วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 80

บทที่ 80 – รัชโมด (2)


แม่ทัพของทราห์เน็ตมีเพียง 72 ตน และ ตามชื่อ รัชโมดไม่ใช่ศัตรูกระจอก เขาเรียกอสูรออกมากำจัดกองทัพโครงกระดูกของวูจินพลางใช้เวทย์ดำเรื่อยๆ

“เหนื่อยแล้วสิ?”

“คึๆ อย่าเอาข้าไปเทียบกับเจ้า”

รัชโมดพ่นลมหายใจอย่างดูถูก เขาเหนื่อย แต่วูจินก็ไม่ต่างกัน

วูจินมีเลือดท่วมตัว ไอร้อนลอยออกมาจากร่างกาย วูจินยิ้ม

“ทีนี้ฉันก็รู้แล้ว”

“คิดจะขู่อะไรข้าอีก?”

“นายก็ใช้พลังได้ไม่เต็มที่เหมือนกัน”

“...”


รัชโมดนิ่งไป วูจินพูดถูก และเขาก็นึกได้ว่าตัวเองพลาดไป การนิ่งเท่ากับยอมรับว่าศัตรูพูดถูก

“คึๆ ใช่ ตอนนี้ลิงค์ยังไม่เสถียร”

รัชโมดยอมรับ วูจินขมวดคิ้ว

ลิงค์? มันพูดอะไร?

“แต่เจ้าก็สูญเสียพลังไปเหมือนกับข้า”

ผู้ไม่ตายถูกย้อนระดับ

เขารู้ว่าวูจินไม่ใช่ผู้ไม่ตายคนเดิม กับรัชโมดที่อ่อนแอลง วูจินยังต้องสู้อย่างเต็มที่ ยิ่งกว่านั้น รัชโมดกำลังกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบช้าๆ

รอบตัววูจินเต็มไปด้วยโครงกระดูกที่พังทลาย

“ฉันกำลังได้สิ่งที่เสียไปคืนมา อย่างเร็วด้วย”

“อะไรนะ?”

วูจินมองหน้ารัชโมดแล้วยิ้มเหยียด

เขารู้สึกว่าพลังขั้นสูงสุดที่เขาเคยไปถึงตอนอยู่อัลเฟนไม่ได้ไกลเกินเอื้อม แม้แต่ตอนนี้ที่เขาไม่ได้เก็บเลเวล แต่ค่าประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เขาได้ค่าประสบการณ์จำนวนมากจากมอนสเตอร์ที่รัชโมดเรียกออกมา และโดลเซที่สู้ข้างนอกก็ส่งค่าประสบการณ์กลับมาให้วูจิน เขาใกล้จะเพิ่มเลเวลแล้ว

วูจินยกดาบใหญ่แล้วปะทะกับรัชโมด

วูจินโจมตีไม่ยั้ง แต่รัชโมดกันไว้ได้ทุกครั้ง วูจินเหนื่อยเกินกว่าจะสู้กับรัชโมดที่เปลี่ยนร่างเป็นคิเมร่า

พลังเวทย์หมด พลังกายของเขาก็ใกล้หมดลง

ตอนนั้นเอง แสงสว่างออกจากร่างวูจิน

พลังกลับมาเต็มเปี่ยม วูจินยิ้ม

เขารู้สึกมึนทุกทีที่เป็นแบบนี้

“นายดูไม่ดีเลยนะ”

รัชโมดทำหน้าเหมือนกินของเปรี้ยวเข้าไป

“ไปพักได้แล้ว”

ค้อนของวูจินทุบใส่ศีรษะรัชโมด

ปึก!

แรงเหวี่ยงของเขาทรงพลัง ศีรษะรัชโมดแหลกในทันที

ฟองสีดำผุดขึ้น ศีรษะของรัชโมดกำลังฟื้นสภาพ วูจินเปลี่ยนค้อนเป็นขวานแล้วสับคอของรัชโมด

ไม่รู้ว่ารัชโมดทำอะไรกับกระดูกต้นคอ มันเหมือนพยายามตัดโซ่เหล็ก ศีรษะของจอมเวทย์ดำถูกตัดขาดจากร่าง กลิ้งขลุกๆไปจนหยุด ศีรษะร้อนระอุเหมือนถูกไฟไหม้ เป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียน

ดวงตาของรัชโมดจ้องวูจิน

“คึๆๆ ลิ้งค์กำลังจะเริ่มแล้ว เจ้าไม่หนีอีกรึ? คราวนี้จะหนีไปที่ไหนอีก?”

วูจินเหยียบศีรษะรัชโมดแหลก

“ไม่หนีไปที่ไหนทั้งนั้น! ไอ้ห่า”

[เลเวลอัพ]

ไอ้เวร

แต่อย่างน้อยมันก็ให้ค่าประสบการณ์เยอะ

วูจินเอาเท้าถูพื้นเพื่อเขี่ยเศษสมองออกจากรองเท้า

เขาเดินไปทางศพแมวที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น

“เฮ้อ”

หัวใจของวูจินหนักอึ้ง บิบิต้องเร่ร่อนไปในความว่างเปล่าจนถึงเวลาคืนชีพ เขารู้ว่ามันน่ากลัวและเลวร้ายขนาดไหน

“พักเถอะ บิบิ”

วูจินแตะศพแมว มันเปลี่ยนเป็นควันดำแล้วซึมกลับเข้าไปในร่างวูจิน เมื่อคืนชีพบิบิจะอยู่ในห้องรออัญเชิญ

“หินรีเทิร์นสโตนอยู่ไหนนะ?”

วูจินใช้เวทย์ค้นหาแต่ไม่เจออะไรบนตัวรัชโมด มีประตูมากมายไม่ว่าจะหันไปที่ผนังด้านไหน เขาเดินไปทางประตูที่ส่งพลังเวทย์ออกมามากที่สุด

เมื่อเปิดประตู เขาเห็นบันไดหินนำไปสู่แท่นบูชา บนนั้นมีพลอยแดงขนาดใหญ่เท่าตัววูจิน

“หัวใจมังกร?”

พลังเวทย์ที่แม้แต่บลัดสโตนก็เทียบไม่ได้ นี่เป็นสมบัติที่วูจินเคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้ง

วูจินมองรอบๆห้องทดลองขณะเอาไอเทมเก็บคลัง มีอวัยวะและกระดูกของมอนสเตอร์หลายประเภท ออกจะน่ากลัวหน่อยๆ

“มันคิดจะทำอะไร?”

วูจินไม่รู้ว่ารัชโมดพยายามจะสร้างคิเมร่าแบบไหนถึงขั้นจะต้องใช้หัวใจมังกรเป็นส่วนประกอบ แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้

“ฉันจะใช้มันอย่างดี”

วูจินแตะพลอย

[ท่านได้รับหัวใจมังกร]

“บางทีฉันน่าจะสร้างเพื่อนให้รงรงสักตัว”

วูจินค้นห้องทดลองอย่างอารมณ์ดีเพราะได้ของดีที่คาดไม่ถึง ที่นี่มีชิ้นส่วนมอนสเตอร์คุณภาพดี เขายังเจอตำราเวทย์ดำสองสามเล่ม วูจินเก็บของทั้งหมดเข้าคลัง จากนั้นใช้หินรีเทิร์นสโตนออกมา

เมื่อขึ้นบันไดออกมา วูจินเห็นกองเหล็กขนาดใหญ่เหมือนที่มักพบเจอในกองขยะ

ยักษ์เหล็กยืนขึ้น ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดจากมอนสเตอร์ ดูเหมือนโกเลมเลือดมากกว่าโกเลมเหล็ก

“โก”

“...”

โดลเซถามว่าวูจินช่วยบิบิไว้ได้หรือไม่ แม้แต่ในบรรดาอสูรของเขาสองคนนี้ก็สนิทกันเป็นพิเศษ...

“มานี่”

วูจินพูด แล้วชิ้นส่วนรถถังเฮลิคอปเตอร์ที่ทำเป็นร่างโดลเซก็ร่วงลงพื้น

วิ้ง

หัวใจโกเลม บอลแสงขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ลอยมาทางวูจิน โดลเซสะอื้นอย่างเสียใจ

วูจินลูบโดลเซหนึ่งครั้งด้วยอารมณ์หลากหลาย

“นายทำได้ดีมาก กลับไปดูแลบิบิเถอะ”

แสงของโดลเซสั่นแล้วหายไป

เขาควรจะหยุดเรียกโดลเซออกมาสักพัก อย่างน้อยบิบิจะได้ไม่เหงาเมื่อเกิดใหม่ในห้องอัญเชิญ โดลเซจะคอยที่นั่นตลอดรอให้เธอกลับมา

วูจินมองรอบตัวและเห็นกลุ่มคนติดอาวุธกำลังจัดการกับศพมอนสเตอร์

เมโลดี้เดินมาหาวูจินแล้วก้มศีรษะให้

เธอคิดถูกที่ไม่โจมตีเขา วูจินไม่มีอัศวินแห่งความตายแต่ยังสังหารแม่ทัพของทราห์เน็ตได้...

ไม่เสียชื่อนักสู้ผู้ทรงเกียรติของเทพแห่งการทำลาย

“เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

เมโลดี้รู้ทันทีว่าวูจินถามถึงอะไร

“โลกยังผสานไม่สำเร็จค่ะ นี่เป็นผลจากวงเวทย์อัญเชิญ”

“อธิบายให้ละเอียดกว่านี้อีก”

“...”

เมโลดี้นิ่งไปเพื่อเลือกคำพูด

“ดันเจี้ยน... วงเวทย์อัญเชิญนี้สามารถเรียกทางเชื่อมต่อได้ค่ะ”

“ทางเชื่อมต่อ”

“มันเป็นอุโมงค์ที่เชื่อมกับอาณาเขตมิติ คนบนโลกเรียกมันว่าดันเจี้ยน ที่อัลเฟนจะเรียกว่าประตู”

“...”

วูจินกดขมับ

พวกเขาพยายามป้องกันดันเจี้ยนที่มีอยู่ก็แทบแย่แล้ว แต่ยังมีคนที่พยายามจะสร้างดันเจี้ยนใหม่อีก?

ทำไมโลกนี้มีคนบ้าเยอะนัก?

“เมโลดี้”

“ค่ะ...”

“ร่วมมือกับฉัน”

“อะไร...”

“ฉันไม่อยากเห็นกองทัพของทราห์เน็ตเหยียบโลก”

“...”

“ร่วมมือกับฉันอย่างเต็มที่ ถ้าฉันได้อาณาเขตมิติมา ฉันจะช่วยเธอเอาอัลเฟนคืนมา”

“...!”

เมโลดี้ลืมตากว้าง

เธอตัวสั่นอย่างไม่เชื่อ

ผู้ไม่ตายพูดคำนี้ออกมาจริงๆเหรอ?

มันน่าตกใจจนเธอแทบน้ำตาคลอ

ถ้าตอนนั้นผู้ไม่ตายสนใจปกป้องอัลเฟนจริงๆจะดีขนาดไหน? บางทีพวกเธออาจปกป้องอัลเฟนไว้ได้?

‘โอ้ องค์เทพี...’

บางทีเทพีอาเรียอาจต้องการให้เธอพาผู้ไม่ตายกลับมา บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ท่านนำทางเมโลดี้มาที่นี่

“ผู้น้อยจะสนับสนุนท่านเต็มกำลังค่ะ...”

ด้วยการปกป้องโลก เธอจะเอาอัลเฟนคืนมาได้

สตรีศักดิ์สิทธิ์ค้อมคำนับต่ำแสดงความขอบคุณต่อวูจิน

***

วูจินได้ห้องในโรงแรมที่กิลด์ไททันเป็นเจ้าของ มีแต่แขกวีไอพีที่ได้ใช้โรงแรมนี้ แต่วูจินพักอยู่แค่ 5 นาที

ด้วยความช่วยเหลือจากกิลด์ไททัน วูจินใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวที่อยู่ใกล้ๆ เขายังโชคดีที่ดันเจี้ยน 6 ดาวแห่งหนึ่งรีเซ็ทพอดี

โรงแรมจึงมีจุงมินชานใช้เป็นส่วนใหญ่

แม้จุงมินชานจะได้พักในโรงแรม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาได้พักผ่อนสบาย

ได้สตรีศักดิ์สิทธิ์แนะนำอย่างเต็มที่ กิลด์ไททันกับกิลด์อลันดาลกลายเป็นพันธมิตรกัน พวกเขายุ่งกับการวางแผนปกป้องโลกกับแผนรุกอัลเฟน

การประชุมจบลงด้วยบรรยากาศน่าอึดอัด เรื่องทัพของทราห์เน็ต, โลกอัลเฟน, เหตุผลที่มีดันเจี้ยนและหน้าที่ของดันเจี้ยนถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด ก่อให้เกิดความโกลาหล

เกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ยิ่งใช้บลัดสโตนโลกจะตกอยู่ในอันตรายเร็วขึ้น แต่บลัดสโตนสามารถใช้เป็นอาวุธปกป้องโลก

ฝ่ายหนึ่งต้องการให้หยุดใช้ดันเจี้ยนทันที แต่ฝ่ายหนึ่งต้องการใช้ดันเจี้ยนให้เต็มที่เพื่อเพิ่มพลังให้โลก การโต้เถียงรุนแรงปะทุขึ้น

ท่ามกลางทุกอย่างนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่าโลกต้องร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว มีการกล่าวถึงการสร้างกลุ่มอำนาจที่สามารถสั่งการเราส์ทุกคนทั่วโลก

มีเราส์หลายคนเกินไปจากหลายประเทศเกินไปที่มารวมกันในงานประชุม ดังนั้นจึงไม่มีข้อสรุป ดูเหมือนยังต้องใช้เวลาอีกนานถึงจะบรรลุข้อตกลง

วันที่ 32 นับจากวูจินสังหารรัชโมด

นี่เป็นวันที่บิบิจะคืนชีพ และเป็นวันที่วูจินจะกลับเกาหลี กิลด์ไททันเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้วูจินเดินทางกลับ

วูจินเขย่ามือกับเดคอนหัวหน้ากิลด์ไททัน ผู้เป็นคนจัดการทุกอย่างให้เขาได้ใช้ดันเจี้ยน 6 ดาว

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ”

“ไม่หรอกครับ เราต่างหากที่ต้องขอบคุณ ผมไม่เคยเห็นเราส์คนไหนเคลียร์ดันเจี้ยนได้เร็วเท่าคุณมาก่อน คุณคังวูจิน”

เดคอนอัศจรรย์ใจกับความเร็วที่วูจินใช้เคลียร์ดันเจี้ยน แม้จะเคลียร์ไปมากมายแต่เลเวลของวูจินก็ยังไม่ถึง 70 เขายังต้องการค่าประสบการณ์อีก 10%

เขาจะไปเก็บเลเวลต่อเมื่อถึงเกาหลี

อย่างเดียวที่น่าเสียดายคือวูจินไม่เจอชิ้นส่วนมิติเลย

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

“ไว้เจอกันใหม่วันหลังครับ”

วูจินมองเมโลดี้ เธอยังระมัดระวังตัวเมื่ออยู่กับวูจินแต่ไม่มีท่าทีกลัวมากเหมือนคราวแรก

“พอถึงเวลาบุกอัลเฟน เราจะไปด้วยกัน”

“ผู้น้อยจะอยู่ที่นั่นแน่นอนค่ะ”

วูจินยิ้มซนเมื่อเห็นเมโลดี้ค้อมศีรษะลง

“เธอคงโล่งใจน่าดูที่ไม่ต้องเจอฉันแล้ว”

“...”

เมโลดี้รู้สึกขอบคุณจริงๆที่วูจินสัญญาจะกอบกู้อัลเฟนกลับมา ปัญหาคือเธอยังรู้สึกกลัวและไม่สบายใจกับวูจินสมัยอดีต ทุกครั้งที่เธออยู่ใกล้วูจิน เธอจะรู้สึกกระวนกระวายใจ ดังนั้นการที่เขาจากไปทำให้เมโลดี้สบายใจขึ้นมาก

“เอ๋? ไม่ตอบแปลว่าจริงสินะ”

“...เปล่าค่ะ”

“เอาเถอะ รักษาตัวด้วย”

“ขอให้เดินทางปลอดภัยค่ะ ท่านจ้าว”

เมโลดี้ไม่เคยนึกเลยว่าเธอจะได้สร้างสัมพันธ์กับผู้ไม่ตาย ถึงขั้นพูดจาทักทายกันได้...

หลังมองเครื่องบินของวูจินลับตาไป เมโลดี้ออกจากสนามบิน

ใบหน้าเธอหายคล้ำ ความรู้สึกสุขสงบกลับคืนมา

บรรยากาศหยิ่งทะนงที่หายไปพักหนึ่งกลับคืนมา

เมื่อกลับมาที่โบสถ์ในสำนักงานใหญ่ของกิลด์ เมโลดี้ไปภาวนาตรงหน้ารูปปั้นเทพี

“องค์เทพี... ขอให้วันที่เรากลับคืนอัลเฟนมาถึงเร็วๆ...”

[...]

“อ๊ะ!”

สตรีศักดิ์สิทธิ์หลับตาภาวนา เธอประหลาดใจที่ได้ยินเสียงหึ่งดังขึ้นรอบตัว เมโลดี้ปลอบใจตัวเองแล้วนั่งตัวตรง นี่คือเทพยากรณ์จากเทพีที่เธอไม่ค่อยได้รับนัก

หน้าผาก ฝ่ามือ เข่าและเท้าของเมโลดี้แตะพื้นตรงหน้ารูปปั้นเทพี เสียงอ่อนโยนสูงส่งดังขึ้นในหู

[...ตามเขาไป]

ให้ตามไป...ใคร...

[ตามเขาไป]

“...”

สตรีศักดิ์สิทธิ์หวังเหลือเกินว่าคนที่เทพีพูดถึงไม่ใช่คนที่เธอคิด เหมือนเทพีจะอ่านความคิดเธอได้ เสียงสดใสดังขึ้นอีกครั้ง

[เจ้าจะอยู่เคียงข้างเขา]

“...องค์เทพี”

เมโลดี้อยากทำเป็นไม่ได้ยิน เทพีของเธออยากฝึกฝนหัวใจอ่อนแอของเธอให้แข็งแกร่งขึ้นหรือจึงให้เธอไปอยู่กับเขา?

[อยู่ข้างคังวูจิน]

วันนี้เทพยากรณ์ยาวเป็นพิเศษ

เข้าใจแล้วค่ะองค์เทพี

ข้าแค่ไม่อยากเชื่อ

แม้แต่ตอนที่เทพีบอกให้เธอเสียสละตัวเองเพื่ออัลเฟนโดยการข้ามมิติมา เมโลดี้ยังไม่รู้สึกโชคร้ายเท่านี้

องค์เทพี ทำไมท่านจึงเคี่ยวกรำข้าเช่นนี้...





สารบัญ                                       บทที่ 81


4 ความคิดเห็น: