วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 97

บทที่ 97 – หวาดกลัว (2)

ยังไม่มีการประกาศสิ้นสุดสงคราม กองทหารไม่จำเป็นต้องรักษาความสงบด้วยซ้ำเพราะพวกฝ่ายต่อต้านที่อยู่ในพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยึดครองหายไปทั้งหมด แต่รัฐบาลอัฟกานิสถาน,รัฐบาลสหรัฐและสหประชาชาติจำเป็นต้องคุยกันเรื่องเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ ระหว่างการประชุม สหประชาชาติก็ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพออกมา

กองทัพสหรัฐที่ประจำในอัฟกานิสถานถูกย้ายออกไปครึ่งหนึ่งแล้ว พวกเขาคาดว่าอาจจะมีการก่อการร้ายเล็กน้อยจากกลุ่มกบฏที่เหลืออยู่ไม่มาก แต่พวกทหารรู้ว่าพวกเขายังต้องอยู่ที่นี่อีกไม่นานจึงทำหน้าที่อย่างขันแข็งกว่าเดิมเป็นสองเท่า

ทหารที่เหลือจัดปาร์ตี้เล็กๆต้อนรับวีรบุรุษ

อาหารพร้อม เหล้ามี เหล่าทหารเต้นรำและพูดคุยพลางหัวเราะ

วูจินนั่งตรงมุมหนึ่งของบาร์ ดื่มค็อกเทลที่ชายผิวดำผสมให้ เขาไม่ต้องการได้ยินตำนานวีรบุรุษของตัวเอง และไม่สนใจจะฟังคนเมาคุย

ทุกคนดีใจที่สงครามจบลง พวกเขาตื่นเต้นที่จะได้กลับประเทศกลับบ้านไปหาครอบครัว ขณะวูจินดื่มเงียบๆ คำพูดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็วนเวียนอยู่ในหัว

‘ขออภัย ผู้น้อยในฐานะตัวแทนชาวอัลเฟนอยากขอโทษท่าน’

สตรีศักดิ์สิทธิ์ขอโทษอย่างจริงใจ เธอไม่เคยมองเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เธอมองเขาเป็นเนโครแมนเซอร์ผู้ลงมือสังหาร... เพราะอย่างนี้เธอจึงกลัวเขา อยู่ห่างจากเขา ไม่ยอมรับเขา

พลังของวูจินยิ่งใหญ่จนเธอไม่อาจมองเขาเป็นมนุษย์ เธอมองเขาในฐานะเดียวกับเทพ และเขาก็เคยเจอกับเทพมาแล้วจริงๆ

อาจเป็นเพราะเมโลดี้เป็นชาวอัลเฟน การเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาเป็นเรื่องยาก เหมือนพยายามขัดขืนกฎธรรมชาติ

‘ท่านก็เป็นมนุษย์เช่นกัน... ผู้น้อยไม่เคยเข้าใจเลย ไม่เคยเข้าใจเลยจริงๆ’

เมโลดี้ร้องไห้ เธอเสียใจจริงๆ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเธอมองเขาเป็นคังวูจินแทนผู้ไม่ตาย? ถ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาในฐานะราชาของผู้ตายหรือเจ้าแห่งอลันดาล? จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์คังวูจินอยู่ร่วมกับมนุษย์คนอื่น?

เธอไม่ควรมองเขาในฐานะผู้ไม่ตายหรือเทพ เธอควรมองเขาเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน

ถ้าเมโลดี้ไม่ได้มาที่โลก เธอคงไม่รู้เรื่องนี้ไปตลอดชีวิต

เธอคงไม่ได้รู้ว่าผู้ไม่ตายเป็นคนแบบไหน เธอคงไม่ได้เห็นว่าบ้านเกิดของเขาเป็นแบบไหน

‘ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย พวกเรากำลังเดือดร้อน ได้โปรดช่วยอัลเฟนด้วย’

วูจินนึกถึงคำพูดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่คุกเข่าขอร้อง

เขาเคยแต่เจอกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ในสนามรบ สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เคยแต่มองเขาด้วยสายตาหวาดกลัวกำลังขอร้องเขาอย่างจริงใจ

วูจินดื่มเหล้าที่เหลือ

“โรเจอร์ส”

“ว่าไงครับ”

พันเอกโรเจอร์สนั่งข้างวูจิน ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม เขาไม่คิดเลยว่าวูจินจะเก่งกาจขนาดนี้ ที่โรเจอร์สประหลาดใจที่สุดคือความประสาทแข็งของวูจิน

“ตอนนี้ผมตามนาสเซอร์ สัตจิไว้ดังนั้นผมว่าจะไปเก็บข้อมูล”

เวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว มันเป็นคนกลางน่าจะได้ไปดูบัญชีของตัวเองหลายครั้งแล้ว

“ถ้าผมบอกที่อยู่มันให้คุณ ผมอยากให้ทีม A เป็นคนไปจับมัน”

“อืม คุณไม่อยากไปเองเหรอ?”

วูจินส่ายหน้า เขามีอย่างอื่นต้องทำ

“ผมจะไปตามหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายคนอื่นอีก”

“โฮ่”

ความสามารถของวูจินเหมาะสำหรับการเฝ้าดูมาก

เขาตามติดหัวหน้ากลุ่มกบฏ คาริม เหมือนวิญญาณ สู้กับมันจนถึงที่สุด ถ้ามันไม่ห่วงเรื่องที่ซ่อนตัวถูกเปิดเผยมันคงไม่ออกมา มันคงเลือกซ่อนตัวและทำงานก่อการร้ายไปอย่างลับๆยิ่งกว่าเดิม

“พวกมันน่าจะเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ตอนนี้อาจจะเตรียมหลบซ่อนตัว ถ้าอย่างนั้นพวกมันคงจะลดขนาดองค์กรลง เราแค่กวาดล้างพวกหัวหน้าให้หมดเถอะ”

“คุณตั้งใจต้อนพวกมันจนมุมแล้วดึงตัวสำคัญๆออกมาเหรอ?”

“อ้อ ใช่ ฆ่าทุกคนไม่ใช่ทางเลือกแน่ถ้าผมอยากจะสร้างสันติภาพให้คนบนโลก”

“...”

โรเจอร์สฟังแล้วรู้สึกเย็นวาบ วูจินคิดไม่เหมือนใครจริงๆ ถ้าในหัวเขาแปลกไปสักหน่อยมนุษย์ชาติคงเจอหายนะใหญ่ไปแล้ว

“ผมจะวางที่ติดตามไว้ที่พวกมัน พวกคุณจัดการพวกมันไปตามลำดับ”

“หืม ทำไมคุณไม่ทำเองล่ะ ทำไมให้พวกเราได้เครดิตไป?”

วูจินยิ้ม

เขาไม่สนเรื่องได้หน้าหรือใบประกาศเกียรติคุณมานานแล้ว เขาแค่อยากเชือดไก่ให้ลิงดูเพราะพวกมันมาหาเรื่อง ถ้าเขาทำเองมันจะไม่ได้ผลเต็มที่

อีกอย่าง วูจินมีเรื่องอื่นต้องทำ

“งั้นผมไปก่อน รู้ว่าพวกคุณจัดการได้”

“ผมจะเรียกทีม A ทันที”

วูจินลุกขึ้น พันเอกโรเจอรส์ก็ลุกขึ้นพร้อมกัน

วูจินเดินไปทางห้องที่จัดไว้ให้เขา สตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังยืนรอเขาที่หน้าประตู วูจินเห็นเธอแล้วถอนหายใจ

“มาทำอะไรตรงนี้?”

“ผู้น้อยอยากได้คำตอบจากท่าน”

สตรีศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าลงอย่างนอบน้อมแล้วก้มหัวติดพื้น

วูจินนั่งยองๆให้อยู่ระดับสายตาของเธอ

“เฮ้”

“คะ?”

“เธอบอกไม่ใช่เหรอว่าจะพยายามมองฉันเป็นคนเหมือนกัน?”

“...”

“แล้วทำไมถึงต้องคุกเข่าหงอเหมือนหมาทุกครั้งที่เจอฉัน?”

“...”

เธอจะทำอย่างไรดี? วูจินเป็นคนที่เจอกับเทพมาแล้ว

เธอเป็นมนุษย์ศรัทธาในเทพีอาเรีย ในสายตาของเธอ วูจินคือคนที่เธอต้องเคารพ ไม่มีอะไรเปลี่ยนเรื่องนี้

“ฉันจะพยายามเข้าใจคุณให้มากกว่าเดิมค่ะ คุณคังวูจิน”

ไม่ใช่ผู้ไม่ตาย เธอจะมองเขาในฐานะมนุษย์คังวูจิน

“เฮ้อ ถึงยังไงฉันก็จะไปอัลเฟนอยู่แล้ว”

“หมายความว่า...!”

ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์สั่นไหว วูจินยักไหล่

ตอนนี้บนโลกมีดันเจี้ยนถึงแค่ 6 ดาว

ดันเจี้ยนมีระดับสูงถึง 9 ดาว

เมื่อดันเจี้ยน 9 ดาวเปิด หมายความว่าปริมาณมานาบนโลกมาถึงจุดอิ่มตัว ถึงตอนนั้นจะมีวัตถุดิบให้เขาเก็บเกี่ยว

วัตถุดิบเหล่านั้นรวมถึงวัตถุดิบหายากที่จำเป็นต้องใช้ในการทำเครื่องสวมใส่ของเขา

นอกเสียจากสะสมแต้มซื้อมันผ่านร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ เขาก็ต้องเข้าดันเจี้ยน 9 ดาวเพื่อหาวัตถุดิบเหล่านั้น ถ้าหาจากโลกไม่ได้ เขาก็ต้องไปหาที่อัลเฟน

วูจินจำเป็นต้องมีชุดเซ็ทของทราชห์ในการต่อสู้กับเหล่าแม่ทัพของทราห์เน็ต

“ฉันจะโจมตีอัลเฟน เธอมีหน้าที่ช่วยคน ฉันจะให้เธอตามไปด้วย”

“ขอบคุณ ขอบคุณค่ะ”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ก้มหัวขอบคุณซ้ำๆ เทพีของเธอพูดถูก ผู้ช่วยอัลเฟนที่อยู่บนโลกก็คือคังวูจินนี่เอง นี่คือเหตุผลที่เทพีนำทางเธอมา

“เตรียมตัวไว้แล้วกัน สองสามวันนี้ฉันยังไม่ทำอะไรก่อน”

“ค่ะ”

วูจินกลับห้องแล้วเรียกกาเกบิออกมาทันที

“เอาเงาของนายกลับมา...”

[คึๆ ข้าอยากรู้นักว่ามันเป็นใคร]

กาเกบิเรียกเงาที่วางไว้ที่นาสเซอร์ สัตจิกลับมา วูจินรู้สึกเหมือนมีบางอย่างพุ่งเข้ามาในตัว เขารับสิ่งที่นาสเซอร์ สัตจิได้เห็นได้ฟังเข้ามา

ความทรงจำของหลายๆวันโผล่ขึ้นมาในหัวรวดเดียวจนปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย วูจินขมวดคิ้วเอามือกดขมับ

“ดูท่าจะไม่ต้องไปจับมันแล้ว”

นาสเซอร์ สัตจิ เคยเปิดดูบัญชีตัวเองแล้วและวูจินเห็นชื่อสำคัญหลายชื่อที่ยังไม่ถูกจับ แต่พวกนั้นไม่สำคัญสำหรับเขา

[งานจากหัวหน้ากิลด์ฮวาราง]

“ไอ้ทุเรศนั่นเหรอ?”

วูจินขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงหัวหน้ากิลด์ฮวาราง ลีซังโฮ เหมือนหนูแต่กล้าทำเรื่องแบบนี้ เมื่อนึกย้อนไป วูจินรู้ว่าลีซังโฮมีเหตุผลให้เกลียดเขาหลายอย่าง

“รอฉันกลับไปก่อนเถอะ”

วูจินหยิบกระดาษจดบนโต๊ะ เขียนที่อยู่ของนาสเซอร์ สัตจิและข้อมูลทุกอย่างลงไป

“เมโลดี้”

“ค่ะ”

เมโลดี้เปิดประตูเข้ามา วูจินยื่นกระดาษจดให้

“เอาให้พันเอกโรเจอร์สตอนเขากลับมา ในสามวันนี้อย่าให้ใครเข้ามาในห้องนี้”

“ค่ะ”

หลังจากเมโลดี้ออกไป วูจินเรียกกาเกบิออกมาใหม่

“นอนอย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร ถ้านายออกไปวุ่นวายฉันจะต่อยจริงๆ”

“คึๆ เจ้านายไม่ต้องบอกข้าหรอก”

กาเกบิเป็นอสูรตัวเดียวที่วูจินกังวล แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้เขา วูจินสลับเงากับกาเกบิ

‘เงา 6 เงา’

เขาจะได้ร่องรอยของคน 6 คน

วูจินใช้ข้อมูลที่ได้จากคาริมเลือกคนมา 6 คน ทั้งหมดเป็นผู้นำที่หัวรุนแรงที่สุด วูจินออกไปอย่างเงาตรงไปหาพวกมัน

เมื่อวูจินจากไป กาเกบิในร่างของวูจินก็ลุกขึ้น หยิบเบียร์จากตู้เย็นมาดื่ม

“คึๆๆ”

ควบคุมศพก็ดี แต่ที่ยอดเยี่ยมกว่าคือได้ควบคุมร่างของเจ้านาย หลังดื่มเบียร์หมด กาเกบิเดินไปมารอบเตียง เขาจ้องไปที่ประตูห้อง

สตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างนอก ของเล่น

“คึๆ ตอนนี้ข้าจะทำตัวเรียบร้อยก่อน”

เขาอยากเล่นและก่อเรื่อง แต่อดใจไว้ก่อน เจ้านายของเขายังไม่แข็งแกร่ง และกาเกบิต้องเติบโตไปพร้อมเจ้านาย

กาเกบิหัวเราะเจ้าเล่ห์แล้วล้มบนที่นอน

***

สถานีซาดาง สำนักงานของกิลด์อลันดาล

สมาชิกหลักรวมตัวกันที่ห้องประชุม มองหน้ากันไปมาแต่ไม่พูดอะไร ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด

คนแรกที่เอ่ยปากทำลายความเงียบคือจุงมินชาน

“คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำได้ กรรมการฮง”

“ผมรู้ว่าเขามีทักษะพวกนั้น แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำได้ขนาดนี้”

ฮงซุงกูถอนหายใจ

เขารู้อยู่แล้วว่าวูจินใช้ทหารกับนักเวทย์โครงกระดูก รู้ด้วยว่าแต่ละตัวเทียบได้กับแรงค์ D ไม่สิ ตอนนี้ดูเหมือนจะใกล้เคียงกับแรงค์ C แล้ว

แถมยังมีเป็นหมื่นตัว

“เฮ้อ... คนแบบนี้เป็นประธานของเราจริงๆสินะ”

“...”

ทุกคนมีประธานคนเดียวกัน ดังนั้นเลยเครียดพอกัน

ตอนนี้พวกเขาชินกับนักข่าวที่มาอยู่หน้าสำนักงานแล้ว ขนาดว่าถ้าพวกนักข่าวไม่อยู่พวกเขาจะรู้สึกว่ามีอะไรผิดไป แต่ว่าตอนนี้มีสมาคมแปลกๆเริ่มมารวมตัวกันหน้าสำนักงาน

แล้วตำรวจก็มาคอยกันกลุ่มประหลาดเหล่านั้น ดังนั้นพื้นที่สถานีซาดางจึงมีคนเนืองแน่นเสมอ

“เอาล่ะ ที่ทำไปแล้วก็แล้วไป มาคุยกันเรื่องวิธีแก้ไขเถอะ”

อีกครั้งที่วูจินทำเรื่องใหญ่มาก เขาสังหารกองกำลังกบฏทั้งอัฟกานิสถาน

มันคือสงคราม แต่บางคนบอกว่ามันคือการเข่นฆ่า มันเป็นหัวข้อที่อ่อนไหว

คนกังวลที่เห็นพลังขนาดนี้ในตัวคนๆเดียว

เรื่องที่ทหารที่เขาควบคุมคือโครงกระดูกที่เรียกมาจากศพมนุษย์ทำให้คนยิ่งกลัวและกังวล

“อืม ลำดับแรกมาจำลองสถานการณ์กัน ประธานของเราจะทำอย่างไรถ้ามาเห็นคนประท้วงข้างนอกสำนักงาน”

มินชานถาม วูซุงฮุนยกมือขึ้น

“เชิญพูด กรรมการวู”

วูซุงฮุนขมวดคิ้ว แล้วเลียนแบบวูจิน

“ขยะพวกนี้มันอะไร? อยากโดนต่อยกันใช่ไหม?”

“ก๊าก”

ซุงกูหัวเราะลั่น ไม่นานก็กลับมาตีหน้าเครียดแล้วขอโทษ

“อ่า ขอโทษครับ แต่ว่าถ้าลูกพี่กลับมาต้องเป็นเรื่องยุ่งแน่ นิสัยลูกพี่คงไม่ปล่อยพวกข้างนอกไว้”

สีหน้ามินชานมืดครึ้ม

“เพราะอย่างนี้เราถึงต้องหาวิธีรับมือ”

เฮมินพูดอย่างเคร่งเครียด เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกสภาจากนักข่าวที่เขาสนิทด้วย

“บรรยากาศในสภาไม่ดีเลย พวกเราปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาไปครั้งหนึ่งเลยถูกมองไม่ดีนัก พอมารู้ว่าพวกเรามีพลังขนาดไหนยิ่งระแวงไปใหญ่”

“อะไร? พวกนั้นคิดว่าเราจะปฏิวัติเรอะ?”

วูซุงฮุนโกรธเพราะเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา แต่ความคิดของพวกเขากับคนในสภาต่างกัน คนมีอำนาจจะระแวงเมื่อคนนอกได้อำนาจ

ถ้าไม่ได้ลงเรือลำเดียวกันก็ต้องจมเรือลำนั้น...

วูจินไม่ยอมร่วมมือ แต่การคงอยู่ของอลันดาลยิ่งใหญ่เกินกว่าจะจมได้

“หลายคนในสภากำลังคุยกันว่าจะห้ามไม่ให้ท่านประธานเข้าเกาหลี”

ทุกคนฟังคำบอกของเฮมินแล้วขมวดคิ้ว

วูจินไม่ได้ทำร้ายเกาหลี ทำไมพวกเขาต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่...

“อืม มาคิดหาวิธีรับมือกันเถอะ”

ถ้าวูจินกลับมาเกาหลีทั้งแบบนี้ต้องมีปัญหาแน่

สื่อทั่วโลกชื่นชมคังวูจินในฐานะวีรบุรุษที่ช่วยโลกจากการก่อการร้าย แต่รัฐบาลเกาหลีระแวงคังวูจิน กลุ่มลัทธิก็ต่อต้านเขา

ถ้าวูจินกลับมาทั้งแบบนี้ เขาต้องระเบิดแน่

คนพวกนี้รู้จักเขาน้อยไป

กฎข้อแรกของวิจินคือตาต่อตา ฟันต่อฟัน เขายึดกฎข้อนี้เหนือข้ออื่น คนบนโลกเชื่อมั่นในกฎของตัวเองเกินไป

พวกเขาเหมือนเต้นตรงหน้าสิงโตโดยไม่รู้เลยว่ารั้วมันทรุดไปแล้ว

“เฮ้อ”

ถึงย้ายสำนักงานก็แก้ปัญหาไม่ได้ พวกเขานึกทางแก้ไม่ออกเลยได้แต่ถอนหายใจ วูซุงฮุนเล่นโทรศัพท์เป็นพักๆแล้วก็พูดขึ้น

“เอ๋? ในนี้บอกว่าดันเจี้ยนที่แดกูระเบิด”

“หือ? ผมไม่ได้ข่าวเลยนะ”

มินชานงงพลางเปิดทีวี ดันเจี้ยนเบรกจะเกิดในวันที่ 30 ของการบุกดันเจี้ยนครั้งแรกล้มเหลว ไม่มีทางที่มินชานจะไม่รู้ล่วงหน้า

[ขณะนี้ผมอยู่ที่แดกู ดันเจี้ยนเบรกเกิดขึ้นติดต่อกัน ตอนนี้เรายังเข้าไปใกล้ไม่ได้และกองทหารในละแวกกำลังเคลื่อนเข้ามา รัฐบาลประกาศกฎอัยการศึกทันทีและกำลังขอความร่วมมือจากกิลด์ทุกแห่ง]

เฮลิคอปเตอร์ถ่ายภาพจากที่ไกลๆ เมืองกำลังลุกไหม้และพวกมอนสเตอร์ออกมาอาละวาดท่ามกลางตึกอาคารถล่ม...

ภาพวุ่นวายหมายถึงคนไม่ได้เตรียมตัวกับดันเจี้ยนเบรก พวกเขากำลังเจอกับหายนะที่สร้างความเสียหายมหาศาลทำให้นึกถึงดันเจี้ยนช็อกที่เกิดครั้งแรก

‘ประธาน’

ขณะดูข่าวด่วน ทุกคนนึกถึงคนๆนั้น


สารบัญ                                    บทที่ 98


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น