บทที่ 149 – โลกจาคุ
ร่างนิกาลเปลี่ยนเป็นสีเทาหายไป ลอร์ดมิติคนอื่นและลูกน้องตกตายไปตามนิกาล
เคะๆๆ
พริบตาเดียวในสนามรบก็เหลือแต่เสียงหัวเราะของโครงกระดูก
คนในปาร์ตี้กลืนน้ำลายอย่างงุนงงเมื่อเห็นการประหัตประหารที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
วูจินเดินเข้าไปหาพวกเขาพลางพูด
“เราจะแบ่งเป็นสามกลุ่มตามแผน ถ้าเกิดเรื่องอะไรก็ติดต่อฉัน”
“ครับลูกพี่...”
“เข้าใจแล้วครับ”
ซุงกูคงไม่มีปัญหา เขาเคลื่อนไหวแยกจากวูจินแต่เป้าหมายของซุงกูคือฝึกฝนไม่ใช่การล่า และวูจินจะอยู่ไม่ห่างเขานัก
วูจินหันไปมองเจมิน
“ฉันจะมาเจอนายในอีก 4 วัน ตั้งใจเข้าล่ะ”
“ครับพี่”
เจมินมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว เขารู้สึกกดดันเพราะภาระที่ถูกมอบให้ แต่สุดท้ายเขาต้องทำให้สำเร็จ เจมินชนะในสงครามมิติและได้ช่วงคุ้มครองอาณาเขตมิติมา 4 วัน วูจินใช้เวลานั้นเป็นตัวกำหนดว่าปาร์ตี้จะมาเจอกันเมื่อไหร่
“ไว้เจอกันใหม่”
“เอ่อ ผมควรจะเริ่มล่าตรงไหน...”
วูจินชี้ไปที่เสานีเซีย
“เข้าดันเจี้ยนก็ได้ พอนายเคลียร์ดันเจี้ยนการเชื่อมต่อจะหลุดไป”
วูจินวางแผนจะตัดการเชื่อมต่อกับดันเจี้ยนทุกแห่งที่เป็นของลอร์ดมิติบนโลกจาคุ เป้าหมายหลักของเขาคือเอาค่าประสบการณ์
“ที่นี่ดูไม่มีขอบเขตเลยนะ”
เบคจองโดจุปากพลางมองทุ่งหญ้ากว้าง
สิ่งของเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่สามารถนำผ่านอุโมงค์ได้ เขาไม่มีระบบเนวิเกชั่นหรือแผนที่ พวกเขาต้องสู้กับศัตรูในที่ๆหมู่ดาวบนท้องฟ้าและช่วงเวลาในหนึ่งวันต่างจากโลก
ไม่ ปัญหาคือพวกเขาต้องหาว่าศัตรูอยู่ที่ไหน
ฮีซอลจับนกตัวเล็กตัวหนึ่งมาใกล้ๆ
“เด็กคนนี้จะนำทางเราค่ะ”
“โฮ่?”
ความสามารถของฮีซอลคือฝึกสัตว์ ยิ่งกว่านั้น เธอเน้นไปที่ฝึกทักษะเทเลพาธี
เธอสามารถสื่อสารทางจิตกับคนได้ถึง 5 คนพร้อมกันไม่มีปัญหา มันเป็นทักษะที่ไปกันได้ดีกับความสามารถเดิมฝึกสัตว์ที่ทำให้เธอสื่อสารกับมอนสเตอร์ของเธอได้ ฮีซอลรับรู้ได้ถึงสิ่งที่นกน้อยเห็นและรับรู้ได้ในระดับหนึ่ง เธอสามารถระบุตำแหน่งของดันเจี้ยนต่างๆได้ไม่ยากนัก
“ท่านประธาน โชคดีนะคะ”
“ไว้เจอกันใหม่ในอีก 4 วัน”
“อืม พวกนายอย่าตายล่ะ”
คนในปาร์ตี้จากไป เหลือแต่ซุงกูกับกองทัพผีดิบ
“เราก็ไปกันเถอะ”
“ครับ? ผมไปกับลูกพี่เหรอ?”
“ถ้าเจอดันเจี้ยนฉันจะเข้าไปเคลียร์มัน นายฝึกข้างนอก”
“อ้อ ครับลูกพี่”
วูจินออกคำสั่งกับกองทัพผีดิบ
“หาพลังชีวิต!”
[รับบัญชาท่านจ้าว!]
อัศวินมรณะออกคำสั่งให้กองทัพโครงกระดูกเดินหน้า นอกจากตามหาและสังหารมอนสเตอร์ท้องถิ่นแล้วเขายังต้องหามอนสเตอร์ในดันเจี้ยนด้วย
“กาเกบิ หาดันเจี้ยนให้ฉัน”
[คึๆ ท่านเปลี่ยนไปนะ]
บนอัลเฟน วูจินตั้งรับอย่างเดียวเพราะเขาเพียงแต่ปกป้องดินแดนของตัวเอง ตอนนี้ผู้ไม่ตายออกเคลื่อนไหวเพื่อหาศัตรู
“อย่าพูดไร้สาระ หาให้ฉัน”
[รับบัญชาเจ้านาย คึๆ]
กาเกบิออกจากเงาวูจินแล้วเริ่มสำรวจรอบๆ วูจินเรียกชิงชิงออกมาขี่ ซุงกูกำลังจะกระโดดขึ้นไปแต่วูจินห้ามเขาไว้
“ทำอะไรของนาย?”
“เอ๋? ลูกพี่ไม่ให้ผมนั่งด้วยเหรอ?”
“ทุกลมหายใจของนายตอนนี้คือการฝึก”
“ครับ?”
“นายควรฝึกฝนเอาตัวรอดให้เต็มที่ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรฉันไม่เกี่ยวด้วย”
“...?”
วูจินกระตุ้นชิงชิงให้ออกวิ่งทิ้งซุงกูที่กำลังงงไว้ มีเมืองอยู่ไม่ไกล วูจินมุ่งหน้าไปทางเมืองนั้นพร้อมกับกองทัพผีดิบ
หลังจากถูกทิ้งให้เหลือตัวคนเดียว ควันดำก็รวมร่างกันเป็นลิช
[ไอ้อวดดีคนไหนต้องการให้ข้าสอน!]
ดวงตาสีแดงโพลงของมันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
ซุงกูทำหน้ามุ่ย
ก็รู้อยู่แล้วทำไมต้องถามด้วย?
“...ผมเอง”
[ก๊าก ฮ่าๆ ข้าควรทดสอบว่าเจ้ามีคุณสมบัติหรือไม่ก่อนใช่ไหม?]
ไฟพุ่งออกมาจากคทาของลิช
ซุงกูหลบอย่างว่องไว
“โอ๊ย บ้าไปแล้ว!”
จู่ๆก็โจมตี! แถมยังเป็นเวทระดับที่ถ้าโดนตรงๆร่างมนุษย์ไม่รอดแน่ ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันตั้งใจจะฆ่าเขาจริงๆ
[ฮ่า เจ้าชมข้าเหรอ?]
“...”
ลิชโผล่หัวออกมาจากควันระเบิด ซุงกูมีสีหน้าตกใจกลัว หลังจากนั้น เขาไม่มีเวลารวบรวมความคิดนัก
ฟู่ๆๆ ตูม!
เจนิสไม่ให้เวลาซุงกูคิด
***
วูจินระลึกความหลังอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเสียงระเบิดจากด้านหลัง
“หึๆ”
เขารอดมาแล้วและแข็งแกร่งขึ้น ซุงกูจะเป็นเหมือนกัน
“ว่าแต่ นี่มันอาณานิคมไม่ใช่เหรอ?”
วูจินหรี่ตามองเมืองที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มีอาณานิคมแห่งหนึ่งสร้างตรงกลางเมือง มีมันเป็นศูนย์กลาง เมืองตั้งอยู่ในรัศมีที่พลังของลอร์ดมิติแผ่ได้ทั่วถึง
นี่เหมือนกำลังตั้งอาณาเขตมิติบนโลกจาคุ
นี่คือเมืองอาณานิคม
เราสามารถซื้อสิ่งปลูกสร้างจากร้านค้าของมิติหรือส่งกำลังทหารออกมา เราสามารถนำประชากรในอาณาเขตมิติเข้ามาอยู่ในเมือง
มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งอยู่เหนือเนิน
เมืองทั้งเมืองราวกับอิฐและเหล็กเชื่อมประสานกันและกัน มันเหมือนฐานทัพจักรกล
กองทัพโครงกระดูกเดินหน้า หินก้อนใหญ่ลอยมาจากปราสาท
ตูมๆ ตูม!
ที่ลอยมาทางพวกเขาไม่ใช่แค่ก้อนหิน กระสุนปืนใหญ่เมื่อกระแทกพื้นก็ระเบิดหนามออกมา เศษชิ้นส่วนกระเด็นไปทั่ว การโจมตีแรงพอสังหารโครงกระดูกในทีเดียว
อาวุธในการป้องกันเมืองถูกส่งมาทางพวกเขา ถ้าวูจินตอบโต้ช้าไปจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวง
“โดลเซ”
วิ้ง
ราวกับว่าโดลเซรู้ว่าวูจินต้องการอะไร มันรวบรวมก้อนหินและหนามเหล็กมาสร้างเป็นร่างยักษ์ของมัน
[โก!]
“นายไปเปิดทาง”
โกเลมออกวิ่งตามคำสั่งของวูจิน
กึง กึง!
ทุกย่างก้าวของโกเลมสะเทือนพื้นดิน ก้อนหินจากปราสาทเล็งยิงใส่โดลเซที่วิ่งเข้ามา
พวกมันเล็งเป้าได้แม่นทีเดียว
หินกระแทกใส่หัวโดลเซแหลกก่อนจะหล่นลงไปฝังพื้น แต่โดลเซยังพุ่งไปข้างหน้าต่อ
หินที่ฝังพื้นสั่นเหมือนมีแรงดึง มันถูกดึงไปรวมในร่างโดลเซ หัวที่แหลกไปถูกแทนที่ และแขนของมันยาวขึ้น อกมันหนาขึ้น
ไททันแห่งการทำลายล้างที่ร่างใหญ่ขึ้นพุ่งต่อไป
[โก!]
พลังเวทก้อนใหญ่ไหลออกจากร่างวูจินทุกครั้งที่โดลเซเพิ่มขนาดตัวมัน แต่เขาไม่สนใจ วูจินสามารถดื่มโพชั่นหรือฟื้นพลังเวทโดยใช้สกัดวิญญาณ
กึง!
พริบตาเดียว ร่างใหญ่โตของโดลเซก็กระแทกกับกำแพงปราสาท
กำแพงถล่มเกิดช่องโหว่ โดลเซดูดโลหะและเหล็กจากกำแพงที่ถล่ม ตัวมันยิ่งใหญ่ขึ้นอีกและเริ่มอาละวาด
“วิ่ง จัดการพวกมันให้หมด!”
[วิ่ง!]
[ฮ่าๆ เร็วขึ้นอีก!]
อัศวินมรณะเรียกม้าปีศาจออกมาแล้วพุ่งไปข้างหน้า
บิบิถูกเรียกออกมา เธอบินช้าๆเหนือศีรษะของวูจิน
“เรามาสร้างเมืองอาณานิคมของตัวเองที่นี่กันไหม?”
“ทำไมฉันต้องทำด้วย?”
“อืม อืมม ถ้ามีอีกสักแห่งก็ดีนะ”
วูจินกระตุกปากยิ้ม
“ฉันพนันว่าเธออยากตกแต่งปราสาทอีกหลัง”
“ฮิๆๆ”
บิบิหัวเราะเจ้าเล่ห์เหมือนวูจินทายถูกเผง ในอาณาเขตมิติของอลันดาล ไม่มีที่ไหนที่ไม่ถูกบิบิแตะต้อง แต้มที่แบ่งให้เธอถูกเอาไปใช้ในการตกแต่งปราสาท
“ปราสาทในอลันดาลก็ใหญ่พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ฮึ เล็กไปต่างหาก”
“...”
เธออยากได้ปราสาทใหญ่ขนาดไหนกัน? วูจินชี้ไปที่ปราสาทยักษ์เบื้องหน้า
“หลังนี้...”
“อื้อ”
“ทำลายมันสนุกกว่าตกแต่งมัน”
“...ชิ”
บิบิหันหลังให้ เธอทำท่าเหนียมอายเมื่อมองปราสาท
“ฮิๆ ที่เจ้านายพูดก็ถูกนะ”
“ไปเก็บเลเวล”
“จ้า ฮิๆ”
แม่มดมายากลายเป็นควันหายไป
สุดท้ายแล้วพลังของผู้ไม่ตายก็เกี่ยวข้องกับกองทัพของเขาโดยตรง เขามีอสูรรับใช้มากมายจึงต้องจัดการกับเลเวลของพวกมัน สงครามเป็นเวทีที่ดีที่สุดของพวกมัน และที่โลกจาคุมีศัตรูมากมายให้สู้
ระหว่างที่อสูรของเขาเก็บเลเวล ค่าประสบการณ์ส่วนหนึ่งจะส่งมาที่วูจิน เขาไม่ต้องทำอะไรก็ได้ค่าประสบการณ์ แต่เมื่อเทียบกับเขาเก็บเองแล้วน้อยกว่ามาก
“ฉันเริ่มลงมือดีไหม?”
วูจินกระตุ้นชิงชิงให้วิ่ง ข้อความประกาศโผล่ขึ้นมาเมื่อเขาเข้าใกล้กำแพงปราสาท
<คุณได้เข้าสู่อาณานิคมของลีอาห์ ‘ป้อมปราการ’>
<นางหลงอยู่ในความว่างเปล่าของความตาย ไม่สามารถเลือกทำสงครามมิติและท้าดวลได้>
<หากพิชิตได้สำเร็จ สามารถเลือก ‘รื้อถอน’ ได้>
วูจินหัวเราะอย่างโง่งมเมื่ออ่านข้อความ
ตัวเมืองเหมือนมาจากอารยธรรมที่เกี่ยวข้องกับจักรกลและดูคุ้นเคยอยู่บ้าง นี่เป็นอาณานิคมของลีอาห์
เธอเป็นลอร์ดมิติที่เคยท้าดวลกับวูจินและเขาได้กำไรจากเธอมากมาย
ในขณะเดียวกัน วูจินรู้แล้วว่าทำไมการตายของลอร์ดมิติจึงเลวร้ายนัก
‘ระหว่างที่ยังตายอยู่ เธอจะถูกปล้นไปโดยตัวเองไม่รู้เรื่องเลย’
ช่วงคุ้มครอง 12 วัน มันเพียงปกป้องลอร์ดมิติจากสงครามมิติและการดวล
แต่มันไม่ห้ามนักผจญภัยและผู้ท้าชิงเข้ามาพิชิตดันเจี้ยนหรืออาณานิคม ลอร์ดมิติไม่สามารถทำอะไรกับการบุกรุกได้ นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ถ้าไม่มีนักรบที่เก่งกาจเช่นคิบะมาเป็นแม่ทัพป้องกันอาณานิคมก็ได้แต่ถูกปล้น
ยิ่งกว่านั้น ถ้าดันเจี้ยนถูกพิชิต หมายถึงการเชื่อมต่อกับโลกนี้จะถูกตัดขาด เท่ากับเสียชิ้นส่วนมิติไป 1 ชิ้น
กฎนี้ใช้กับอาณานิคมได้ด้วย เพราะมันเป็นประตูเชื่อมต่อที่ติดตั้งในที่หนึ่งเช่นเดียวกับดันเจี้ยน
“แปลว่าฉันทำลายที่นี่ได้?”
วูจินยิ้มกว้าง ถ้าเขาสามารถทำลายดันเจี้ยนได้จะดีแค่ไหนนะ ถ้าเขาสามารถทำลายดันเจี้ยนที่อยู่บนโลกได้ทั้งหมด เขาจะตัดการเชื่อมต่อของลอร์ดมิติได้หมดเช่นกัน
วูจินเรียกอาวุธของนักรบออกมา
“อ๊าก! หยุดพวกมัน”
“พวกผีดิบสกปรก!”
คนในอาณาเขตของลีอาห์ปกป้องปราสาท ทั้งหมดเป็นมนุษย์
มนุษย์จำนวนมากถูกส่งไปประจำยังสิ่งก่อสร้างต่างๆ พวกเขายิงปืนที่ดูหยาบและล้าสมัยเมื่อเทียบกับปืนบนโลก
กระสุนยิงใส่วูจิน แต่ถูกเกราะผีปัดออก
คนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์จากโลก วูจินไม่มีเหตุผลต้องลังเลที่จะฆ่าพวกเขา
หอกกระดูกพุ่งทะลุเหล่ามนุษย์
“มอนสเตอร์”
บางทีเขาควรเปลี่ยนความเข้าใจเรื่องมอนสเตอร์ใหม่
บางทีเขาควรมองมันเป็นผู้บุกรุก
วูจินรู้สึกได้ถึงความแค้นจากศัตรู เขาสังหารไปเยอะแล้วและเห็นวิญญาณพวกเขาร่ำร้อง เขาไม่ได้มาอยู่ในนรกบนดินเช่นนี้นานแล้ว
วูจินตัวสั่น
ในอดีต เขาเคยหวังเหลือเกินว่าจะหลุดจากสถานที่แบบนี้ แต่ กลิ่นของนรกบนดินสัมผัสเขา วูจินไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกตื่นเต้นนัก
เขาปฏิเสธความรู้สึกนี้ไม่ได้
“เฮ้อ ฉันฝืนมันไม่ได้”
บางทีเขาอาจถูกทำให้เป็นแบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะสัญชาติญาณของเขา ไม่มีทางรู้ได้
บางทีเขาอาจเป็นมอนสเตอร์จริงๆ
“ทำลายให้หมด”
พลังเวทแผ่ขยายจากร่างวูจิน มันไปเกาะบนศพที่นอนกระจัดกระจายบนพื้น
ศพระเบิดพร้อมกัน ส่วนหนึ่งของเมืองถล่มลง
โครงกระดูกที่ถูกสิ่งปลูกสร้างถล่มใส่ดันซากปรักหักพังออกมาและมุ่งหน้าไปทางเมืองส่วนที่ยังไม่ถูกทำลาย
“เฮ้อ”
วูจินสูดหายใจลึก และวิญญาณเนืองแน่นรอบด้านก็ถูกดูดเข้าไปในตัวเขา
พลังเวทที่หดหายไปเกือบหมดถูกเติมเต็ม
เทศกาลเลือดอันอึกทึกครึกโครมเริ่มต้นเผาผลาญโลกจาคุให้ราบคาบ
***
ไม่ไกลจากป้อมปราการลีอาห์มีภูเขาเตียนโล่งลูกหนึ่ง
รักชา นักเวทหญิงของเผ่าราทิคกำลังกลมกลืนไปกับสภาพรอบกาย
ดวงตาสีน้ำเงินของเธอเต็มไปด้วยความอาดูรเมื่อมองสนามรบที่เดือดพล่าน ไม่สิ ควรจะเรียกว่าลานสังหารมากกว่า
สายตาของเธอหยุดตรงอัศวินเกราะดำตนหนึ่ง มันกำลังจดจ่ออยู่กับการเหวี่ยงอาวุธคมโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว
เธอไม่รู้สึกถึงพลังชีวิตจากเขา ความกล้าและความโหดร้ายทารุณของเขาเทียบไม่ได้กับสมัยก่อน
“รีลิค...”
นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าราทิคกลายเป็นเครื่องมือของศัตรู
รักชา นักเวทหญิงเข้าใจในทันที
“ผู้ล่าที่ดื่มกินผู้ล่าอื่น...”
บางที คำทำนายของเทพของเธอกำลังกลายเป็นความจริง
นี่แลความโหดของวูจินที่เราอยากเห็นว่าตอนอยู่อัลเฟนเป็นยังไง~~
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบรอตอนคัดเลือกสมาชิกใหม่เข้ากิลด์จนจะลืมไปแล้วเนี่ย
ตอบลบ