วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 108

บทที่ 108 – หน้าที่ (3)

ที่นั่นคือโรงพยาบาลห่างจากสถานีซาดางไปไม่ไกลนัก

ถนนยังซ่อมไม่เสร็จ วิ่งไปจึงเร็วกว่าขับรถ เมื่อวูจินเปิดประตูเข้าไปในตึกพยาบาล ข้างในเต็มไปด้วยคน แน่นขนัดขนาดไม่มีที่ให้วางเท้า

“ฮืม”

คนบาดเจ็บมีมากกว่าคนตายหลายเท่า

ลิฟต์แทบเป็นอัมพาตด้วยจำนวนคนที่พยายามจะใช้ เขาผ่านไปขึ้นบันไดฉุกเฉิน ผ่านทางเดินเต็มไปด้วยผู้ป่วยแล้วมุ่งหน้าไปทางเขตแยกผู้ป่วย

“คุณเข้ามาไม่ได้นะคะ”

บรรดาพยาบาลตกใจที่จู่ๆวูจินก็เข้ามาและพยายามห้ามเขา

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่เข้าไปแป๊บเดียว”

“ไม่ค่ะ คุณจะติดเชื้อได้นะ”

“ฉันเป็นเราส์เพราะงั้นไม่เป็นไร”

เป็นเราส์ไม่ได้หมายความว่าร่างกายจะไม่ติดเชื้อ เธอกำลังยุ่ง ทำไมเขาพูดเข้าใจยากนัก?

วูจินยื่นบัตรประจำตัวเราส์ให้ดู เมื่อนางพยาบาลเห็นก็เบิกตากว้าง

“คังวูจิน?”

บนบัตรพิมพ์ว่าแรงค์ A แต่มันเป็นเพียงแรงค์ที่จดไว้กับสมาคมผู้มีพลังพิเศษ ทั้งโลกรู้ว่าคังวูจินของเกาหลีเป็นเราส์แรงค์ AA บางคนยังเชื่อว่าเขาเป็นเราส์แรงค์ S

“แต่คุณอาจจะติดเชื้อได้...”

“ฉันไม่เป็นไร”

“...”

ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคนๆนี้เป็นใคร คำพูดของเขาเลยฟังไม่ดื้อดึงอีกต่อไป นางพยาบาลลังเลแล้วตัดสินใจโทรศัพท์ เธอไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้

“ผู้อำนวยการคะ เราส์คุณคังวูจินมาที่นี่ เขาอยากเข้าไปในห้องแยกโรค...”

หลังจากคุยอยู่นาน นางพยาบาลวางโทรศัพท์แล้วพูดกับวูจิน

“คุณเข้าไปได้ค่ะ แต่ตอนออกมาเราต้องตรวจร่างกายคุณ”

“เข้าใจแล้ว”

“มาเยี่ยมใครคะ?”

“ฉันมาหาโดจีวอนกับโดเจมิน”

“อยู่ห้อง 3 ค่ะ อาจารย์ลีซูมินคงกำลังตรวจพวกเขาอยู่”

วูจินเปิดประตูอีกหลายบานจนมาถึงทางเดินเล็กๆแห่งหนึ่ง เขาเห็นห้อง 4 ห้อง มีกระจกใสให้มองเข้าไปข้างใน วูจินมองแวบหนึ่งก็บอกได้ว่าภายในมีคนมากเกินกว่าห้องจะรองรับได้

การมาถึงของวูจินทำให้ศาสตราจารย์ลีซูมินกับแพทย์ฝึกหัดอีกสองคนประหลาดใจ

“คุณคือคุณคังวูจินใช่ไหม? ผมลีซูมิน ยินดีที่ได้รู้จัก”

“เปิดห้อง 3 ให้ด้วย”

วูจินจับมือทักทายเนือยๆแล้วชี้ไปที่ประตูที่ถูกล็อก

แทนที่จะบอกว่าเป็นห้องแยกโรค มันเหมือนห้องกักกันมากกว่า... ลีซูมินกับคนอื่นๆส่ายศีรษะ

“พวกเราให้คุณติดต่อกับพวกเขาไม่ได้ คุณต้องคุยจากตรงนี้ เรายังวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยเหล่านี้อยู่”

“...”

แพทย์ฝึกหัดคนหนึ่งส่งไมค์ให้เขาเพื่อใช้คุยผ่านสปีคเกอร์ที่ติดตั้งในห้อง 3 วูจินถอนหายใจสั้นๆ

พวกเขากำลังทำอะไร นี่เหมือนกักขังมากกว่าแยก พวกเขาไม่ได้กำลังรักษาคนไข้ แค่สังเกตการณ์

พวกเขากำลังใช้เวลาไปอย่างเสียเปล่าโดยไม่ทำให้อะไรดีขึ้น

“เปิดประตู”

“เอ่อ! มันเป็นไวรัสที่ไม่มีใครรู้จัก พวกเราต้องสังเกตลักษณะของโรค”

วูจินจ้องลีซูมินเขม็ง

“เปิด”

“เรายังไม่รู้สาเหตุการติดเชื้อเลย...”

วูจินยิ้ม เห็นศาสตราจารย์พยายามเลี่ยงโน่นเลี่ยงนี่แล้วก็น่าขำ

วูจินเหวี่ยงแขนไปโอบไหล่ลีซูมิน มือหนาๆของเขาจับไหล่ศาสตราจารย์ไว้

ลีซูมินครางด้วยความเจ็บ แพทย์ฝึกหัดคนอื่นตะโกน

“อ้า คุณทำอะไรน่ะ!”

“ปล่อยเขานะ คุณกำลังทำให้เขาบาดเจ็บ”

แพทย์ฝึกหัดไม่กล้าทำอะไรนอกจากเร่งวูจิน วูจินจับลูกบิดประตู

“ถ้าพวกนายเป็นหมอ ก็ควรดูนี่”

วูจินเปิดประตูด้วยสีหน้าปกติ เขาพาลีซูมินเข้าไปด้วย

เมื่อประตูเปิดออก ลีซูมินยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดปากเอาไว้

วูจินยิ้มเยาะเมื่อเห็นลีซูมินตื่นตระหนก

“ว...วูจิน”

จีวอนเรียกวูจิน เขาทักเธอด้วยสายตา แล้วพูดใส่หูลีซูมิน

“โรคมันไม่ได้ติดต่อทางการหายใจ ยกมือลงก่อนที่ฉันจะบีบคางนายแหลก”

“เฮือก”

ลีซูมินลดมือลงอย่างรวดเร็ว

มองปราดเดียว ในห้องมีคน 14 คน

“ไม่มีใครในนี้เป็นโรค”

“ต...แต่คนพวกนี้สัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อ...”

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก นายให้พวกเขาออกจากห้องแยกโรคได้”

วูจินนำทุกคนออกไปยังทางเดิน พวกแพทย์ฝึกหัดหนีไปหมดแล้ว ต่อหน้าปากเสือลีซูมินทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ชอบสถานการณ์ตอนนี้เลย

วูจินเปิดประตูห้อง 1

ในนั้นมีคน 5 คนกำลังครวญครางเหมือนกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ

“พวกเขาถูกพิษจากศพกูล ฉันว่ากูลคงยังไม่เคยโผล่ที่โลกมาก่อนนี่เลยเป็นครั้งแรกที่พวกนายเจอพิษแบบนี้ นายจะติดพิษเฉพาะเมื่อแตะต้อง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล”

“อ...อย่าเปิดนะ”

“นายเป็นหมอเถื่อนแต่รักตัวกลัวตายจังนะ เห็นนายกลัวจนตัวสั่นแล้วรำคาญตา”

“...ชีวิตหมอสำคัญกว่า ผมต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรักษาชีวิตคนไข้อีกมาก...”

“เพ้อเจ้อ”

วูจินกดแขนหนักกว่าเดิม

“นายเคยเห็นทหารไปรบโดยไม่ต้องเสี่ยงชีวิตด้วยเหรอ”

เราสู้โดยมีชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน

วูจินไม่เคยหลบเลี่ยงความตาย ไม่เคยสักครั้ง เขาอยู่โดยมีความตายอยู่ใกล้ตัว

“ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกลียดการตาย”

เขาไม่อยากเป็นมอนสเตอร์หรือเป็นเหมือนแม่ทัพของทราห์เน็ต...

เพราะเหตุนี้เขาจึงมีชีวิตอยู่มาโดยนึกถึงครอบครัว เขาพยายามอยู่อย่างมนุษย์

“...”

ลีซูมินขมวดคิ้วอย่างกังวล เขาพูดบ้าอะไร?

วูจินส่งวิญญาณไปรักษาคนไข้และพวกเขาหายทันที ภาพคนไข้มีท่าทีสบายขึ้นทำให้ลีซูมินตาโต

‘พระเจ้า’

โรงพยาบาลใหญ่ทุกแห่งมีเราส์สายรักษาและผู้ชำนาญการที่ถูกคัดสรรว่ามีความสามารถสูง คนไข้ทั้งหมดในนี้ถูกกักไว้เพราะไม่ว่าจะเป็นความรู้การแพทย์ปัจจุบันหรือความสามารถของเราส์ก็ค้นหาสาเหตุของโรคไม่ได้

วูจินรักษาพวกเขาได้ง่ายๆทำให้ลีซูมินอึ้งไป

ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าคังวูจินคือใคร เขาคือเนโครแมนเซอร์ แรงค์ AA

เนโครแมนเซอร์คือผู้บงการศพ แต่กลับมีเวทย์รักษา ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?

วูจินมองผ่านหน้าต่างใสเข้าไปในห้อง 2

“นายรู้ไหมว่าสามคนนั้นโดนอะไร?”

“ไม่รู้เลยครับ”

“มันไม่ใช่พิษหรือโรค มันเป็นคำสาป”

“...”

คังวูจินพูดอย่างมั่นใจมากจนลีซูมินลังเลว่าจะเชื่อดีไหม แต่เมื่อเห็นคังวูจินมั่นใจแบบนั้น ลีซูมินจึงอดถามไม่ได้

“คุณรักษาพวกเขาได้ไหม?”

“สายไป ตอนนี้ไม่มีวิธีแก้คำสาปแล้ว”

“อา!”

วูจินมองคนในห้องที่ตัวสั่นเทาเหมือนเป็นไข้ ดูเหมือนพวกเขาจะอาละวาดไปครั้งจึงถูกมัดติดเตียง โชคร้าย เจมินเป็นหนึ่งในนั้น

เจมินกลอกตาไปมา เมื่อเห็นวูจินอยู่อีกฟากของหน้าต่าง น้ำตาของเขาก็เริ่มร่วง

“ถ้าอย่างนั้นคนพวกนี้...”

“พวกเขาจะตัวสั่นแบบนั้นไปหนึ่งวัน จากนั้นคำสาปจะทำงาน”

ศาสตราจารย์มีสีหน้าสิ้นหวังเมื่อฟังวูจินประกาศ จีวอนที่ยืนอยู่ข้างหลังถามเสียงสั่น

“แล้ว...เขาจะเป็นยังไง?”

“เขาจะเป็นทาสของพวกขุนนางราตรี”

“ม...มันคืออะไร”

“เขาจะเป็นมอนสเตอร์”

เขาจะกลายเป็นทาสของแวมไพร์ กลายเป็นมอนสเตอร์ที่ต้องการแต่เลือด จีวอนทรุดนั่งบนพื้น

“ฮือ เจมิน...”

จีวอนร้องไห้กระซิก วูจินมองเธอ ตอนนี้เขาปลอบใจเธอไม่ได้ วูจินปล่อยศาสตราจารย์แล้วไปเปิดประตูห้อง 2

เขาพังประตูเปิดอย่างง่ายดายแล้วเดินเข้าไป

ตาสามคู่มองที่วูจิน

“พี่”

เจมินมองวูจิน

“นายอยากมีชีวิตอยู่ต่อไหม?”

“ครับ...ผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อ”

ใบหน้าซีดเผือดของเจมินพยักขึ้นลง

“นายถูกกัดเหรอ?”

“ครับ ที่ไหล่...”

วูจินฉีกเสื้อเจมินและเห็นรอยกัดตรงไหล่ชัดเจน มันกลายเป็นสีม่วง

“ชิ”

“ฮึก ผมจะเป็นยังไงต่อไปครับพี่?”

“นายรู้ว่าผีดูดเลือดเป็นยังไงใช่ไหม?”

“ครับ”

เขาจะไม่รู้ได้ยังไง สิ่งที่เหมือนแวมไพร์กัดเขา

“นายจะเป็นแบบนั้น”

“หมายความว่าผมจะโดนแสงอาทิตย์ไม่ได้แล้ว?”

วูจินยิ้ม

เจมินคิดในแง่ดีเกินไปมาก

“ไม่ นายโดนได้ แต่พรุ่งนี้นายจะตาย มีแต่ร่างนายที่จะกลายเป็นผีดูดเลือด ที่นายพูดถึงคือแวมไพร์สายเลือดแท้ แต่นายจะเป็นแค่ผีดูดเลือด ทาสของพวกมัน พูดง่ายๆคือนายจะกลายเป็นมอนสเตอร์”

“...ฮึก พี่”

ถ้าเจมินไม่ถูกมัดไว้เขาจะวิ่งไปกอดขาร้องไห้กับวูจินแล้ว

วูจินมองเจมินอย่างจริงจัง

“นายอยากอยู่แบบแวมไพร์ไหม? อย่างที่นายพูดไป นายจะไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์อีกต่อไป”

“ฮึก ครับ ผมยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำ ที่ผ่านมาผมเอาแต่เรียน... พี่ช่วยผมด้วย”

“ได้ ฉันจะช่วยนาย”

คนไข้ 2 คนที่ได้ยินคำตอบของวูจินตะโกนขึ้นมา

“ช่วยผมด้วย! ได้โปรดเถอะ”

“คุณช่วยผมด้วย”

วูจินส่ายหน้า

“ฉันช่วยพวกนายไม่ได้”

“ทำไม! คุณช่วยเขาได้แต่ช่วยเราไม่ได้?”

“คุณเป็นคังวูจินไม่ใช่เหรอ? คนของสาธารณะทำตัวแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”

“ขอร้องล่ะ ช่วยพวกเราด้วย!”

วูจินไม่ตอบ เขาปลดที่จับยึดของเจมินเงียบๆ

“เฮ้ย กูบอกให้ช่วยพวกกูด้วย!”

“ถ้านายไปฉันจะบอกทุกคนว่าคังวูจินไม่ใช่ฮีโร่ ไอ้จอมปลอม!”

วูจินยิ้มแล้วลากศาสตราจารย์ลีซูมินเข้ามา เขายืนเหม่อตรงระเบียง ถูกพาเข้ามาในห้อง 2 อย่างงงๆและมองคนไข้ทั้งสองที่กำลังจะตาย

“ใครบอกฉันเป็นฮีโร่? ถ้านายอยากร้องขอชีวิตก็ไม่น่าจะมาขอกับฉัน ไปขอกับหมอสิ”

วูจินตบบ่าลีซูมินแล้วออกจากห้องไปกับเจมิน

“ค...คุณจะให้ผมทำยังไง? ช่วยบอกวิธีแก้คำสาปด้วยเถอะ”

ลีซูมินตามวูจินออกมาแล้วถามอย่างจริงใจ เขาไม่รู้วิธีรักษาแต่ถ้ารู้เขาย่อมช่วยคนไข้

“ฉันต้องควักหัวใจของแวมไพร์ที่กัดพวกเขาออกมา ถ้าฉันได้ทำพิธีโลหิต เจมินจะได้สืบต่อพลังของมัน

“...”

วิธีนี้ช่างน่าสะอิดสะเอียน

“ฉันทำพิธีให้ได้แค่คนเดียว โชคไม่ดีที่ทั้งสามคนเหมือนจะถูกไอ้เวรตัวเดียวกัด”

“...”

“ฉันจะช่วยน้องฉัน”

“พี่”

เจมินซึ้งใจกับคำว่า ‘น้องฉัน’ จนน้ำตาคลอ วูจินพูดกับศาสตราจารย์ที่กำลังตื่นตระหนก

“พวกเขาจะกลายเป็นผีดูดเลือดหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน ถ้ามัดพวกเขาไว้ไม่แน่นพอนายได้เสียใจทีหลังแน่”

“เรา...เราจะทำยังไงดี?”

“จัดการเองสิ พยายามช่วยมอนสเตอร์ 2 ตัวหรือช่วยให้พวกนั้นตายอย่างไม่ทรมานเพื่อรักษาชีวิตคนในโรงพยาบาลเอาไว้”

“...”

ศาสตราจารย์พูดไม่ออก

ชายคนนี้พูดไม่รับผิดชอบแบบนี้ได้อย่างไร?

ลีซูมินมองอย่างขอร้อง แต่วูจินมองกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน วูจินไม่มีวิธีอื่น เขาได้แต่เลือกทางนี้

ถ้าพูดจริงๆ เขาไม่ได้ช่วยเจมิน เขาแค่เปลี่ยนโดเจมินจากมนุษย์ให้กลายเป็นแวมไพร์

“ฉันไม่ใช่หมอ นายเป็น นายต้องจัดการเอง”

วูจินยื่นมือให้จีวอนที่นั่งบนพื้น

“ไปกันเถอะ”

“ที่ไหน?”

“ฉันต้องช่วยเจมิน”

“ขอบคุณ ขอบคุณนะวูจิน”

“ถ้าฉันหาตัวการไม่เจอภายในวันนี้ เขาก็ตายอยู่ดี”

“...”

เขาเพิ่งพูดไปไม่ใช่เหรอว่าเจมินเป็นน้องของเขา... เจมินใจฝ่อลงเมื่อเห็นวูจินพูดถึงความตายอย่างสงบ

วูจินออกจากห้องแยกโรคไปพร้อมกับจีวอนและเจมิน ลีซูมินทรุดนั่งบนพื้น

“ทำยังไงดี...”

ในห้อง คนไข้สองคนส่งเสียงด่าระงมเหมือนคนบ้า

“ศาสตราจารย์ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

แพทย์ฝึกหัดที่หนีไปกลับมาใหม่ พวกเขาช่วยพยุงศาสตราจารย์ให้ลุกขึ้น พวกเขาหนีไปเมื่อเห็นท่าไม่ดีแต่พอคังวูจินจากไปก็กลับมาใหม่ ลีซูมินรังเกียจพฤติกรรมของพวกเขาแต่นี่ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องความภักดีที่ศิษย์ควรมีให้อาจารย์

“ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคำสาปแวมไพร์”

ลีซูมินไม่ได้ขังคนพวกนี้ พวกเขาแสดงอาการของโรคที่ไม่รู้จัก เขาพยายามหาทางรักษาอย่างระมัดระวัง

ในเมื่อพวกเขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็ควรพยายามรักษาให้เต็มที่ใช่ไหม?

“ขอข้อมูลจากสมาคมผู้มีพลังพิเศษแล้วก็องค์กรเราส์จากทั่วโลกด้วย”

ถ้าไม่รู้สาเหตุก็อ้างได้ว่าไม่ผิด แต่ตอนนี้รู้แล้ว เขาต้องหาวิธีรักษาอย่างเต็มที่ เขาไม่อยากทำให้อาชีพแพทย์ต้องมัวหมอง

โรงพยาบาลคือสนามรบของเขา



สารบัญ                              บทที่ 109

3 ความคิดเห็น:

  1. ตอนนี้ค่อนข้างดราม่าเลยนะ เจมินกลายเป็นแวมไพร์ซะละ แบบนี้ชะตาจีวอนจะเป็นไงน้อกลัวตับพังง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ง่ะ อ่านแล้วก็เริ่มกลัวตาม ><

      ลบ
    2. สืบทอดพลังก็คงเก่งพอดูนะครับ เเละไม่ยากด้วยเเค่พาเข้าไปอยู่ในดันเจี้ยน สร้างห้องมืดๆขึ้นมาก็ได้

      ลบ