วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 113

บทที่ 113 – การชี้แจง (2)

วูจินออกจากสถานีโซลทางออกที่ 1 ซุงฮุนเข้ามาต้อนรับ

“กลับแล้วเหรอครับ”

“ใช่ มินชานล่ะ?”

“เขาไปที่สนามบินเพื่อต้อนรับเธอ”

“คงใกล้จะกลับแล้วมั้ง ไปที่สำนักงานกันเถอะ”

“ครับ ผมจะนำทางไปเอง”

วูจินใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสร้างอาณาจักร เวลาสั้นๆที่เขาไม่ได้อยู่ในอาณาเขตมิติใช้ไปกับการไปอยู่กับครอบครัวและจีวอน เพราะอย่างนี้เขาจึงยังไม่เคยเห็นสำนักงานใหม่

วูจินหยุดหลังจากเดินตามซุงฮุนได้สองสามก้าว

“ตรงนั้นมีอะไรเหรอ?”

“คนเริ่มมารวมกันที่นี่น่ะครับแล้วก็...”

“ฮะ”

วูจินยิ้มเมื่อมองไปที่แผงลอยตั้งเป็นแถวหน้าดันเจี้ยน มีขนมปังปลา มีโอเด้ง แผงขายของกินตั้งเรียงราย

“ใครซื้อของพวกนี้เหรอ?”

“พวกนักข่าวกับคนทั่วไปที่มาดูน่ะครับ ตอนนี้อากาศเย็นเลยขายได้”

“อะไรอร่อยมั่ง?”

“แผงลอยแบบนี้เราไม่ซื้อหรอกครับ”

“ไม่ต้องโกหกเลย”

“พุงออปังร้านโน้นอร่อยสุด”

“ซื้อให้ฉันสักอันสองอันสิ”

“ครับผม”

ซุงฮุน หัวหน้าเลขานุการพาสมาชิก 6 คนมาอารักขาวูจิน เขาไปไหนมาไหนกับกลุ่มนี้จนชินแล้ว คนหนึ่งในกลุ่มวิ่งไปซื้อขนมปังปลา

นักข่าวที่มาเฝ้าอยู่นานแล้วเริ่มกดชัตเตอร์กล้องเมื่อเห็นวูจิน ในบรรดานักข่าวมีพวกปาปารัซซี่รวมอยู่ด้วย ที่ตลกคือนักข่าวครึ่งหนึ่งเป็นคนต่างชาติ

ไม่ได้มีแต่คนเกาหลีที่สนใจวูจิน เขาได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกพอๆกับดาราฮอลลีวูด ระดับความสนใจนี้ทำให้คนของอลันดาลรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่วูจินดูไม่รู้สึกอะไรเลย

“อืม อร่อยดี”

วูจินกัดขนมปังปลาไปหนึ่งคำแล้วพยักหน้า

“ตรงนี้ครับ”

“หา?”

“ที่นี่เหรอ?”

“ครับ”

“ใกล้จริงแฮะ”

“เราทำตามคำสั่งของท่านประธานครับ ได้ที่ๆใกล้ที่สุด...”

“พวกนายทำได้ดีแล้ว”

พวกเขาทำตามคำสั่งของวูจินอย่างเคร่งครัด วูจินพอใจกับการทำงานของมินชาน สำนักงานใหม่ห่างจากทางออกที่ 1 ไปแค่ 100 เมตร ดันเจี้ยนเบรกทำให้เกิดที่ว่างมากมายและอาคาร 5 ชั้นแห่งนี้ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว

มันไม่ใช่อาคารสูงแต่กว้างมากเหมือนเป็นตึกเรียน วูจินยังชอบกำแพงแข็งแรงที่ล้อมรอบพื้นที่

“มันใช้เป็นอะไรมาก่อนเหรอ”

“มันเคยใช้เป็นฐานทัพมาก่อนน่ะครับ”

หลังดันเจี้ยนระเบิดครั้งแรก ซากปรักหักพังรอบสถานีโซลถูกปล่อยไว้เฉยๆและอาคารนี้ตั้งในพื้นที่ว่างเปล่า การออกแบบล้าสมัยแต่แข็งแรง มันเป็นอาคารที่เหมาะกับการตั้งรับ มันเคยเป็นฐานทัพมาก่อนจึงมีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างด้านหลังกำแพง

“ฉันเห็นมีการก่อสร้างอยู่ตอนที่ออกมา มันเป็นสำนักงานของเรานี่เอง”

“...ครับ”

เขาแน่ใจว่าเรื่องนี้เคยรายงานวูจินไปแล้ว แต่ดูท่าจะไม่ได้ฟัง

“แม่ฉันจะย้ายเมื่อไหร่?”

“เสร็จภายในสัปดาห์หน้าครับ”

“ดี เข้าไปกันเถอะ”

“ครับผม”

วูจินผ่านประตูกำแพงเข้าไป เขาต้องเดินไกลกว่าจากทางออกที่1 มาที่นี่สองเท่าถึงจะได้เข้าไปในตัวตึก

ภายในไม่มีการประดับตกแต่งมากมาย พวกเขาแค่ทำความสะอาดและทาสีตึก เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างถูกกองรวมกันเพราะต้องแบ่งไปตามแผนกต่างๆตามการใช้งาน

“นี่เป็นห้องประธานครับ”

พวกเขาเดินผ่านห้องเลขานุการและห้องรักษาความปลอดภัยหน้าลิฟต์ มาถึงห้องประธานกว้างขวาง มันไม่ต่างจากห้องของเขาก่อนหน้านี้นักเพราะต่างก็ออกแบบเรียบง่ายทั้งคู่ อย่างเดียวที่เปลี่ยนคือโต๊ะประชุมยาวกว่าเดิมหน่อย

วูจินนั่งบนโซฟา เลขานุการหญิงคนหนึ่งวางเครื่องดื่มบนโต๊ะ เขามองเลขานุการคนนั้นแล้วถามซุงฮุน

“เรามีพนักงานกี่คน?”

“ตอนนี้เกือบ 400 ครับ”

นี่เป็นตัวเลขของฝ่ายสนับสนุนไม่รวมเราส์ แน่นอน เราส์ของอลันดาลมีแค่ 3 คน วูจิน ซุงกูและฮีซอล

“ถึงเวลาสัมภาษณ์เราส์แล้ว จัดการด้วย”

“ครับ ตอนนี้มีจดหมายสมัครงานเข้ามาเยอะมาก”

ช่วงนี้มานาบนโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนเราส์จึงเพิ่มขึ้นเช่นกัน เลเวล 1-9 เป็นคนธรรมดา เมื่อถึงเลเวล 10 จึงกลายเป็นเราส์มีพลังเท่ากับวงแหวนที่ 1

“ซุงกูอยู่ไหนล่ะ?”

“กำลังเคลียร์ดันเจี้ยนอยู่ครับ”

“กี่ดาว?”

“6 ดาวครับ”

“โอ้โห?”

ซุงกูโตจนเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวคนเดียวได้แล้ว

“แล้วฮีซอลล่ะ?”

“คงอยู่ในเขตกักกันครับ จะดูไหม?”

“หา? จากที่นี่เหรอ?”

ซุงกูยิ้มแล้วไปเปิดบังตาหน้าต่างห้อง วูจินเดินไปที่หน้าต่างแล้วยิ้มเมื่อมองไปข้างล่าง

“พวกนายสร้างสวนสัตว์ซะงั้น”

เขตกักกันไม่ใช่ของยิ่งใหญ่อะไร แค่ที่ๆจัดขึ้นต่างหากเพื่อนักฝึกสัตว์ให้มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกมาอยู่ ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนทั่วไป

ที่ว่างถูกเปลี่ยนเป็นสวนสัตว์เปิด เขาเห็นแจ็คสันเสือเขี้ยวดาบกับฝูงกาปากมีด และยังมีมอนสเตอร์อีกหลายตัวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

‘ถ้าเธอฝึกไวเวิร์นได้ก็เยี่ยมเลย’

วูจินคิดถูก ฮีซอลเป็นคนที่มีศักยภาพสูง ความสามารถของเธอพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว วูจินตั้งใจจะเลือกเราส์แบบฮีซอลอีก

“จะดูห้องอื่นไหมครับ?”

“ไม่ต้อง เปิดทีวีเถอะ”

วูจินดูทีวีไปราว 1 ชั่วโมง

“รองประธานมาแล้วครับ”

“บอกให้เขาเข้ามาที่นี่เลย”

“ครับผม”

ไม่นานจุงมินชาน เมโลดี้และอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึง

เมื่อเมโลดี้เห็นวูจินก็จะคุกเข่าลงแต่วูจินหยุดไว้

“ผู้ไม่ตาย...”

“เฮ้ยๆ พอแล้ว นั่งตรงนี้”

“ค่ะ”

เมื่อเธอนั่งลง วูจินก็เข้าเรื่อง

“เธอเอาของที่ฉันขอมาด้วยหรือเปล่า?”

“อยู่ในนี้ค่ะ...”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ดันกระเป๋าเอกสารที่เธอถือมาราวเป็นของล้ำค่า วูจินเปิดอ่านเอกสารกองหนาคร่าวๆโดยเจมส์ อัศวินศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างนอบน้อม

“ข้อมูลพวกนี้มอบให้คุณเป็นของขวัญแสดงมิตรภาพของรัฐบาลสหรัฐ และเพื่อผูกสัมพันธ์กับกิลด์ไททัน...”

“อ้า รู้แล้วพวก”

“ครับ”

เจมส์ตอบอย่างจริงจัง เขาเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างกิลด์ไททันกับสหรัฐอเมริกา พวกเขาไม่ถือวูจินเป็นเราส์ของรัฐบาลเกาหลี แต่มองวูจินเป็นกองทัพหนึ่งที่เท่าเทียมกับประเทศๆหนึ่ง

มินชานสงสัยว่าเอกสารเกี่ยวกับอะไร เขาเหลือบมองมันจากข้างๆวูจินไม่หยุด สงสัยว่าอะไรทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์กับอัศวินศักดิ์สิทธิ์มีท่าทีแบบนี้

“ท่านประธาน มันคืออะไรเหรอ?”

“บัญชีคู่แค้น”

“อ๋อ บัญชีคู่แค้น...อะไรนะ?”

มินชานตาโต ทำไมประธานเป็นแบบนี้อีกแล้ว?

“ข...ขอผมดูด้วยได้ไหม?”

“อื้อ ดูสิ”

มินชานหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน

“น...นี่คือ...”

รายชื่อผู้บริหารระดับสูงในองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลาง

“ฮ้า”

ข้อมูลเกี่ยวกับนักการเมืองที่สนับสนุนผู้ก่อการร้ายในการทดลองสร้างดันเจี้ยนเบรก พวกนักการเมืองใช้มันเพื่อคุกคามความเป็นอยู่และทรัพย์สินของประชาชน

“แล้วนี่...”

หลักฐานและร่องรอยการโอนเงินที่บันทึกไว้อย่างเป็นระเบียบของแต่ละคน แหล่งข้อมูลมาจากหน่วยข่าวกรองต่างๆของสหรัฐ ความเชื่อถือได้จึงไม่น้อยกว่าใคร

ไม่ใช่สิ มันคือข้อมูลที่รัฐบาลที่ไม่ใช่รัฐบาลเกาหลีรวบรวมมาจึงควรแม่นยำกว่า

สีหน้ามินชานมืดครึ้ม

เอกสารหนาเป็นปึก ครึ่งหนึ่งเป็นนักการเมือง

“ท...ท่านวางแผนจะฆ่าหมดเลยเหรอ?”

“แน่อยู่แล้ว พวกเวรนี่พยายามจะฆ่าฉัน”

นี่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลสหรัฐจึงสืบเรื่องนี้อย่างละเอียด

“ระ...หรือว่าท่านรอนี่อยู่?”

“รออะไร?”

“ท่านไม่ยอมไปที่สภาแห่งชาติสักที”

สภาขอให้ไปพบวันละหลายครั้ง แต่วูจินไม่ขยับพวกเขาจึงต้องปฏิเสธไป ทำให้พวกพนักงานลำบากใจ เขาสงสัยว่าทำไมวูจินถึงไม่ไป ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเพราะรอเอกสารพวกนี้อยู่

“อ้อ ใช่ รอพวกมันมารวมกันแล้วเก็บกวาดทีเดียวมันง่ายกว่า”

“...”

ว้าว มินชานรู้สึกเหมือนเส้นผมเขาลุกชัน

อะไรจะคิดทำน้อยได้มากขนาดนี้? เขาหัวเราะแหะๆ

ความคิดของวูจินเกี่ยวข้องแต่กับตัวเอง เขาทำเรื่องนี้โดยไม่สนความคิดของสังคม

เราส์ที่มีความสามารถระดับวูจินจำเป็นต่อการป้องกันดันเจี้ยนเบรก แต่ไม่มีใครทนได้ถ้าเขาก่ออาชญากรรม

โลกต้องการวีรบุรุษ ไม่ใช่ตัวร้าย ถ้าสภาถูกสังหารหมู่ ผลที่ตามมาจะเลวร้าย

“คิดใหม่เถอะครับ”

“ทำไม?”

ต้องตอบแบบไหนถึงจะเปลี่ยนใจเขาได้นะ?

“มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก”

“มันยุ่งยากไปแล้ว ฉันพยายามทำให้มันง่ายลงก่อนที่มันจะยุ่งไปกว่านี้”

“...”

ดูท่าวูจินจะตัดสินใจแล้ว ต้องใช้อะไรถึงจะเปลี่ยนใจเขาได้? สตรีศักดิ์สิทธิ์มองมินชานที่กำลังคิดหนักแล้วส่ายหน้า

“หรือว่าท่านคิดจะอพยพไปอเมริกา”

มินชานเดา นอกจากวูจินพร้อมจะออกจากเกาหลีแล้วแผนที่เขาคิดจะทำก็เป็นไปไม่ได้ ไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย

“ฉันไม่ย้าย”

วูจินถามเมโลดี้

“อะไรคืออลันดาล?”

“คือแผ่นดินของท่านจ้าว”

“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?”

“ที่อลันดาลค่ะ”

“นายได้ยินเธอพูดแล้ว”

“...”

มินชานคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะตอบยังไงดี

วูจินหัวเราะ

“พวกนั้นกล้าฆ่าฉัน เพราะงั้นฉันต้องให้มันไสหัวไปจากดินแดนของฉัน”

เขามีดันเจี้ยนอยู่ที่นี่ เขากระทั่งย้ายสำนักงานใหม่ ทำไมเขาต้องไปอเมริกาด้วย เขาแค่ต้องไล่พวกเวรออกไป

มินชานหัวหมุน ประชาธิปไตยในเกาหลีจะล่มแล้ว

มินชานร้อนใจ เขาพูดอย่างขอร้อง

“คนรอบๆตัวท่านจะรับไม่ไหวนะ ท่านเอาตัวรอดได้ แต่เราไม่”

“หา?”

“ได้โปรดมองรอบๆตัวด้วยเถอะครับ”

วูจินมองมินชานที่เหมือนอยากจะร้องไห้แล้วมองซุงฮุน และเขาต้องประหลาดใจที่หน้าของซุงฮุนแข็งค้าง เขามองเลขานุการคนอื่น พวกเขามองมาด้วยแววตาหวาดกลัว

“หืม”

วูจินวางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วเอนหลังพิงโซฟา

“ราชาต้องดูแลคนที่ยังมีชีวิตอยู่”

คำพูดของคิบะวนในหัวเขา

‘ฉันคงอยู่ตัวคนเดียวนานเกินไป’

เขาเคยแต่มีผู้ตายล้อมรอบ... วูจินส่ายหน้าแล้วผลักเอกสารออกไป

“ติดต่อสภา ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”

“คิดใหม่เถอะครับ...”

“วันนี้ไม่มีเลือดตกยางออก ไม่ต้องห่วง โทรไป”

มินชานหน้าชื่นขึ้น วูจินที่หัวดื้อเปลี่ยนใจแล้ว... แม้แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์ยังประหลาดใจ เธอมองสีหน้าวูจิน ผู้ไม่ตายเปลี่ยนใจแล้วจริงๆเหรอ?

เรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้เกิดขึ้นแล้ว

***

“ไอ้หยา ผู้แทนชอย”

“โอ้ พี่ อย่าเรียกผู้แทนเลย เราคนกันเอง”

“ฮะๆๆ คุณอยู่ในตำแหน่งนี้มานาน ผมก็ต้องทำตัวให้เหมาะ”

“ฮะๆ ผู้แทนปาร์คพูดถูก ไม่ใช่ทุกคนได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเป็นครั้งที่ 4”

ชอยเทโอกับปาร์คโซกุคหัวเราะจนหน้าย่น จากนั้นปาร์คโซกุคพูดอย่างขึงขัง

“ในที่สุดคังวูจินก็มาแล้วสิ?”

“ฮ่าๆ แน่นอน เขาคิดว่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้อีกเหรอ?”

“ชิ เขาเป็นคนหนุ่ม เขามีหน้าที่ต่อประเทศ”

“แน่นอน เขาไม่เห็นหน้าที่สำคัญอย่างการป้องกันประเทศเป็นเรื่องจริงจัง พูดถึงเรื่องนี้ ข้อเสนอของเราดีพอหรือเปล่า? เขาขนาดปฏิเสธข้อเสนอให้กิลด์ของเขามีฐานะเดียวกับกระทรวงกลาโหม เฮ้อ”

“เราใส่ปลอกคอให้เขาได้แล้วทีนี้”

“ถ้าเขายังอยากอยู่ในเกาหลี เขามีทางเลือกอื่นเหรอ? เขาแค่เล่นตัวเพื่อให้ค่าตัวสูงขึ้น”

“อืม ผู้แทนชอยเก่งเรื่องต่อรองคนที่มาชี้แจงนี่นา??”

“ฮะๆ คุณก็เกินไป ผู้แทนปาร์ค ผมจะกดขี่เด็กเวรนั่นอย่างสุดความสามารถก็แล้วกัน”

เด็กเวรนั่นเหมือนลูกโป่ง ค่าตัวเขาเพิ่มพรวด พวกเขาต้องลดค่าตัวของเขาลง

พวกเขาสามารถลดภาระของประเทศลง พร้อมกับทำให้การป้องกันของเกาหลีแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาไม่ใช่เหรอที่รักชาติอย่างแท้จริง?

ชอยเทโอกับปาร์คโซกุคมองหน้ากันอย่างมีความหมายแล้วหัวเราะ





สารบัญ                                        บทที่ 114


2 ความคิดเห็น:

  1. ปกครองด้วยกำลังมันง่ายดายก็จริงแต่มนุษย์มีความขบถอยู่ในสันดานไม่มีใครชอบการถูกกดขี่ ผู้คนต้องการราชาผู้ปกครองไม่ใช่ทรราชผู้ไร้เมตตา วูจินคงจะเริ่มเข้าใจแล้ว

    ตอบลบ
  2. รู้สึกตัวเองเป็นดี

    ตอบลบ