วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 148

บทที่ 148 –ออกสำรวจ (2)


คนมารุมล้อมหน้าสถานีโซลทางออกที่ 1

มีรถเข็นขายอาหารคันหนึ่งและนักข่าวตั้งวงล้อมรอบมันโดยรักษาระยะห่างประมาณ 10 เมตร ดูเหมือนมีนักข่าวจากสถานีข่าวทั่วโลกอยู่ที่นั่น

ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวที่ดึงดูดนักข่าวได้มากขนาดนี้

เสียงชัตเตอร์กล้องดังเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้

วูจินกำลังกินโอเด้งหน้ารถเข็นขายอาหารคันหนึ่ง

“อันนี้อร่อยแฮะ”

“ชิมซุปด้วยสิครับ”

วูซุงฮุนเทน้ำโอเด้งใส่ถ้วยกระดาษแล้วยื่นให้วูจิน

วูจินมองซุงกู ฮีซอล บลังกาและเมโลดี้ พวกเขากำลังยืนเฉย

“พวกนายน่าจะกินด้วย”

“ครับ? ไม่ใช่พวกเรากำลังรีบไปดันเจี้ยนเหรอ?”

“ก็ใช่ แต่ต้องรออีกคนมาด้วย”

“เอ๋? ลูกพี่ มีคนอื่นอีกเหรอ?”

“ใช่”

วูจินหันไปมองวูซุงฮุน

“นายติดต่อเขาแล้วใช่ไหม?”

“ติดต่อแล้วครับ”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างใหญ่ร่างหนึ่งก็ฝ่าฝูงนักข่าวเข้ามา

“โย่ น้องคัง”

“พี่เบคมาแล้ว”

เบคจองโดเดินยิ้มเข้ามาโดยมีจุงชานซุงเลขานุการของเขาติดมาด้วย

เขาหยิบโอเด้งเข้าปากอย่างสบายใจ

“เอ๋? ประธานเบคมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?”

เบคจองโดยิ้มกับคำถามซุงกู

“ทำอะไร? ตอนนี้เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ฮ่าๆ”

อ้อ ประธานคงเรียกเขามาที่นี่

ดูเหมือนเขาจะชอบเบคจองโดจริงๆจึงชวนมาร่วมการสำรวจด้วย

“อืม เราไม่มีแทงค์ไง”

ซุงกูทำหน้างงเมื่อได้ยินวูจินพูด

“ก็ผมไง?”

วูจินดื่มน้ำซุปแล้วยิ้ม

“นายต้องแยกไปฝึก”

“...อึ๋ย”

เขาตายแน่!

ซุงกูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ วูจินเปลี่ยนไปมองฮีซอล

“เรามีคนไคท์ควบหน้าที่เป็นอุปกรณ์สื่อสาร” (kite – ลากยิง)

วูจินมองบลังกาแล้วหัวเราะ

“แล้วก็แทงค์สำรองที่ฮีลได้บัฟได้”

วูจินสบตาเมโลดี้แล้วพูดต่อ

“เรายังมีฮีลเลอร์ที่รักษาชีวิตคนอื่น”

เมื่อวูจินพูดจบ ซุงกูก็ตาเป็นประกาย

“ลูกพี่ยังไม่มีคนทำดาเมจนะครับ อย่างที่คิดเลย ผมจะ...”

“ฉันมีคนอื่นแล้ว นายไปฝึกต่างหาก”

“ฮึก...”

หนีไม่พ้นแล้ว อา เขากลัวขึ้นมาแล้วนะ

วูจินกินโอเด้งจนหมดไม้แล้วมองซุงฮุน ซุงฮุนถาม

“ค่าโอเด้งเท่าไหร่?”

“100,000 วอนจ้า”

“หา ไม้ละ 20,000 เหรอ?”

“จ้า”

ซุงฮุนบ่นพึมพำพลางจ่ายเงินให้คนขาย จากนั้นพวกเขามุ่งหน้าไปทางสถานีโซลทางออกที่ 1 เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว นักข่าวเข้ามารุมล้อมรถเข็น

พวกเขาถ่ายรูปไม้เสียบโอเด้งที่วูจินทิ้งไว้อย่างตั้งใจ รวมทั้งรูปรถเช็น ไม่ต้องอ่านบทความที่พวกเขาจะเขียนก็พอเดาหัวข้อได้

วูจินมองความวุ่นวายด้านหลังพลางแอบถามซุงฮุน

“ตอนนี้เราอยู่ในพื้นที่ของเกาหลีใช่ไหม?”

“ครับ”

“พยายามซื้อทุกอย่างที่นี่ซะนะ”

ซุงฮุนยิ้มกริ่ม

“สมเป็นท่านประธาน ท่านก็คิดว่าโอเด้งไม้ละ 20,000 มันแพงไปใช่ไหมครับ ผมจะซื้อที่รอบๆนี้ทันทีแล้วก็เก็บภาษีซะ”

ผัวะ

วูจินตบท้ายทอยซุงฮุน

“คิดว่าฉันเป็นนายเหรอ? ฉันแค่จะให้นายซื้อที่รอบๆนี้ ฉันไม่รู้ว่าจะมีอะไรติดมาจากดันเจี้ยนมั่ง ฉันต้องการที่ว่าง”

“ครับ...”

ซุงฮุนลูบท้ายทอยพลางร่วมทางไปถึงทางเข้าดันเจี้ยน

“ขอให้เดินทางปลอดภัยครับ ท่านประธาน”

จุงชานซุงมองเบคจองโดอย่างเป็นห่วง เบคจองโดหัวเราะตามสไตล์ของเขาพลางตบบ่าจุงชานซุง

“ฮ่าๆ กังวลเกินไปแล้ว ฉันไปกับน้องคังนะ เขาเก่งที่สุดในโลก”

‘เพราะแบบนั้นล่ะผมถึงเป็นห่วง’

ทีมเข้าดันเจี้ยนไปพร้อมกับสายตาเป็นห่วงของจุนชานซุง

หลังจากส่งพวกเขาไปแล้ว วูซุงฮุนแบมือออกมา จุงชานซุงสบตาวูซุงฮุนเหมือนจะถาม

“หมายความว่ายังไงครับ?”

“ประธานเบคกินโอเด้งหนึ่งไม้ 20,000 วอนครับ”

“...คุณเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศนะ”

“อ่าฮะ ไม่ได้หมายความว่าผมจะคำนวณถี่ถ้วนไม่ได้นี่ครับ”

“...”

วูซุงฮุนมีประสบการณ์เป็นคนขายของมา 8 ปีก่อนชีวิตจะเปลี่ยน

การคำนวณของวูซุงฮุนเฉียบคม จุงชานซุงเปิดกระเป๋าตังค์

***

มีม่านคลุมรอบทางออกที่ 1 ของสถานีโซล

ดันเจี้ยนนี้กลายเป็นหัวข้อสนทนาในหลายๆเรื่อง

หลังจากคังวูจินพิชิตมัน อาร์ติแฟคก็มีออกมาไม่หมดสิ้น มันยังเป็นที่ๆเขาฆาตกรรมชายคนหนึ่งและทิ้งศพไว้ในดันเจี้ยน มันเป็นดันเจี้ยนที่ถูกเล่าลือแปลกๆไปมากมาย

แน่นอน มีคนที่ถูกเลือกไม่กี่คนรู้ตัวจริงของมัน

มันคืออาณาเขตมิติของคังวูจิน

คนเดียวที่ไม่รู้เรื่องนี้คือบลังกา

“เอ๊ะ ประธาน? อุโมงค์...”

เมื่อวูจินเข้าดันเจี้ยน ดันเจี้ยนไม่สร้างมอนสเตอร์ขึ้นมา บลังกาสงสัยเมื่อเห็นอุโมงสีแดงที่เชื่อมต่อกับอาณาเขตมิติปรากฏตรงหน้าพวกเขาทันที

และประธานก็ไม่ใจดีพอจะคลายความสงสัยของบลังกาด้วย

เมื่อวูจินผ่านอุโมงค์เข้าไป คนที่เหลือก็ตามไปทีละคน

“หืม”

เมื่อบลังกาผ่านอุโมงค์ก็มาอยู่ในตึกที่มีเพดานสูง มันเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่พบในปราสาท เบื้องหน้าเขามีบัลลังก์

นอกจากนั้นยังมีอุโมงค์สีแดง 3 อุโมงค์อยู่ถัดจากบัลลังก์

บลังกามองไปรอบๆจนเห็นวูจินที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์

“ยินดีต้อนรับพวกนายทุกคนสู่อาณาเขตมิติของอลันดาล”

คนในกลุ่มรู้สึกปั่นป่วนกับเสียงหัวเราะของวูจิน

มีมอนสเตอร์แบบใหม่ปรากฏในโลก พวกมันสามารถบงการมอนสเตอร์อื่นได้

มอนสเตอร์ลอร์ด นี่คือชื่อที่ทุกคนเรียกลอร์ดมิติ

เราส์ทุกคนในอลันดาลรู้ว่าวูจินครอบครองดันเจี้ยนและเป็นลอร์ดมิติ แน่นอนยกเว้นบลังกา

“ป...เป็นไปไม่ได้”

“ฮะๆ ดูเหมือนคนที่ไม่รู้จะมีแต่เพื่อนชาวต่างชาติกับฉันนะ”

แม้แต่เบคจองโดก็ไม่รู้ตัวจริงของวูจิน เขารู้ว่าวูจินใช้ดันเจี้ยนได้แต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นลอร์ดมิติ...

“ให้เวลาพวกนายเที่ยวปราสาทหนึ่งชั่วโมง”

“ฮะๆ น้องคัง ที่นี่เป็นอาณาเขตมิติจริงเหรอ?”

“ถ้ามีคำถามอะไรถามบิบิได้เลยครับ”

วูจินมีงานต้องทำ

บิบิวิ่งมาหาสมาชิกทีม

“ฮิๆ กรุณาตามเรามา เราจะพานำเที่ยว”

เมื่อทุกคนตามบิบิออกไปข้างนอก เจมินก็เดินออกมา ตอนแรกเขาซ่อนตัวอยู่ในความมืด

“นายเป็นผู้ชาย ทำไมขี้อายนัก?”

“ฮะๆ ไม่รู้สิครับ”

เจมินยังรู้สึกกระอักกระอ่วน เขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นแวมไพร์ เขาต้องลำบากมามากกว่าจะก้าวข้ามความรู้สึกขัดแย้งได้ แล้วคนอื่นจะคิดอย่างไร? เขาไม่มีความกล้ายืนต่อหน้าคนอื่นอย่างมั่นใจนัก

“ชิ แล้วที่ฉันให้นายเรียนไปล่ะ?”

“ผมเรียนหมดแล้วครับ”

วูจินใช้แต้มซื้อทักษะมาจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นทักษะที่มีแต่แวมไพร์เท่านั้นที่เรียนได้

“แต่นายจะใช้ทักษะพวกนั้นได้คล่องหรือเปล่าก็อีกเรื่อง”

“ผมฝึกอยู่ครับ”

“ความจริงมันโหดร้ายนะ นายไม่มีเวลาฝึกนักหรอก”

“ผมพยายามอยู่ครับ”

“ฉันรู้สึกว่าความพยายามของนายมันไม่เท่าไหร่”

“ผมพยายามมมมอยู่ครับ?”

เส้นเลือดที่ขมับวูจินปูดขึ้นมา

“อยากโดนอัดเหรอ?”

“ขอโทษครับ”

“เราจะเดินทางไปที่โลกจาคุหลังจากนี้ 1 ชั่วโมง”

“อะไรนะ?”

เจมินแปลกใจ

“ฉันหาคนร่วมทีมที่ดีที่สุดให้นาย นายไปกับพวกเขา”

จู่ๆเขาก็ถูกให้ไปสู้จริง...

เจมินมีสีหน้ากังวล วูจินจึงพูดตรงๆ

“นายอยากร้องไห้ไม่ทำอะไรเลยอีกแล้วเหรอ?”

“...”

เขาต้องเข้มแข็ง

ถ้าเขาต้องการปกป้องครอบครัวและคนที่รัก...

“ฉันตั้งปาร์ตี้ให้มีจุดเด่นคือนายจะไม่ตาย...”

อา คุณพี่ช่างเอาใจใส่เขานัก

เขาจะอยู่ในปาร์ตี้ที่เต็มไปด้วยเราส์แรงค์ A ดังนั้นเขาก็แค่ติดสอยห้อยตามไป

ราวกับวูจินอ่านความคิดของเจมินออก เขาอดหัวเราะหึไม่ได้

“...ถ้านายทำได้ดี”

“...”

“ถ้านายทำไม่ดีก็ตายยกตี้”

“...”

“ถึงนายตายฉันก็ชุบชีวิตให้นายได้ แต่ถ้าคนอื่นตายก็เป็นอันจบ”

อา ทำไมยกหน้าที่หนักหนาขนาดนี้ให้เขาล่ะ?

เจมินขบกรามเหมือนน้ำหนักของภาระมันมากเกินไป

เขาเป็นคนทำดาเมจ ถ้าเขาพึ่งไม่ได้...ปาร์ตี้ก็จะถูกทำลาย

เขาไม่รู้ว่ามีอะไรรอเขาอยู่ที่โลกจาคุ

“มาสร้างกำแพงไว้ก่อนไปเถอะ”

“ครับพี่”

ช่วงคุ้มครองของอาณาเขตกำลังจะหมด เขาต้องทำสงครามอาณาเขต เพราะอย่างนี้วูจินจึงให้เวลาว่างกับสมาชิกทีม 1 ชั่วโมง เจมินนั่งลง วูจินหาคู่ต่อสู้ทันที

ศัตรูเป็นยังไงไม่สำคัญ เจมินจะชนะหรือแพ้ก็ได้ ไม่ว่าผลออกมาแบบไหนก็ดีสำหรับวูจิน เขาตรวจดูสถานะของอาณาเขตมิติของเขาแทนที่จะดูสงคราม

อุโมงค์ 3 อุโมงค์ที่ก่อตัวขึ้นข้างบัลลังก์

<ดาวโลก – สถานีโซลทางออกที่ 1>

<ดาวจาคุ – เสาของนีเซีย>

<ดาวอัลเฟน – วิหารของราห์ท>

อัลเฟนมีวิหารเป็นร้อยแห่ง

แต่ละแห่งถูกเปลี่ยนเป็นดันเจี้ยน หลายแห่งอยู่ในเขตอลันดาลเก่า เพราะเหตุนี้กองทัพผีดิบของวูจินจึงทำสงครามกับลูกน้องของทราห์เน็ตไม่จบไม่สิ้น

<อาณาเขตมิติกำลังทำการเชื่อมต่อกับอัลเฟน เหลือเวลาอีก 20 วัน 17 ชั่วโมง...>

วูจินใช้ชิ้นส่วนมิติ 1 ชิ้นซื้อดันเจี้ยนในอัลเฟน

เขาวางแผนจะกวาดล้างโลกจาคุก่อน

ถ้าถึงเลเวล 90 ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

ไม่สนว่าจะเป็นสหพันธ์กิ้งก่าหรือกองกำลังอื่นๆ นี่เป็นการประกาศสงครามถึงลอร์ดมิติทุกคน
ถ้าใครแตะต้องโลก ไม่ว่าจะเป็นลอร์ดมิติหรือสหพันธ์ เขาจะทำให้พวกมันเห็นว่าต้องจ่ายไปเท่าไหร่

***

ทีมรวมกันรอบอุโมงค์ที่นำไปสู่เสานีเซีย

“พร้อมไหม?”

“พวกเราพร้อมแล้ว!”

วูจินมองกลุ่มที่รวมกันต่อหน้าเขา

ซุงกูกับเจนิสไปทำธุระของตัวเองจึงถูกตัดออกจากปาร์ตี้ ในนี้มีฮีซอลนักฝึกสัตว์ บลังกาสายสนับสนุน เราส์สายเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายเบคจองโด เมโลดี้ผู้รักษา และแวมไพร์มือใหม่ โดเจมิน

ถ้าพวกเขาทำงานได้เข้าขากัน นี่จะเป็นทีมที่สามารถจัดการลอร์ดมิติได้เกือบหมด แน่นอน ขึ้นอยู่กับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเจมิน

วูจินเรียกให้ทุกคนฟัง

“ถ้าเห็นอะไรเข้าท่าก็ให้เขาดูดเลือดมันซะ”

“...”

โดเจมินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เขาต้องดื่มเลือดมอนสเตอร์ต่อหน้าคนอื่น...

“นายไม่อยากแข็งแกร่งขึ้นเหรอ?”

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ”

โดเจมินเป็นแวมไพร์ เขาไม่เพิ่มค่าสถานะด้วยหินเพิ่มพลังธรรมดา

นักรบตายกับนักเวท... ต้องดื่มเลือดของศัตรูที่พ่ายแพ้เพื่อดูดซับพลังมา แวมไพร์เพิ่มสถานะของตัวเองเช่นนี้ ถ้านับจำนวนศัตรูที่เขาสังหารดื่มเลือดที่นี่...

นี่คือสาเหตุว่าทำไมวูจินคาดว่าเจมินเติบโตรวดเร็วและสร้างปาร์ตี้นี้ขึ้นมา

“เอาล่ะ พอพวกนายผ่านเข้าไปในดันเจี้ยนก็เป็นเรื่องของพวกนายเองแล้ว ติดต่อฉันถ้าเจออะไรผิดปกติ”

“รับทราบ!”

วูจินให้ซุงกูกับเจนิสอยู่ด้วยกันจึงมีวิธีติดต่อพวกเขาได้ ส่วนโดเจมิน ในฐานะเป็นนักกลยุทธ์ของอาณาเขต วูจินสามารถติดต่อเขาได้แม้จะอยู่คนละมิติ

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

วูจินเปิดอุโมงค์ไปยังดันเจี้ยนเสานีเซีย

นี่เป็นการมาเยี่ยมโลกจาคุครั้งแรกของเขา

เมื่อผ่านอุโมงค์ มีเสาขนาดใหญ่มีบาเรียกว้างครอบเหมือนน้ำพุ ดูเหมือนบาเรียจะก่อตัวขึ้นเมื่อผู้ท้าเข้ามาในระยะที่ถูกกำหนดไว้

การทำงานต่างจากสถานีใต้ดินของโลกเล็กน้อย แต่ให้ผลเหมือนกัน

บาเรียจางลงเมื่อวูจินมาถึง ดูเหมือนจะเป็นผลจากการเชื่อมต่อสมบูรณ์

“เทียบกับที่โลกก็เหมือนเราเป็นมอนสเตอร์สินะ?”

นี่เหมือนดันเจี้ยนเบรกในโลกไม่ผิด ยกเว้นตอนนี้พวกเขาเป็นผู้บุกรุก

เพราะไม่ได้ทำมานานแล้วหรือเปล่านะ? วูจินใจเต้นเร็วขึ้นและเขารู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ

“ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด”

มันเหมือนคังวูจินกลับมาเป็นผู้ไม่ตาย

เขาข้ามเส้นแบ่งเขตของดันเจี้ยนออกมา

เสียงประหลาดของเผ่าพันธุ์ต่างๆดังขึ้น

ท่ามกลางพวกมัน มนุษย์กิ้งก่าตัวเขียวเลื้อยเข้ามา

มันสวมมงกุฎดำ ดูตลกแต่บรรยากาศรอบตัวมันทำให้ดูถูกไม่ได้

คนในทีมเป็นกังวล แต่วูจินเดินออกไป

[ยินดีต้อนรับ นักรบ!]

[นายเป็นใคร?]

[ข้าชื่อนิกาล ลอร์ดมิติที่รับใช้ท่านเชน หัวหน้าสหพันธ์หมวกดำ]

[นายรอฉันอยู่เหรอ?]

[ถูกต้อง! ข้าได้ยินพฤติกรรมกล้าหาญของเจ้าในการปราบพวกกิ้งก่าเหลือง ท่านเชนรอเจ้าอยู่ ท่านผู้นั้นจะมอบตำแหน่งสูง...]

วูจินเรียกอาวุธขวานออกมา

ฉับ! กลุกๆ

หัวของนิกาลกระเด็นแล้วกลิ้งไปบนพื้น

แม้หัวจะขาดจากร่าง ดวงตามันยังจ้องตามวูจิน

[...นี่มันหมายความว่ายังไง?]

[หมายความว่ายังไง? เริ่มปาร์ตี้ยังไงล่ะ]

วูจินยิ้ม

หลังจากนั้น กองทัพผีดิบถูกเรียกออกมาด้านหลัง


สารบัญ                                            บทที่ 149


3 ความคิดเห็น: