วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 97

บทที่ 97 – หวาดกลัว (2)

ยังไม่มีการประกาศสิ้นสุดสงคราม กองทหารไม่จำเป็นต้องรักษาความสงบด้วยซ้ำเพราะพวกฝ่ายต่อต้านที่อยู่ในพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยึดครองหายไปทั้งหมด แต่รัฐบาลอัฟกานิสถาน,รัฐบาลสหรัฐและสหประชาชาติจำเป็นต้องคุยกันเรื่องเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ ระหว่างการประชุม สหประชาชาติก็ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพออกมา

กองทัพสหรัฐที่ประจำในอัฟกานิสถานถูกย้ายออกไปครึ่งหนึ่งแล้ว พวกเขาคาดว่าอาจจะมีการก่อการร้ายเล็กน้อยจากกลุ่มกบฏที่เหลืออยู่ไม่มาก แต่พวกทหารรู้ว่าพวกเขายังต้องอยู่ที่นี่อีกไม่นานจึงทำหน้าที่อย่างขันแข็งกว่าเดิมเป็นสองเท่า

ทหารที่เหลือจัดปาร์ตี้เล็กๆต้อนรับวีรบุรุษ

อาหารพร้อม เหล้ามี เหล่าทหารเต้นรำและพูดคุยพลางหัวเราะ

วูจินนั่งตรงมุมหนึ่งของบาร์ ดื่มค็อกเทลที่ชายผิวดำผสมให้ เขาไม่ต้องการได้ยินตำนานวีรบุรุษของตัวเอง และไม่สนใจจะฟังคนเมาคุย

ทุกคนดีใจที่สงครามจบลง พวกเขาตื่นเต้นที่จะได้กลับประเทศกลับบ้านไปหาครอบครัว ขณะวูจินดื่มเงียบๆ คำพูดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็วนเวียนอยู่ในหัว

‘ขออภัย ผู้น้อยในฐานะตัวแทนชาวอัลเฟนอยากขอโทษท่าน’

สตรีศักดิ์สิทธิ์ขอโทษอย่างจริงใจ เธอไม่เคยมองเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เธอมองเขาเป็นเนโครแมนเซอร์ผู้ลงมือสังหาร... เพราะอย่างนี้เธอจึงกลัวเขา อยู่ห่างจากเขา ไม่ยอมรับเขา

พลังของวูจินยิ่งใหญ่จนเธอไม่อาจมองเขาเป็นมนุษย์ เธอมองเขาในฐานะเดียวกับเทพ และเขาก็เคยเจอกับเทพมาแล้วจริงๆ

อาจเป็นเพราะเมโลดี้เป็นชาวอัลเฟน การเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาเป็นเรื่องยาก เหมือนพยายามขัดขืนกฎธรรมชาติ

‘ท่านก็เป็นมนุษย์เช่นกัน... ผู้น้อยไม่เคยเข้าใจเลย ไม่เคยเข้าใจเลยจริงๆ’

เมโลดี้ร้องไห้ เธอเสียใจจริงๆ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเธอมองเขาเป็นคังวูจินแทนผู้ไม่ตาย? ถ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาในฐานะราชาของผู้ตายหรือเจ้าแห่งอลันดาล? จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามนุษย์คังวูจินอยู่ร่วมกับมนุษย์คนอื่น?

เธอไม่ควรมองเขาในฐานะผู้ไม่ตายหรือเทพ เธอควรมองเขาเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน

ถ้าเมโลดี้ไม่ได้มาที่โลก เธอคงไม่รู้เรื่องนี้ไปตลอดชีวิต

เธอคงไม่ได้รู้ว่าผู้ไม่ตายเป็นคนแบบไหน เธอคงไม่ได้เห็นว่าบ้านเกิดของเขาเป็นแบบไหน

‘ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย พวกเรากำลังเดือดร้อน ได้โปรดช่วยอัลเฟนด้วย’

วูจินนึกถึงคำพูดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่คุกเข่าขอร้อง

เขาเคยแต่เจอกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ในสนามรบ สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เคยแต่มองเขาด้วยสายตาหวาดกลัวกำลังขอร้องเขาอย่างจริงใจ

วูจินดื่มเหล้าที่เหลือ

“โรเจอร์ส”

“ว่าไงครับ”

พันเอกโรเจอร์สนั่งข้างวูจิน ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม เขาไม่คิดเลยว่าวูจินจะเก่งกาจขนาดนี้ ที่โรเจอร์สประหลาดใจที่สุดคือความประสาทแข็งของวูจิน

“ตอนนี้ผมตามนาสเซอร์ สัตจิไว้ดังนั้นผมว่าจะไปเก็บข้อมูล”

เวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว มันเป็นคนกลางน่าจะได้ไปดูบัญชีของตัวเองหลายครั้งแล้ว

“ถ้าผมบอกที่อยู่มันให้คุณ ผมอยากให้ทีม A เป็นคนไปจับมัน”

“อืม คุณไม่อยากไปเองเหรอ?”

วูจินส่ายหน้า เขามีอย่างอื่นต้องทำ

“ผมจะไปตามหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายคนอื่นอีก”

“โฮ่”

ความสามารถของวูจินเหมาะสำหรับการเฝ้าดูมาก

เขาตามติดหัวหน้ากลุ่มกบฏ คาริม เหมือนวิญญาณ สู้กับมันจนถึงที่สุด ถ้ามันไม่ห่วงเรื่องที่ซ่อนตัวถูกเปิดเผยมันคงไม่ออกมา มันคงเลือกซ่อนตัวและทำงานก่อการร้ายไปอย่างลับๆยิ่งกว่าเดิม

“พวกมันน่าจะเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ตอนนี้อาจจะเตรียมหลบซ่อนตัว ถ้าอย่างนั้นพวกมันคงจะลดขนาดองค์กรลง เราแค่กวาดล้างพวกหัวหน้าให้หมดเถอะ”

“คุณตั้งใจต้อนพวกมันจนมุมแล้วดึงตัวสำคัญๆออกมาเหรอ?”

“อ้อ ใช่ ฆ่าทุกคนไม่ใช่ทางเลือกแน่ถ้าผมอยากจะสร้างสันติภาพให้คนบนโลก”

“...”

โรเจอร์สฟังแล้วรู้สึกเย็นวาบ วูจินคิดไม่เหมือนใครจริงๆ ถ้าในหัวเขาแปลกไปสักหน่อยมนุษย์ชาติคงเจอหายนะใหญ่ไปแล้ว

“ผมจะวางที่ติดตามไว้ที่พวกมัน พวกคุณจัดการพวกมันไปตามลำดับ”

“หืม ทำไมคุณไม่ทำเองล่ะ ทำไมให้พวกเราได้เครดิตไป?”

วูจินยิ้ม

เขาไม่สนเรื่องได้หน้าหรือใบประกาศเกียรติคุณมานานแล้ว เขาแค่อยากเชือดไก่ให้ลิงดูเพราะพวกมันมาหาเรื่อง ถ้าเขาทำเองมันจะไม่ได้ผลเต็มที่

อีกอย่าง วูจินมีเรื่องอื่นต้องทำ

“งั้นผมไปก่อน รู้ว่าพวกคุณจัดการได้”

“ผมจะเรียกทีม A ทันที”

วูจินลุกขึ้น พันเอกโรเจอรส์ก็ลุกขึ้นพร้อมกัน

วูจินเดินไปทางห้องที่จัดไว้ให้เขา สตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังยืนรอเขาที่หน้าประตู วูจินเห็นเธอแล้วถอนหายใจ

“มาทำอะไรตรงนี้?”

“ผู้น้อยอยากได้คำตอบจากท่าน”

สตรีศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าลงอย่างนอบน้อมแล้วก้มหัวติดพื้น

วูจินนั่งยองๆให้อยู่ระดับสายตาของเธอ

“เฮ้”

“คะ?”

“เธอบอกไม่ใช่เหรอว่าจะพยายามมองฉันเป็นคนเหมือนกัน?”

“...”

“แล้วทำไมถึงต้องคุกเข่าหงอเหมือนหมาทุกครั้งที่เจอฉัน?”

“...”

เธอจะทำอย่างไรดี? วูจินเป็นคนที่เจอกับเทพมาแล้ว

เธอเป็นมนุษย์ศรัทธาในเทพีอาเรีย ในสายตาของเธอ วูจินคือคนที่เธอต้องเคารพ ไม่มีอะไรเปลี่ยนเรื่องนี้

“ฉันจะพยายามเข้าใจคุณให้มากกว่าเดิมค่ะ คุณคังวูจิน”

ไม่ใช่ผู้ไม่ตาย เธอจะมองเขาในฐานะมนุษย์คังวูจิน

“เฮ้อ ถึงยังไงฉันก็จะไปอัลเฟนอยู่แล้ว”

“หมายความว่า...!”

ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์สั่นไหว วูจินยักไหล่

ตอนนี้บนโลกมีดันเจี้ยนถึงแค่ 6 ดาว

ดันเจี้ยนมีระดับสูงถึง 9 ดาว

เมื่อดันเจี้ยน 9 ดาวเปิด หมายความว่าปริมาณมานาบนโลกมาถึงจุดอิ่มตัว ถึงตอนนั้นจะมีวัตถุดิบให้เขาเก็บเกี่ยว

วัตถุดิบเหล่านั้นรวมถึงวัตถุดิบหายากที่จำเป็นต้องใช้ในการทำเครื่องสวมใส่ของเขา

นอกเสียจากสะสมแต้มซื้อมันผ่านร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ เขาก็ต้องเข้าดันเจี้ยน 9 ดาวเพื่อหาวัตถุดิบเหล่านั้น ถ้าหาจากโลกไม่ได้ เขาก็ต้องไปหาที่อัลเฟน

วูจินจำเป็นต้องมีชุดเซ็ทของทราชห์ในการต่อสู้กับเหล่าแม่ทัพของทราห์เน็ต

“ฉันจะโจมตีอัลเฟน เธอมีหน้าที่ช่วยคน ฉันจะให้เธอตามไปด้วย”

“ขอบคุณ ขอบคุณค่ะ”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ก้มหัวขอบคุณซ้ำๆ เทพีของเธอพูดถูก ผู้ช่วยอัลเฟนที่อยู่บนโลกก็คือคังวูจินนี่เอง นี่คือเหตุผลที่เทพีนำทางเธอมา

“เตรียมตัวไว้แล้วกัน สองสามวันนี้ฉันยังไม่ทำอะไรก่อน”

“ค่ะ”

วูจินกลับห้องแล้วเรียกกาเกบิออกมาทันที

“เอาเงาของนายกลับมา...”

[คึๆ ข้าอยากรู้นักว่ามันเป็นใคร]

กาเกบิเรียกเงาที่วางไว้ที่นาสเซอร์ สัตจิกลับมา วูจินรู้สึกเหมือนมีบางอย่างพุ่งเข้ามาในตัว เขารับสิ่งที่นาสเซอร์ สัตจิได้เห็นได้ฟังเข้ามา

ความทรงจำของหลายๆวันโผล่ขึ้นมาในหัวรวดเดียวจนปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย วูจินขมวดคิ้วเอามือกดขมับ

“ดูท่าจะไม่ต้องไปจับมันแล้ว”

นาสเซอร์ สัตจิ เคยเปิดดูบัญชีตัวเองแล้วและวูจินเห็นชื่อสำคัญหลายชื่อที่ยังไม่ถูกจับ แต่พวกนั้นไม่สำคัญสำหรับเขา

[งานจากหัวหน้ากิลด์ฮวาราง]

“ไอ้ทุเรศนั่นเหรอ?”

วูจินขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงหัวหน้ากิลด์ฮวาราง ลีซังโฮ เหมือนหนูแต่กล้าทำเรื่องแบบนี้ เมื่อนึกย้อนไป วูจินรู้ว่าลีซังโฮมีเหตุผลให้เกลียดเขาหลายอย่าง

“รอฉันกลับไปก่อนเถอะ”

วูจินหยิบกระดาษจดบนโต๊ะ เขียนที่อยู่ของนาสเซอร์ สัตจิและข้อมูลทุกอย่างลงไป

“เมโลดี้”

“ค่ะ”

เมโลดี้เปิดประตูเข้ามา วูจินยื่นกระดาษจดให้

“เอาให้พันเอกโรเจอร์สตอนเขากลับมา ในสามวันนี้อย่าให้ใครเข้ามาในห้องนี้”

“ค่ะ”

หลังจากเมโลดี้ออกไป วูจินเรียกกาเกบิออกมาใหม่

“นอนอย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร ถ้านายออกไปวุ่นวายฉันจะต่อยจริงๆ”

“คึๆ เจ้านายไม่ต้องบอกข้าหรอก”

กาเกบิเป็นอสูรตัวเดียวที่วูจินกังวล แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้เขา วูจินสลับเงากับกาเกบิ

‘เงา 6 เงา’

เขาจะได้ร่องรอยของคน 6 คน

วูจินใช้ข้อมูลที่ได้จากคาริมเลือกคนมา 6 คน ทั้งหมดเป็นผู้นำที่หัวรุนแรงที่สุด วูจินออกไปอย่างเงาตรงไปหาพวกมัน

เมื่อวูจินจากไป กาเกบิในร่างของวูจินก็ลุกขึ้น หยิบเบียร์จากตู้เย็นมาดื่ม

“คึๆๆ”

ควบคุมศพก็ดี แต่ที่ยอดเยี่ยมกว่าคือได้ควบคุมร่างของเจ้านาย หลังดื่มเบียร์หมด กาเกบิเดินไปมารอบเตียง เขาจ้องไปที่ประตูห้อง

สตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างนอก ของเล่น

“คึๆ ตอนนี้ข้าจะทำตัวเรียบร้อยก่อน”

เขาอยากเล่นและก่อเรื่อง แต่อดใจไว้ก่อน เจ้านายของเขายังไม่แข็งแกร่ง และกาเกบิต้องเติบโตไปพร้อมเจ้านาย

กาเกบิหัวเราะเจ้าเล่ห์แล้วล้มบนที่นอน

***

สถานีซาดาง สำนักงานของกิลด์อลันดาล

สมาชิกหลักรวมตัวกันที่ห้องประชุม มองหน้ากันไปมาแต่ไม่พูดอะไร ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด

คนแรกที่เอ่ยปากทำลายความเงียบคือจุงมินชาน

“คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำได้ กรรมการฮง”

“ผมรู้ว่าเขามีทักษะพวกนั้น แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำได้ขนาดนี้”

ฮงซุงกูถอนหายใจ

เขารู้อยู่แล้วว่าวูจินใช้ทหารกับนักเวทย์โครงกระดูก รู้ด้วยว่าแต่ละตัวเทียบได้กับแรงค์ D ไม่สิ ตอนนี้ดูเหมือนจะใกล้เคียงกับแรงค์ C แล้ว

แถมยังมีเป็นหมื่นตัว

“เฮ้อ... คนแบบนี้เป็นประธานของเราจริงๆสินะ”

“...”

ทุกคนมีประธานคนเดียวกัน ดังนั้นเลยเครียดพอกัน

ตอนนี้พวกเขาชินกับนักข่าวที่มาอยู่หน้าสำนักงานแล้ว ขนาดว่าถ้าพวกนักข่าวไม่อยู่พวกเขาจะรู้สึกว่ามีอะไรผิดไป แต่ว่าตอนนี้มีสมาคมแปลกๆเริ่มมารวมตัวกันหน้าสำนักงาน

แล้วตำรวจก็มาคอยกันกลุ่มประหลาดเหล่านั้น ดังนั้นพื้นที่สถานีซาดางจึงมีคนเนืองแน่นเสมอ

“เอาล่ะ ที่ทำไปแล้วก็แล้วไป มาคุยกันเรื่องวิธีแก้ไขเถอะ”

อีกครั้งที่วูจินทำเรื่องใหญ่มาก เขาสังหารกองกำลังกบฏทั้งอัฟกานิสถาน

มันคือสงคราม แต่บางคนบอกว่ามันคือการเข่นฆ่า มันเป็นหัวข้อที่อ่อนไหว

คนกังวลที่เห็นพลังขนาดนี้ในตัวคนๆเดียว

เรื่องที่ทหารที่เขาควบคุมคือโครงกระดูกที่เรียกมาจากศพมนุษย์ทำให้คนยิ่งกลัวและกังวล

“อืม ลำดับแรกมาจำลองสถานการณ์กัน ประธานของเราจะทำอย่างไรถ้ามาเห็นคนประท้วงข้างนอกสำนักงาน”

มินชานถาม วูซุงฮุนยกมือขึ้น

“เชิญพูด กรรมการวู”

วูซุงฮุนขมวดคิ้ว แล้วเลียนแบบวูจิน

“ขยะพวกนี้มันอะไร? อยากโดนต่อยกันใช่ไหม?”

“ก๊าก”

ซุงกูหัวเราะลั่น ไม่นานก็กลับมาตีหน้าเครียดแล้วขอโทษ

“อ่า ขอโทษครับ แต่ว่าถ้าลูกพี่กลับมาต้องเป็นเรื่องยุ่งแน่ นิสัยลูกพี่คงไม่ปล่อยพวกข้างนอกไว้”

สีหน้ามินชานมืดครึ้ม

“เพราะอย่างนี้เราถึงต้องหาวิธีรับมือ”

เฮมินพูดอย่างเคร่งเครียด เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกสภาจากนักข่าวที่เขาสนิทด้วย

“บรรยากาศในสภาไม่ดีเลย พวกเราปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาไปครั้งหนึ่งเลยถูกมองไม่ดีนัก พอมารู้ว่าพวกเรามีพลังขนาดไหนยิ่งระแวงไปใหญ่”

“อะไร? พวกนั้นคิดว่าเราจะปฏิวัติเรอะ?”

วูซุงฮุนโกรธเพราะเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา แต่ความคิดของพวกเขากับคนในสภาต่างกัน คนมีอำนาจจะระแวงเมื่อคนนอกได้อำนาจ

ถ้าไม่ได้ลงเรือลำเดียวกันก็ต้องจมเรือลำนั้น...

วูจินไม่ยอมร่วมมือ แต่การคงอยู่ของอลันดาลยิ่งใหญ่เกินกว่าจะจมได้

“หลายคนในสภากำลังคุยกันว่าจะห้ามไม่ให้ท่านประธานเข้าเกาหลี”

ทุกคนฟังคำบอกของเฮมินแล้วขมวดคิ้ว

วูจินไม่ได้ทำร้ายเกาหลี ทำไมพวกเขาต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่...

“อืม มาคิดหาวิธีรับมือกันเถอะ”

ถ้าวูจินกลับมาเกาหลีทั้งแบบนี้ต้องมีปัญหาแน่

สื่อทั่วโลกชื่นชมคังวูจินในฐานะวีรบุรุษที่ช่วยโลกจากการก่อการร้าย แต่รัฐบาลเกาหลีระแวงคังวูจิน กลุ่มลัทธิก็ต่อต้านเขา

ถ้าวูจินกลับมาทั้งแบบนี้ เขาต้องระเบิดแน่

คนพวกนี้รู้จักเขาน้อยไป

กฎข้อแรกของวิจินคือตาต่อตา ฟันต่อฟัน เขายึดกฎข้อนี้เหนือข้ออื่น คนบนโลกเชื่อมั่นในกฎของตัวเองเกินไป

พวกเขาเหมือนเต้นตรงหน้าสิงโตโดยไม่รู้เลยว่ารั้วมันทรุดไปแล้ว

“เฮ้อ”

ถึงย้ายสำนักงานก็แก้ปัญหาไม่ได้ พวกเขานึกทางแก้ไม่ออกเลยได้แต่ถอนหายใจ วูซุงฮุนเล่นโทรศัพท์เป็นพักๆแล้วก็พูดขึ้น

“เอ๋? ในนี้บอกว่าดันเจี้ยนที่แดกูระเบิด”

“หือ? ผมไม่ได้ข่าวเลยนะ”

มินชานงงพลางเปิดทีวี ดันเจี้ยนเบรกจะเกิดในวันที่ 30 ของการบุกดันเจี้ยนครั้งแรกล้มเหลว ไม่มีทางที่มินชานจะไม่รู้ล่วงหน้า

[ขณะนี้ผมอยู่ที่แดกู ดันเจี้ยนเบรกเกิดขึ้นติดต่อกัน ตอนนี้เรายังเข้าไปใกล้ไม่ได้และกองทหารในละแวกกำลังเคลื่อนเข้ามา รัฐบาลประกาศกฎอัยการศึกทันทีและกำลังขอความร่วมมือจากกิลด์ทุกแห่ง]

เฮลิคอปเตอร์ถ่ายภาพจากที่ไกลๆ เมืองกำลังลุกไหม้และพวกมอนสเตอร์ออกมาอาละวาดท่ามกลางตึกอาคารถล่ม...

ภาพวุ่นวายหมายถึงคนไม่ได้เตรียมตัวกับดันเจี้ยนเบรก พวกเขากำลังเจอกับหายนะที่สร้างความเสียหายมหาศาลทำให้นึกถึงดันเจี้ยนช็อกที่เกิดครั้งแรก

‘ประธาน’

ขณะดูข่าวด่วน ทุกคนนึกถึงคนๆนั้น


สารบัญ                                    บทที่ 98


วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 96

บทที่ 96 – หวาดกลัว

เหนือสนามรบมีเฮลิคอปเตอร์ของกองทหารสหรัฐสองลำลอยอยู่

แม้รัฐบาลจะตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าจะโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏหรือไม่ แต่กองทัพสหรัฐทำสงครามกองโจรกับกลุ่มต่อต้านมาได้สักพักแล้ว ทีม A ช่วยเหลือตัวประกันไปจำนวนมากและทำลายสิ่งปลูกสร้างสำคัญไปหลายแห่ง

พวกเขาใส่แว่นกันแดดและติดไมค์สื่อสาร เสียงใบพัดไม่เป็นอุปสรรคต่อการพูดคุยระหว่างกัน

“ว้าว พวกเรากำลังดูอะไรอยู่วะ?”

“สุดๆเลยว่ะ”

“หัวหน้า ผมว่าไม่มีอะไรให้เราทำแล้วนะ?”

บรอน หัวหน้าทีม A มองการรบที่เห็นผลแพ้ชนะแล้ว เขาส่ายหน้า

โครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายไปแล้ว อาคารพังทลาย ถนนกลายเป็นหลุมบ่อ แสดงให้เห็นว่าการรบรุนแรงแค่ไหน

ที่น่าขนลุกคือไม่มีศพหลงเหลืออยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นศพของศัตรูหรือพวกเดียวกัน

ศพศัตรูถูกใช้เรียกทหารโครงกระดูก และคังวูจินระวังมากที่จะนับใครเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงตัวคนเดียว

“น่าประหลาดใจจริงๆ คนๆเดียวใช้กำลังทำให้เรื่องทั้งหมดจบลงได้”

“พอคิดถึงว่าพวกเราฝึกมานานขนาดไหนแล้วรู้สึกท้อแฮะ ว่าไหม? ฉันน่าจะฝึกเพิ่มแรงค์ของเราส์”

หน่วยรบพิเศษนี้ประกอบด้วยเราส์ตั้งแต่แรงค์ D ขึ้นไป

ความสามารถด้านการต่อสู้และการทำภารกิจของพวกเขาเทียบเท่ากับเราส์แรงค์ A แต่เมื่อได้มาเห็นผลลัพท์ที่น่าเหลือเชื่อของเราส์แรงค์ AA คังวูจิน เทียบกับที่เขาพยายามมามันด้อยไปเลย

“เขาคนเดียวเท่ากับคนทั้งกองทัพเลยจริงๆ”

“เกาหลีน่าจะเอางบประมาณป้องกันประเทศมาจ้างคังวูจินไปเลยนะ”

“ฮ่าๆๆ น่าจะทำแบบนั้นจริงๆ”

“ฉันรู้สึกว่างเปล่าไปเลย พวกเราทำบ้าอะไรกันอยู่ในสนามรบวะ?”

“ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ได้เรื่อง แต่หมอนั่นเป็นคนพิเศษ”

“จินตนาการว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยไหวแล้วตอนนี้”

คังวูจินทยอยส่งอัศวินมรณะกับทหารโครงกระดูกกลับเข้าไปในห้องรออัญเชิญ

“เอาล่ะ การต่อสู้จบแล้ว พวกเราไปปิดฉากกันเถอะ”

“ลงไปกันเถอะ”

เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงช้าๆตามคำสั่งของหัวหน้าทีม

วูจินส่งทหารโครงกระดูกกลับไปหมดพอดีเมื่อเฮลิคอปเตอร์จอด น่าเสียดายที่เขาต้องสลายนักเวทย์โครงกระดูกไป

ถ้าไม่มีคนควบคุมพวกโครงกระดูกมันจะเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์

ทุกคนได้เห็นภาพตระการตาของนักเวทย์โครงกระดูกเกินพันตัวร่วงลงพื้น

“พวกนายทำได้ดี”

“เราได้พลังคืนมาเยอะเลยเมี้ยว อีกหน่อยเราจะได้ใช้ร่างจริงแล้วเมี้ยว”

“เยี่ยม เธอลำบากมาเยอะแล้ว”

ในร่างแมว บิบิสามารถใช้ฝันร้ายกับภาพลวงตาได้ไม่มีปัญหา แต่พลังห่างกันมาก ถ้าเธออยู่ในร่างจริง เธอจะสามารถใช้ภาพลวงตาหมู่ได้

เลเวลของบิบิเพิ่มขึ้น เธอค่อยๆสะสมพลังจนใกล้จะสร้างร่างจริงได้ อีกอย่าง ระดับมานาบนโลกที่เพิ่มขึ้นก็มีส่วนช่วย

“ฮ้าว งั้นเจอกันในสนามรบคราวหน้านะเมี้ยว”

บิบิหาวแล้วเปลี่ยนเป็นควันดำ วูจินหันไปทางโดลเซ

“นายก็เข้าไปด้วย”

โดลเซเขย่าร่างตัวเองทำให้เกิดเสียงเหล็กกระทบกัน เกราะเหล็กบนตัวเขาร่วงลงทีละอันไม่นานก็กลายเป็นกองเหล็ก หัวใจของโดลเซโผล่ออกมาจากกองเหล็กแล้วหายไป

เฮลิคอปเตอร์ถึงพื้นก่อน แต่ที่มาถึงตัววูจินก่อนคือรถนักข่าว ทีม A ก็กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา

“ขอสัมภาษณ์ได้ไหมครับ?”

นักข่าวทอมถามอย่างระมัดระวัง เสียงเขาสั่นด้วยความเครียด

“ไม่”

“เข้าใจแล้วครับ”

ทอมไม่ถามต่อ เขาหันกล้องไปทางสนามรบแล้วพูดเรื่องเมสสิอาห์ การกำเนิดของผู้พิทักษ์สันติสุขโลก
หลังจากจบการถ่ายทอดสด เขาวิ่งไปทางวูจินแล้วผงกหัว

“คุณจะไปที่ไหนต่อ?”

“ฉันจะกลับเกาหลี นายไม่ต้องตามแล้ว”

“อา...!”

ทอมถอนหายใจ เขานึกว่าวูจินจะสู้ต่อจนกว่ากลุ่มก่อการร้ายจะหายไปหมดเสียอีก แต่เขาไม่สามารถห้ามวูจินได้

“ขอบคุณครับ คนที่นี่และคนทั่วโลกจะไม่ลืมคุณคังวูจินเลย”

“พวกนายทำได้ดี ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า”

“...”

วูจินโบกมือให้กลุ่มนักข่าวแล้วเดินไปทางทีม A ทอมรู้สึกใจเต้นแรงขณะมองด้านหลังของวูจินที่เดินห่างไป

ต่อให้เขานอนเตียงเดียวกับสาวสวยที่สุดในโลกเขายังไม่รู้สึกคาดหวังขนาดนี้ (TN/เอ่อ...เปรียบได้...)

“คราวหน้า...”

คำพูดของวูจินทำให้ทอมรู้สึกคาดหวังแบบแปลกๆ และเหมือนเขาได้รับการยอมรับจากวูจิน เขายืนนิ่งไม่ขยับไปเป็นนาน

วูจินเดินไปทางทีม A

มันเป็นการรบที่ประหลาดมาก คนที่มีชีวิตอยู่คือผู้ชนะคนเดียว บรอน หัวหน้าทีม A ยื่นมือมาอย่างนับถือ
วูจินรู้จักทีม A พวกเขาเป็นคนช่วยวูจินวางแผนถูกลักพาตัว

“ผมต้องยินดีกับคุณด้วยกับผลที่ไม่น่าเชื่อนี่”

“เอ่อ ทำไมพวกคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

คนฆ่าคน มันเป็นเรื่องต้องชมเหรอ?

ความตายก็คือคำสาป มีแต่มีชีวิตอยู่จึงจะได้รับพรจากชัยชนะ ในฐานะเนโครแมนเซอร์ ไม่มีอะไรน่าอึดอัดมากไปกว่าเห็นคนชื่นชมฆาตกร

วูจินเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นทันที

“พวกเรามารับคุณ”

“ผมไม่เคยเรียกนะ”

“หา?”

บรอนตะลึง แต่แล้วก็เข้าใจว่าวูจินแค่ล้อเล่น

“รัฐบาลยังไม่อนุมัติเรื่องการสู้โดยตรงเลยมีแต่พวกเราทีม A ที่ถูกส่งมาสนับสนุน”

“พวกคุณเลยแค่มองผมอยู่ห่างๆ”

“...”

บรอนเถียงไม่ออก ที่จริงแล้ว คำสั่งที่โรเจอร์ให้ทีม A คือ ‘ช่วยคังวูจินเมื่อเขาเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ’

รัฐบาลสหรัฐไม่นึกว่าคนๆเดียวจะจบสงครามที่พวกเขาไม่กล้าเริ่มได้

“ช่างเถอะ ไปกันเถอะ”

“ใช่ กลับกันเถอะ”

ทีม A ล้อมรอบวูจินแล้วทั้งหมดก็วิ่งไปทางเฮลิคอปเตอร์ นักข่าวถ่ายรูปพวกเขาไม่หยุด

“เขาจะเป็นอะไรไหม?”

“หมายความว่ายังไง?”

นักข่าวโจนี่ถามทอม

“คนมากกว่าสองหมื่นคนตายไป”

“อืม”

“คังวูจินคนเดียวฆ่าคนไปมากมาย”

“นายคิดจะพูดอะไร?”

โจนี่จะบอกว่าคังวูจินเป็นฆาตกรสังหารหมู่อย่างนั้นเหรอ? ทอมโกรธเมื่อไอดอลของเขาถูกว่าร้าย โจนี่ถอยหลังพลางโบกมือ

“นี่คือสงคราม ฉันแค่เป็นห่วงคุณคังวูจิน”

“เขาทำไม?”

“ก็ดูทหารที่กลับจากสงครามสิ พวกเขาทรมานเพราะ PTSD”

คำพูดของโจนี่ทำให้ทอมมีสีหน้ากังวล เขาเรียกทหารโครงกระดูกมาสู้ แต่ที่สุดแล้ววูจินก็คือผู้รับผิดชอบการกระทำของพวกมัน

เขาฆ่าคนไปมากมาย จิตใจเขาจะย่ำแย่ไหม?

การฆ่าไม่แค่ทำร้ายผู้ถูกกระทำ ฝ่ายกระทำก็รู้สึกแย่เช่นกัน ทอมเชื่อว่าวูจินต้องมีแผลทางใจแน่

เขาถูกท่าทางภายนอกที่ไม่หวั่นไหวเลยของวูจินหลอก วูจินเป็นผู้ช่วยที่มาหยุดสงคราม แต่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเขา

“พระเจ้า”

ทอมหน้าเครียด

วูจินต้องเครียดที่สุดแน่ ถ้าตอนนี้เขามาได้ยินความเห็นในด้านลบอีกจะเป็นอย่างไร?

เหมือนช่วยคนอื่นแต่ถูกจับเสียเอง

“เรามีงานต้องทำ”

พวกเขาต้องหยุดไม่ให้เกิดความเห็นด้านลบ ชายคนนี้ไม่ใช่ฆาตกรแต่เป็นวีรบุรุษสงคราม นักข่าวแต่ละคนมีประสบการณ์ด้านทำข่าวสงครามต่างกัน แต่นักข่าวทั้ง 30 คนมีสีหน้ามุ่งมั่นแบบเดียวกัน

พวกเขาต้องช่วยคังวูจิน

จากนี้เขาต้องสู้เพื่อช่วยชายที่ช่วยพวกเขา เพื่อคังวูจินที่กำลังลำบาก

***

เสียงใบพัดดังในหูของวูจิน เขากอดอกปิดตาสนิท

ทันทีที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ วูจินนั่งอยู่ในท่านี้ไม่ขยับ คนในทีมไม่มีใครกล้าคุยกับเขา

วูจินทำสมาธิ ผ่อนคลายจิตใจที่บาดเจ็บ เขาปล่อยความเครียด สติเขาล่องลอยไป

เขาอยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น การควบคุมในตัวเขาอ่อนแอลง วิญญาณร้ายเริ่มวนเวียนรอบเขา พวกมันเกาะร่างวูจิน เหมือนไม่สามารถจากไปด้วยเพราะความแค้นที่ฝังลึก

‘ขอโทษ’

วูจินมองดวงวิญญาณที่เป็นสีดำอ่อนกว่าดวงอื่น เขาส่งความคิดไปยังวิญญาณของเด็กหญิงที่เขาไม่รู้จักชื่อ วิญญาณดวงนั้นสั่นแล้วเริ่มวนเวียนรอบตัววูจินพร้อมกับวิญญาณร้ายดวงอื่น

เขาขอโทษไปแล้ว

จบแค่นี้ เขาไม่สนใจถ้าเธอจะตามสิงเขา...

‘ไม่ได้บ้าดีเดือดขนาดนี้มานานแล้ว’

วูจินมองเหล่าวิญญาณร้ายแล้วจมอยู่ในความคิดของตัวเอง

ถ้าเขาอยากช่วยใคร เขาต้องฆ่า

เขาไม่ใช่พระเจ้า เขาจะไปตัดสินได้อย่างไรว่าใครควรอยู่หรือตาย?

เมื่อวิญญาณกลายเป็นวิญญาณร้าย พวกมันด่าทอสาปแช่ง เคียดแค้นเขา น่าขำที่มันให้วูจินไม่เสียสติไป

มันเป็นการลงโทษที่เหมาะสมในสิ่งที่เขาทำลงไป มันทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง

‘สกปรก’

วูจินขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตา

อดีตของเขาโหดร้ายเกินไปจนเขาไม่อาจกลัวการฆ่าคน

‘ช่วงวัยรุ่นของฉันมันผ่านไปแล้ว’

เขาผ่านชีวิตที่หยาบกร้านโหดร้ายมา นักเรียนม.ปลายที่อ่อนโยนกลายเป็นผู้ไม่ตาย และเขายังมีชีวิตรอด

เขาแค่ฆ่าคนที่ต้องฆ่า

ความคิดเขาไม่ถูกกระทบกระเทือน แต่เขาอดรู้สึกสกปรกไม่ได้

วูจินลืมตาเมื่อบรอนเรียก

“ถึงแล้ว”

“...อืม”

วูจินตั้งสติใหม่ ไม่นานวิญญาณร้ายก็หายไป จากนั้นภาพของฐานทัพอากาศบากรามก็ปรากฏในสายตา

“พวกคุณมีกีฬาสีเหรอ? ทำไมคนขนาดนี้มาอยู่ข้างนอก?”

“...หึ”

บรอนกลั้นขำไม่อยู่เมื่อได้ยินคำพูดของวูจิน

ทำไมถึงไม่รู้ตัวได้ขนาดนี้ว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ?

เฮลิคอปเตอร์จอดตรงจุดจอด บรรดาทหารกำลังสวนสนามโดยมีจุดจอดเป็นศูนย์กลาง

ทหารทุกคนในฐานทัพมาอยู่ที่นี่ พวกเขาหยุดทุกอย่างที่ตัวเองกำลังทำแล้วออกมาที่นี่ มาต้อนรับวีรบุรุษที่หยุดสงคราม

วูจินลงจากเฮลิคอปเตอร์

นายพลเดวิดยืนหน้าสุด เขายืนโต้ลมจากเฮลิคอปเตอร์ โรเจอร์หัวหน้าหน่วยเราส์และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆยืนด้านหลังเขาไปหนึ่งก้าว

“อะไรเหรอ?”

วูจินเข้าไปหานายพลเดวิดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น ไม่นานเฮลิคอปเตอร์ก็หยุดนิ่งและทีม A ตามมาหยุดหลังวูจิน

[แถวตรง!]

ทหารทั้งหมดยืนนิ่ง วูจินเลิกคิ้วเมื่อเห็นความพร้อมเพรียงของพวกเขาแล้วยิ้ม

[ทำความเคารพ!]

“Sir!” (TN/คนแปลไม่รู้ว่าตอนตั้งแถวเขาพูดตอบรับกันยังไง ><)

มือยกขึ้นพร้อมกัน เสียงตะโกนดังก้องลานจอด

วูจินยิ้มแล้วมองไปรอบๆ ทุกคนยกมือทำวันทยหัตถ์ สมาชิกทีม A ราเชลเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง คนขับเฮลิคอปเตอร์ พนักงานที่ไม่ใช่ทหารกระทั่งทหารช่าง...

นายพลเดวิดผู้ใช้เวลา 30 ปีจากสงครามหนึ่งไปสงครามหนึ่งก็ทำความเคารพเช่นกัน

มันเต็มไปด้วยความเคารพและขอบคุณ...

“นี่...”

วูจินยกมือแตะคิ้วขวาอย่างเก้งก้าง

“ผมทำถูกไหม?”

สมาชิกทีม A ยิ้ม นายพลเดวิดหัวเราะ

เขาขอบคุณวีรุบุรุษที่จบสงครามบ้าๆนี้

“พวกเขามาต้อนรับคุณแบบวีรบุรุษ”

เดวิดพูด ผายมือให้วูจินเป็นการนำทางแล้วหันไป ทหารเปิดทางให้พวกวูจิน

“เอ่อ เขินนิดๆนะ”

แต่ไม่ได้แย่นัก

เมื่อวูจินออกเดิน ทหารทุกคนปรบมือแล้วส่งเสียงเชียร์

“เพราะคุณผมเลยได้กลับไปหาครอบครัวเสียที”

“ผมเสียเพื่อนร่วมรบไป 5 คนเพราะพวกนั้น ขอบคุณ”

“ขอบคุณ...”

แต่ละก้าวของวูจิน เขาได้ยินคนมากมายพูดกับเขาจนหูชา แต่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร

มุมปากวูจินยกขึ้นน้อยๆ

‘อืม นี่คงไม่แย่ไปเสียทีเดียว’

นี่เป็นครั้งแรก

คนพวกนี้ต้อนรับเขาโดยไม่มีความหวาดกลัวหรือบูชา

วูจินเดินไปจนสุดแถว เขาหยุดเดิน สตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังยืนตรงหน้าเขา



สารบัญ                                                      บทที่ 97



วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 95

บทที่ 95 – ผืนทรายสะเทือน (4)


ในอีกด้านหนึ่ง เมโลดี้รู้สึกแค้นเคืองวูจิน

“ทำไมตอนนั้นท่านถึงไม่โกรธแบบนี้?”

ผู้ไม่ตายในความทรงจำของเธอคือจ้าวแห่งอลันดาล

เขาเอาดินแดนรกร้างแห่งหนึ่งและประกาศเป็นอาณาเขตของเขา ตั้งชื่อว่าอลันดาล เขาไม่เคยปรารถนาในดินแดนอื่น ไม่เคยรุกรานอาณาเขตใด แต่ถ้าดินแดนของเขาถูกล่วงล้ำ เขาจะใช้พลังทั้งหมดที่มีตอบโต้ผู้ล่วงล้ำ

สิ่งเดียวที่เขาปกป้องคืออลันดาล

เมื่ออาณาจักรแตกเป็นเสี่ยง พวกเธอตั้งสหภาพขึ้นมาเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง แต่ผู้ไม่ตายปกป้องแต่อลันดาล ถ้าผู้ไม่ตายปกป้องอัลเฟนด้วย...ถ้า...

ตอนนี้อลันดาลจะปลอดภัยไหม?

“องค์เทพี ได้โปรดอย่าให้เขาโกรธไปกว่านี้...”

หากวูจินกลายเป็นศัตรูของคนบนโลก เขาอาจแยกตัวออกมาเป็นเพียงคนดู แล้วโลกก็จะกลายเป็นแบบเดียวกับอัลเฟน

คนบนโลกจะยุ่งอยู่แต่กับการรักษาตัวเอง จะไปคิดช่วยอัลเฟนได้หรือ?

“ได้โปรดให้ความโกรธของเขานำไปสู่ความพ่ายแพ้ของทราห์เน็ต...”

เมโลดี้เข้าใจแล้ว

วูจินไม่ใช่ผู้ช่วย เขาเป็นไม่ได้

เขาเป็นตัวแทนของทราช เทพแห่งการทำลาย

ถ้าจะขอความช่วยเหลือจากผู้ไม่ตาย ไปร่วมมือกับเผ่าอิมพ์น่ารังเกียจยังดีกว่า

เธอได้แต่หวังว่าความโกรธของเขาจะพุ่งไปยังทราห์เน็ต

เธอหวังให้เขาสังหารทำลายศัตรูของพวกเธอ

“ขอให้ความเป็นระเบียบเกิดขึ้นหลังจากการทำลาย...”

การแสดงความเคารพต่อเทพไม่ได้มีแต่การยกย่องและความรัก ความกลัวก็ด้วย

“ขอให้ผู้ไม่ตายกลายเป็นเทพแห่งการทำลาย...”

เมโลดี้หวังจากใจจริง

เธอไม่รู้ว่าคำขอของเธอจะสมหวังหรือไม่ เธอบอกไม่ได้ว่ารูปปั้นเทพีกำลังยิ้มหรือร้องไห้

***

ห้องบัญชาการของกลุ่มกบฏ

“โว้ย!”

คาริม หัวหน้ากลุ่มกบฏกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“โครงกระดูกพวกนั้นมันอะไรวะ!”

ฐานทัพของพวกเขาถูกทำลาย กองกำลังที่ยึดเมืองก็เช่นกัน เมืองเป็นที่ๆมีพลเมืองรวมกับพวกต่อต้าน ดังนั้นกองทัพสหรัฐจึงไม่มีทางทิ้งระเบิดลงมาได้

แม้แต่กองทหารพื้นราบก็ไม่กล้าบุกลึกเข้ามาในเมือง สำหรับพวกต่อต้าน พลเมืองก็คือโล่ดีๆนี่เอง

แต่แล้วกองทัพโครงกระดูกก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ พวกมันถาโถมเข้ามาในเมือง

ปืนใช้กับพวกมันไม่ได้ผล โครงกระดูกน่ารังเกียจพวกนั้นเหมือนโผล่มาจากดันเจี้ยน หนำซ้ำยังมีความสามารถแยกแยะผู้ต่อต้านกับพลเมืองออก

แต่ใช่ว่าพวกโครงกระดูกจะปล่อยพลเมืองไว้

ไม่สำคัญว่าเป็นฝ่ายไหน พวกโครงกระดูกฆ่าทุกคนที่ขัดขืน

และที่แย่ที่สุดคือพวกบ้านี่มุ่งตรงมาที่เขา

เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย คาริมจะย้ายไปตามที่ซ่อนต่างๆ แต่เจ้าพวกบ้านี่จะเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้ามาที่เขาเสมอ

‘ตำแหน่งของฉันถูกเปิดเผย’

ไม่รู้ว่าพวกมันใช้วิธีอะไร แต่พวกบ้านี่มุ่งหน้ามาที่เขา

มีนักข่าวสงครามตามทำข่าวกองทัพโครงกระดูก ดังนั้นเขาจึงแน่ใจว่าเป้าหมายของพวกมันคือตัวเขาเอง
ถ้าหนีไม่ได้ก็มีแต่ต้องสู้

ยิ่งเร็วยิ่งดี ก่อนที่กองกำลังของเขาจะถูกทำลายไปจนหมด

อีกอย่าง พวกมันใช้ศพปลุกโครงกระดูกขึ้นมา ยิ่งนานจำนวนโครงกระดูกไม่มีทางน้อยลงมีแต่จะมากขึ้น

“รวบรวมคนเสร็จแล้วครับ”

“ออกไปข้างนอกเถอะ”

เขาเคยแต่ออกคำสั่งจากที่มืด แต่ตอนนี้เขาต้องออกไปกับกองกำลังต่อต้านของเขา เพราะพวกมันมีวิธีตามหาเขาเจอ ถ้าเอาแต่หลบเฉยๆไม่ทำอะไรสุดท้ายเขาก็ตาย

ไม่ได้หมายความว่าอาวุธของพวกเขามีน้อย

ฉันจะแสดงให้พวกมันเห็น

ตัวแทนของพระเจ้า คาริม เดินออกจากที่ซ่อน โดยไม่รู้เลยว่าเงาของเขากำลังยิ้ม

***

พวกนักข่าวไปอยู่ตรงยอดเขาแห่งหนึ่ง

ตอนแรกมีแค่ทอมกับนักข่าวสงครามสามคน ตอนนี้นักข่าวที่ตามวูจินเพิ่มเป็น 30 คนแล้ว  เครื่องไม้เครื่องมือของพวกเขาถูกส่งมา ให้ถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ตยังได้

มีรถสำหรับทำข่าว 5 คัน

พวกเขาอยู่ห่างไปพอควรเพื่อไม่ให้ถูกโจมตีจากศัตรู แต่ตรงนี้ไม่มีสิ่งกีดขวางจึงสามารถจับภาพทุกอย่างบนสนามรบได้ด้วยกล้องคุณภาพสูง

[ศึกครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเรา]

ข่าวของนักข่าวทอมมีคนดูมากเป็นประวัติการณ์ เสียงของเขาส่งผ่านคนทั่วโลก

[นี่คือการเตือนผู้ก่อการร้ายอย่างเด็ดขาด นี่คือเป้าหมายเดียวของเขา]

กล้องจับไปที่วูจินนำกองทัพผีดิบอย่างห้าวหาญ เขาขี่ม้าปีศาจไปช้าๆ ล้อมรอบด้วยอัศวินมรณะ เหมือนแม่ทัพกำลังมุ่งหน้าสู่สงคราม

[เนโครแมนเซอร์ คังวูจิน นี่คือข้อความที่เขาบอกต่อโลก]

กล้องหันไปที่กลุ่มกบฏ มีรถถังเรียงเป็นแถว มีกระทั่งรถขนจรวด มองเห็นร่องรอยการใช้เวทย์มนตร์ คงมีพวกเราส์อยู่ในกลุ่มกบฏด้วย พวกเขาไม่ได้ใส่เครื่องแบบเหมือนกัน ไม่มีเครื่องมือเงางาม แต่กลุ่มกบฏมีมากกว่าหมื่นคน พลังของพวกเขาไม่อาจดูถูกได้

[เขาปลุกกองทัพขึ้นมาเพื่อจบการก่อการร้าย]

กล้องหันไปทางหน้าทอม

[สหรัฐอเมริกาและสหประชาชาติเจรจากันเรื่องส่งกำลังช่วยเหลือมา แต่ยังไม่มีการตัดสินใจชัดเจน แต่ครั้งนี้ คังวูจินกำลังเตรียมจบสงครามครั้งสุดท้าย]

ทอมพูดต่ออย่างจริงจัง

[ผมเชื่อว่าต้องมีคนระแวงสงสัยในตัวเนโครแมนเซอร์ที่บงการกองทัพอันเหลือเชื่อนี้]

[แต่ผมเป็นผู้สื่อข่าวสงครามมาตลอด 15 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นความหวังท่ามกลางความสิ้นหวัง]

กล้องหันไปทางกองทัพผีดิบ

มีทหารโครงกระดูกมากกว่าหมื่น มีกระทั่งนักเวทย์โครงกระดูกในชุดคลุมดำจำนวนหลายร้อย

กล้องซูมเข้าจับภาพของคังวูจิน

[ผมหวังจริงๆว่าเขาจะเปลี่ยนจากราชาของผู้ตายเป็นเทพองค์หนึ่ง]

การต่อสู้กำลังเริ่มขึ้น

[ถ้าเขาชนะ ผมจะนับถือเขาเป็นเทพ]

จบคำ น้ำตาของทอมก็ไหล

***

 วูจินขี่ชิงชิงให้มันวิ่งตามสบาย อัศวินมรณะอยู่ล้อมรอบเขา พาหนะของคิบะใหญ่กว่าม้าปีศาจตัวอื่นราวครึ่งตัว มันเป็นหมาป่า

[ข้าไม่นึกเลยว่าจะได้วิ่งไปกับราชาอีกครั้ง!]

แม้แต่ในหมู่ออร์คซึ่งชื่นชอบสงคราม คิบะก็ยังเป็นนักรบที่เก่งกล้าที่สุด เขาสู้ในสงครามนับไม่ถ้วน เขาตื่นเต้นนักกับสงครามเบื้องหน้าที่จะได้สู้อยู่แนวหน้ากับผู้ไม่ตาย

“อา นายเตรียมรอได้เลย”

วูจินยิ้มน้อยๆ

หลังจากได้อาชีพวอริเออร์ วูจินต้องอยู่ข้างหลังอีกต่อไป หน้าที่หลักของเขายังเป็นสร้างกองทัพแต่คราวนี้เขาไม่อ่อนแออีกแล้ว

[วะฮ่าๆๆ ท่านจ้าวของเรากลายเป็นราชาตัวจริงแล้ว]

แรนซัมยินดีกับอาชีพสองอาชีพของวูจินที่สุด อัศวินมรณะตนอื่นก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน

พวกมันกำลังกวาดล้างฐานทัพของกลุ่มกบฏ ตอนนี้เลเวลเฉลี่ยจึงเพิ่มเป็น 20 อัศวินมรณะแต่ละตนบังคับทหารโครงกระดูกประมาณ 200 ตัว วูจินส่งทหารโครงกระดูกเกือบหมื่นให้

วูจินต้องการค่าบงการเพียง 1 แต้มสำหรับอัศวินมรณะแต่ละตน ค่าบงการอีกส่วนใช้บงการกาเกบิ โดลเซ ชิงชิงและบิบิ ส่วนที่เหลือใช้เรียกนักเวทย์โครงกระดูก

ตอนนี้นักเวทย์โครงกระดูกมี 1,200 ตัว

ถ้าเขาได้ชุดเซ็ททราช เขาจะเรียกนักเวทย์โครงกระดูกเพิ่มได้อีกหลายเท่า แต่เท่านี้ก็ไม่แย่แล้ว

“เสียดายเจนิสไม่อยู่ด้วย”

ถ้าลิช เจนิส อยู่ที่นี่ การสู้ศึกขนาดใหญ่ก็ยิ่งง่าย แต่ไม่เป็นไร หลังจากกลับเกาหลี วูจินจะเพิ่มเลเวลเป็น 80 ในเวลาไม่นานโดยเข้าดันเจี้ยนกับซุงกูและเฮซอล

“ดูเหมือนพวกมันจะออกมาแล้วนะ”

วูจินรู้สึกว่าพลังงานของกาเกบิเข้มข้นขึ้น เขาจึงรู้ว่าหัวหน้ากลุ่มกบฏออกมาจากที่ซ่อนใต้ดินแล้ว

“ไปหาพวกมันกันเถอะ“

วูจินเรียกอาวุธแล้วเปลี่ยนเป็นค้อน

ชิงชิงพ่นลมหายใจแล้ววิ่งไปข้างหน้า ทหารโครงกระดูกเริ่มครอบคลุมพื้นที่

[ข้าอดใจไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ข้าวิ่งเคียงข้างราชา!]

[มันคือเทศกาล เทศกาลแห่งเลือด!]

วูจินยิ้มใส่พวกอัศวินมรณะที่กำลังคุยกันอย่างตื่นเต้น กองทัพผีดิบมากกว่า 10,000 ตนทำให้เขาเกือบคิดไปว่าตัวเองอยู่ที่อัลเฟน

บรรดาอสูรของเขาคิดถึงวูจินบนโลก ในขณะเดียวกัน พวกมันไม่อาจลืมผู้ไม่ตายของอัลเฟน

สำหรับวูจินนี่เหมือนความทรงจำที่ห่างไกล เขาเคยอยู่อย่างชั่วร้าย นี่เป็นเรื่องสิ่งที่เขาไม่อาจทำได้อีก นรกยังไม่จบ ยิ่งกว่านั้นเขากำลังจะเปิดทางสู่นรกกับมือเขาเอง และไม่รู้ว่าเส้นทางนี้จะจบตรงไหน

“กวาดล้างพวกมันให้หมด!”

ชิงชิงวิ่งเต็มแรง

[ตามราชาไป!]

หมาป่าของคิบะตามหลังวูจิน ตามด้วยรัคโตและแรมซัน อัศวินมรณะเร่งม้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ห่ากระสุนไร้ประโยชน์สาดใส่พวกมัน จรวดยิงใส่พวกมันอย่างอันตรายขึ้นมาบ้าง

อัศวินมรณะแต่ละตนมีทักษะเฉพาะที่มีประโยชน์ พวกมันจึงไม่ตายแค่จากจรวด แต่ระเบิดกำจัดทหารโครงกระดูกไปได้บ้าง

รถถังเล็งแล้วยิง

ม้าปีศาจเคลื่อนที่อย่างลึกลับซับซ้อน ขัดกับกฎฟิสิกส์ทั้งหมด พวกมันหลบกระสุน พอเข้าไปใกล้รถถังได้ก็ไม่มีปัญหาอีกต่อไป

เฮลิคอปเตอร์ 5 ลำกลางอากาศน่าเป็นห่วงกว่า

เฮลิคอปเตอร์ยิงจรวดไปทางทหารโครงกระดูกด้านหลัง วูจินใช้ทักษะควบวิญญาณ

เหล่าผีปรากฏขึ้นกลางอากาศ ชิงชิงเหยียบพวกมันขึ้นไป เมื่อเข้าไปใกล้เฮลิคอปเตอร์ วูจินเรียกหอกกระดูกแล้วขว้าง

กระจกหน้าแตก หอกกระดูกพุ่งเสียบหัวใจคนขับเฮลิคอปเตอร์ มันหมุนอย่างเสียการควบคุม วูจินเรียกโดลเซมาดูดมันเข้าไป

เหล็กถูกบดขยี้ คนข้างในถูกผลักออกมา ใบพัดยังหมุนไม่หยุด เอียงไปทางเฮลิคอปเตอร์ลำอื่น

มันชนกับเฮลิคอปเตอร์ลำอื่น ลำตัวถูกบดเหมือนลำแรกแล้วถูกโดลเซดูดเข้าไป

[โก!]

โดลเซคำราม ดูดพลังเวทย์ของไปทีเดียว พลังงานตรงกลางของโดลเซดึงเฮลิคอปเตอร์ที่เหลือไปสร้างเป็นร่างกายของโกเลม

โกเลมเหล็กติดใบพัด เหมือนนักดาบที่ติดดาบหลายเล่ม

โดลเซหล่นลงพื้นแล้วออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง จรวดรอบเอวของเขายิงใส่ศัตรู

ถูกอาวุธหนักยิงใส่อย่างคาดไม่ถึงทำให้ศัตรูปั่นป่วน

อย่าคิดว่าม้าปีศาจมีไว้ขี่อย่างเดียว พวกมันวิ่งเร็วกว่ารถสปอร์ตและเหยียบรถถังแหลกได้

ขณะด้านหน้าทำลายล้าง นักเวทย์โครงกระดูกก็เข้ามาใกล้แล้วยิงเวทย์

บอลไฟเป็นร้อยๆทำให้ที่ๆมีกบฏอยู่กลายเป็นทะเลเพลิง อัศวินมรณะฟาดฟันในสนามรบ สร้างนรกบนดิน

***

ผู้ต่อต้านที่กำลังยิงปืนไรเฟิลเริ่มตัวสั่นเทา

“นี่...ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ”

“ฝันร้ายน่ารักอย่างเราหาไม่ง่ายนะเมี้ยว”

“อ๊าก”

ผู้ต่อต้านขวัญเสียเมื่อเห็นแมวพูดได้ พอสบตากับแมวตัวนั้นก็สลบไป

“ขอให้ฝันร้ายน่ารักๆนะเมี้ยว”

ความกลัวที่เขารู้สึกอยู่จะกลายเป็นความฝัน

คงอีก 100 ปี? กว่าจะรู้ตัวว่าฝันไปเขาก็ตายไปแล้ว...

“เมี้ยว”

บิบิหันไปหาเหยื่อรายต่อไป

***

“บ้าชัดๆ”

หัวหน้ากลุ่มกบฏ คาริม หยุดสั่น ความจริงตรงหน้ามันบ้าเกินไปจนเขาไม่รู้สึกกลัว

พวกเขาทำลายโครงกระดูกไป 2,000 ตัว

แต่พวกเขาทำลายไอ้พวกที่ขี่ม้าได้เลย โครงกระดูกที่ถูกทำลายไปก็เกิดใหม่อีกครั้งด้วยศพของฝ่ายเขา
สนามรบค่อยๆสงบลง

มีแต่เสียงปืนไกลๆ เสียงกรีดร้อง เสียงหัวเราะของพวกผีดิบ โครงกระดูกสังหารทุกคนไม่เหลือ

คังวูจินเข้าใกล้คาริมช้าๆ

‘มันนี่เอง’

เจ้าของกองทัพผีดิบ เนโครแมนเซอร์ที่ไม่เคยมีมาก่อนและทรงพลัง

เขาหนี เขาซ่อนไม่รู้กี่ครั้ง แต่มันตามเขาไม่หยุด

“พระเจ้าต้องโกรธแน่!”

คาริมตะโกนเหมือนสิ้นหวัง

“พระเจ้าจะโกรธทำไม ฉันแค่เก็บกวาดขยะ”

“...พระเจ้าจะลงโทษพวกแก...”

ค้อนในมือวูจินกระแทกหัวคาริม

หัวหน้ากลุ่มกบฏไม่มีค่าเป็นตัวประกัน ชายคนนี้เปลี่ยนความเชื่อให้เข้ากับความคิดตัวเอง วูจินไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องคุยด้วย

เขาฆ่าคนที่สมควรตาย ง่ายๆแค่นั้น

เลือดจากค้อนหยดลงพื้น

“ออกมา”

กาเกบิออกมาจากศพของคาริมแล้วกลับไปที่วูจิน เขาฟังรายงานจากกาเกบิ แล้วประสบการณ์ต่างๆที่กาเกบิรวบรวมตอนตามคาริมก็ถูกวูจินกลืนเข้าไป

มีผู้ก่อการร้ายที่อื่นนอกจากในอัฟกานิสถาน

“โลกนี้มีขยะเยอะจริง”

วูจินหัวเราะขมแล้วสะสางสนามรบต่อ


สารบัญ                                                  บทที่ 96

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 94


บทที่ 94 – ผืนทรายสะเทือน (3)

“พวกมอนสเตอร์มาแล้ว”

“เตรียมยิง”

พวกก่อการร้ายทำตัวให้เหมาะสมกับการเดินทางที่สุดเพราะต้องคอยเตรียมพร้อมหลบหนีจากการโจมตีทางอากาศ ยานพาหนะติดอาวุธหลายประเภทรวมถึงปืนกล

ควันสีดำลอยเมื่อสตาร์ทเครื่อง เมื่อรถหักเลี้ยว พวกมันเล็งเป้าไปที่ทะเลทรายนอกฐานทัพ

“ยิง!”

“เคะๆ”

กระสุนนับร้อยพุ่งผ่านอากาศไปยังเหล่าทหารโครงกระดูก เมื่อโดนพวกมันก็ถูกทำลาย แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนน้อย

ยิ่งกว่านั้นอัศวินมรณะที่ขี่ม้าปีศาจก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

“เอาเครื่องยิงจรวดมา”

ลูกน้องคนหนึ่งนำ RPG-7 มาอย่างเร็ว เล็งไปที่ม้าปีศาจแล้วยิง

ขีปนาวุธพุ่งฝ่าอากาศไปยังอัศวินมรณะอย่างน่าเกรงขาม ม้าปีศาจยิ่งวิ่งอย่างบ้าคลั่ง

[แรมสันลงสนาม!]

เขาเคยเป็นนักรบกล้าของเผ่าดวาร์ฟ แรมสันควงค้อนใหญ่

ค้อนปะทะกับขีปนาวุธและดูดซับระเบิดไว้ทั้งหมด

แรมสันมีทักษะเฉพาะตัวคือ ‘ดูดซับแรงกระแทก’ ทำให้เขารับแรงกระแทกทางกายภาพได้ทั้งหมดทุกชนิด ไม่ว่าแรงนั้นจะมาจากระเบิดหรือการโจมตีจากเวทย์ ค้อนจะรับมันไว้ทั้งหมด และแรงที่ถูกดูดซับไว้ยังสามารถขับออกมาได้แรงกว่าเดิมอีกหลายเท่า

กระสุนกระหน่ำใส่เขา แรมสันขี่ม้าเข้าไปใกล้กำแพงที่ใช้เป็นด่านกั้นแล้วเหวี่ยงค้อน

กำแพงแตกกระจาย เศษหินกลายเป็นอาวุธร้าย มันพุ่งทะลุพวกกลุ่มต่อต้าน ม้าปีศาจฝ่าเข้ามาจากตรงที่กำแพงถูกทำลาย

“ย...ยิงพวกมัน!”

ปืนกลยิงใส่อัศวินมรณะ แต่กระสุนกระเด้งออกแม้จะอยู่ใกล้ขนาดนี้ ม้าปีศาจของคิบะยกขาหน้าขึ้นแล้วกระทืบรถติดปืนกลแหลก

เขามองคนยิงที่ตายก่อนจะได้ส่งเสียง คิบะตะโกน

[ทำให้พวกมันได้เห็นความยิ่งใหญ่ของผู้ไม่ตาย!]

ทหารโครงกระดูกข้ามกำแพงมา จากนั้นเริ่มการฆ่าฟันพวกต่อต้าน ไม่นานชีวิตในฐานทัพของก็ดับสูญ

พวกตัวประกันมองวูจินอย่างหวาดกลัว วูจินเอาดาบสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากคลังแล้วตัดสายเคเบิลบนตัวประกันที่อยู่ใกล้เขาที่สุด จากนั้นก็ส่งดาบให้

“แก้มัดให้คนที่เหลือ”

ชายคนนั้นถามเมื่อได้ยินภาษาอังกฤษจากวูจิน

“คุณ...คุณเป็นทหารสหรัฐเหรอ? คุณมาช่วยเราเหรอ?”

“ไม่ใช่”

วูจินผละจากไปทางฐานทัพ ชายคนนั้นสวดภาวนาพลางมองด้านหลังของวูจิน

พระเจ้ารับฟังคำขอของเขาแล้ว

พระองค์สงสารชายคนนี้ที่สั่นเทาอย่างหวาดกลัว ส่งผู้ช่วยมาให้

เมื่อเขาตัดสายเคเบิลให้ตัวประกันทุกคนแล้ว พวกเขามุ่งหน้าไปทางฐานทัพตามวูจินโดยไม่มีใครบอก

ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร สถานที่ๆปลอดภัยที่สุดตอนนี้คือข้างๆวูจิน

วูจินมองศพเกลื่อนกลาดในฐานทัพที่ถูกทำลาย เขาคืนชีพทั้งหมดขึ้นมาเป็นทหารโครงกระดูก

พริบตาเดียว ทหารโครงกระดูกก็ลุกขึ้นแล้วตกไปอยู่ใต้คำสั่งของเหล่าอัศวินมรณะ เมื่อตกไปอยู่ใต้คำสั่งของอัศวินมรณะแล้ว นอกจากจะถูกทำลาย พวกมันจะไปอยู่ในห้องอัญเชิญรอให้อัศวินมรณะเรียกมันออกมา

“ตัวประกันที่เหลืออยู่ไหนนะ?”

มันเกิดขึ้นก่อนวูจินจะหาตัวประกันเจอ

“อย่าขยับ!”

อาจเป็นเพราะพวกมันไม่กล้าออกมาเมื่อได้ยินเสียงวุ่นวาย แต่ทหารยามสองคนเอาปืนจ่อหัวตัวประกันแล้วลากออกมา ชายคนนั้นตกใจจนปัสสาวะราดไปแล้วจึงเดินมาอย่างทุลักทุเล เขาคือนักค้าอาวุธ โรมันนั่นเอง

“ถ้าแกโจมตี ข้าจะฆ่าไอ้นี่”

สายตาของพวกมันมีแต่ความกลัว

อัศวินมรณะคำรามเหมือนสัตว์ป่า ทหารยามสบตากับดวงตาสีแดงของโอเกอร์แล้วตัวแข็งทื่อ

วูจินยื่นมือออกมาใช้เวทย์ช็อตไฟฟ้า

รัคโต อัศวินมรณะเผ่าโอเกอร์เดินไปทางทหารยามที่ล้มลงแล้วแทงหอกเข้าที่หัวใจ

“ฮึก”

โรมัน หลังจากถูกปล่อยก็ส่งเสียงยินดี เขาเดินไปทางวูจิน

“เฮ้อ ขอบคุณที่ช่วยผม คุณเป็นทหารเหรอ? ขอชื่อได้ไหม ผมจะได้ตอบแทน”

“ไม่จำเป็น”

“อ้อ เพราะเป็นทหารสินะ ผมให้แบบลับๆได้นะ รับรองคุณไม่ผิดหวังแน่”

วูจินเรียกหอกกระดูกออกมาแล้วเล็งที่หัวใจโรมัน

“พล่ามจังนะ หุบปากได้แล้วมั้ง”

“...”

โรมันรู้ว่าคนที่ทำงานในสนามรบไม่สุภาพนัก แต่เขามาทำกับพลเมืองสหรัฐอเมริกาแบบนี้ได้อย่างไร? โรมันขมวดคิ้ว

“ผมไม่ลืมเรื่องนี้แน่”

ไม่รู้ว่าจะตอบแทนดีหรือจะแค้นดี แต่โรมันคิดว่าชายที่ช่วยเขาต้องเป็นทหารเราส์แน่

วูจินแสยะยิ้ม

เขามีอัศวินมรณะ 53 ตนกับทหารโครงกระดูกมากกว่า 600

‘เออ คนขายอาวุธก็นิสัยแบบนี้แหละ...’

วูจินลดหอกลง โรมันเข้าใจว่าที่ขู่ได้ผลสีหน้าจึงผ่อนคลายลง แต่วูจินกลับยิ้มกว้างขึ้น

“เฮ้ ขอโทษแล้วกัน ทำไงดีล่ะ?”

“ฮ่าๆ ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ในฐานะพลเมืองสหรัฐ...”

“ฉันเหมือนคนอเมริกาเหรอ?”

วูจินพูดเหมือนภูมิใจมากที่ไม่ใช่ แล้วคำพูดของโรมันก็ขาดหายไป และไม่ใช่แค่คำพูด

หอกกระดูกถูกเหวี่ยงอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ ตัดศีรษะโรมันออกจากร่าง หรือถ้าจะพูดให้ชัดคือคอเขาถูกกระแทกหักและศีรษะถูกฉีกออก

“มันคิดว่าฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กเหรอ?”

เหล่าผีดิบตื่นเต้นขึ้นมา คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ช็อกจัด

“อึ๋ย”

ตัวประกันคนอื่นๆที่ออกมาพร้อมกับโรมันได้เห็นเหตุการณ์รุนแรงเบื้องหน้า ตอนแรกพวกเขานึกว่าได้รับการช่วยเหลือไม่ให้ถูกยิงตาย แต่ตอนนี้สีหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

“ทุกคนมาทางนี้”

ด้วยคำพูดของวูจิน ทุกคนมารวมกัน บางคนไม่เข้าใจคำพูดของวูจินแต่พวกเขามองคนข้างๆแล้วทำตาม

“นักข่าวก้าวออกมาข้างหน้า”

“...”

ไม่มีใครก้าวออกมา

“ถ้านับถึง 5 แล้วยังไม่ออกมา ฉันจะอัดพวกนายทุกคน หนึ่ง, สอง...”

เหลืออีกหนึ่งนิ้ว ชายสามคนก้าวออกมาพร้อมกัน

“เอาล่ะ พวกนายตามฉันมา คนที่เหลือก็ขอความช่วยเหลือไป”

ไม่มีใครบ่นเมื่อได้ยินคำพูดไม่รับผิดชอบของวูจิน พวกเขาเห็นโรมันตายต่อหน้ามาแล้ว

วูจินบอกให้ตัวประกันใช้เครื่องมือสื่อสารในฐานทัพขอความช่วยเหลือ วูจินโบกมือให้นักข่าวสามคนเข้ามา

“พวกนายเป็นนักข่าวสงครามเหรอ?”

“ครับ ผมทอม นี่มาร์ค พวกเราเป็นอเมริกัน ส่วนคนนี้...”

“โจนี่ครับ ผมเป็นคนอังกฤษ”

วูจินสั่งคนทั้งสาม

“ฉันอยากให้พวกนายตามมาแล้วถ่ายทุกอย่างเอาไว้”

“...เราจะถ่ายอะไรครับ?”

ช่วยคนให้เป็นอิสระ... นั่นไม่ใช่การกระทำที่สมกับผู้ไม่ตาย เขาไม่แน่ใจว่าจะทำได้

ที่เขาจะทำ คือทำตัวเป็นนักสู้ตัวแทนของเทพแห่งการทำลาย รับความเจ็บปวดไว้ นำการทำลายและจุดจบมาสู่ศัตรู เรื่องนั้นเขาแน่ใจว่าทำได้

“การฆ่าและการทำลาย”

“...”

คนนี้บ้าไปแล้วเหรอ?

เหมือนจะเป็นคนบ้ายิ่งกว่าบ้า เขาปลอมตัวให้ถูกลักพาตัวมา ใช้พวกผีดิบฆ่าพวกต่อต้าน แถมยังฆ่าตัวประกันไปหนึ่งคนเป็นตัวอย่าง...

คราวนี้อยากให้ถ่ายวิดีโอตอนที่เขาฆ่าคน

พวกโรคจิตแน่ๆ

“ฉันจะทำให้พวกก่อการร้ายถึงจุดจบ”

“...!”

คนที่วูจินจะฆ่าเปลี่ยนความคิดเห็นของพวกนักข่าว

ระหว่างฆาตกรกับวีรบุรุษสงครามมีเส้นแบ่งชัดเจน

พวกเขาเปลี่ยนความคิดใหม่ นี่ไม่ใช่โรคจิต เขาเป็นผู้ช่วยให้รอด

***

ห้องบัญชาการของฐานทัพอากาศบากราม

“ดูนี่ มีอะไรแปลกๆ”

ราเชลมองภาพถ่ายดาวเทียมอย่างสงสัย

มันเป็นรูปฝุ่นขนาดใหญ่ เหมือนยานพาหนะขบวนใหญ่กำลังเคลื่อนที่

“นี่อะไร? พวกต่อต้านมีขบวนรถมากขนาดนี้เลยเหรอ?”

“พวกมันกำลังมุ่งหน้าไปที่ที่มั่นของกลุ่มกบฏ”

“หรือจะเกิดขัดแย้งกันเอง?”

“...ไม่รู้สิ”

มีคนเคลื่อนไหวมากมายจนมาเห็นได้จากรูปถ่ายจากดาวเทียม...

เดวิดเคาะหน้าผากเมื่อได้ฟังข้อความที่รออยู่จากเจ้าหน้าที่

“เราได้ข้อความจากทีมเอ พวกเขาไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ช่วยตัวประกันได้ 37 ราย น่าเสียดายที่โรมันตาย”

“อืม ยังโชคดี ทีมเอมีใครบาดเจ็บไหม?”

“ปลอดภัยทุกคน”

นายพลเดวิดนึกว่าตัวเองฟังผิดไป แต่แล้วก็เปลี่ยนไปนึกชมเชยทีมเอ ขนาดบุกเข้าไปลึกถึงฐานของพวกกบฏก็ยังไม่มีใครบาดเจ็บ

“ไม่มีการต่อสู้เลย”

“...”

ตอนนั้นเอง ราเชลเอาข้อมูลที่ได้จากแท็บเล็ตมาแสดงให้นายพลดู

“นี่เป็นภาพกับวิดีโอที่กำลังแพร่ในอินเตอร์เน็ตค่ะ”

“อืม”

เดวิดเลื่อนดูภาพไปเรื่อยๆ

มันเป็นภาพของพวกต่อต้านถูกเผา มีภาพคนถูกปล่อย มีกระทั่งภาพพวกต่อต้านยอมจำนน... มีวิดีโอรวมอยู่ในภาพเหล่านั้นด้วย นายพลคลิกดู

[เคะๆๆ]

[อกราค โท มาช]

ได้ยินภาษาของอัลเฟนที่ฟังไม่ออก เดวิดเห็นการต่อสู้ระหว่างคนมีชีวิตกับความตาย ม้าปีศาจสีน้ำเงินทำลายรถถังอย่างง่ายดายเกินไป

ปีศาจในชุดเกราะขี่ม้าปีศาจ ทหารโครงกระดูกจำนวนมากตามพวกมันมา

“นี่ตัวอย่างหนังเหรอ?”

“...ดูตอนใกล้จบสิคะ”

“หืม”

เขาข้ามไปตอนใกล้จบแล้วเห็นวูจินถูกอัศวินมรณะหลายเผ่าพันธุ์อารักขา ไม่ใช่ เขาไม่ได้ถูกอารักขา เขากำลังนำทัพอยู่ข้างหน้า

“คังวูจิน?”

เดวิดได้ยินเสียงนักข่าวสงครามที่ไม่ได้อยู่หน้ากล้องพูดอย่างเร่งร้อน

[เมสิอาห์ปรากฏตัวแล้ว เราส์ชาวเกาหลี คังวูจิน ประกาศสงครามกับกลุ่มก่อการร้าย ความเกรี้ยวกราดของเขาพัดผ่านทะเลทราย คล้ายกับว่ากองทัพของเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะขจัดกลุ่มก่อการร้ายนี้จนหมด]

ในกล้องเห็นทหารโครงกระดูกเป็นพัน ภาพที่เห็นมากพอทำให้คนหมดสติได้

“นี่ของจริงเหรอ? คลิปนี่มาจากไหน?”

“เขาเป็นผู้สื่อข่าวสงครามจาก SNS ชื่อทอมค่ะ มันถูกอัพโหลดบนช่องของนักข่าวสงครามชาวอังกฤษคนหนึ่งกับช่อง SNS ในยูทูป”

“ฮ้า”

ทุกอย่างลงตัว

รูปถ่ายทางดาวเทียมที่เป็นภาพคนจำนวนมากมุ่งไปทางที่มั่นของกลุ่มต่อต้าน

ขบวนขนาดใหญ่จนฝุ่นควันคละคลุ้ง

พวกกบฏตัดสินใจมารวมกันที่ที่มั่นหลัก และวูจินนำทัพผีดิบมาที่นั่น

สองกลุ่มปะทะกัน

“ฟังว่าเขาเป็นเนโครแมนเซอร์ ควบคุมกองทัพใหญ่ขนาดนี้ได้เลยเหรอ?”

เราส์คือสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยเหรอ? เนโครแมนเซอร์คนเดียวควบคุมผีดิบได้เป็นพัน? นี่ไม่ได้มีแต่ในตำนานเหรอ?

“เขาเพิ่งจะโด่งดังในเวลาไม่นานเลยไม่มีข้อมูลเรื่องความสามารถด้านเราส์ของเขานักค่ะ”

“คุณจะบอกว่าอะไรก็เป็นไปได้เหรอ?”

แค่เวลาสั้นๆเขาก็เก่งกาจขนาดนี้? เหมือนเป็นเทวดาที่มาจากฟ้า

แต่จะเถียงเรื่องเป็นไปได้หรือไม่ก็ดูจะเปล่าประโยชน์ มันเกิดต่อหน้าพวกเขาแล้ว

“ได้ยินว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์รู้จักกับคังวูจิน”

“อืม พาเธอมาที่นี่ ไม่ ผมไปเอง อยู่ที่ไหน?”

“ปกติเธอจะอยู่ที่สถานพยาบาลค่ะ”

เดวิดตัดสินใจไปหาเมโลดี้ด้วยตัวเอง

เราส์ผู้โกรธจัดปลอมตัวเป็นตัวประกัน ปะปนเข้าไปในฐานทัพของกลุ่มกบฏ และกำลังสร้างเรื่องอึกทึกครึกโครม

แค่วันเดียวเขาก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมหาศาล กลุ่มกบฏมารวมกันเพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

พลเมืองธรรมดาคนหนึ่งกำลังจะจบงานที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาทำไม่สำเร็จมาหลายปี

เดวิดเจอสตรีศักดิ์สิทธิ์ในสถานพยาบาลไร้ผู้คน

ความสามารถของเธอเหนือกว่าความรู้ด้านการแพทย์ในปัจจุบัน เธอลดจำนวนผู้ป่วยในฐานทัพอากาศจนเป็น 0 เมโลดี้กำลังภาวนาตรงหน้ารูปสลักเทพีที่ทำจากไม้

“องค์เทพี ได้โปรดหยุดความโกรธของเขาด้วย...”

เขาต้องหยุดตรงจุดที่พอรับได้ หากโกรธเกินไปโลกจะกลายเป็นศัตรูกับวูจิน หากเป็นเช่นนั้นเขาและโลกจะตกสู่หายนะ


สารบัญ                                           บทที่ 95