วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 195


บทที่ 195 – โลกพระจันทร์ (2)



“พักกันหน่อยเถอะ”
“ครับพี่”
“เราชนะติดต่อกันกี่ตาแล้ว?”
“75 ครั้งแล้วครับ?”
เจมินดูไม่เหนื่อยนักเลยถูกวูจินมองอย่างแปลกใจ
“นายไม่เหนื่อยเหรอ?”
“ฮะๆ เราเพิ่งเล่นเกมได้วันเดียวเองครับ”
“ใช่ เกม...”
วูจินหัวเราะเสียงปร่า
“งั้นจะต่อไหม?”
“ครับ ถ้าผมเหนื่อยผมจะหยุด”
“อืม...”
งานของวูจินมีแค่สู้กับลอร์ดมิติที่ขอท้าดวลเมื่อทำสงครามแพ้
มีลอร์ดมิติจำนวนน้อยชื่นชอบการทำสงครามจนขอท้าดวลเป็นการแก้แค้น ส่วนใหญ่ไม่สนใจ
เมื่อเห็นเจมินกลับไปทำสงครามมิติอีก วูจินลุกจากที่นั่ง
เขานั่งบนบัลลังก์และซื้อวัตถุดิบทันทีที่แต้มเริ่มมากขึ้น แต่เขายังสร้างไอเทมไม่เสร็จสักอัน
หลังโลกผ่านการประสานก็ไม่มีความต่างด้านเวลาระหว่างโลกกับอาณาเขตมิติของเขาอีก ถ้าเขาใช้เวลาหนึ่งวันในอาณาเขตมิติ บนโลกก็จะผ่านไปหนึ่งวัน
“จะกลับไปเยี่ยมหน่อยดีไหมนะ?”
ช่องว่างมิติระหว่างแต่ละโลกคืออาณาเขตมิติ อยู่ที่นี่วูจินสามารถรับส่งข้อความถึงข้ารับใช้ ไม่ว่าจะเป็นเมโลดี้บนอัลเฟนหรือบิบิบนโลก แต่ไม่มีใครติดต่อเขา ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
ถ้ามีคนขอท้าดวล คิบะสู้แทนเขาได้...
ถ้าคิบะแพ้ วูจินสามารถมาล้างแค้นให้มันได้
วูจินยืนตรงหน้าประตูที่นำไปสู่อาณานิคมเซารุส อัลเฟน
หลังผ่านอุโมงค์มา วูจินไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงในอาณานิคม เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีความคืบหน้า
“อะไร? นายยังอยู่ในนั้นอีกเหรอวะ?”
ไฟกองเล็กยังลุกไหม้ วูจินมองแล้วส่ายศีรษะ
ซุงกูโลภเกินไปแล้ว
“ได้ยินหรือเปล่า นายออกมาได้แล้ว พอแล้ว”
ฟู่วๆ
วูจินไม่รู้ว่าซุงกูได้ยินที่เขาพูดหรือไม่เพราะซุงกูพูดตอบไม่ได้
ขณะคนอื่นๆกำลังวุ่นวายที่เห็นผู้ไม่ตาย เมโลดี้แหวกฝูงคนเข้ามา
“ผู้ไม่ตาย”
เมโลดี้ดูดีใจมากที่เห็นเขา วูจินจึงรู้สึกดีขึ้น
เมโลดี้ถูกเทพีที่เธอรับใช้มาตลอดชีวิตทอดทิ้ง และเสียพลังไป นี่ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงเธออยู่บ้าง
“มีอะไรผิดปกติไหม?”
“ค่ะ จำนวนลอร์ดมิติที่อยู่ในดันเจี้ยนของอัลเฟนลดลงอย่างเห็นได้ชัด”
ดันเจี้ยนถูกเคลียร์ไปหลายแห่ง
รีเซ็ทเกิดขึ้นเป็นบางครั้ง แต่ดันเจี้ยนส่วนใหญ่มีลอร์ดมิติแรงค์ต่ำเป็นผู้ซื้อ พวกมันคือพวกที่มีทรัพยากรแค่พอให้ซื้อดันเจี้ยนได้แห่งเดียว
ศัตรูระดับนี้ผู้กล้าของสหพันธ์ก็จัดการได้
“เข้าใจได้ ไอ้พวกเวร ตั้งแต่มีปีกบินยันพวกคลาน แห่ไปที่โลกหมด”
ความสามารถเฉลี่ยของเราส์ และอาวุธทันสมัยทำให้โลกมีความสามารถต่อสู้ดีกว่าเทียบกับอัลเฟน
มันมองเหมือนโลกยังต้านรับได้ดี แต่สุดท้ายมันจะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ และลอร์ดมิติจะเป็นฝ่ายชนะ
เมื่อนึกถึงสงคราม 200 ปีบนอัลเฟนแล้ว ลอร์ดมิติรู้จักการทำศึกยืดเยื้อ
พวกมันมีเวลาเท่าที่ต้องการ
ฝ่ายที่ร้อนใจคือคนบนโลกที่ต้องปกป้องดาวบ้านเกิดของตัวเอง กระทั่งคนที่เดินทางจากโลกมาอัลเฟนก็รู้สึกร้อนใจเช่นกัน
“ราชา!
วูจินยิ้มเมื่อบลังกาและหน่วยแฟนธ่อมต้อนรับเขาเสียงดัง
“ฮีซอลเป็นไงบ้าง?”
“ตื่นแล้วครับ”
รองหัวหน้าหน่วย จุนยองตอบ วูจินมองหาฮีซอล
“เธออยู่ไหน?”
“...เธอไปแล้วครับ ทิ้งจดหมายไว้”
“หา?”
จุนยองส่งจดหมายให้
เนื้อหาในจดหมายสั้นแต่ชัดเจน
-ตอนนี้ดิฉันไร้ประโยชน์ ดิฉันขอตายดีกว่าเป็นภาระ เมื่อแข็งแกร่งขึ้นแล้วจะกลับมาค่ะ
วูจินละสายตาไปทางอื่นแล้วหัวเราะ
“นี่จดหมายลาตายเหรอ?”
“ม...ไม่ใช่หรอกครับ”
“ทำอะไรไร้สาระ...”
วูจินไม่ได้อยากได้ฮีซอลเพราะความเก่งกาจในการต่อสู้ เธอมีความรู้ดีมากด้านกลศึก ยิ่งกว่านั้นยังมีความสามารถเทเลพาธีที่ทำให้เธอเคลื่อนไหวหน่วยเราส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้าอยากเพิ่มความสามารถด้านต่อสู้ก็ควรจะฝึกหน่วยแฟนธ่อม...
“ช่วงนี้พวกนายมีอะไรทำไหม?”
“อะไรนะครับ? ก็ไม่ค่อย...”
“งั้นกลับกันเถอะ”
“อะไรครับ?”
บลังกาที่ฟังเงียบๆถาม
“แล้วอัลเฟนล่ะ? เราต้องช่วยพวกเขา ตอนนี้เราเป็นฝ่ายเดียวกัน”
“ตอนนี้โลกมีอันตรายกว่า ฉันอยากให้พวกนายเก็บของ เราจะกลับ”
“หัวหน้าทีมฮีซอลยังไม่กลับมา...”
“อืม ถ้าเธอพร้อมก็กลับมาเอง”
วูจินเหล่มองกองไฟ
“นายก็อย่าช้านัก รีบกลับโลก”
ฟู่วๆ
วูจินเตรียมจะไปที่ประตูทันทีแต่เมโลดี้ยืนขวางเขาไว้อย่างลังเล
"มีอะไร?"
"ฉันมีเรื่องขอร้องท่านผู้ไม่ตายค่ะ"
"อะไร?"
"พร...มอบพรให้ฉันได้ไหมคะ?"
"หา?"
วูจินลืมตาโตกับคำขอที่คาดไม่ถึง
"พูดอะไรของเธอ?"
เมโลดี้เม้มปาก
เธออาจขอผิดคน แต่การเสียพลังทำให้เธอรู้สึกว่างเปล่าภายใน ความเจ็บปวดแทบทนไม่ได้
"ฉันอยากให้คุณมอบพรของเทพทราชค่ะ..."
"หืม"
วูจินมองเมโลดี้พลางลูบคาง
เธอคิดว่าเขาเป็นใคร? เขาจะไปมอบพรของทราชได้อย่างไร?
"ฉันไม่ใช่นักบวชนะ"
เขาพูดความจริง
แค่ เขามุ่งหน้าไปยังเส้นทางของเทพ...
วูจินใกล้ชิดกับเทพของเขาที่สุด อย่างน้อยก็ดูเหมือนเมโลดี้จะคิดอย่างนั้น เพราะเหตุนี้เมโลดี้จึงยิ่งเอาเป็นเอาตาย
ถ้าเธอเลือกรับใช้เทพองค์อื่น เทพองค์นั้นจะยอมรับเธอหรือเปล่า? เธอถูกอาเรียทอดทิ้ง
ไม่มีเทพองค์ไหนเต็มใจยอมรับเธอ
แต่ถ้าเป็นผู้ไม่ตายอาจเป็นไปได้
"จะมองเป็นลูกหมาหิวนมก็เรื่องของเธอ แต่ฉันทำไม่เป็น"
"แค่มอบพรของคุณให้ก็พอค่ะ"
พรอะไรอีกล่ะ?
วูจินส่ายศีรษะ
ลองดูก็ได้
"ถ้าไม่ได้ผลฉันไม่รับผิดชอบนะ"
"ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ"
วูจินยืนตรงหน้าเมโลดี้
"คุกเข่า"
เมโลดี้คุกเข่าก้มหน้าลง วูจินแตะศีรษะของเธอ
'ทำแบบนี้เหรอ?'
วูจินมีแต่ความสงสัย เขาไม่เคยมองทราชอย่างสาวกมองเทพ เขาแค่มองตัวเองเป็นผู้รับมรดก...
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลองทำด้านศาสนา
แน่นอน เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ไม่มีตัวอย่างให้ทำตามด้วย
"ฉันตั้งเธอให้เป็นนักบวชหญิงแห่งทราช"
พูดจบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เอ่อ คงไม่ได้ผลนะ?"
วูจินรู้สึกหน้าแตก เขาเกาศีรษะ...
"อย่าท้อใจเกินไปล่ะ"
"ฉัน...ไม่ได้ท้อใจค่ะ"
ตอนนั้นเอง หน่วยแฟนธ่อมมาถึงประตู
"เราพร้อมแล้วครับ"
"อืม ไปกันเถอะ"
เมโลดี้ก้มศีรษะให้วูจิน
"ขอให้ปลอดภัยกลับมานะคะ"
"อืม"
ประตูก็อยู่ตรงนี้ เดินทางไปมาจะมีปัญหาอะไรได้?
"ฝากดูแลทุกอย่างตอนฉันไม่อยู่ด้วย"
"ค่ะ"
เมโลดี้เป็นผู้ดูแลอาณานิคมเซารุส เธอยังไม่ได้ใช้แต้มเลย ที่จริงเธอใช้กำลังพลที่มีอยู่และกำลังพลของสหพันธ์รวบรวมบลัดสโตน เธอเพิ่มแต้มแทนที่จะใช้
เกรทลอร์ดของทราห์เน็ตมีอาณานิคมตั้งแต่สิบยันร้อย ถ้าทั้งหมดนั่นหาแต้มมาให้ เขาก็เข้าใจว่าทำไมพวกเกรทลอร์ดจึงส่งมอนสเตอร์มาเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
"เดี๋ยวฉันกลับ"
เมโลดี้ก้มหน้าต่อกระทั่งวูจินผ่านประตูไป เธอไม่มีพลังทำนายของอาเรียอีกต่อไปแล้ว
แต่ทำไมจึงรู้สึกเหมือนจะไม่ได้เจอคังวูจินอีกนะ?
"ขอให้ชนะค่ะ"
เธอหวังให้วูจินสามารถจบสงครามที่นำมาแต่การรุกรานและปล้นชิง...
***
"เฮ้อ พวกเราจากโลกไปนานแค่ไหนแล้วนะ?"
"ไวเวิร์นล่ะ!"
หน่วยแฟนธ่อมเท้าแตะปราการลอยฟ้า บางคนตื้นตันจนทรุดลงจูบพื้น
หน่วยแฟนธ่อมทุกคนถูกฝึกให้เป็นนักขี่ไวเวิร์น พวกเขาจึงคุ้นเคยกับรังไวเวิร์นตรงมุมดาดฟ้า
"กลับมาแล้วเหรอครับ?"
จุงมินชานรีบร้อนวิ่งมาต้อนรับวูจินตามเคย และวูจินถามเหมือนเดิม
"มีอะไรผิดปกติไหม?"
"มีครับ"
"อะไร? คิมคังชุลหนีไปอีกแล้ว?"
"ไม่ใช่"
คิมคังชุลทำตัวดีมาก เขายังถูกขังอยู่ในห้องรับแขก
"งั้นอะไร? บิบิอยู่ไหน?"
วูจินสงสัยว่ากองทัพผีดิบกำลังเจอเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ไม่ใช่อีก
“พวกนั้นเคลียร์สนามรบเรียบร้อยดีครับ กำลังกลับ”
“งั้นอะไร?”
“เราจับสายสืบได้”
“อ้าว ฉันก็นึกว่าเรื่องอะไร”
วูจินทำเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ จุงมินชานทำหน้าจริงจัง มองรอบๆแล้วกระซิบเสียงเบา
“มันเกี่ยวกับลีซังโฮ จากที่ผมหามา ไม่มีอาสาสมัครไปอัลเฟน แต่จู่ๆกิลด์ดันเคนก็อาสาเพราะพวกเขามีข้อตกลงลับๆกับลีซังโฮ...”
“ลีซังโฮ? ใคร?”
จุงมินชานตอบอย่างสงบ
“เขาเป็นอดีตหัวหน้ากิลด์ฮวารางที่ถูกท่านฆ่าไป”
“เหรอ? สงสัยมันได้ชิ้นส่วนมิติมากจากที่ไหน”
วูจินไม่แปลกใจ จุงมินชานจึงได้แต่เงียบ
แน่นอน นี่คือโลกที่มีมอนสเตอร์วิ่งไปมา การคืนชีพจากความตายจะเรื่องใหญ่ขนาดไหนเชียว?
“อันนั้นพวกเรายังไม่แน่ใจ แต่ปัญหาคือลีซังโฮทำตัวเป็นตัวแทนของลอร์ดมิติที่เพิ่งมาใหม่ อิเอลโล”
วูจินเอียงคอกับคำพูดของมินชาน
“เขากลายเป็นข้ารับใช้”
อย่างนี้ก็รู้แล้วว่าลีซังโฮคืนชีพได้อย่างไร
การคืนชีพข้ารับใช้ต้องการแค่แต้ม ถ้าวูจินไม่ชอบลีซังโฮ เขาแค่ต้องฆ่าลอร์ดมิติอิเอลโล
แต่ว่ามันควรค่าแก่การลงมือไหม?
“ดูนี่สิครับ”
จุงมินชานส่งแท็บเล็ตให้ มันกำลังฉายภาพวิดีโอของโซลที่ถ่ายจากไกลๆ
“ยังไม่ถอนออกอีกเหรอ”
วูจินจัดการมอนสเตอร์หมดแล้ว เขานึกว่ารัฐบาลเกาหลีจะเป็นคนโค่นต้นไม้หนามจึงปล่อยมันไว้
แต่ต้นไม้หนามถูกแช่แข็ง ยิ่งกว่านั้นแม่น้ำฮันก็เป็นน้ำแข็ง
บนกิ่งไม้น้ำแข็ง ตุ๊กตาน้ำแข็งตัวหนึ่งกำลังพูดพลางกางแขนออก
“นั่นคืออิเอลโลเหรอ?”
“ถูกครับ”
“คุ้นๆแฮะ...”
วูจินเปิดวิดีโอ ภาพใกล้เข้าไปได้ยินเสียงของลีซังโฮ
[ท่านอิเอลโลต้องการช่วยชาวโลก ท่านอยากปกป้องชาวโลกจากมอนสเตอร์ต่างมิติ เปรียบเหมือนพระเจ้าลงมา...]
วูจินดูวิดีโอแล้วหันไปมองมินชาน
“เขาพูดอะไร?”
“ตามนั้นแหละครับ แต่ปัญหาคือ...”
“คือ?”
“มีประเทศหลายประเทศเข้าร่วมตั้งกลุ่มป้องกันแล้ว”
“กับเขา?”
“ใช่...”
“ฮะ อย่างกับฝากปลาย่างไว้กับแมว”
ลีซังโฮเป็นคนทำให้เกิดดันเจี้ยนเบรกก่อนกำหนด วูจินเคยสงสัยว่าเขาทำได้อย่างไร ดูเหมือนลอร์ดมิติชื่ออิเอลโลจะอยู่เบื้องหลัง
“แล้วสายลับอยู่ไหน?”
“เราขังเดี่ยวเขาครับ”
“ไปกันเถอะ”
วูจินเดินนำไปยังห้องที่ใช้เป็นคุกขัง
“ตอนนี้เราอยู่ไหนแล้ว?”
“อยู่เหนือไต้หวัน”
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องที่ใช้ขังสายลับ
เมื่อประตูเหล็กเปิดออก ชายผู้มีสีหน้ากังวลก็เห็นคังวูจิน สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที
“ฉัน...ฉันไม่มีอะไรจะพูด นายบังคับฉันไม่ได้...”
ชายคนนั้นตัวสั่นไม่เหมือนปาก วูจินสะบัดมือ
ผัวะ!
ชายคนนั้นไม่รู้ตัวว่าถูกตบหรือถูกต่อย ปากเขาแตก ร่างกระเด็นไปยังมุมห้อง วูจินคว้าศีรษะเขามาตรงหน้า มองเข้าไปในดวงตาชายคนนั้น
“ชื่อ?”
“โอย ลีซุงโฮ”
“เด็กดี”
วูจินปล่อยมือ
ลีซังโฮร่วงลงพื้น ฟันเขากระทบกันกึกๆ
“มินชาน เอามือถือนายมาให้ฉัน”
“ครับ? ได้ครับ”
วูจินรับโทรศัพท์มาแล้วยื่นไปทางสายลับ ดวงตาชายคนนั้นกระตุกด้วยความกลัว วูจินมองแล้วหัวเราะ
“โทรหาประธานของนาย”
“อะไรนะ?”
“ฉันได้ยินว่านายทำลายโทรศัพท์ตัวเอง ใช้อันนี้โทร”
เมื่อลีซุงโฮถูกจับได้ เขาทำลายโทรศัพท์ทันทีเพื่อทำลายหลักฐาน
“เร็วเข้า”
“ครับ”
แม้แต่คำพูดธรรมดายังมีแรงกดดันมหาศาล เหมือนเขากำลังคุยกับคนโรคจิต วูจินเหมือนสามารถฆ่าคนได้ทั้งๆที่กำลังหัวเราะ ลีซุงโฮรู้สึกความตายกำลังคืบคลานมาทางเขา...
เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับเทพมรณะ...
โทรศัพท์ดังสองสามครั้งก่อนวูจินจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
[ฮัลโหล]
“นี่ฉันนะ”
[ฉันไหน?]
“วูจิน”
[วูจิน...อืม...ขอนึกก่อน...]
[คังวูจิน? ไอ้ห่า! ทำไมแกโทรมาเหมือนฉันเป็นเพื่อนแก? ไอ้บ้า!]
ความอึดอัดใจของลีซังโฮส่งผ่านมาถึงด้านนี้ วูจินยิ้ม
“อีกไม่นานฉันจะไปหานาย เตรียมตัวตายไว้”
กล้ามุ่งเป้ามาที่โซอา? กำลังมองหาเทพของโลก?
วูจินวางโทรศัพท์ที่ยังมีเสียงด่าของลีซังโฮลงด้วยสีหน้าเย็นชา

                                สารบัญ                                                             บทที่ 196

สปอนเซอร์แชปเตอร์แรกของเรื่องนี้ \0/ ขอบคุณ คุณพีรภัทร ค. ค่ะ
ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่รู้ว่าจะแปลอีกตอนอัพวันอาทิตย์ทันไหม orz   



1 ความคิดเห็น:

  1. ยินดีที่ได้เป็นสปอนเซอร์ครับ ติดตามผลงานตลอดครับผม

    ตอบลบ