วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 208

 บทส่งท้าย


สถานีใต้ดินกลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มอนสเตอร์ไหลเข้ามาในโลก

มนุษย์ต้องสู้เพื่อการอยู่รอด และพวกเขาก็ทำได้ดี

ถึงอย่างนั้นแล้ว จำนวนประชากรเหยียบ 7 ล้านก็ลดลงครึ่งหนึ่งในเวลาเพียง 5 ปี

มอนสเตอร์ปรากฏบนโลก มันไม่อาจฝ่าฝืนกฏบางอย่างได้

มนุษย์สำรวจดันเจี้ยนและได้ผลประโยชน์ พวกเขาเริ่มหาประโยชน์จากสถานการณ์นี้

พวกเขาดีใจกับทรัพยากรอย่างใหม่ที่เรียกว่าบลัดสโตน แต่ไม่นานก็เจอกับโศกนาฏกรรมหนักหนากว่าเดิม

ทราห์เน็ตและโลกประสานกันอย่างสมบูรณ์

หลังจากนั้น ลอร์ดมิติที่ฆ่าไม่เลือกก็ปรากฏตัว พวกมันกำลังจะยึดครองโลก

แทบไม่เห็นประเทศไหนไม่เสียเมืองหลวงของตนไป ประเทศครึ่งหนึ่งของโลกสูญเสียรัฐบาล ประชากรกลายเป็นผู้อพยพ

มอนสเตอร์...

เราไม่สามารถเรียกรวมพวกมันง่ายๆว่ามอนสเตอร์ สิ่งมีชีวิตหลากหลายประเภทมารวมกันที่โลก

เผ่าที่เหมือนมนุษย์อย่างเอลฟ์ คนแคระ ออร์ค มีกระทั่งมนุษย์...

สายพันธุ์ใหม่นับร้อยพันกำลังจะทำสงครามแย่งชิงโลก

แต่แล้วดันเจี้ยนทั้งหมดก็ถูกรีเซ็ท

เป็นการรีเซ็ทอย่างหมดจด

ดันเจี้ยนที่ทำหน้าที่เป็นอุโมงค์เชื่อมกับมิติต่างๆหายไป มนุษย์มีความหวังอีกครั้ง

เหมือนกับว่าสันติสุขจะกลับมาเมื่อผู้บุกรุกจากมิติอื่นถูกไล่ออกไป

ขณะที่สงครามระหว่างมิติจบลง การต่อสู้แย่งชิงโลกยังคงอยู่ สงครามที่ผู้อพยพมิติต้องสู้กับชาวโลกยังคงอยู่ มันเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

ประชากรแยกได้ว่าเป็นมนุษย์หรือมอนสเตอร์ แต่การแยกว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรูมันคลุมเครือ และดูเหมือนการหลั่งเลือดรอบสองจะมาเกิดขึ้นในไม่ช้า

แต่แล้วอลันดาลก็เข้ามาแทรก พวกเขาบังคับหยุดสงครามนำสันติสุขคืนมา

แน่นอน ไม่ใช่ว่าทุกประเทศและผู้อพยพมิติจะเห็นด้วย

ญี่ป่นไม่เห็นด้วย พวกเขาทำสงครามกับดาร์คเอลฟ์ในฮอกไกโด ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ยับเยิน

ไม่ใช่สงครามที่ต่างฝ่ายยกกองทัพออกมาสู้กัน

นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเป็นรายแรกที่ล้มลง คนในรัฐบาลทุกคนที่ต้องการทำสงครามถูกลอบสังหาร ไม่เกิดสงครามตามแผนที่วางไว้ 

ไม่ใช่ว่าผู้อพยพมิติจะได้รับการยกเว้น เมื่อใดที่พวกมันมีท่าทีจะบุกรุกประเทศใด พวกมันจะถูกลงโทษอย่างไร้ความปรานี

เทพแห่งการทำลาย

ชื่อของเขาค่อยๆดังข้ามเผ่าพันธุ์ที่ฝังรากบนโลก ชื่อของเขาสลักในสำนึกของทั่วทุกคน ภายใต้การปกครองของเขา สันติภาพกลับคืนมา

แต่การควบคุมคนไม่ให้เริ่มสงครามไม่ใช่การแก้ไขปัญหาทุกอย่าง

การก่อการร้ายและข้อพิพาทเรื่องดินแดนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เผ่าพันธุ์ทรงปัญญาเผ่าอื่นๆบนโลกคือปัญหา ต้องมีวิธีแก้ข้อขัดแย้งเหล่านี้อย่างเหมาะสมรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้ สหพันธ์โลกจึงตั้งขึ้นโดยมีประเทศที่เข้มแข็งที่สุดเป็นสื่อกลาง หน้าที่นั้นย่อมเป็นของอลันดาล

แต่ผู้นำที่แก้ปัญหานี้ไม่ใช่ราชาแห่งอลันดาล คังวูจิน

ประธานคนแรกของสหพันธ์โลกอันมีเป้าหมายคือสันติภาพโลก ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายกรัฐมนตรีอลันดาล จุงมินชาน

จำนวนผู้อพยพมิติเทียบเท่ากับจำนวนมนุษย์ที่ตายในสงคราม สันติภาพเกิดขึ้นจากความพยายามอย่างหนักนับปี

การทำลายและการเข่นฆ่า

คนบนโลกถูกปลดปล่อยจากความกลัวและสงคราม ช่วงเวลาหวานชื่นที่สงบสุข และยาวนานพอให้ชื่อของเทพแห่งการทำลายจางไปจากความทรงจำของคน

เขาสังหารมนุษย์และมอนสเตอร์ไปเท่าไหร่ กองทัพผีดิบของเขาสังหารไปมากเท่าไหร่ ไม่สำคัญ

เขาคือราชาผู้ตัดเชือกที่เชื่อมโยงโลกกับมิติอื่นๆ

คังวูจินไม่ใช่เทพแห่งการทำลาย เขากลายเป็นวีรบุรุษ

เขาได้รับการยกย่องเชิดชูแทนที่จะถูกกลัว แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนมาหลายเดือนแล้ว

คนหลายพันมารวมกันในวันอากาศสดใส กำลังมองไปที่เวที โดรนเก็บภาพหลายตัวลอยไปมา คำปราศัยถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก

“น่าเสียดายผมไม่ได้อยู่ร่วมแบ่งปันวันแห่งประวัติศาสตร์นี้กับเขา”

จุงมินชานดูแก่ขึ้น 10 ปี ดูเหมือนปีที่ผ่านๆมาเขาต้องเครียดมาก เขาพูดใส่ไมโครโฟนด้วยเสียงสุขุม

“ครบหนึ่งปีตั้งแต่ที่เราจัดตั้งสหพันธ์โลก”

บางคนเรียกมันว่าวันประกาศอิสรภาพโลก บางคนเรียกว่าจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่

หนึ่งปีนับแต่โลกสร้างประวัติศาสตร์ใหม่

“วันนี้ยังเป็นวันสำคัญที่เราจะพบกับมนุษย์จากโลกเก่า”

มินชานลงจากแท่นปราศรัยพลางชี้ไปข้างหลัง ข้างหลังเขาคือสถานีโซล

โลกจริงซ้อนทับกับโลกเสมือน

ไม่มีเหตุผลต้องแยกระหว่างความจริงและความเสมือนจริง 

โลกที่แตกต่างสองโลกรวมกัน สร้างความจริงใหม่

ในสถานีใต้ดิน แทนที่จะมีดันเจี้ยนกลับเป็นมนุษย์หลับใหลในแคปซูล พวกเขาฝันรอบ้านใหม่

ปีที่ผ่านมา สหพันธ์โลกนำความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาสู่โลก และเชื่อมสัมพันธุ์ระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆได้สำเร็จ

พวกเขาสร้างศูนย์ช่วยเหลือขึ้นในทุกทวีปเพื่อช่วยคนที่ตื่นจากการจำศีลปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ คนที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่หลับอยู่ในสถานีออกมาก็ฝึกเสร็จแล้ว

คนจากโลกเก่าที่หลับฝันจะถูกเรียกกลับมายังความจริง

“ตอนนี้เราจะเริ่มโครงการ เราจะช่วยคนจากโลกเก่า”

ผู้คนส่งเสียงเชียร์กับคำประกาศของมินชาน

ผู้ถูกสร้างกำลังพบกับผู้สร้าง นั่นไม่สำคัญ มันก็แค่มนุษย์คนหนึ่งกำลังช่วยมนุษย์อีกคน

***

รถตู้คันหนึ่งวิ่งบนถนน

ซินดี้ปิดโทรทัศน์ที่กำลังฉายการปราศรัยของมินชาน เธอเอนตัวกลับไป

“จีวอนชอบจัดงานเอาตอนเวลาแปลกๆแบบนี้ทุกที”

วันนี้เป็นวันครบรอบปีเริ่มยุคใหม่ และคนกำลังออกไปเจอกับคนจากโลกเก่า

จีวอนตัดสินใจจัดงานพบปะกับแฟนในวันแบบนี้

“จะเลี้ยวกลับไหม?”

“ถ้าฉันไม่ไปแล้วใครจะไปล่ะ? วันนี้ทุกคนยุ่งกันหมด”

เพื่อนและคนรู้จักของพวกเธอมีธุระในวันนี้

ซินดี้เป็นนักร้องระดับโลก แต่เพื่อนฝูงของจีวอนมีแต่คนสำคัญ...

“พี่ซุงฮุนจะมาได้ไหม?”

“หา? วันนี้คุณซุงฮุนน่าจะมีถ่ายทอดสดนะ”

ผู้จัดการตอบ โดจีวอนเปิดโทรทัศน์ใหม่

<วูซุงฮุนโชว์! วันนี้เป็นวันพิเศษ ผมกำลังสัมภาษณ์บุคคลสำคัญมาก ปรบมือให้ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์จากฐานดวงจันทร์ด้วยครับ>

ด็อกเตอร์ท็อปเลอร์ปรากฏตัวท่ามกลางเสียงปรบมือด้วยรอยยิ้มกว้าง

<คุณคือมนุษย์ต่างดาวคนแรกที่มาถึงโลกของเราโดยไม่ใช้ UFO หรือจะให้ผมเรียกว่าคนจากอนาคตดี?>

ผู้ชมในห้องส่งและศาสตราจารย์หัวเราะให้กับคำพูดล้อเล่นของวูซุงฮุน จากนั้นพวกเขาเริ่มสนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องราว

ถึงจะล้อเล่นแต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่จริง

ท็อปเลอร์อยู่บนโลกในวันนั้น

<บอกพวกเราหน่อยว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ ศาสตราจารย์>

<มันเป็นเหตุการณ์พิเศษที่จะไม่มีอีก ที่จริงแล้วขนาดตอนนี้ผมยังแทบบอกให้ตัวเองเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้>

<นี่เหมือนภาพมายาหรือเปล่า? คุณจากตื่นจากฝันนี้ไหม? คุณกำลังถูกสะกดจิตหรือเปล่า?>

ด็อกเตอร์ท็อปเลอร์หัวเราะกับความทะลึ่งของวูซุงฮุน เขาพูดต่อ

<ไม่มีทาง ผมแค่จะบอกว่าการมีความคิดคับแคบเป็นเรื่องน่ากลัว เราพบว่าการแยกความจริงและมายาอาจเป็นสิ่งไม่มีความหมาย ถ้าเราเชื่อในสิ่งที่คิดมันจะกลายเป็นจริงได้ ในทางตรงกันข้าม การหลงลืมอาจทำให้หลายสิ่งหลายอย่างถูกลบไป>

<วันนี้คุณทำตัวเป็นนักปรัชญามากเลย มนุษย์ต่างดาวบนฐานดวงจันทร์เป็นยังไงกันบ้างครับเดี๋ยวนี้?>

<ฮ่าๆ เหมือนเดิมครับ พวกเขาให้ความสนใจโครงการช่วยเหลือคนจากโลกเก่ามาก ยิ่งกว่านั้นก็ใกล้เวลาที่ยานสำรวจจะไปถึงดาวอังคารแล้ว ทุกคนให้ความสนใจกับทางนั้นมากกว่า>

<แล้วศาสตราจารย์ล่ะ...>

ซินดี้ปิดโทรทัศน์แล้วหลับตาเพื่อพักสายตา

บนโลกมีเผ่าพันธุ์หลากหลาย

วูซุงฮุนสามารถคุยกับทุกเผ่าพันธุ์

เขาพูดคล่องจนสามารถขายโทรศัพท์รุ่นเก่าให้เทพแห่งการทำลายได้ เขาใช้ทักษะที่มีและกลายเป็นพิธีกรที่มีชื่อเสียงระดับโลก ความสำเร็จของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

“เฮ้อ พี่ซุงฮุนไม่มา...”

“ทำไมไม่ลองถามแฟนเธอล่ะ?”

ซินดี้ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามของผู้จัดการ

“เฮ้อ คนว่างงานที่ยุ่งที่สุดในโลกจะรับโทรศัพท์ฉันได้เหรอ?”

“ฮะ...”

ผู้จัดการหัวเราะ

ตู๊ดๆๆ

ถึงพูดไปอย่างนั้นซินดี้ก็ยังโทรหาเขา แต่เสียงโทรศัพท์ดังเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะมีคนรับ

ตอนนั้นเองรถก็สั่น ซินดี้มองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นหลังคาอาคารแห่งหนึ่งมีควันลอยออกมา

“ไอ้หยา มีก่อการร้ายอีกแล้ว”

ผู้ก่อการร้ายไม่ขึ้นอยู่กับประเทศไหน มันจึงเป็นปัญหายุ่งยากของสหพันธ์โลก

ยิ่งกว่านั้นคังวูจินยังหายตัวไป มันทำให้พวกผู้ก่อการร้ายเหิมเกริมขึ้น

เปลวไฟเป็นสีดำลามขึ้นตึก มันตรงไปที่หลังคา ซินดี้ทำตาโตแล้วหัวเราะ

ควันสีดำรวมตัวกันและถูกส่งขึ้นไปบนฟ้า เปลวไฟเหมือนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ มันรวมตัวกันเป็นนกเพลิง

“เขายุ่งที่สุดจริงๆ”

เสียงโทรศัพท์ยังดัง ซินดี้เลิกโทร

รู้ว่าเขาอยู่ในเกาหลีทำให้เธอใจเต้น

เขาผู้ใช้ไฟสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายโดยไม่คิดเงิน

เขาเป็นคนว่างงานที่เท่ที่สุดในโลก และเขาเป็นแฟนของเธอ

ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะได้เห็นหน้าเขา

“ยกเลิกตารางงานทุกอย่างของฉันตั้งแต่คืนนี้ถึงพรุ่งนี้เลยค่ะ”

“หา?”

ผู้จัดการแปลกใจ แต่เธอเคยขอแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ในที่สุดเขาก็ยอม

เขาแอบมองทางกระจกหลังและเห็นซินดี้ยิ้มเหมือนวัยรุ่น

***

มือคล่องแคล่วเซ็นชื่อของเธอบนหน้าปกหนังสือ

“คุณสวยเกินไปแล้ว”

“ฮะๆ ค่ะ”

เธอชอบคำชมจึงยิ้มขณะจับมือกับชายคนนั้น

ผู้อ่านคนถัดไปยื่นหนังสือให้เธอ

“ชื่ออะไรคะ?”

“หมาลายจุด”

“...”

ปากกาที่เคลื่อนไหวอย่างงดงามหยุดลง

“ชื่ออะไรนะ?”

“ผมคือหมาลายจุด”

“ฮ้า”

โดจีวอนลุกพรวด

“ค...คุณคือคนที่คอมเม้นต์...”

“ผมตั้งใจจะเลิกอ่านนิยายคุณทุกที แต่ก็สงสัยว่าตอนต่อไปจะไปยังไง... ผมอ่านต่อ... ผมสมัครสุ่มแฟนมีทติ้งเล่นๆแล้วก็ได้...”

เขาเกาศีรษะและทำเป็นใจเย็น แต่โดจีวอนยังยิ้มสดใส หนังสือของเธอมี 200 ตอนและเขาเขียนความคิดเห็นลงในทุกตอน เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอเขาที่นี่

“ดีใจที่ได้เจอคุณนะ”

“เหรอ?”

“ฉันสงสัยว่าคุณเป็นคนยังไง ฮิๆ”

โดจีวอนยิ้มใสซื่อ ชายที่ติดป้ายชื่อหมาลายจุดรู้สึกขัดเขินกับความกระตือรือร้นของเธอ

“ฉันมีเรื่องที่อยากบอกคุณ”

มีเรื่องอยากบอกเขา ทำไมไม่เขียนลงในส่งท้ายจากผู้เขียนในหนังสือล่ะ?

โดจีวอนยิ้มแล้วค้อมคำนับชายที่กำลังงง

“ขอบคุณคุณจริงๆ คุณเป็นแรงผลักดันให้ฉันอย่างมาก...”

“อะแฮ่ม”

เขากระแอมอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีแต่แล้วก็เห็นซินดี้ เธอลัดคิวยาวของผู้อ่านที่กำลังรอพบกับนักเขียนเข้ามา

“จีวอน! ยินดีด้วยที่เขียนหนังสือเสร็จ!”

“อ๊ะ? เฮ้ ซินดี้”

จีวอนประหลาดใจกับการมาถึงของซินดี้ คนในแถวก็กระซิบกัน

“นั่นซินดี้ใช่ไหม?”

“หา? ใช่จริงด้วย ฉันได้ยินว่าพวกเค้าเป็นเพื่อนกัน แต่ดูสนิทกันจริงๆนะ”

จีวอนนั่งลงพลางมองคนที่กำลังคุยกัน

“คุณฮีซอลกับเจมินอยู่ในห้องรับรองแน่ะ”

“ได้ เธอรีบทำให้เสร็จนะ ฉันจะไปรอ”

ซินดี้คำนับให้นักอ่าน แล้วตรงไปยังห้องรับรองสำหรับจีวอน

“ไอหยา น้องจ๋านั่งลงเถอะ”

“ไม่ ฉันนั่งแล้วปวดหลัง”

“โอย เราจะทำยังไงกันดี?”

เสียงคุ้นเคยดังผ่านประตูห้องรับรอง ซินดี้กระตุกยิ้มพลางเปิดประตู

“อ๊ะ? พี่”

“พี่!”

โดเจมินหันมาอย่างประหลาดใจ ซูลกิก็ประหลาดใจแต่เธอยิ้มต้อนรับอย่างยินดี

ดูเหมือนซินดี้จะเข้ามาตอนเจมินกับซูลกิกำลังหวานใส่กัน ฮีซอลดูขอบคุณมากที่ซินดี้เข้ามา เธอจับมือซินดี้

“นี่จะเก้าเดือนแล้วใช่ไหม?”

ซินดี้มองท้องใหญ่ของซูลกิ

“ค่ะ กำหนดคลอดวันที่ 12 เดือนหน้า”

“ทำไมไม่อยู่บ้าน?”

“ฮิๆ นี่เป็นงานแฟนมีทติ้งของพี่จีวอน หนูไม่มาไม่ได้หรอก”

“อ้อ เพราะเค้าเป็นพี่สะใภ้ใช่ไหมล่ะ?”

“แหม พี่ก็”

ดวงตาโดเจมินส่งประกายหัวเราะ เห็นการพบปะกันแบบนี้มันชวนให้จิตใจอบอุ่น

“นายดีใจขนาดนั้นเลยที่ได้เป็นพ่อคน?”

“เฮะๆ ดีใจสิครับ”

“แหม คิดว่าวูจินจะถึงแล้วยัง?”

“พี่เหรอ? พี่มาไม่ได้หรอก เขาอยู่ไกลเกินไป”

“ฉันไม่ได้หมายถึงที่นี่ ฉันถามว่าเขาถึงที่นั่นหรือยัง”

“อา... อันนั้นผมไม่รู้”

ซินดี้หัวเราะกับคำตอบของโดเจมิน

“ไอ้หยา หวังอะไรจากตาหล่อหัวทื่อนี่ไม่ได้เลย”

“เฮะๆ”

เจมินยังรู้สึกดีต่อให้โดนตำหนิ

“ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงพี่วูจินหรอกครับ เขาคงถึงที่นั่นอย่างปลอดภัยแล้ว ฮะๆ”

“แน่สิ...”

ไม่มีสิ่งใดในโลก... ไม่สิ ในระบบสุริยะจะทำอันตรายคังวูจินได้ ห่วงเขาไปก็เหนื่อยเปล่า

***

“เรากำลังอยู่บนเส้นทางเข้าชั้นบรรยากาศดาวอังคาร เรากำลังเข้าใกล้มันช้าๆ”

“ดี ติดต่อกองบังคับการ”

“ครับผม”

ปี๊บ!

“วันนี้คือวันที่ 5 มกราคม ปีศักราชใหม่ที่ 1 ยานลีโอนีสามารถเข้าสู่ชั้นบรรยากาศในเวลา 1100 เราจะวนรอบดาวเคราะห์ก่อนเริ่มการสำรวจ”

สมาชิกทำงานกันง่วนขณะกัปตันลีโอนีเดินจากไป

“เฮ้อ”  

ลีโอนีผ่านร้อนหนาวมามาก แต่เขายังตัวสั่นทุกครั้งเมื่อต้องไปเจอคนๆนั้น

เขากดปุ่มหน้าประตูและได้ยินเสียงจากลำโพงเล็กๆ

<เข้ามาได้>

ประตูเปิดออกโดยอัตโนมัติ ลีโอนีเดินเข้าไป เขายืนตรงหน้าคังวูจิน

วูจินกำลังหกสูงวิดพื้น เขาทิ้งตัวลงบนพื้นและปาดเหงื่อออก

“มีอะไร?”

ลีโอนียืนตัวแข็งและรายงาน

“เราเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวอังคารได้สำเร็จ ผมคิดว่าเราควรวนรอบดาวเคราะห์เพื่อทำการสแกน จากนั้นจึงเริ่มการสำรวจอย่างถี่ถ้วน เราจะส่งยานสำหรับลงจอด...”

“อ๊ะ หยุดแค่ประโยคแรกก็ได้”

“...”

วูจินเช็ดเหงื่อพลางยิ้ม

“แปลว่าเราถึงแล้วใช่ไหม?”

วูจินเดินออกจากห้อง ลีโอนีเดินตาม

มีบางอย่างแปลกไป ชายคนนี้มักจะทำเรื่องเสมอ

ผ่านหน้าต่างหนา วูจินเห็นดาวเคราะห์สีน้ำเงิน

ดวงตาของวูจินเป็นประกาย

ทราห์เน็ตไม่อยู่แล้ว... ในโลกที่อุโมงค์หายไป ยานอวกาศเป็นวิธีเดียวในการเดินทางระหว่างดวงดาว

ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าของโลกพระจันทร์ เขาใช้เวลามาถึงที่นี่เพียงไม่กี่เดือน

“ในที่สุดก็ถึง”

ดวงตาวูจินเต็มไปด้วยความยินดี

“อัลเฟน”

“...”

“เปิดประตู”

“ครับ? เราต้องสำรวจก่อน...”

“ให้ฉันพังประตูดีไหม?”

“...ขอผมเตรียมการก่อน”

ลีโอนีรู้ว่าเขาจะเถียงแพ้ จึงหันไป

การเตรียมการเสร็จในเวลาอันสั้น ยานสำหรับลงจอดถูกยิงออกจากยานหลัก

ยานลงจอดแตกออกทีละชั้นขณะที่แรงดึงดูดของดาวอังคารเพิ่มความเร็วให้กับตัวยาน

มันถูกออกแบบมาให้ทนความร้อนและแรงดันจากการร่วงสู่พื้น แต่มันแตกออกในเวลาไม่กี่นาที

ชิ้นส่วนที่กำลังระเบิดกลายเป็นไฟขณะที่ร่วงสู่พื้น พร้อมกับการระเบิด บางอย่างที่เป็นสีขาวขยายออก

“อา”

ลีโอนีกลืนเสียงครางเมื่อเห็นมังกรกระดูกฉีกยานสำหรับลงจอดออกมา

ลีโอนีไม่จำเป็นต้องมองหน้าวูจินก็รู้ว่าเขากำลังตื่นเต้น เขาสามารถนึกภาพวูจินกำลังขี่หลังมังกรกระดูกมุ่งหน้าไปทางดาวอังคาร

“เราจะรักษาวงโคจรของเรา ส่งดาวเทียมสำรวจออกไป”

ดาวอังคาร ที่นี่ถูกปรับสภาพดวงดาวไปพร้อมๆกับโลก ได้เวลาสำรวจอัลเฟนอย่างจริงจังแล้ว

มังกรกระดูกกลับตัวและร่อนไปในอากาศ

อุโมงค์หายไป แต่เขาสัญญาว่าจะกลับมา

เขาทำเพื่อคนที่กำลังรอเขา...



สารบัญ

----------------------------



เพื่อเมโลดี้สินะ ชิชะๆ ใครเป็นนางเอกแน่หว่าเรื่องนี้ XD

ตอนสุดท้ายเป็น sponsor chapter ด้วยล่ะ เฮ \0/ ขอบคุณคุณ NANASHOP ค่ะ 

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมานานค่ะ เรื่องนี้เริ่มต้นปี 60 นี่ปลายปี 63 3 ปีแน่ะกว่าคนแปลจะแปลจบ XD 

เดี๋ยวขอเวลาหานิยายเรื่องใหม่สักหลายเดือน (หลายๆเดือน) :3 ระหว่างนี้บล็อกจะลงแปลเพลงเพื่อไม่ให้เว้นว่างเกินไปค่ะ :3 



14 ความคิดเห็น:

  1. จบแล้วหรอเนี่ยยย มีเพจให้ติดตามผู้แปลมั้ยครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า :D เรื่องเพจไม่มีค่ะ เพราะไม่ได้แปลเยอะไม่มีข่าวสารอะไรต้องประกาศ นิยายเรื่องใหม่คงอีกนาน ช่วงนี้คนแปลยังเลือกนิยายไม่ได้+ติดเกม ไว้ปีหน้าลองแวะมาดูค่ะ XD

      ลบ
    2. แง้ เสียดายย อยากติดตามส่วนตัวเลย

      ลบ
  2. ขอบคุณสำหรับผลงานแปลดีๆครับ ❤️

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณ​สำหรับงานแปลครับ💓

    ตอบลบ
  4. กำลังหาที่อ่านเลยยังไง ขอบคุณสำหรับการเเปลนะครับ ขอให้สุขภาพดีเเข็งเเรงจ้า

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณที่แปลค้าบ

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณครับสำหรับที่แปลมาจนจบ ฺฮ่าๆจบแบบแปลกๆแต่ก็จบเนอะ

    ตอบลบ
  7. ชอบมากค่ะขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณมากครับ กลับมาอ่าน รอบ3 ล่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. โห -0- ถ้าอ่านทวนเพราะยังไม่จบก็อีกเรื่อง แต่เว็บโนเวลที่อ่านจบแล้วเราไม่ค่อยอ่านซ้ำค่ะ ขอบคุณที่อ่านเรื่องนี้นะ ^.^

      ลบ
  9. จบแล้ว ขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ นักแปลแปลดีมาก อ่านง่ายอ่านลื่น
    แต่เรายังหวังให้เมโลดี้เป็นนางเอกอยู่นะเนี่ย >_<

    ตอบลบ