วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 197


บทที่ 197 – ทราห์เน็ต (2)

“ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์!
“หือ?มีอะไร?”
“ท็อปเลอร์ได้ยินเสียงร้อนรนแปลกไปกว่าปกติ เขาจึงถามกลับอย่างร้อนใจตาม วันแห่งการตัดสินใจใกล้เข้ามาทุกที และทุกวันเขารู้สึกเหมือนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง
“คังวูจินไปหาอิเอลโล”
“อะไรนะ?”
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ร้องอย่างแปลกใจ
มันยังเร็วเกินไป ไม่ใช่สิ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนนี้พวกเขากำลังเดินออกไปจากเส้นทางที่เคยมี มันทำให้ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เป็นกังวลและไม่สบายใจ
“มันเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ขึ้นเพราะอะไร...”
สิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่แผนของพวกเขาไม่เคยสำเร็จ ท็อปเลอร์จึงรู้สึกคาดหวังขึ้นมา
คังวูจินไปเจอกับอิเอลโลก่อนจะมีคุณสมบัติ
“เตรียมเรือท็อปเลอร์ให้ผมที”
“หา?”
“มันจะอันตรายเกินไปหรือเปล่า?”
ท็อปเลอร์ลุกขึ้น
เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อห้องทดลองเก่าๆนี้ เขามองไปทั่วห้อง
โลกพระจันทร์ไม่มีอนาคตอีกต่อไปแล้ว
ถ้าเขาไม่อยากพลาดโอกาสนี้ เขาต้องไปอยู่ในที่ๆสามารถเคลื่อนไหวได้ทันทีเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง
“ผมจะไปที่โลก”
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เงยมองดาวสีดำบนท้องฟ้า
***
เมื่อออกมาจากอุโมงค์มิติ วูจินมองบรรดาภาพถ่ายที่หน่วยลาดตระเวนนำมา เขากระพริบตา
“แค่วันเดียวก็เพิ่มขนาดนี้เลยเหรอ?”
“...ครับ ขนาดกองทัพที่ประจำที่ซูว็อนยังถูกสั่งให้ถอยไปที่พย็องแท็ก”
“หืม”
วูจินลูบคาง เมืองโซลบนจอกลายเป็นสวรรค์ของมอนสเตอร์ไปแล้ว ไม่ใช่แค่มอนสเตอร์ ที่นั่นเต็มไปด้วยลอร์ดมิติ
ในกลุ่มลอร์ดมิติ วูจินเห็นบางคนที่คุ้นเคย ปลาหมึกยักษ์ชื่อเดรด และมังกรทองราชาคุย
ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าดันเจี้ยนเบรกครั้งก่อนมีอิเอลโลเป็นคนชี้นำ
“เจ้านี่แย่กว่าไอบริทอีก”
เขาเห็นลอร์ดมิติจำนวนมาก
พวกมันเป็นสื่อกลางควบคุมมอนสเตอร์
ความตายของเกรทลอร์ดอิเอลโลจะไม่หยุดทั้งหมดนี้ วูจินยังต้องฆ่าลอร์ดมิติลูกน้องของอิเอลโลอีก
พวกมันมารวมตัวกันที่โซล กำลังเตรียมพร้อม เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังรอใคร
รอเขา
พวกมันเตรียมตัวอย่างดีเพื่อเผชิญหน้ากับเขา
วูจินยิ้มมองกับดักอันโจ่งแจ้ง
“นี่จะทำให้ฉันเลเวลเต็ม”
เครื่องสังเวยสำหรับให้เขาถึงเลเวล 99 มีพร้อมแล้ว
ตอนนี้เจมินกำลังทำสงครามมิติเต็มที่ วูจินได้แต้มจำนวนมากจากการนั้น เมื่อถึงโซลวูจินจะได้แต้มความสำเร็จอีก
เขาจะมีแต้มจำนวนมากพอซื้อวัตถุดิบจากร้านค้ามิติและร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ เมื่อเสร็จศึก เขาจะได้ไอเทมชิ้นสุดท้าย เกียรติของทราช
มีความเป็นไปได้สองอย่าง เขาอาจได้เงื่อนงำเมื่อรวบรวมเซ็ทไอเทมครบ หรือเมื่อเลเวลเต็มที่ 99
เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้ถึงเครื่องประหารของทราชเต็มที
“ไม่ต้องลงจอด เสร็จแล้วฉันจะกลับมา”
“ครับ ขอให้ปลอดภัยกลับมา”
วูจินตบบ่ามินชานแล้วเดินออกไปที่ดาดฟ้า
“พี่”
“หือ? ออกมาทำไม? พี่บอกแล้วว่าให้น้องอยู่ข้างใน”
“หนูแค่...”
วูจินอุ้มโซอา เขามองหน้าไม่สบายใจของเธอ
“ไม่สบายเหรอ?”
“เปล่า”
“งั้นทำไม?”
“...พี่ไม่ไปไม่ได้เหรอ?”
“หา?”
“ปละ...เปล่าค่ะ”
“เด็กซน น้องไปอยู่กับแม่ อย่าออกมาตามใจชอบแบบนี้”
“ค่ะ”
วูจินวางโซอาลงแล้วเดินต่อ
“เจ้านาย รีบไปกันเถอะ”
บิบิไม่ได้เข้าสู่สงครามพร้อมกับเจ้านายของเธอมานานแล้วจึงตื่นเต้น เธอเร่งวูจิน อัศวินมรณะและลิชเจนิสเตรียมตัวอยู่ข้างๆเขา
[จุดจบใกล้เข้ามาแล้ว]
“ใช่”
[ถ้าเราไม่พบเงื่อนงำของเครื่องประหาร...]
ถ้าเขาไม่ได้ข้อมูลอะไรหลังจากทำเงื่อนไขสองข้อเสร็จ... วูจินหยุดความกังวลของเจนิส
“ถึงตอนนั้นค่อยคิดกันอีกที”
[ราชา]
มีอัศวินมรณะตนหนึ่งที่สูงและกล้ามใหญ่กว่าอัศวินตนอื่น
“นายไม่ได้ออกมาข้างนอกนานแล้วสินะ?”
[ข้าเพียงทำตามเจ้านายของข้าสั่ง]
คิบะถูกทิ้งให้ปกป้องอาณาเขตมิติมาตลอด มันเป็นงานน่าเบื่อแต่มันไม่มีทีท่าจะบ่น วูจินตบบ่ากระดูกของคิบะก่อนจะเดินไปทางมังกรโลหิต
[ความปรารถนาของเจ้าคืออะไร?]
เอาจริงๆแล้ว มังกรทำให้ความปรารถนาเป็นจริงไม่ได้ แต่มันยังถาม นี่คือมังกรความจำเสื่อมของเขา
จากนั้นคือโดลเซ โกเลมผู้เปลี่ยนตัวเองเป็นโลหิตให้มังกร
“ทำอะไรก็ได้ที่นายอยากทำ อาละวาดให้พอใจ”
[ด้วยความยินดี]
มังกรลดตัวบนเหนือดาดฟ้าเหมือนกำลังจะดำลงไป
เมื่อมันกางปีกออก ร่างมหึมาก็พุ่งลงไปยังโซล
“พวกเราก็ไปด้วยเถอะ”
[โอ้!]
วูจินเรียกชิงชิงออกมาขี่หลังมัน
อัศวินมรณะขึ้นขี่ม้าปีศาจของตัวเองและกระโดดลงจากดาดฟ้าเรือ
“ฮึบ”
บิบิดูไม่เหมือนเด็กอีกแล้ว เธอเรียกไม้เท้าออกมาขี่ เธอจะแสดงให้ทุกคนเห็นพลังที่แท้จริงของแม่มดมายา
“ฮู่ว พวกเราตั้งใจป้องกันป้อมปราการของเราให้ดี”
“รับทราบ!
มินชานออกคำสั่งและเหล่าพนักงานเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ สมาชิกหน่วยแฟนธ่อมมีไวเวิร์นคนละตัว พวกเขาอยู่ประจำที่ เตรียมตัวพร้อมหากมีอะไรเกิดขึ้น
พวกเขาไม่เข้าร่วมในการต่อสู้ ราชาสั่งให้ทุกคนปกป้องป้อมปราการ
วูจินอยากได้ EXP ให้มากที่สุด แต่เขาก็ต้องเตรียมรับมือการลอบโจมตีด้วย ต้องมีคนปกป้องโซอา
***
“มันกำลังมา”
อิเอลโลอยู่ที่ปราสาทน้ำแข็งใจกลางต้นไม้หนาม มันมองท้องฟ้า
“พวกเรามาช่วยโลกที่ถูกหนามน่ารำคาญแปดเปื้อนกันเถอะ”
อิเอลโลยืนขึ้น ออกคำสั่งกับเหล่าลอร์ดมิติที่ติดตามมัน
“ฆ่าผู้ไม่ตายซะ”
สังหารมัน จากนั้นอิเอลโลจะตามหารหัสของโลก
นี่คือวิธีเดียวที่จะทำให้เขาปกครองโลกอันตรายนี้
“โอ้!
มังกรทอง ราชาคุย ดันหลังคาออก ลอร์ดมิติและมอนสเตอร์ที่บินได้บินขึ้นฟ้า
ตึง!
มังกรทองและมังกรโลหิตปะทะกัน พวกมันกลิ้งไปตามพื้น
[เจ้ายังเด็กเกินกว่าจะรับมือกับสายทางเวลา]
[เฮอะ เจ้าก้อนโลหิตน่าเกลียด!]
ถนนยุ่งเหยิง ตึกอาคารที่ถูกร่างกายพวกมันกระแทกถล่มลง เมื่อมังกรสองตัวเริ่มสู้ กองทัพทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน
[ทหารของข้า!]
[สังหารพวกมันให้หมด!]
ทหารและนักเวทโครงกระดูกในสังกัดอัศวินมรณะถูกเรียกออกมา สนามรบที่ปั่นป่วนอยู่แล้วยิ่งวุ่นวายกว่าเดิม
“ผู้ไม่ตาย...”
อิเอลโลเค้นเสียงออกมา
หากผู้ไม่ตายทำตัวเป็นคังวูจินเช่นเดิม พวกมันยังสามารถทำการใหญ่ร่วมกันได้...
ถ้าทำไม่ได้ อิเอลโลก็ต้องใช้แผนอื่น
“ข้าจะฆ่าเจ้า”
“ม...มาแล้ว”
คังวูจินและเหล่าอัศวินมรณะลงมาจากฟ้าดูโกรธเกรี้ยว ลีซังโฮร้องอย่างหวาดกลัว
“...”
ใบมีดน้ำแข็งผุดจากมืออิเอลโลซ้อนๆกัน มันสร้างเป็นดาบใบเลื่อยขนาดใหญ่
อิเอลโลถีบพื้นโดดขึ้นไปยังท้องฟ้าเหมือนเข็ม
วูจินเปลี่ยนอาวุธนักรบเป็นดาบป้องกันการโจมตีของอิเอลโล
กึง! กึง!
การโจมตีแต่ละครั้งเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นกระแทกดังไปรอบๆ
ราชาแห่งความตาย
อัศวินมรณะนับถือราชาของพวกมันยิ่งกว่าอื่นใด เพราะเหตุนี้พวกมันจึงผ่านเลยวูจินไปมุ่งสู่สนามรบ
“ไอ้...ไอ้พวกเลว!
ลีซังโฮยื่นแขนสองข้างออกมาพยายามใช้พลังเทเลคิเนซิส...
ฉัวะ!
“อั่ก!
ขวานพาดผ่าน แขนสองข้างของลีซังโฮหล่นลงพื้น...
[จงกรีดร้อง]
อัศวินมรณะคิบะแสยะยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวน่ากลัว
[ราชาของข้ามาถึงแล้ว]
ขบวนพิธีกำลังดำเนินไปย่อมต้องมีการเดินขบวน
[กรีดร้องให้ดังกว่านี้!]
ฉัวะ!
ใบขวานเฉือนคอของลีซังโฮออก
การเข่นฆ่าและเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งจะเปิดทางให้ราชาของมัน
ขวานของคิบะเริ่มเริงรำ
เศษน้ำแข็งถูกส่งมาทางวูจินเหมือนพายุ มันสร้างผลกระทบกับการป้องกันของเขา น่ารำคาญกว่าดาบที่โจมตีใส่วูจินไม่หยุด
“นายเก่งดีนี่”
ใบหน้าโปร่งแสงของอิเอลโลขยับตามคำพูดไม่น่าฟังของวูจิน
“...”
วูจินหรี่ตาเมื่ออิเอลโลไม่ตอบ
“ฉันเคยเจอนายมาก่อนหรือเปล่า?”
“ข้าไม่เจรจากับไอ้คนที่เสียการรับรู้ตัวเองไปแล้ว”
สิ่งเดียวที่อิเอลโลต้องการคือการต่อสู้จนตาย
เมื่อใครได้ชิ้นส่วนมิติ คนนั้นจะคืนชีพเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง นั่นพอแล้ว ทุกอย่างจะจบลงและทุกอย่างจะกลับไปยังจุดเริ่มต้น
จากนั้นมันจะใช้ชีวิตอมตะในฐานะผู้ปกครอง...
“พูดบ้าๆ”
เขาเสียตัวตนไป?
ถ้าเขาเสียตัวตน อย่างนั้นเขาจะทำให้อิเอลโลเสียชีวิต
ดาบของวูจินกับอิเอลโลปะทะกันใหม่
***
ช่องทางวิ่งที่สาม โลกพระจันทร์
“ผมให้คุณไปไม่ได้”
“อะไร? คุณลืมแล้วเหรอว่าผมเป็นใคร?”
ท็อปเลอร์ถามอย่างแปลกใจ คนเฝ้าประตูส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
“มีใครไม่รู้จักศาสตราจารย์ท็อปเลอร์?”
“งั้นผมอยากให้คุณเปิดประตูเดี๋ยวนี้ ชีวิตและอนาคตของพวกเราขึ้นอยู่กับผมแก้ปัญหานี้”
“ถ้าคุณอยากใช้ กรุณาขอคำอนุญาตจากสภา”
“อะไร?”
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์นิ่วหน้า สภากำลังขัดขวางเขา
“คุยกับผมก็ไม่มีประโยชน์ คุณไปประชุมสภาจะเร็วกว่า”
“...”
คนเฝ้าประตูกำลังทำหน้าที่ของเขา
“เวร”
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เปลี่ยนทางไปยังสภา กำแพงใสเหมือนหน้าต่างเรือนกระจก ท็อปเลอร์มองผ่านหลังคาสามารถเห็นดาวสุกสว่าง...
เขามองดาวดวงใกล้ที่สุด
มันเป็นดาวสีดำสนิท ภาพที่เห็นทำให้ใจเขายิ่งร้อนรน
คนเฝ้าประตูโถงสภาดูกระสับกระส่ายเมื่อท็อปเลอร์มาถึง
“เปิดเดี๋ยวนี้!
“คุณต้องได้รับอนุญาตก่อน...”
ปึง
ท็อปเลอร์เปิดประตูก่อนทหารจะท้วงอีกรอบ เขาเดินไปยังโถงสภาที่ๆเขาจะได้พบกับสมาชิกสภา สมาชิกสภา 12 คนกำลังนั่งล้อมวง พวกเขาต้อนรับศาสตราจารย์
“กรุณาปล่อยให้ผมใช้กระสวยอวกาศ”
ท็อปเลอร์พูดเสียงหนักแน่น สมาชิกสูงวัยคนหนึ่งพูดขึ้น
“ศาสตราจารย์ คุณไม่ควรไปที่โลก เราควรขังเดี่ยวคุณ”
“อะไรนะ?”
“คุณจงใจพยายามติดต่อกับแอดมินที่รับผิดชอบการลบ”
“...”
สมาชิกอีกคนพูดต่อ หญิงวัยกลางคนหน้าคมพูดโดยไม่ปิดบังความโกรธ
“คุณกล้าวางแผนอันตรายขนาดนั้นโดยไม่ให้เรารู้”
“นี่เพื่อการอยู่รอดของโลกพระจันทร์นะ!
“ฮะ คุณคิดจะปลุกเทพแห่งการทำลายเพื่อการอยู่รอดของเราเหรอ?”
“มันเป็นไปได้...”
ตึง!
ชายวัยกลางคนผมแดงตรงที่นั่งตรงกลางทุบโต๊ะ
“ประธานสภาเชลท์...”
“ทฤษฎีของคุณมีข้อดี แต่มันเสี่ยงเกินไป”
ใช่
เพราะเหตุนี้แผนของเขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ทำตาม
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ทำตามแผนอย่างลับๆ เขาหลบหูตาของสมาชิกสภาไปติดต่อกับคังวูจิน เพราะพวกเขาไม่ต่อต้านแผนการของเขา
“แผนนี้เป็นไปได้! เราสนับสนุนแอดมินด้านกู้คืนไปก็ไม่มีประโยชน์ เรากำลังเสียเวลาเปล่า”
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์พูดอย่างเร่าร้อนแต่ประธานสภาเชลท์พยายามปลอบเขาด้วยเสียงสงบ ความสามารถของท็อปเลอร์ไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่การกระทำของเขาบางครั้งก็สุดโต่ง
“เราสามารถปรับปรุงจุดอ่อนของแผนศาสตราจารย์ เอาไปใช้คราวหน้าได้ ผมแน่ใจว่ามันไม่สายเกินไป”
ใบหน้าศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
โลกพระจันทร์ยังมีอนาคตเหรอ?
ทรัพยากรของพวกเขาร่อยหรอเต็มที พวกเขาไม่อาจเอาตัวรอดได้ด้วยกำลังตัวเอง
ความกลัวทำให้พวกเขาไม่กล้าเดินต่อ และพวกเขาอาจตายอยู่กับที่
“ถ้าไม่ทำตอนนี้เราอาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว!
“การกระทำหุนหันพลันแล่นของศาสตราจารย์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว”
คังวูจินยังไม่ได้กุญแจครบแต่ไปหาอิเอลโลแล้ว ผลจากการพบกันนี้ไม่อาจทำนายได้ ทุกคนในสภาจึงตึงเครียด
“ให้พวกเราแยกศาสตราจารย์ไว้ต่างหากสักพักเถอะ”
ประธานสภาประกาศ ทหารจับแขนสองข้างของท็อปเลอร์ไว้
“นี่ไม่ใช่การข่มขู่ มันเป็นโอกาส”
“ถึงม้าจะหมดแรงก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องขึ้นขี่หลังเสือ”
พวกเขาอยากได้ความช่วยเหลือ...
เขายังคงเป็นความหวังเดียวของโลกพระจันทร์ ท็อปเลอร์ที่สิ้นหวังถูกดึงตัวจากไป ประธานสภาพูดใส่ไมโครโฟนเป็นการยืนยันการตัดสินใจของสภา
“กรุณาส่งเรือลีโอเน่ไปที่โลก ช่วยอิเอลโลให้ได้ชัยชนะ”
การรีเซ็ทจำนวนหลายครั้งคือเครื่องพิสูจน์ พวกเขาต้องทำสิ่งที่พวกเขาเคยทำมาตลอด...


สารบัญ                                             บทที่ 198




1 ความคิดเห็น: