วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 198

บทที่ 198 – ทราห์เน็ต (3)

 

เศษน้ำแข็งปลิวไปทุกทิศทาง น้ำแข็งที่คมเหมือนมีดเปลี่ยนรอบๆเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ตัวของพวกเขาสั่นสะเทือนทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน แรงกระแทกรุนแรงจนฝุ่นผงลอยฟุ้ง

การต่อสู้รุนแรงดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์หรือกองทัพผีดิบก็เข้าใกล้คนทั้งสองไม่ได้

ในทางตรงข้าม กองทัพผีดิบกำลังค่อยๆได้เปรียบ

เมื่อเกิดการรบพัวพันวุ่นวายจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู การรบแบบนี้ทำให้กองทัพผีดิบได้เปรียบที่สุด

อัศวินมรณะที่พอมีเวลาบางตนไปวนเวียนใกล้คังวูจินและอิเอลโล

[เราควรไปช่วยไหม?]

[มันคือการต่อสู้ของพระราชาของเรา]

อัศวินมรณะผู้มีเขี้ยวใหญ่ คิบะเพียงมองคังวูจินสู้ในการรบดุเดือด

วูจินเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพผีดิบ

เขาเป็นเนโครแมนเซอร์ แต่เขากำลังเข้าสู่ขอบเขตของนักรบที่แท้จริง

ราชาของมันกำลังก้าวหน้าไปอีกขั้น คิบะไม่ควรแทรกแซงการต่อสู้

[เก็บกวาดให้เรียบร้อยเถอะ เพื่อพวกเราจะได้มองการต่อสู้ของราชา]

[ดี]

เมื่อได้ฟังคำของคิบะ กลุ่มอัศวินมรณะรอบตัวมันเดินหน้าไปพร้อมกับทหารโครงกระดูกในสังกัดเพื่อเก็บกวาดรอบๆ

กึง!

สิ่งมีชีวิตหนึ่งกระแทกกับกำแพงสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ทำให้สิ่งก่อสร้างนั้นพังทลายลงพร้อมกับมันกลิ้งลงมา

[ของข้า 6 แล้ว]

ฟันใหญ่เคี้ยวและคายลอร์ดมิติตนที่ 6 ออกมา มังกรโลหิตคำราม มันเงยมองนักเวทบ้า

มันผู้นั้นกำลังส่งกลิ่นไออันตรายเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นมนุษย์

ไฮดร้ากลายเป็นรูปเป็นร่างเหมือนดอกไม้กำลังบาน มันยกหัวทั้งหมดขึ้นและพ่นไฟสร้างทะเลไฟขึ้นรอบตัว

ในเพลิงไหม้ เดรดกลายเป็นปลาหมึกย่าง โครงกระดูกตาสีแดงเหยียบบนร่างเดรดพลางหัวเราะ

[ของข้า 7]

[ฮึ่ม]

เมื่อมังกรสบตาลิช มันคำรามแล้วบินขึ้นฟ้าอีกครั้ง

[คึๆ มังกรโลหิตที่เอาแต่อาละวาดก็ทำได้แค่นี้]

นี่คือการพนันกันกับกิ้งก่ายักษ์ที่เสียลมหายใจมังกรไปแล้ว ถ้าเจนิสแพ้ ศักดิ์ศรีของลิชก็หมดกัน

[จงบาน]

ลิชปาดมือไปทางสิ่งก่อสร้างปรักพัง หัวของไฮดร้าก็ปรากฏขึ้นพร้อมเสียงคำราม

[ข้าจะให้พวกเจ้าเห็นนรก]

ไฟนรกเรืองแสงจากมังกรนรก โซลเริ่มมองคล้ายขุมนรก

ตูม!

พร้อมกับการระเบิด อิเอลโลถอนตัวออกพลางถลึงตาใส่วูจิน

มุมปากของวูจินยกยิ้ม

“นายเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้”

“หึ สำหรับคนที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เจ้าเก่งใช้ได้”

วูจินคาใจกับคำพูดของอิเอลโลจึงถามกลับ

“ทำไมนายพูดเหมือนเรารู้จักกัน?”

“...”

“มันคือเรื่องจริง”

“...”

“เจ้าก็รู้ คังวูจิน”

วูจินหรี่ตามองอิเอลโล

เขาถูกเรียกว่าผู้ไม่ตายเสมอ

มีลอร์ดมิติกี่คนที่รู้จักชื่อของเขาจริงๆ?

ชื่อของวูจินโด่งดังมากบนโลก แต่เมื่ออิเอลโลเรียกชื่อเขา มันให้ความรู้สึกแตกต่างไป

มันทำให้น่าเชื่อถือ...

“ตัวตนของเจ้าอยู่เพื่อส่งกุญแจให้ข้า”

“ผู้ประหารของทราช?”

“รู้ดีนี่”

อิเอลโลยิ้มเยาะ

เปรี๊ยะ!

ดาบน้ำแข็งที่ถูกเซาะออกจนเล็กลง มันกลับมากลายเป็นดาบใหญ่อีกครั้ง

“ตอนนี้ได้เวลาที่เจ้าต้องตายเพื่อโลก...”

ดาบของอิเอลโลมาถึงในพริบตา มันเล็งศีรษะของวูจิน

อาวุธนักรบปัดการโจมตี แต่สีหน้าของวูจินซับซ้อนกว่าเดิม

“ฉันแน่ใจอยู่หนึ่งอย่าง”

วูจินพูดเหมือนพยายามไล่ความคิดที่ซับซ้อนในหัวออก

กึง กึง!

ดาบสองดาบปะทะใส่กันมาสามครั้งแล้ว พวกเขากำลังจะทำแบบเดิมอีก

“อะไร?”

“นายจะตายด้วยมือของฉัน”

“เฮอะ เจ้ามาถึงขีดจำกัดแล้ว”

อิเอลโลทุ่มเททุกอย่างเพื่อสังหารคังวูจิน เวลาและการเตรียมตัวอยู่ข้างมัน

ไม่มีการคำนวณใดทำนายว่ามันจะแพ้ สิทธิ์ในการควบคุมจะส่งผ่านมาที่มันเมื่อมันสังหารวูจิน

ทุกอย่างเพื่อช่วยโลกและมิติทั้งหมด

“ฮ่า!

ดาบของอิเอลโลเล็งใส่คังวูจินอีกครั้ง

***

ท็อปเลอร์อยู่ในกรงกระจก

“เชี่ย!

เขากำลังงุ่นง่าน ถ้าไม่ได้สบถออกมาดังๆเขาคงเสียสติไปแล้ว

สภาช่างไม่รู้อะไรเลย พวกเขาไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พวกเขายึดแต่จะเดินบนทางที่มีอยู่แล้ว พวกเขาทำความผิดพลาดอย่างเดิมแต่ก็ยังเดินทางเดิม

เวลานี้คือเวลาที่พวกเขาควรจะก้าวออกไปไม่ใช่เหรอ?

พวกเขาจะห้ามตัวเองอีกนานเท่าไหร่ก่อนจะเอื้อมมือไปหาแสงแห่งความหวัง?

ท็อปเลอร์อย่างเอื้อมถึงมันก่อนชีวิตของเขาจะหมดลง

เพราะเหตุนี้เขาจึงไปเจอกับคังวูจิน

เขาไปคุยกับเมล็ดพันธุ์ของเทพแห่งการทำลาย

วิ้ง

ด้านขุ่นของกระจกสว่างขึ้นก่อนจะกลายเป็นโปร่งแสง ด้านนอกมีประธานสภาเชลท์ยืนอยู่

“หยุดเรือลีโอเน่ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป เชลท์”

“เฮ้อ ท็อปเลอร์ ไม่ใช่ว่าผมไม่ยอมรับความสามารถของคุณ แต่เราต้องระมัดระวังในความพยายามครั้งนี้”

“เราไม่มีเวลาขนาดนั้น”

“เรายังทนรีเซ็ทได้อีกสักสองสามครั้ง”

“ก่อนหน้านั้น เราจะตายไปตามธรรมชาติก่อน”

“...”

มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

ท็อปเลอร์และเชลท์แก่แล้ว

“ไม่ใช่ว่าเราทำไม่ได้ คุณแค่ไม่อยากทำ”

“ระวังปากคำของคุณด้วย”

สีหน้าเชลท์เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดเมื่อถูกท็อปเลอร์ยั่วยุ ท็อปเลอร์ก็ทำหน้าบึ้งตาม

“เราได้รับรายงานนี้มาหลายครั้งแล้ว เราควรจะยอมรับความผิดพลาดและลองอย่างอื่นได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“แผนของเราไม่ได้ล้มเหลว มันแค่ไม่สมบูรณ์”

“เฮ้อ...”

ท็อปเลอร์รู้สึกหมดหวัง

พวกเขาได้ปลุกแอดมินแห่งการฟื้นฟูขึ้นมา และพยายามปรับระบบให้เป็นปกติ

พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้ดาวบ้านเกิดที่เสียไปคืนมา แต่พวกเขาไม่เคยทำสำเร็จ

พวกเขากลับไปยังจุดเริ่มต้นทุกครั้ง แต่ก็ยังเลือกทำอย่างเดิม

ขณะที่พวกเขาทำแบบนี้ เวลาบนโลกพระจันทร์ยังเดินต่อไป ตอนนี้คนที่เป็นหัวหน้ามีแต่คนแก่ พวกเขากลัวเกินกว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลง

การรีเซ็ทมันนำไปสู่จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ แต่เวลาบนโลกพระจันทร์ไม่เคยหยุด

“ทฤษฎีของคุณมีความเสี่ยงเกินไป”

“มันมีค่าให้ลอง”

“คุณอยากเดิมพันอนาคตของโลกพระจันทร์กับจินตนาการของคุณเหรอ?”

“ระบบรักษาชีวิตของพวกเรากำลังล่ม นั่นคืออนาคตของเราเหรอ?”

ท็อปเลอร์เดินไปมาอย่างกระสับกระส่าย

เขาถูกล้อมด้วยกระจก เลยกระจกเป็นกำแพง และเลยไปอีกเป็นที่ว่างเปล่า...

พวกเขาอยู่บนพระจันทร์ แต่ไม่สามารถทำให้มันเป็นอาณานิคมได้

พวกเขาเป็นแค่ชีวิตใหม่ที่อยู่เพื่อสืบต่อเผ่าพันธุ์ของตัวเอง

“กรุณาคิดถึงเด็กๆและคนรุ่นหลังของเรา กรุณานำแผนของผมไปปรึกษากันในสภา”

“...”

“เราต้องการพวกเขาทั้งคู่ แอดมินแห่งการลบล้างและแอดมินแห่งการฟื้นฟูต้องถูกอัญเชิญออกมาพร้อมกันตั้งแต่แรกแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็สายไปแล้ว สองคนนั้นสู้กันแล้ว”

“...”

คนแรกสูญเสียความทรงจำ คนหลังมีความทรงจำเพียงแค่ส่วนเดียว พวกเขาได้กลายเป็นศัตรูกันแล้ว ถ้าทั้งสองถูกอัญเชิญออกมามันจะนำไปสู่การทำลาย

พวกเขาไม่อาจเถียงกันแล้วว่าจะเลือกใครหรือทิ้งใคร

ฟืด

เชลท์มองไปข้างหลัง ประตูเปิดออกและทหารนายหนึ่งเข้ามา เชลท์มองท็อปเลอร์อีกครั้ง

“ดูเหมือนผลจะออกมาแล้ว”

“อา...”

ท็อปเลอร์ถอนหายใจ

ตัวตนสองตนถือกุญแจต่างกันย่อมมีเหตุผล ตอนนี้คนหนึ่งตาย อีกคนถือกุญแจทั้งสองดอก

“เกิดอะไรขึ้น?”

“คือ...”

ทหารมาหาประธานสภาเชลท์เพราะต้องรายงาน เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ผลออกมาก่อนเรือลีโอเน่จะไปถึงครับ”

“ใครชนะ?”

***

ใบมีดน้ำแข็งลอยว่อนทิ้งรอยลึกเอาไว้ ใบมีดลอยมาทางวูจิน เกราะผีของเขาป้องกันมันโดยอัตโนมัติ เขาไม่ได้รับบาดแผล

แต่เขาต้องเสียวิญญาณให้เศษน้ำแข็งทุกอันที่ถูกส่งมาทางเขา วิญญาณหายไปหลังจากทำหน้าที่ของมัน

“ฉันมาถึงขีดจำกัดแล้ว?”

อาจใช่ ไม่สิ มันอาจหวังผลอย่างนี้อยู่แล้ว วูจินเก็บวิญญาณได้ไม่จำกัดเพราะการปกป้องของทราช แต่วิญญาณกำลังหมดไปทุกครั้งที่มันสร้างเกราะผี วิญญาณที่เขาเก็บไว้ใกล้หมด

ถ้าไม่มีวิญญาณ วูจินจะสร้างบาเรียไม่ได้ แต่ปัญหาใหญ่กว่าคือเขาไม่สามารถฟื้นฟูพลังเวทอย่างรวดเร็วได้

กองทัพผีดิบทรงพลัง แต่พลังของพวกมันมาจากเนโครแมนเซอร์ คังวูจิน

พลังที่เขาใช้ควบคุมทุกอย่างมาจากวิญญาณที่เขาเก็บรวบรวม มันคือแหล่งพลังงานของเขา

เศษน้ำแข็งคมอันหนึ่งผ่านวิญญาณที่กำลังป้องกันเศษน้ำแข็งอื่น มันบาดสีข้างของวูจิน

อิเอลโลยิ้มเมื่อมันสร้างบาดแผลบนตัววูจินได้เป็นครั้งแรก

เศษน้ำแข็งที่รวมกันเป็นใบเลื่อยร่วงลง หอกน้ำแข็งยาวปรากฏขึ้นแทน

อิเอลโลกระชับมันพลางพุ่งใส่คังวูจิน

“ถึงจุดจบของเจ้าแล้ว”

“ไม่มีทาง”

วูจินใช้วิญญาณไปหมดแล้วแต่ยังสงบอย่างไม่น่าเชื่อ อิเอลโลชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเกือบเชื่อว่าคังวูจินยังมีไพ่ตายอื่นซ่อนอยู่

กึง!

วูจินยกดาบใหญ่ป้องกันหอกน้ำแข็ง ร่างเขาเลื่อนถอยไป เขาใช้พลังเวทจนหมด ตอนนี้เขาไม่ต่างจากเราส์ธรรมดา

“เจ้ากำลังตบตาข้า”

คังวูจินปัดป้องอย่างเต็มที่ เขากำลังถูกการโจมตีไม่หยุดหย่อนต้อน

ไอ้นี่ช่างดื้อรั้นนัก...

คังวูจินดูเหมือนกำลังจะล้มแล้วแต่ยังฝืนสู้ อิเอลโลไล่ต้อนพลางเดาะลิ้น มันใช้เวลาเตรียมตัวไปกี่ปีและเสียแต้มไปเท่าไหร่เพื่อจับมนุษย์คนเดียวนี้?

คังวูจินบงการผู้ตาย และความสามารถในการใช้วิญญาณก็แทบเป็นทักษะสุดโกง อิเอลโลเพียงเลาะเปลือกหลายชั้นรอบตัวคังวูจินออกแต่มันต้องใช้แต้มที่มัน บัลลังก์ที่ 25 รวบรวมไว้จนเกือบหมด

“แฮ่กๆ”

เมื่อเห็นวูจินหายใจติดขัดด้วยความเหนื่อย อิเอลโลสร้างหอกน้ำแข็งที่หักไปขึ้นใหม่

“เจ้าจบแล้ว”

“ไม่มีทาง”

“...”

มันแค่การตบตา พลังเวทและพลังกายของมันเกือบหมดแล้ว สิ่งเดียวที่กวนใจอิเอลโลคือวูจินยังยิ้มตลอดการต่อสู้

อิเอลโลกำลังส่งการโจมตีสุดท้ายออกไปเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างบนหน้าคังวูจิน

“เก้าสิบเก้า”

“...?”

[เพิ่มระดับ!]

พริบตาเดียว พลังเวทและพลังกายที่แทบไม่มีของเขาก็ถูกเติมเต็ม อาวุธนักรบที่เสียหายของเขาได้ความทนทานกลับมา

วิ้ง!

อาวุธนักรบเปลี่ยนเป็นขวาน มันผ่าอิเอลที่พุ่งเข้ามาพร้อมหอกเป็นสองส่วน

ร่างของมันสร้างจากน้ำแข็ง

เศษน้ำแข็งที่ระเบิดกระแทกใส่ร่างวูจิน เขากัดฟันทน

เขาใช้พลังเวทเปิดบาเรียพื้นฐานใหม่

“ฝืนไปก็เปล่าประโยชน์...”

ร่างแตกหักของอิเอลโลคืนกลับใหม่ มันฟื้นตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อิเอลโลใช้แต้มไปจำนวนมากแต่มันไม่ใส่ใจ

แต่แทนที่จะเว้นระยะห่างจากอิเอลโล วูจินเหวี่ยงอาวุธนักรบลงพื้นแล้วคว้าร่างอิเอลโลไว้

อิเอลโลเป็นมนุษย์น้ำแข็งไม่มีหัวใจ ไม่มีจุดตาย

จะฆ่ามันที่เป็นแบบนี้ได้ยังไง?

คังวูจินคิดแล้วคิดอีกก็คิดได้แต่วิธีเดียว

มันเป็นพลังยุ่งยากที่ใช้ได้ก็ต่อเมื่อเขาใช้พลังเวททั้งหมดในทีเดียว

“นี่คือการลงทัณฑ์”

ถุงมือที่แตะร่างอิเอลโลเป็นสีดำสนิท

นี่คือการลงทัณฑ์ที่ทำให้วูจินเผาผลาญพลังเวททั้งหมดของเขาแลกกับการทำลายวิญญาณของหนึ่งศัตรู

“อ๊าก!

ร่างอิเอลโลถูกถุงมือดำจับไว้และมันเริ่มละลาย

***

“ใครชนะ?”

“แอด...แอดมินแห่งการลบล้าง”

“...”

นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้เกิดขึ้นแล้ว เชลท์หน้าเครียดขึ้น ในหัวเขาว่างเปล่า

สุดท้ายแล้ว เขาหันไปทางท็อปเลอร์ ท็อปเลอร์ก็มีสีหน้างงงันเหมือนถูกค้อนทุบเช่นกัน

ท็อปเลอร์ต้องการให้ทั้งสองรอดชีวิต

เมื่อหนึ่งในนั้นตายไป แผนของเขาก็ตายเช่นกัน

“ศาสตราจารย์! สุดท้ายคุณก็ทำให้ทุกอย่างล้มเหลว”

เชลท์ดุด้วยความโกรธ ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เงยหน้าขึ้น

“...”

“เขากำลังจะลงมา และถ้าเขายึดครองมิติทั้งหมด พวกเราจะไม่มีอนาคต!

พวกเขาต้องหยุดเขาไม่ให้ครอบครองมิติทั้งหมด วิธีเดียวที่ทำได้คือย้อนเวลากลับไป แต่แอดมินแห่งการฟื้นฟูตายไปแล้ว...

ท็อปเลอร์ที่ก้มหน้าลงอย่างหมดหวังลุกพรวด

“อ๊ะ อาจยังมีทางอยู่”

 

 

สารบัญ                                  บทที่199

 

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น