บทที่ 96 – หวาดกลัว
เหนือสนามรบมีเฮลิคอปเตอร์ของกองทหารสหรัฐสองลำลอยอยู่
แม้รัฐบาลจะตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าจะโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏหรือไม่ แต่กองทัพสหรัฐทำสงครามกองโจรกับกลุ่มต่อต้านมาได้สักพักแล้ว ทีม A ช่วยเหลือตัวประกันไปจำนวนมากและทำลายสิ่งปลูกสร้างสำคัญไปหลายแห่ง
พวกเขาใส่แว่นกันแดดและติดไมค์สื่อสาร เสียงใบพัดไม่เป็นอุปสรรคต่อการพูดคุยระหว่างกัน
“ว้าว พวกเรากำลังดูอะไรอยู่วะ?”
“สุดๆเลยว่ะ”
“หัวหน้า ผมว่าไม่มีอะไรให้เราทำแล้วนะ?”
บรอน หัวหน้าทีม A มองการรบที่เห็นผลแพ้ชนะแล้ว เขาส่ายหน้า
โครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายไปแล้ว อาคารพังทลาย ถนนกลายเป็นหลุมบ่อ แสดงให้เห็นว่าการรบรุนแรงแค่ไหน
ที่น่าขนลุกคือไม่มีศพหลงเหลืออยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นศพของศัตรูหรือพวกเดียวกัน
ศพศัตรูถูกใช้เรียกทหารโครงกระดูก และคังวูจินระวังมากที่จะนับใครเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงตัวคนเดียว
“น่าประหลาดใจจริงๆ คนๆเดียวใช้กำลังทำให้เรื่องทั้งหมดจบลงได้”
“พอคิดถึงว่าพวกเราฝึกมานานขนาดไหนแล้วรู้สึกท้อแฮะ ว่าไหม? ฉันน่าจะฝึกเพิ่มแรงค์ของเราส์”
หน่วยรบพิเศษนี้ประกอบด้วยเราส์ตั้งแต่แรงค์ D ขึ้นไป
ความสามารถด้านการต่อสู้และการทำภารกิจของพวกเขาเทียบเท่ากับเราส์แรงค์ A แต่เมื่อได้มาเห็นผลลัพท์ที่น่าเหลือเชื่อของเราส์แรงค์ AA คังวูจิน เทียบกับที่เขาพยายามมามันด้อยไปเลย
“เขาคนเดียวเท่ากับคนทั้งกองทัพเลยจริงๆ”
“เกาหลีน่าจะเอางบประมาณป้องกันประเทศมาจ้างคังวูจินไปเลยนะ”
“ฮ่าๆๆ น่าจะทำแบบนั้นจริงๆ”
“ฉันรู้สึกว่างเปล่าไปเลย พวกเราทำบ้าอะไรกันอยู่ในสนามรบวะ?”
“ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ได้เรื่อง แต่หมอนั่นเป็นคนพิเศษ”
“จินตนาการว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยไหวแล้วตอนนี้”
คังวูจินทยอยส่งอัศวินมรณะกับทหารโครงกระดูกกลับเข้าไปในห้องรออัญเชิญ
“เอาล่ะ การต่อสู้จบแล้ว พวกเราไปปิดฉากกันเถอะ”
“ลงไปกันเถอะ”
เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงช้าๆตามคำสั่งของหัวหน้าทีม
วูจินส่งทหารโครงกระดูกกลับไปหมดพอดีเมื่อเฮลิคอปเตอร์จอด น่าเสียดายที่เขาต้องสลายนักเวทย์โครงกระดูกไป
ถ้าไม่มีคนควบคุมพวกโครงกระดูกมันจะเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์
ทุกคนได้เห็นภาพตระการตาของนักเวทย์โครงกระดูกเกินพันตัวร่วงลงพื้น
“พวกนายทำได้ดี”
“เราได้พลังคืนมาเยอะเลยเมี้ยว อีกหน่อยเราจะได้ใช้ร่างจริงแล้วเมี้ยว”
“เยี่ยม เธอลำบากมาเยอะแล้ว”
ในร่างแมว บิบิสามารถใช้ฝันร้ายกับภาพลวงตาได้ไม่มีปัญหา แต่พลังห่างกันมาก ถ้าเธออยู่ในร่างจริง เธอจะสามารถใช้ภาพลวงตาหมู่ได้
เลเวลของบิบิเพิ่มขึ้น เธอค่อยๆสะสมพลังจนใกล้จะสร้างร่างจริงได้ อีกอย่าง ระดับมานาบนโลกที่เพิ่มขึ้นก็มีส่วนช่วย
“ฮ้าว งั้นเจอกันในสนามรบคราวหน้านะเมี้ยว”
บิบิหาวแล้วเปลี่ยนเป็นควันดำ วูจินหันไปทางโดลเซ
“นายก็เข้าไปด้วย”
โดลเซเขย่าร่างตัวเองทำให้เกิดเสียงเหล็กกระทบกัน เกราะเหล็กบนตัวเขาร่วงลงทีละอันไม่นานก็กลายเป็นกองเหล็ก หัวใจของโดลเซโผล่ออกมาจากกองเหล็กแล้วหายไป
เฮลิคอปเตอร์ถึงพื้นก่อน แต่ที่มาถึงตัววูจินก่อนคือรถนักข่าว ทีม A ก็กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา
“ขอสัมภาษณ์ได้ไหมครับ?”
นักข่าวทอมถามอย่างระมัดระวัง เสียงเขาสั่นด้วยความเครียด
“ไม่”
“เข้าใจแล้วครับ”
ทอมไม่ถามต่อ เขาหันกล้องไปทางสนามรบแล้วพูดเรื่องเมสสิอาห์ การกำเนิดของผู้พิทักษ์สันติสุขโลก
หลังจากจบการถ่ายทอดสด เขาวิ่งไปทางวูจินแล้วผงกหัว
“คุณจะไปที่ไหนต่อ?”
“ฉันจะกลับเกาหลี นายไม่ต้องตามแล้ว”
“อา...!”
ทอมถอนหายใจ เขานึกว่าวูจินจะสู้ต่อจนกว่ากลุ่มก่อการร้ายจะหายไปหมดเสียอีก แต่เขาไม่สามารถห้ามวูจินได้
“ขอบคุณครับ คนที่นี่และคนทั่วโลกจะไม่ลืมคุณคังวูจินเลย”
“พวกนายทำได้ดี ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า”
“...”
วูจินโบกมือให้กลุ่มนักข่าวแล้วเดินไปทางทีม A ทอมรู้สึกใจเต้นแรงขณะมองด้านหลังของวูจินที่เดินห่างไป
ต่อให้เขานอนเตียงเดียวกับสาวสวยที่สุดในโลกเขายังไม่รู้สึกคาดหวังขนาดนี้ (TN/เอ่อ...เปรียบได้...)
“คราวหน้า...”
คำพูดของวูจินทำให้ทอมรู้สึกคาดหวังแบบแปลกๆ และเหมือนเขาได้รับการยอมรับจากวูจิน เขายืนนิ่งไม่ขยับไปเป็นนาน
วูจินเดินไปทางทีม A
มันเป็นการรบที่ประหลาดมาก คนที่มีชีวิตอยู่คือผู้ชนะคนเดียว บรอน หัวหน้าทีม A ยื่นมือมาอย่างนับถือ
วูจินรู้จักทีม A พวกเขาเป็นคนช่วยวูจินวางแผนถูกลักพาตัว
“ผมต้องยินดีกับคุณด้วยกับผลที่ไม่น่าเชื่อนี่”
“เอ่อ ทำไมพวกคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
คนฆ่าคน มันเป็นเรื่องต้องชมเหรอ?
ความตายก็คือคำสาป มีแต่มีชีวิตอยู่จึงจะได้รับพรจากชัยชนะ ในฐานะเนโครแมนเซอร์ ไม่มีอะไรน่าอึดอัดมากไปกว่าเห็นคนชื่นชมฆาตกร
วูจินเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นทันที
“พวกเรามารับคุณ”
“ผมไม่เคยเรียกนะ”
“หา?”
บรอนตะลึง แต่แล้วก็เข้าใจว่าวูจินแค่ล้อเล่น
“รัฐบาลยังไม่อนุมัติเรื่องการสู้โดยตรงเลยมีแต่พวกเราทีม A ที่ถูกส่งมาสนับสนุน”
“พวกคุณเลยแค่มองผมอยู่ห่างๆ”
“...”
บรอนเถียงไม่ออก ที่จริงแล้ว คำสั่งที่โรเจอร์ให้ทีม A คือ ‘ช่วยคังวูจินเมื่อเขาเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ’
รัฐบาลสหรัฐไม่นึกว่าคนๆเดียวจะจบสงครามที่พวกเขาไม่กล้าเริ่มได้
“ช่างเถอะ ไปกันเถอะ”
“ใช่ กลับกันเถอะ”
ทีม A ล้อมรอบวูจินแล้วทั้งหมดก็วิ่งไปทางเฮลิคอปเตอร์ นักข่าวถ่ายรูปพวกเขาไม่หยุด
“เขาจะเป็นอะไรไหม?”
“หมายความว่ายังไง?”
นักข่าวโจนี่ถามทอม
“คนมากกว่าสองหมื่นคนตายไป”
“อืม”
“คังวูจินคนเดียวฆ่าคนไปมากมาย”
“นายคิดจะพูดอะไร?”
โจนี่จะบอกว่าคังวูจินเป็นฆาตกรสังหารหมู่อย่างนั้นเหรอ? ทอมโกรธเมื่อไอดอลของเขาถูกว่าร้าย โจนี่ถอยหลังพลางโบกมือ
“นี่คือสงคราม ฉันแค่เป็นห่วงคุณคังวูจิน”
“เขาทำไม?”
“ก็ดูทหารที่กลับจากสงครามสิ พวกเขาทรมานเพราะ PTSD”
คำพูดของโจนี่ทำให้ทอมมีสีหน้ากังวล เขาเรียกทหารโครงกระดูกมาสู้ แต่ที่สุดแล้ววูจินก็คือผู้รับผิดชอบการกระทำของพวกมัน
เขาฆ่าคนไปมากมาย จิตใจเขาจะย่ำแย่ไหม?
การฆ่าไม่แค่ทำร้ายผู้ถูกกระทำ ฝ่ายกระทำก็รู้สึกแย่เช่นกัน ทอมเชื่อว่าวูจินต้องมีแผลทางใจแน่
เขาถูกท่าทางภายนอกที่ไม่หวั่นไหวเลยของวูจินหลอก วูจินเป็นผู้ช่วยที่มาหยุดสงคราม แต่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเขา
“พระเจ้า”
ทอมหน้าเครียด
วูจินต้องเครียดที่สุดแน่ ถ้าตอนนี้เขามาได้ยินความเห็นในด้านลบอีกจะเป็นอย่างไร?
เหมือนช่วยคนอื่นแต่ถูกจับเสียเอง
“เรามีงานต้องทำ”
พวกเขาต้องหยุดไม่ให้เกิดความเห็นด้านลบ ชายคนนี้ไม่ใช่ฆาตกรแต่เป็นวีรบุรุษสงคราม นักข่าวแต่ละคนมีประสบการณ์ด้านทำข่าวสงครามต่างกัน แต่นักข่าวทั้ง 30 คนมีสีหน้ามุ่งมั่นแบบเดียวกัน
พวกเขาต้องช่วยคังวูจิน
จากนี้เขาต้องสู้เพื่อช่วยชายที่ช่วยพวกเขา เพื่อคังวูจินที่กำลังลำบาก
***
เสียงใบพัดดังในหูของวูจิน เขากอดอกปิดตาสนิท
ทันทีที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ วูจินนั่งอยู่ในท่านี้ไม่ขยับ คนในทีมไม่มีใครกล้าคุยกับเขา
วูจินทำสมาธิ ผ่อนคลายจิตใจที่บาดเจ็บ เขาปล่อยความเครียด สติเขาล่องลอยไป
เขาอยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น การควบคุมในตัวเขาอ่อนแอลง วิญญาณร้ายเริ่มวนเวียนรอบเขา พวกมันเกาะร่างวูจิน เหมือนไม่สามารถจากไปด้วยเพราะความแค้นที่ฝังลึก
‘ขอโทษ’
วูจินมองดวงวิญญาณที่เป็นสีดำอ่อนกว่าดวงอื่น เขาส่งความคิดไปยังวิญญาณของเด็กหญิงที่เขาไม่รู้จักชื่อ วิญญาณดวงนั้นสั่นแล้วเริ่มวนเวียนรอบตัววูจินพร้อมกับวิญญาณร้ายดวงอื่น
เขาขอโทษไปแล้ว
จบแค่นี้ เขาไม่สนใจถ้าเธอจะตามสิงเขา...
‘ไม่ได้บ้าดีเดือดขนาดนี้มานานแล้ว’
วูจินมองเหล่าวิญญาณร้ายแล้วจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
ถ้าเขาอยากช่วยใคร เขาต้องฆ่า
เขาไม่ใช่พระเจ้า เขาจะไปตัดสินได้อย่างไรว่าใครควรอยู่หรือตาย?
เมื่อวิญญาณกลายเป็นวิญญาณร้าย พวกมันด่าทอสาปแช่ง เคียดแค้นเขา น่าขำที่มันให้วูจินไม่เสียสติไป
มันเป็นการลงโทษที่เหมาะสมในสิ่งที่เขาทำลงไป มันทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง
‘สกปรก’
วูจินขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตา
อดีตของเขาโหดร้ายเกินไปจนเขาไม่อาจกลัวการฆ่าคน
‘ช่วงวัยรุ่นของฉันมันผ่านไปแล้ว’
เขาผ่านชีวิตที่หยาบกร้านโหดร้ายมา นักเรียนม.ปลายที่อ่อนโยนกลายเป็นผู้ไม่ตาย และเขายังมีชีวิตรอด
เขาแค่ฆ่าคนที่ต้องฆ่า
ความคิดเขาไม่ถูกกระทบกระเทือน แต่เขาอดรู้สึกสกปรกไม่ได้
วูจินลืมตาเมื่อบรอนเรียก
“ถึงแล้ว”
“...อืม”
วูจินตั้งสติใหม่ ไม่นานวิญญาณร้ายก็หายไป จากนั้นภาพของฐานทัพอากาศบากรามก็ปรากฏในสายตา
“พวกคุณมีกีฬาสีเหรอ? ทำไมคนขนาดนี้มาอยู่ข้างนอก?”
“...หึ”
บรอนกลั้นขำไม่อยู่เมื่อได้ยินคำพูดของวูจิน
ทำไมถึงไม่รู้ตัวได้ขนาดนี้ว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ?
เฮลิคอปเตอร์จอดตรงจุดจอด บรรดาทหารกำลังสวนสนามโดยมีจุดจอดเป็นศูนย์กลาง
ทหารทุกคนในฐานทัพมาอยู่ที่นี่ พวกเขาหยุดทุกอย่างที่ตัวเองกำลังทำแล้วออกมาที่นี่ มาต้อนรับวีรบุรุษที่หยุดสงคราม
วูจินลงจากเฮลิคอปเตอร์
นายพลเดวิดยืนหน้าสุด เขายืนโต้ลมจากเฮลิคอปเตอร์ โรเจอร์หัวหน้าหน่วยเราส์และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆยืนด้านหลังเขาไปหนึ่งก้าว
“อะไรเหรอ?”
วูจินเข้าไปหานายพลเดวิดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น ไม่นานเฮลิคอปเตอร์ก็หยุดนิ่งและทีม A ตามมาหยุดหลังวูจิน
[แถวตรง!]
ทหารทั้งหมดยืนนิ่ง วูจินเลิกคิ้วเมื่อเห็นความพร้อมเพรียงของพวกเขาแล้วยิ้ม
[ทำความเคารพ!]
“Sir!” (TN/คนแปลไม่รู้ว่าตอนตั้งแถวเขาพูดตอบรับกันยังไง ><)
มือยกขึ้นพร้อมกัน เสียงตะโกนดังก้องลานจอด
วูจินยิ้มแล้วมองไปรอบๆ ทุกคนยกมือทำวันทยหัตถ์ สมาชิกทีม A ราเชลเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง คนขับเฮลิคอปเตอร์ พนักงานที่ไม่ใช่ทหารกระทั่งทหารช่าง...
นายพลเดวิดผู้ใช้เวลา 30 ปีจากสงครามหนึ่งไปสงครามหนึ่งก็ทำความเคารพเช่นกัน
มันเต็มไปด้วยความเคารพและขอบคุณ...
“นี่...”
วูจินยกมือแตะคิ้วขวาอย่างเก้งก้าง
“ผมทำถูกไหม?”
สมาชิกทีม A ยิ้ม นายพลเดวิดหัวเราะ
เขาขอบคุณวีรุบุรุษที่จบสงครามบ้าๆนี้
“พวกเขามาต้อนรับคุณแบบวีรบุรุษ”
เดวิดพูด ผายมือให้วูจินเป็นการนำทางแล้วหันไป ทหารเปิดทางให้พวกวูจิน
“เอ่อ เขินนิดๆนะ”
แต่ไม่ได้แย่นัก
เมื่อวูจินออกเดิน ทหารทุกคนปรบมือแล้วส่งเสียงเชียร์
“เพราะคุณผมเลยได้กลับไปหาครอบครัวเสียที”
“ผมเสียเพื่อนร่วมรบไป 5 คนเพราะพวกนั้น ขอบคุณ”
“ขอบคุณ...”
แต่ละก้าวของวูจิน เขาได้ยินคนมากมายพูดกับเขาจนหูชา แต่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
มุมปากวูจินยกขึ้นน้อยๆ
‘อืม นี่คงไม่แย่ไปเสียทีเดียว’
นี่เป็นครั้งแรก
คนพวกนี้ต้อนรับเขาโดยไม่มีความหวาดกลัวหรือบูชา
วูจินเดินไปจนสุดแถว เขาหยุดเดิน สตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังยืนตรงหน้าเขา
เป็นกำลังใจให้ผู้แปล สนุกมากกกกก
ตอบลบมีแปลเรื่องอื่นอีกไหมคะ
ขอบคุณค่ะ ^^ อยากแปลเรื่องอื่นด้วยแต่เรื่องเดียวก็ไม่ค่อยจะทันแล้ว ><"
ลบทีละเรื่องดีกว่า จะได้อัพอีกบ่อยๆ อิอิ
ลบขอบคุณมากที่เเปลครับ
ตอบลบ