่านไปเหนือเกราะดำ
พลังสีดำถูกส่งออกมาตอบโต้ มันปะทะกับพลังสีแดง พลังสีแดงกับสีดำเหวี่ยงไปมาเหมือนพยายามกลืนกินอีกฝ่าย
เหมือนเกิดระเบิดนิวเคลียร์
แรงกระแทกมหาศาลและแรงระเบิดออกพร้อมกับรอบๆอาบไปด้วยแสง
แรงกระแทกใส่ปราสาทบิบิ มันร่วงลงพื้น
ด้วยความเร็วระดับนี้ ทุกคนบนปราสาทจะตาย
“ฮ่า!”
เมื่อบิบิรู้สึกว่าพลังของอาณานิคมถูกเติม เธอกางบาเรียทันที
กระทั่งตอนนี้เจมินก็ยังทำสงครามมิติ เธอขอบคุณโดเจมินในใจ
บาเรียทำงาน แต่ปราสาทบิบิทรงตัวไม่ทัน มันกระแทกพื้น ฝุ่นผงลอยคว้าง
จากนั้นแรงกระแทกจากลมหายใจมังกรก็สาดใส่พวกเขา
คนนับไม่ถ้วนถูกกระแทกล้ม
[ชนะหรือไม่?]
อัศวินมรณะและบิบิมองท้องฟ้า
ฝุ่นยังไม่จาง แต่พวกเขาเห็นบางอย่างกำลังลอยลงมาทางพวกเขา
มันเป็นร่างสีดำ
[เฮะๆๆ]
“...”
เกราะดำ
หรือไอ้เวรนี่จะเป็นเทพจริงๆ
มันรอดจากลมหายใจมังกร และกำลังมาทางปราสาทบิบิ...
ที่จริงคือมันต้องการรหัสโลกที่อยู่ในปราสาทบิบิ
[สนุกดีนะ]
ราวกับว่าเกราะดำรู้ว่าไม่มีศัตรูต้านทานมันได้อีกแล้ว
มันพูดเป็นครั้งแรก และทำให้บิบิอยากร้องไห้
มันลอยลงมาช้าๆเหมือนทูตสวรรค์กำลังลงมา ทุกคนมองมันด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
แต่แล้วสีหน้าสิ้นหวังไม่นานก็เปลี่ยนเป็นดีใจ
***
ท็อปเลอร์คุกเข่า
“ได้โปรดคิดใหม่เถอะ เราสามารถย้อนทุกอย่างได้ โลก VR ถูกทำลายไปแล้ว ไม่สิ มันกำลังถูกทำลาย
ถ้าคุณมอบโลกใหม่สวยงามกว่าได้จะไม่ดีกว่าเหรอ?”
“...”
ท็อปเลอร์ไม่อยากได้โลกพังๆ เขาอยากได้ของใหม่
เขาอยากได้โลกที่สะอาดและสวยงาม
เขาไม่อยากได้โลกที่เสียหายจากสงคราม
“เราต้องรีเซ็ท”
วูจินยิ้มให้กับคำพูดแน่วแน่ของท็อปเลอร์
“มองฉันนะ ศาสตราจารย์”
“ครับ”
“ชีวิตคือการก้าวไปข้างหน้า”
“...”
“นายไม่ควรย้อนทุกอย่างแค่เพราะนายมีความสามารถจะทำอย่างนั้นได้”
“แต่...”
“นายกำลังเพ้อฝันถึงการใช้ชีวิตในอดีต ได้เวลาตื่นแล้ว”
วูจินเรียกอาวุธนักรบออกมา
อาวุธนักรบยืดออกเป็นเคียวขนาดใหญ่
มันคืออาวุธที่สามารถตัดและสังหารทุกอย่าง
[เครื่องประหารของทราช]
พลังและอำนาจของมันไม่ได้บงการแค่ชีวิต แต่มีผลกับดาวเคราะห์...
“ฉันเดินไปข้างหน้า ไม่ถอยหลัง...”
วูจินเหวี่ยงเครื่องประหารของทราช
“อ๊าก!”
แสงระเบิดออก
แสงจ้าจนเหมือนทำให้ตาบอด มันขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด
***
สถานีสอดส่องโลก โลกพระจันทร์
“ประธานสภา! มาดูนี่เถอะครับ”
เขาไม่ต้องไปตามประธานสภา คนของโลกพระจันทร์ทุกคนกำลังมองท้องฟ้า
มันคือดาวเคราะห์ที่ตายไปแล้ว บ้านของบรรพบุรุษของพวกเขา
เครื่องอบของมนุษย์ชาติ
“พระเจ้า...”
โลกสีดำได้สีเดิมของมันกลับมา
เหมือนสีย้อมถูกเทลงบนกระดาษดำ...
แสงกระจายออกไปและเปลี่ยนโลกเป็นสีน้ำเงิน
เหมือนกำลังมองรูปภาพ... เหมือนมองภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิก
คนของโลกพระจันทร์อ้าปากค้างมองปรากฏการณ์เหนือจริงนี้
***
สีหน้าของทุกคนไม่อาจมองข้าม
เกราะดำรู้สึกผิดปกติจึงหันกลับไป
[…]
“สนุกใช่ไหมล่ะ?”
[…]
เขามาเมื่อไหร่?
คังวูจินยืนด้านหลังเกราะดำและเหวี่ยงเครื่องประหารของทราช
[อ๊าก!]
มันไม่มีเวลาหลบ
เกราะดำถูกฟันในทีเดียว มันเปลี่ยนเป็นควันดำและหายไป
เงาหลุดจากควันและถูกดูดเข้าไปในวูจิน
“...”
วูจินมีสีหน้าขื่นขมขึ้นมาวูบหนึ่ง
วูจินมองปราสาทบิบิที่อยู่บนพื้น เขาเห็นคนของอลันดาลกำลังตะโกนเชียร์
และเขามองไปยังที่ๆไม่ห่างจากปราการลอยฟ้านัก
เขามองยานอวกาศ
ด็อกเตอร์ท็อปเลอร์ยืนอยู่ใกล้ๆยานอวกาศด้วยสีหน้างงงัน วูจินสบตาเขา
“เห็นไหม ทุกคนยังไม่ตาย”
อลันดาลยังไม่หายไป
และโลก...
วูจินที่ลอยกลางอากาศค่อยๆลงบนพื้น
เขาทำลายภาพมายาของโลกนี้ เขามอบบทใหม่ให้มนุษย์ชาติ
ใกล้จบแล้วหรือยังน้าาา
ตอบลบขอบคุณมากครับ
ตอบลบจบดีนะเนี่ย เสียดายดูช่วงหลังตัดๆไปนิด
ตอบลบ