บทที่ 110 – อลันดาลแห่งที่สอง
วูจินสั่งมินชานให้เจรจาซื้ออสังหาริมทรัพย์ใกล้สถานีโซลให้เสร็จและย้ายไปที่นั่น จากนั้นเขาพยายามเข้าไปในอาณาเขตมิติของตัวเอง
<อุโมงค์ยังไม่พร้อมใช้งาน ท่านต้องการใช้พลังงานเพื่อเร่งเปิดหรือไม่?>
“อะไรเนี่ย”
วูจินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งรถไปที่สถานีโซล มันอยู่ไม่ไกลเขาจึงไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้ค่าพลังงานให้เปลือง
“มาแล้วหรือครับประธาน?”
คนของกิลด์อลันดาลมาประจำที่ทางออกที่ 1 กันแล้ว พวกเขาทำตามคำสั่งของวูจิน ไม่รับจองและปิดกั้นทางเข้าออกเอาไว้ มีเพียงประตูเดียวที่ยอมให้วูจินใช้ได้คนเดียวเท่านั้น
“ตั้งใจทำงานล่ะ”
“ครับ”
สมาชิกแรกก่อตั้งของอลันดาลรู้จักวูจินมาก่อน แต่พนักงานใหม่รู้จักแต่คังวูจินผู้โด่งดัง ประธานคือเราส์แรงค์สูง อยู่คนละระดับกับพวกเขา
<ท่านได้เข้าสู่สถานีโซลทางออกที่ 1>
<นี่เป็นดันเจี้ยนที่ถูกเก็บไว้ในอาณาเขตมิติ>
<ท่านสามารถเลือกระหว่าง ล่า หรือ กลับไปยังอาณาเขต>
“หา? ฉันล่าในดันเจี้ยนตัวเองก็ได้ด้วย?”
วูจินหัวเราะความเหลวไหลของเรื่อง ถ้าเลเวลไม่พอเขาสามารถล่ามอนสเตอร์ที่เกิดด้วยพลังงานของอาณาเขตมิติ แต่มันสิ้นเปลืองเกินไปเขาจึงไม่อยากทำ
เมื่อเลือกกลับไปที่อาณาเขต อุโมงค์สีแดงก็ปรากฏตรงหน้า วูจินผ่านเข้าไปแล้วออกมาตรงหน้าปราสาทของลอร์ด
“เจ้านาย!”
“มีอะไรผิดปกติไหม?”
บิบิโผเข้ากอดวูจินทันทีที่เขาปรากฏตัว วูจินลูบหัวเธอ
“ฮิๆ มีพวกเร่ร่อนเข้ามาแต่พวกไวเวิร์นจัดการหมดแล้ว พวกไวเวิร์นกินพวกนั้น เราเลยไม่ฆ่ามัน”
“หา?”
วูจินนั่งบนบัลลังก์เพื่อหาคำตอบ ค่าสถานะของอาณาเขตของเขาขึ้นมาให้เห็น สิ่งมีชีวิตที่เหมือนควายป่ากำลังร่อนเร่ไปตามที่ต่างๆในอาณาเขต มีไม่มากแค่ 20 ตัว
“เป็นแบบนี้บ่อยเหรอ?”
“ค่ะ บางทีก็สองสามตัว มีครั้งหนึ่งโผล่มาสิบตัว”
“หืม เหรอ? แล้วเจมินอยู่ไหน?”
“อ๊ะ แวมไพร์ฝึกหัดนั่นเหรอ?”
“ใช่”
“ดูเขากลัวๆ เราเลยให้บ้านเขาอยู่หนึ่งหลัง”
“ทำได้ดี”
“ฮิๆ”
วูจินลูบหัวบิบิ เธอยิ้มอย่างภูมิใจ
เมื่อเขาออกจากห้องโถงก็เห็นสวนที่ได้รับการดูแลอย่างดี
“หา?”
ที่นี่เคยเป็นที่ว่าง ตอนนี้มีไม้ประดับและดอกไม้สีสันสดใสอยู่เต็ม วูจินผงะ
“ฮิๆ สวยนะ”
“...”
เขายกหน้าที่ดูแลปราสาทให้บิบิ และเธอเปลี่ยนสวนจนกลายเป็นทุ่งดอกไม้
“ไม่ชอบเหรอ? ให้เราเปลี่ยนไหม?”
“ไม่ ไม่ได้แย่อะไร บ้านที่เธอให้เจมินอยู่ไหน?”
“ฮิๆ ตามมาทางนี้”
บิบิวิ่งด้วยขาสั้นๆ วูจินเดินตามไปช้าๆและมองไปรอบๆ ปราสาทลอร์ดเปลี่ยนไปมาก
ปราสาทที่มีห้องโถงกับบัลลังก์ตอนนี้มีกำแพงสูงล้อมรอบ รวมถึงหอคอย 3 แห่ง โครงสร้างภายในเหมือนเดิมแต่ถูกตกแต่งให้เข้ากับรสนิยมของบิบิ สีสันสดใสมาก
“ฮืม”
ที่ว่างภายในปราสาทมีอาคารใหม่ๆเพิ่มเข้ามา ควันลอยออกมาจากปล่องไฟของบ้านหลังหนึ่ง บิบิพูดอย่างภูมิใจ
“นั่นคือโรงอบขนม เรายังฝึกอยู่แต่อีกไม่นานเราจะทำขนมปังอร่อยๆให้เจ้านายได้”
“...”
ใช้พลังงานไปกับของแบบนี้จะดีเหรอ?
วูจินมองอาคารถัดจากโรงอบขนม
เหมือนมันจะเป็นร้านตีเหล็ก และแรมสันยึดครองที่นั่นอยู่
“อ๋อ คุณแรมสันขอมาน่ะ เราเลยสร้างให้เขา”
บิบิส่ายศีรษะเหมือนไม่ชอบเสียงค้อนดังๆ ยังมีอาคารอีกหลายหลังและวูจินเห็นอัศวินมรณะในนั้น
เหมือนแรมสัน อัศวินมรณะบางคนมีอาชีพเฉพาะก่อนกลายมาเป็นอัศวินมรณะ อาณาเขตมิติขนาดใหญ่ไม่จำกัดเหมือนห้องรออัญเชิญ อัศวินมรณะสามารถทำอะไรได้มากมาย
อัศวินมรณะบางคนอยู่ในร้านตีเหล็กแบบแรมสัน แต่ส่วนใหญ่รวมตัวกันในอาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
“ที่นั่นคืออะไร?”
“โรงเหล้าค่ะ”
“กินเหล้ากันได้ด้วยเหรอ?”
“เหล้าทำจากเวทย์มนตร์ แต่พวกเราใช้พลังงานไปหมดแล้วเลยซื้อไม่ได้”
“...แล้วไปทำอะไรกัน?”
“เล่นไพ่ น่าเบื่อมากเลยล่ะ”
“หืม”
วูจินนึกได้ว่าอสูรของเขาอยู่ด้วยกันในห้องรออัญเชิญอย่างเป็นสังคม ซึ่งถือว่าน่าสนใจสำหรับวูจิน ในอัลเฟนอสูรของเขาปกติจะอยู่ในสภาพที่ถูกเรียกออกมา ห้องอัญเชิญเป็นที่ๆใช้พักฟื้นหลังตาย
“นั่นบ้านแวมไพร์”
“เอาล่ะ เธอกลับไปได้แล้ว”
“ฮิๆ ได้ค่า เจ้านายเติมพลังงานให้เราใช้ด้วยนะคะ”
“...ไว้ฉันทำทีหลัง”
บิบิใช้พลังงาน 10,000 หน่วยที่วูจินมอบให้ไปหมดภายในวันเดียว ถ้าเขาให้มากกว่านี้เธอคงใช้พลังงานในอาณาเขตมิติจนหมด
“ฮิๆ เราจะซื้ออันนั้นกับอันนั้น...”
บิบิพึมพำกับตัวเองพลางเดินห่างออกไป วูจินเปิดประตูเข้าไปในบ้านสองชั้นหลังหนึ่ง
แอ๊ด
ดูเหมือนประตูต้องการลงน้ำมันบ้าง เสียงแอดดังแทนเสียงกระดิ่ง วูจินมองภายในบ้าน บ้านใหญ่มีครัว ภายในมีแต่โต๊ะทานอาหารกับเก้าอี้ตัวหนึ่ง
ไม่เห็นเจมิน วูจินจึงขึ้นบันได
ชั้นสองมีเตียงหลังเล็ก กับโต๊ะข้างเตียง เจมินนอนซุกบนเตียง
“เจมิน?”
“...พี่”
เจมินยกหัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงวูจิน ใบหน้าเขาซีดอย่างที่ควรเป็น
“ฮือ”
“อะ...เป็นอะไร”
“เลือด ผมอยากดื่มเลือด”
เมื่อเจมินเห็นวูจิน ความรู้สึกกระหายก็รุนแรงขึ้น ผิวคล้ำของวูจินกับกล้ามเนื้อที่คอดูน่าอร่อย เขี้ยวเขาคมขึ้นและเขารู้สึกสามารถกัดได้ทุกอย่าง
“ฮึก”
“นายทนไม่ได้เหรอ?”
“ที่นี่...”
วูจินไม่เคยเป็นแวมไพร์จึงไม่เข้าใจว่าเจมินต้องทนอะไรบ้าง แต่เมื่อมองหน้าเขาก็บอกได้ว่าเจมินกำลังทรมาน
“...มีแต่กระดูก พวกเขาเป็นโครงกระดูกทั้งนั้น”
“เรื่องใหญ่แฮะ”
วูจินพึมพำอย่างใจลอย เจมินจ้องคอวูจินนิ่ง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงมองไม่เหมือนมนุษย์
“เฮ้อ”
วูจินหยิบมีดสั้นออกมาแล้วเดินไปหาเจมิน
เมื่อเห็นดาบสั้น ความอยากมีชีวิตรอดก็เหนือกว่าความกระหายเลือด ดวงตาเจมินสั่นด้วยความกลัว เขาถอยหลังแล้วเรียกวูจินอย่างน่าสงสาร
“พ...พี่?”
“อ้าปาก”
“ครับ?”
วูจินกรีดฝ่ามือตัวเอง เขากระชากผมของเจมินให้หงายหน้าขึ้น
“อา!”
เจมินถอนหายใจแล้วดื่มเลือดวูจินอย่างกระหาย เหมือนคนหลงทางในทะเลทรายสัปดาห์แล้วอยู่ๆก็เจอน้ำ
เจมินขยับลิ้นวุ่นวายดื่มเลือดที่หยดลงมา แสงสีแดงค่อยๆจางไปจากดวงตาแล้วกลับเป็นสีดำตามเดิม ดวงตาของเจมินรื้นขึ้นหยดน้ำตาร่วงลงมา
“ฮึกๆ”
“...”
วูจินรักษาแผลที่มือพลางมองเจมินที่ซุกตัวร้องไห้ในผ้าห่ม ปากของเขามีรอยเลือดและกำลังร้องไห้อย่างน่าสงสาร วูจินมองเงียบๆ
“พี่ ผม...เป็นมอนสเตอร์ไปแล้วเหรอ?”
เจมินอยากตาย อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
หัวใจโลเลของเขาเปลี่ยนไปมา
แม้แต่เขายังรู้สึกขยะแขยงเมื่อเห็นเงาของตัวเอง
วูจินมองเจมินแล้วรู้สึกเสียใจแทน
เหมือนเขากำลังมองตัวเองคนเก่าจริงๆ เขาตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังแบบนี้ตอนที่ฆ่าเป็นครั้งแรก
“ฮึกๆ พี่...”
เมื่อเจมินสงบลง วูจินถาม
“พี่สาวนายเป็นห่วงนายอยู่... จะกลับบ้านเมื่อไหร่?”
“...ขอผมอยู่ที่นี่สักพักได้ไหม?”
เขาไม่กล้าเจอพี่ ไม่กล้ากลับบ้านเพราะเขากลายเป็นมอนสเตอร์ไปแล้ว
“ทำอย่างที่นายอยากทำเถอะ ฉันจะพูดกับพี่นายให้”
“...ขอบคุณครับพี่”
“เอาล่ะ นายพักเถอะ ถ้าอยากได้อะไรก็ฝากบิบิมาบอกฉัน”
เมื่อมอบหน้าที่หัวหน้าพ่อบ้านให้บิบิแล้ววูจินก็คุยกับเธอได้ทุกเมื่อ
“งั้นนายก็พักผ่อนไป”
“ครับพี่”
ดูเหมือนเจมินยังต้องการเวลาอีกหน่อย วูจินออกจากบ้านไป
“เฮ้อ”
เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่นาน
วูจินเรียกหน้าต่างอาณาเขตมิติออกมาเพื่อดูข้อมูล มันเหมือนกับหน้าต่างสถานะของเขา แผนที่ขนาดย่อของอาณาเขตมีสัญลักษณ์บอกตำแหน่งกองรบและผู้อาศัยว่าอยู่ที่ไหน
รังมังกรอยู่บนสุดของภูเขา และจุดหนึ่งที่ห่างไปจากปราสาทลอร์ดเขาเห็นคิบะอยู่คนเดียว
“ไปทำอะไรตรงนั้น?”
วูจินส่งความคิดเรียกไวเวิร์น
ไม่นานไวเวิร์นขนาดใหญ่ก็มาถึงพร้อมเสียงกรีดร้องดัง
มันร่อนลง แรงจากการตีปีกทำให้เกิดพายุฝุ่น
มันเล็กพอสมควรเมื่อเทียบกับรงรง แต่รงรงนั้นตัวใหญ่ผิดชาวบ้าน ร่างของไวเวิร์นใหญ่พอๆกับเครื่องบินรบ
“ไหนดูซิ”
วูจินเปิดร้านค้าของมิติแล้วซื้ออานมาหนึ่งอัน เมื่อใส่บนหลังไวเวิร์นแล้วเขาก็ขึ้นไป
“ไปดูรอบๆอาณาเขตสักครั้งก็ดี”
เขาสามารถดูแผนที่ได้ และสามารถมองทุกซอกทุกมุมของอาณาเขตได้จากบัลลังก์ แต่การไปดูด้วยตัวเองให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป
ไวเวิร์นกระพือปีกสองสามครั้งก็มาอยู่บนฟ้า มันบินสูงขึ้นแล้วบินไปทางคิบะ
ไวเวิร์นฝ่าอากาศอย่างมั่นคงกว่าเมื่อเทียบกับรงรง ไวเวิร์นผ่านทุ่งแห้งอย่างรวดเร็ว วูจินเห็นต้นไม้แคระแกร็นบ้าง บางครั้งก็เห็นหญ้าเขียวงอกเป็นหย่อมๆ
แล้วเขาก็เห็นอัศวินมรณะคิบะยืนอย่างโดดเดี่ยวในทุ่งกว้าง
วูจินลงจากไวเวิร์นแล้วเดินไปยืนข้างเขา คิบะคุกเข่าลง
[ราชาของข้า]
“นายมาทำอะไรอยู่คนเดียว?”
[…]
คิบะลุกขึ้นเงียบๆ แล้วกลับไปยืนที่เก่า
[ข้ามตรงนั้นไปมีอะไรหรือ?]
“หืม ไม่รู้สิ...”
วูจินเอียงคองงเมื่อมองไปที่จุดสิ้นสุดอาณาเขต ตรงนั้นมีหมอกแผ่ออกไปแต่เขาไม่รู้ว่าผ่านตรงนั้นไปมีอะไร แผนที่เล็กบอกว่านี่เป็นจุดสิ้นสุดของที่นี่
[ข้าสงสัย]
“เพราะอย่างนั้นเลยมาอยู่ตรงนี้เหรอ เห็นอะไรออกมาไหม?”
[ฝูงควายป่าหลุดมาจากตรงนั้นและพวกมันบุกรุกเข้ามาในอาณาเขต]
คิบะฆ่าพวกควายป่าที่ออกมาจากหมอกทันที ในฐานะหัวหน้ากองกำลังป้องกันอาณาเขต เขาถือว่าพวกมันเป็นผู้บุกรุก
หลังจากนั้นเขาฆ่าควายป่าไปอีก 8 ตัว แต่เมื่อฝูงไวเวิร์นเริ่มกินควายป่าที่โผล่มาเขาก็ปล่อยมัน
ฝูงควายที่หลุดเข้ามาคือพวกที่กำลังเร่ร่อนไปในอาณาเขต
“ประหลาด นายปล่อยพวกนี้ไป”
คิบะเคยเป็นราชาของออร์ค เขาใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการปล้นชิง ทำสงคราม เขาทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้องเผ่าของตัวเองดังนั้นจึงยึดมั่นเรื่องการปกป้องอาณาเขตยิ่งกว่าใคร
[ที่นี่คืออลันดาลแห่งที่สองของท่าน]
“...”
[ไม่ใช่ความผิดของท่าน]
วูจินเงียบไป เสียงหัวเราะขื่นๆลอยผ่านมา วูจินนึกถึงอดีตของตัวเอง
ดินแดนของผู้ตาย อลันดาล
เขาเป็นผู้ปกครองที่นั่น จ้าวแห่งอลันดาล
[ข้ารับใช้ท่านหลังตาย แต่ตอนนี้ท่านคุ้มครองคนพวกนั้น พวกที่ยังมีชีวิตอยู่]
คิบะคุกเข่าลงอย่างยอมรับนับถือ
“...ฉันจะทำได้จริงเหรอ?”
เขาเคยแพ้มาแล้ว
ในอลันดาล ราชาเป็นคนเดียวที่มีชีวิต ที่นั่นกลายเป็นดินแดนของผู้ตาย
ผู้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด... เขายังจำดวงตาที่มองมาอย่างขุ่นข้อง วิญญาณที่เปลี่ยนเป็นวิญญาณพยาบาทก็ด้วย...
[…]
คิบะไม่มีคำตอบ
เขาจะตามวูจินไปไม่ว่าจะเลือกทางไหน
“เฮ้อ”
วูจินปล่อยความรู้สึกอึดอัดไป เขาถอนหายใจดังๆและได้ยินเสียงเตือน
<สิ่งที่ร่อนเร่ไปในมิติต่างๆได้เหยียบย่างเข้ามาในอาณาเขตมิติของท่าน>
<ท่านสามารถใช้กำลังขับไล่ออกไป หรือเกลี้ยกล่อมให้เป็นผู้อพยพ>
“ไปดูกันเถอะ”
วูจินขึ้นไปบนหลังไวเวิร์น คิบะเรียกหมาป่าปีศาจของตนออกมา
ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ