วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 160


บทที่ 160 – เราคือทหารใหม่


พวกเขาคาดว่าจะเป็นผ่านอุโมงค์แดงไปจะเป็นดันเจี้ยนอันตราย แต่คาดผิดไปเมื่อปราสาทอย่างดีปรากฏตรงหน้าพวกเขา

คังวูจินต่างไปจากตอนก่อนที่ทำให้พนักงานใหม่เกิดความเกรงกลัว ตอนนี้เขาดูง่ายๆสบายๆผิดปกติ

“เข้าแถว”

“...”

“มีคำถามครับ”

“ฉันไม่ตอบ”

“ครับผม”

ก็ยังพูดห้าวเหมือนเดิม

“นาย เดินขึ้นมา”

“ครับ”

วูจินจ้องชายตรงหน้า

<คิมจุนยอง – เลเวล 22>

“นายแรงค์ E เหรอ?”

“ครับ ใช่แล้วครับ”

“นายมีทักษะกี่อย่าง?”

“สามครับ”

“แสดงให้ฉันดูสิ”

“ตรงนี้เหรอครับ?”

“แน่นอนสิ? ไม่งั้นจะไปทำที่ไหน? รีบเข้า”

“ครับผม!”

คิมจุนยองมีการโจมตีด้วยไฟฟ้าง่ายๆหนึ่งอย่าง เทเลเคเนซิสเคลื่อนย้ายวัตถุหนึ่งอย่าง และบัฟที่เพิ่มความสามารถทางร่างกายเล็กน้อยอีกอย่าง

“นายเรียนสกิลได้หลากหลายดีนะ”

“ขอ...ขอโทษครับ”

นี่ไม่ใช่ทักษะที่เขาเลือก แต่พัฒนาขึ้นเองตามธรรมชาติ ปัญหาคือทักษะพวกนี้ไม่ส่งเสริมกันและกัน
จากนั้นเขาลังเลว่าจะเลือกทุ่มเทฝึกทักษะใดดี ผลคือการเติบโตของเขาช้าลง คนอย่างเขาเป็นแบบที่หลายๆคนเรียกว่าสายผสม

“นายขอโทษทำไม?”

แต่วูจินชอบสายผสมที่สุด เรื่องฝึกฝนทักษะสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้งานให้หนัก แต่การมีทักษะหลายๆอย่างเป็นเรื่องดี ชายคนนี้ไม่ได้ใช้ตำราทักษะ เขาพัฒนาทักษะเราส์ขึ้นมาเอง นั่นหมายความว่าเขามีศักยภาพในการเติบโตสูง

“กินนี่”

วูจินซื้อหินเพิ่มพลังที่เข้ากับคิมจุนยองจากร้านของมิติ ไอเทมที่ซื้อจากร้านแลกเปลี่ยนความสำเร็จส่งต่อให้คนอื่นไม่ได้ แต่ไอเทมจากร้านของมิติสามารถมอบให้คนอื่นได้ และคุณภาพไม่ลดลงเลย

นอกจากนั้นยังมีไอเทมจากร้านของชำ ร้านหินเพิ่มเพิ่มพลัง ร้านอาวุธและร้านต่างๆในอาณาเขตของเขา เขาสามารถซื้อของจากร้านเหล่านั้นผ่านทางร้านของมิติ

“นี่...นี่คืออะไรครับ?”

“ฉันไม่รับฟังคำถาม”

“...”

เขาต้องกินของที่ไม่รู้ว่าคืออะไร?

คิมจุนยองรับหินเพิ่มพลังด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ เราส์ที่ยืนมองอยู่ข้างๆพูดอย่างระวัง

“มันเหมือนหินเพิ่มพลัง กินเข้าไปเถอะน่า”

“จริง...จริงเหรอ?”

คิมจุนยองถือหินเพิ่มพลังเหมือนไม่อยากเชื่อ เขาสบตาคังวูจิน

“ฉันถูกเสมอ รีบกินซะก่อนที่นายจะตาย”

“...!”

เขาไม่รู้ว่าวูจินใจดีหรือโหดกันแน่

หลังจากกินหินเพิ่มพลังเข้าไปแล้วคิมจุนยองก็ลืมตา และเห็นหินอีกหลายเม็ดเรียงตรงหน้า

“กินตามลำดับ”

เมื่อหันไปมองรอบๆเขาเห็นทุกคนกำลังกินหินเพิ่มพลัง

‘ให้พวกเราหมดนี่ไม่เป็นไรจริงๆเหรอ?’

เขาอยากถามแต่รู้ว่าต้องถูกตำหนิอีก จึงไม่กล้า

แม้แต่หินที่เพิ่มพลังได้เพียงเล็กน้อยก็แพงแล้ว เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะโชคดีได้กินหินเพิ่มพลังจำนวนมากในทีเดียว

หินเพิ่มพลังที่เขากินเข้าไปมีคุณภาพสูงสุด เขารู้สึกว่าพลังของตัวเองเพิ่มขึ้น

‘ทั้งหมดนี่เท่าไหร่นะ? ร้อยล้านวอน?’

เหล่านี้เป็นไอเทมที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้กิน ตอนนี้วูจินเหมือนเป็นเทวดาเลย

“นายเรียนทั้งหมดนี่”

วูจินส่งตำราทักษะให้ทีละเล่ม กระทั่งตำราทักษะที่แย่ที่สุดยังราคาหลายล้าน

คิมจุนยองเป็นเพียงเราส์แรงค์ E ของขวัญที่ได้รับมันมากเกินจะเรียกว่ามาจากความใจดี

‘เขาต้องเป็นซึนเดเระแน่’

คิมจุนยองพอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

เขารู้แล้วว่าคังวูจินเป็นคนแบบไหน

คิมจุนยองมองคังวูจินด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ

วูจินมองพนักงานใหม่ 23 คนกินหินเพิ่มพลังและเรียนทักษะเงียบๆ

พวกเขาต้องมีพื้นฐานทักษะกับค่าสถานะก่อนจึงจะฝึกได้

วูจินรู้เลเวลพวกเขา ทักษะที่พวกเขามีแต่ไม่ได้หมายความว่าจะรู้ละเอียดไปถึงวิธีต่อสู้และนิสัย ดังนั้นเขาต้องปล่อยพวกเขาต่อสู้เองหลังจากสอนเรื่องพื้นฐานจึงจะเห็นว่าควรจะฝึกพวกเขาไปทางใด

“เอาล่ะ เสร็จแล้วพวกเราก็ไปที่ลานฝึก”

อุโมงค์ที่เขาใช้ตอนกลับมาจากโลกจาคุปิดไปแล้ว ไม่มีทางเลือก วูจินต้องผ่านเสานีเซียถ้าต้องการไปโลกจาคุ

เมื่อพนักงานใหม่ตามวูจินผ่านอุโมงค์ก็มาถึงดันเจี้ยนที่มีเสานีเซียขนาดใหญ่ตั้งอยู่

เหล่าพนักงานใหม่ออกจากอาณาเขตมิติและมายังโลกจาคุเป็นครั้งแรก สีหน้าพวกเขาแตกต่างกันไป กลัว,ตื่นเต้น,คาดหวัง,มั่นใจ,เกร็ง,ฯลฯ

พวกเขากลัวแต่ดูเหมือนอยากลองทักษะใหม่ที่ได้เรียนมาและพลังที่ได้จากหินเพิ่มพลัง

แต่ถ้าให้วูจินสอนพวกเขาทีละคนมันจะไม่มีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้เขาจึงสอนลูกน้องไว้ก่อนเพื่อให้มาทำหน้าที่แทนเขา

ก๊าซ!

เสียงคำรามดังจากท้องฟ้า พนักงานใหม่กระซิบต่อกันขณะที่มองไวเวิร์นกำลังบินมาทางพวกเขา

“มอนสเตอร์! ไวเวิร์น!”

“เฮ้ย มันจะไม่เก่งไปสำหรับการต่อสู้ครั้งแรกของพวกเราเหรอ?”

“ไม่ ดูสิ มีคนขี่มันอยู่”

พวกเขาพูดกันเหมือนกำลังมาเที่ยว วูจินยิ้ม

โตไวๆโตดีๆ

คนที่มากับไวเวิร์นคือเชฮีซอลนั่นเอง เธอมาที่นี่เพราะวูจินเรียก

“ขอโทษที่มาช้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร เธอตั้งใจสอนเด็กใหม่พวกนี้ดีๆ พยายามหานิสัยตอนต่อสู้ของพวกเขา”

“ค่ะท่าน”

“อีก 12 วันเราจะกลับโลก พวกนี้จะรับคำสั่งจากเธอโดยตรง”

“กองรบที่ขึ้นตรงต่อดิฉัน!”

“เพราะอย่างนี้เธอถึงเรียนทักษะเทเลพาธีไง คราวนี้ก็ได้ใช้มันเต็มที่แล้ว”

ฮีซอลใจเต้นแรง

“ดิฉันต้องฝึกพวกเขาขนาดไหนคะ?”

“เอ่อ แล้วแต่เธอ แค่ทำให้แน่ใจว่าพวกนี้จะมีประโยชน์พอ”

“...มีประโยชน์พอ”

วูจินตบบ่าฮีซอล

“ไว้เจอกันใหม่”

“ค่ะท่าน!”

วูจินเรียกชิงชิงออกมา และจากไปในทางตรงข้ามกับที่ฮีซอลมา ฮีซอลพยายามกลั้นยิ้มเมื่อมองพนักงานใหม่ 23 คนที่ถูกทิ้งไว้บนโลกอันไม่คุ้นเคย

‘พวกเขาคือทหารใหม่ของฉัน’

นานเท่าไหร่แล้วนะ?

นี่ไม่เหมือนมองทหารใหม่สมัยเธออยู่ในกองทัพ แต่พวกเขาเหล่านี้จะคือผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ! มันเหมือนเธอได้รับโอกาสให้นำหน่วยรบพิเศษ

“เข้าแถว 4 แถว”

“...?”

ฮีซอลยิ้มเมื่อเห็นพวกเขาทำหน้าสงสัย

“ทำตามที่บอก”

ทั้งกลุ่มยังไม่ขยับทันที คิมจุนยองที่อยู่ข้างหน้าถาม

“ขอโทษครับ คุณคือกรรมการเชฮีซอลใช่ไหม?”

ในอลันดาลมีเราส์ไม่กี่คน ดังนั้นเชฮีซฮลจึงมีชื่อเสียงเช่นกัน แน่นอน เราส์ใหม่เหล่านี้รู้จักเธอ

“ใช่”

“เฮะๆ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ”

“...”

ฮีซอลจ้องมือที่คิมจุนยองยื่นออกมา

ปึก!

หมัดของฮีซอลพุ่งผ่านมือคิมจุนยองไปใส่ท้องของเขาอย่างหนักหน่วง

“อย่าขยับถ้าไม่ได้รับคำสั่ง”

“...!”

“แค่กๆ”

คิมจุนยองนอนงอก่องอขิงบนพื้น เราส์ใหม่นิ่งค้างอยู่กับที่

มีใครในอลันดาลรู้จักคำว่าสิทธิมนุษยชนไหม?

“ทำไมคุณจู่ๆก็ทำแบบนี้ล่ะ? ผมขอฝึกกับประธาน”

เชฮีซอลทำตัวไร้เหตุผลเพื่อข่มขู่พวกเขา คังวูจินให้ไอเทมพวกเขาอย่างไม่ลังเล ดังนั้นคังวูจินจึงดีกว่าพันเท่า

เท้าฮีซอลขยับเป็นการตอบท่าทีก้าวร้าวของเราส์ใหม่

ปึก

“อั่ก!”

จุนยองถูกเตะกระเด็นไป 3 เมตร เขาครางพลางกลิ้งไปบนพื้น

“คลานยังไม่เป็น คิดจะบินแล้วเหรอ?”

อยากให้คังวูจินเป็นคนฝึก?

หาที่ตายแล้ว คนเดียวในที่นี้ที่จะฆ่าคนเพราะชักช้าก็มีแต่ราชาของอลันดาล คังวูจิน

เขาไม่แยกระหว่างคนตายกับคนเป็น

“พวกนายยังคลานไม่เป็น แต่ดิฉันจะทำให้พวกนายเดินได้”

“...”

เธอได้รับคำสั่งจากราชา ทำให้พวกเขาเป็นเราส์ที่พอใช้การได้...

“ดิฉันได้รับมอบหมายให้ทำให้พวกนายเป็นเราส์แรงค์ B ภายใน 12 วัน นี่คือการเริ่มการฝึกนรก”

“...?”

พวกเขาส่วนใหญ่เป็นเราส์แรงค์ E มีแรงค์ D ไม่กี่คน แต่เป้าหมายของเชฮีซอลคือแรงค์ B ถ้าใครไปถึงแรงค์นั้นได้ กิลด์ทั่วไปคงเลื่อนตำแหน่งพวกเขาเป็นกรรมการแล้ว

“เริ่มการฝึกได้”

ก๊าซ!

เชฮีซอลดูร่าเริงแปลกๆ ไวเวิร์นส่งเสียงคำรามยาวเหมือนจะตอบรับเสียงร่าเริงของเธอ

***

ลาวาเดือดไปทั่วพื้นดินกว้างแห่งนี้

ถ้ามันมาจากภูเขาไฟก็คงดี

เขาหลบไม่ได้ หลบไปก็เปล่าประโยชน์

จากในลาวา ไฮดร้าพ่นไฟออกมาเรื่อยๆ ชายคนหนึ่งกำลังบินร่อนดินแดนร้อนระอุ เขาหลบเปลวไฟอย่างคล่องแคล่ว

จากที่ไกลๆ มีหนึ่งคนเป็นกับหนึ่งคนตายกำลังมองดูอยู่

“ซุงกูเก่งใช้ได้แล้วนะ”

[ก๊ากฮ่าๆ เจ้าบ้านั่นชินกับการถูกล้อมในเปลวไฟเร็วนัก]

ความสามารถในการปรับตัวกับเวทไฟของซุงกูนั้นไร้เทียมทาน

ไม่มีนักเวทคนไหนถูกเปลวไฟที่ตัวเองสร้างขึ้นเผา พวกเขาสามารถควบคุมไฟของตัวเองผ่านทางพลังเวท

แต่มีส่วนน้อยที่สามารถปรับตัวเข้ากับพลังเวทของคนอื่น คนแบบนี้สามารถดูดซับการโจมตีของศัตรู

ซุงกูเพิ่งเข้าสู่ระดับที่เขาสามารถทำเช่นนั้นได้

“เจ้านั่นชอบพูดว่าอยากเป็นนักเวท สมใจเขาแล้ว”

ซุงกูกำลังหลบหลีกไปทางโน้นทางนี้อย่างเสี่ยงตาย มองหน้าเขาตอนนี้แล้วชวนให้สงสัยว่าดีใจหรือเปล่านะที่ได้เป็นนักเวทสมปรารถนา แต่วูจินก็ช่วยให้เขาได้บรรลุเป้าหมายแล้ว

“เราเหลือเวลาอีก 11 วัน นายสอนเขาให้ดีจนถึงวันนั้น”

[ก๊ากฮ่าๆ ข้าจะทำให้ต่อให้มันถูกไฟบรรลัยกัลป์เผาก็ยังสบาย]

วูจินพยักหน้าอย่างพอใจ

เจนิสเชื่อถือได้เสมอ

***

การพิชิตอาณานิคมใช้เวลา 4 วัน

เมืองอาณานิคมมีโอเกอร์หนวดแดงตนหนึ่งครอบครองอยู่ โดเจมินกับสมาชิกทีมทำสงครามกองโจร พวกเขาล่อลอร์ดมิติออกมาฆ่าได้สำเร็จ

อาณานิคมที่ไม่มีลอร์ดมิติถูกพิชิตอย่างง่ายดาย เพราะไม่มีลอร์ดมิติซื้อกำลังเสริมจากร้านค้าของมิติ พวกเขาโจมตีช้าๆแต่สม่ำเสมอ จำนวนศัตรูลดลงเรื่อยๆ จะหมดเมื่อไหร่ก็เพียงแต่ขึ้นอยู่กับเวลา

อีกอย่าง กำลังรบที่ป้องกันอาณาเขตไม่ได้มีแต่หน่วยรบชั้นยอด

“คุกเข่าซะ นี่คือความแตกต่างระหว่างแกกับฉัน...”

“เจมิน เลิกเล่น เราต้องรีบไป”

“ครับพี่”

โดเจมินดูผ่อนคลายกว่าเมื่อก่อน

เหมือนว่าความสง่างามแบบขุนนางหายไปบ้าง แต่มันแสดงถึงความเป็นตัวตนของเขามากขึ้น

“เฮ้อ อลันดาลนี่มีแต่สัตว์ประหลาดทั้งนั้น”

“ฮ่าๆ พี่จองโดน่าจะมาเข้าอลันดาลด้วย”

“พนักงานกับอีกหลายครอบครัวต้องพึ่งฉัน จะทำอย่างนั้นได้ยังไง?”

“เฮะๆ ขอผมดื่มเลือดจากตัวนี้ก่อนแล้วเราไป”

เบคจองโดอดหัวเราะไม่ได้ อลันดาลเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดจริงๆ กระทั่งตอนนี้ฮงซุงกูก็ยังทำให้ไฟป่าลุกท่วมโลกนี้ และโดเจมินแซงหน้าเบคจองโดไปอย่างง่ายดายในด้านพละกำลัง

ยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ เธอสามารถรักษาทุกคนได้ตราบที่ยังมีลมหายใจ บลังกาอาจพัฒนาพลังช้าแต่เขาเข้ากับคนในทีมได้อย่างรวดเร็ว

โดเจมินดื่มเลือดจากโทรลที่เขาเอาชนะได้ เขาได้พลังจากมันมาส่วนหนึ่ง ค่าสถานะรวมถึงความสามารถฟื้นสภาพร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

“นายกินเก่งแล้วนี่”

วูจินโผล่มาพร้อมกับม้าปีศาจ เขาลงจากหลังม้า

“อ๊ะพี่? ได้เวลาทำสงครามมิติแล้วเหรอครับ?”

“ใช่ นายกินให้เสร็จก่อน”

“ครับพี่”

โดเจมินดื่มเลือดจากคอโทรลต่อ ดูเหมือนเขายอมรับสนิทใจแล้วว่าตัวเองเป็นแวมไพร์และความรู้สึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ก็ดูจะลดน้อยไปด้วย เขามีท่าทางเป็นธรรมชาติขณะดื่มเลือด

แต่เบคจองโดยังไม่ชิน เขามองอย่างไม่สบายใจ

“เราเหลือเวลาอีก 2 วัน”

“เฮ้อ เวลาผ่านไปเร็วจัง”

นับตามเวลาโลก เวลาผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์ นับตามเวลาที่นี่ก็เกือบ 1 เดือน พวกเขาจะกลับโลกในอีก 2 วัน เบคจองโดได้อะไรมากมาย น่าผิดหวังเล็กน้อยที่มีแต่คนรอบตัวเขาที่เติบโตด้วยความเร็วแบบสัตว์ประหลาด

“พี่จะไปอัลเฟนเที่ยวแรกด้วยหรือเปล่า?”

“ฮ่าๆ ขอบใจที่ชวนแต่ไม่ได้หรอก ฉันต้องจัดทีมสำรวจอย่างเป็นทางการจากกิลด์ KH”

อัลเฟนต่างจากจาคุที่โกลาหลเพราะวูจินทำลายสมาพันธ์กิ้งก่าเหลืองหมดก่อน ลอร์ดมิติที่นั่นเกินครึ่งครอบครองหนึ่งใน 72 บัลลังก์

“เอาล่ะ อีก 2 วันเจอกัน”

“ด้วยความยินดี”

วูจินเปิดอุโมงค์และพาโดเจมินที่ตอนนี้ชินกับการเดินทางแล้วกลับอาณาเขตมิติ




                          สารบัญ                                                   บทที่ 161 


2 ความคิดเห็น:

  1. พวกทหารใหม่นี่มันอยากตายซะแล้วที่ขอฝึกกับวูจิน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. นึกภาพวูจินที่อดทนฝึกคนหลายๆคนไม่ออกเลย ซุงกูรอดมาได้นี่ก็นับถือแล้วนะ XD

      ลบ