บทที่ 79 – รัชโมด
ความเดือดดาลแสดงออกมาในรูปของภัยพิบัติ โดลเซทำลายล้างครอบคลุมทั้งพื้นที่
ใบพัดบนแขนซ้ายหมุนตัดมอนสเตอร์หมาป่าขาดครึ่ง เวทย์มนตร์เพิ่มความแข็งแกร่งให้มันจนไม่ต่างจากใบมีดกำลังหมุน
เลือดหมาป่าสาดกระจาย กลายเป็นสัญญาณเริ่มต่อสู้
“โก!”
โดลเซคำราม มุ่งหน้าเข้าหาฝูงมอนสเตอร์
กึง กึง!
ยักษ์เหล็กเดินหนึ่งก้าว พื้นก็ยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ แรงสั่นทำให้เกลียวน็อตบนร่างร่วงพรู
มอนสเตอร์หลายร้อยตัววิ่งเข้าใส่ แต่โดลเซไม่ชะงัก
ทุกครั้งที่โดลเซเหวี่ยงหมัด หัวมอนสเตอร์ก็ระเบิด ดาบใบพัดตัดร่างพวกมันจนเสียขบวน
จรวดบนหลังถูกยิงขึ้นฟ้า มันร่วงลงมาแล้วระเบิดตรงด้านหลังที่มีฝูงมอนสเตอร์แน่นหนาที่สุด สมาชิกกลุ่มริเวอร์ที่หนีไม่ทันก็ถูกระเบิดไปด้วย แต่โดลเซไม่หยุดความคิดทำลายล้าง
เหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์มองอย่างมึนงง โดลเซอาละวาดเต็มที่กลางฝูงมอนสเตอร์เหมือนกระทิงคลั่ง
“ว้าว ทรานสฟอร์เมอร์?”
“เท่ชะมัด!”
จิมมี่คิดว่าถ้าได้ความสามารถแบบนี้เขาจะยอมทิ้งทักษะบินกับดาบเร็วของตัวเองทันที
เห็นบอกว่าเป็นโกเลมเหล็ก...
นี่มันหุ่นยนต์แล้ว
“ดูที่ปืนใหญ่เขาสิ”
ปืนใหญ่บนไหล่ของโดลเซยิงมอนสเตอร์ที่บินอยู่ห่างๆร่วงลงมา อัศวินศักดิ์สิทธิ์บางคนถึงขั้นปรบมือ
แต่ใช่ว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ทุกคนจะเป็นโรคบ้าหุ่นยนต์
“ยืนเซ่อกันทำไม! ไปสู้กับมอนสเตอร์สิ!”
เจมส์ หัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ตะคอกใส่ลูกน้อง เหล่าอัศวินเตรียมตัวทันที เมื่อมอนสเตอร์สองตัวพุ่งมาทางพวกเขา ทั้งหมดก็ดึงอาวุธออกมา
“ขอให้เทพีอำนวยพรแด่พวกท่าน”
เมื่อพรจากเทพีอาเรียถูกร่ายออกมา พลังของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็เพิ่มขึ้นมาก บัฟจากเมโลดี้สามารถเปลี่ยนเราส์แรงค์ B เป็นแรงค์ A และบางคนยังเพิ่มพลังสูงขึ้นไปกว่านั้น
“ไม่ได้สู้มานาน ไปกันเลยเถอะ?”
เหล่าอัศวินกำลังจะก้าวออกไป แต่แล้วเงาหนึ่งก็มาคลุมเหนือมอนสเตอร์สองตัว แล้ว...
ตูม!
เท้าของโดลเซหล่นมาจากฟ้า เหยียบมอนสเตอร์สองตัวกลายเป็นหลุมลึก พวกมันคงถูกเหยียบตายไปแล้ว
คลื่นกระแทกทำให้ฝุ่นลอยคลุ้ง เหล่าอัศวินจึงพูดปนไอเสียงแหบ
“เวร”
“อะไรวะเนี่ย?”
โดลเซ หลังจากลงสู่พื้น เหยียดแขนไปทางเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์
“อะไรวะ? เขาไม่อยากให้พวกเรายุ่งเหรอ?”
แกร็กๆๆ
เสียงโลหะเสียดสีกันดังทุกครั้งที่โดลเซขยับตัว เขาหันไปมองพวกมอนสเตอร์ เหล่าอัศวินมองเบื้องหลังโดลเซแล้วได้แต่ส่ายหน้า พวกเขาหันไปถามสตรีศักดิ์สิทธิ์
“พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ?”
“....”
“ทำยังไงดีครับ?”
“รอเถอะ”
นั่นเป็นสิ่งที่ไททันแห่งการทำลายต้องการ – สู้กับมอนสเตอร์ตัวคนเดียว เมโลดี้ไม่รู้เหตุผล แต่เธอตัดสินใจให้โดลเซทำตามใจจะดีกว่า
ถ้าพวกเขาเข้าไปยุ่งอาจต้องสู้กับไททันแห่งการทำลายเสียเอง
กึงๆๆ
ไททันแห่งการทำลายพุ่งใส่มอนสเตอร์ เมโลดี้ไม่ห่วงโดลเซ แต่เป็นห่วงวูจินที่เข้าไปสภาพเสียเปรียบ
‘ฉันเป็นห่วงผู้ไม่ตายเหรอ’
เมโลดี้ส่ายหน้าให้กับความคิดเหลวไหลของตัวเอง
เขาดูแลตัวเองได้ เขาเข้าไปคนเดียวเพราะมั่นใจว่าตัวเองทำได้
“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”
เหล่าอัศวินงงกับคำพูดของเมโลดี้
“เอ่อ เพื่อนเหล็กของเราจะจัดการเองไม่ใช่เหรอครับ?”
“พอเขาใช้พลังเวทย์หมดแล้วจะซ่อมแซมตัวเองไม่ได้อีก”
พลังเวทย์ถูกใช้ไปตอนสร้างร่างกาย และถูกใช้ซ่อมแซมร่างกายเมื่อเสียหาย วูจินส่งพลังเวทย์ทั้งหมดให้โดลเซ แต่สุดท้ายมันก็จะหมดไป
แม้แต่ตอนนี้ก็เห็นโดลเซกำลังซ่อมแซมเกราะที่ถูกมอนสเตอร์ฉีกกระชากออก เขาดึงหลังคารถมาซ่อมร่างกาย พลังเวทย์ของเขาถูกใช้ไปเรื่อยๆ แต่ยังมีมอนสเตอร์เหลืออีกเป็นร้อย
“เมื่อไททันแห่งการทำลายล้มลง ฉันไม่รู้ว่ามอนสเตอร์จะมุ่งหน้าไปที่ไหนต่อ”
ตอนนี้พวกมอนสเตอร์ทำตัวเหมือนสุนัขล่าเนื้อที่ผ่านการฝึกฝน มันผลัดกันโจมตีเป้าหมายเดียว ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกมันรับคำสั่งของรัชโมด
หลังจากจัดการเป้าหมายเสร็จแล้ว พวกมันจะถูกปลดปล่อยจากการควบคุมของรัชโมด เปลี่ยนกลับเป็นมอนสเตอร์ป่าเถื่อนไร้การควบคุม
สถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นเหมือนกับตอนเกิดดันเจี้ยนเบรก หากพวกมันหนีไปได้แม้แต่ตัวเดียวก็จะกลายเป็นหายนะ
“หวังว่าโกเลมเหล็กจะทนได้นานนะ”
เดคอนคราง ทีมสนับสนุนคงอยู่ระหว่างเดินทาง ทีแรกเขากังวลว่าจะต้องถ่วงเวลาโดยมีแค่เหล่าอัศวินช่วยสู้ ที่เมโลดี้ตัดสินใจให้รอจึงเป็นเรื่องน่ายินดี เขาหวังว่าโกเลมเหล็กจะสู้กับมอนสเตอร์ไว้จนกว่าทีมสนับสนุนจะมาถึง
“แล้วคนที่คุณคังวูจินตามไปเป็นใครเหรอ?”
“คน?”
เมโลดี้ขมวดคิ้ว มนุษย์มองรัชโมดเป็นคน แต่มันเป็นอสูรร้าย
“เขาเป็นแม่ทัพของทราห์เน็ต...”
นั่นคือตัวจริงของมัน
“รัชโมด จอมเวทย์ดำ”
เมโลดี้มองทางเข้าดันเจี้ยนใต้ดินด้วยสายตาเป็นห่วง
***
วูจินเดินลงบันไดช้าๆ
ขั้นบันไดมีไม่มาก สุดทางแคบๆเป็นอุโมงค์สีแดง
โครงสร้างที่นี่เป็นแบบเดียวกับดันเจี้ยนแรงค์สูง
วูจินเข้าอุโมงค์ไปโดยไม่ลังเล
เมื่อแสงหายไป ถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ราวสองเท่าของสนามฟุตบอลก็เผยออกมา
[ท่านเข้าสู่ห้องวิจัยของรัชโมด]
[ท่านเข้าสู่โหมด ‘จู่โจม’]
“อะไรหว่า?”
เสียงประกาศเข้าดันเจี้ยนต่างไปจากเดิม วูจินเดาว่าคงหมายถึงเขาเข้ามาในอาณาเขตมิติของผู้อื่น
“คึ ฮ่าๆๆ เจ้าโง่ ตามเข้ามาจริงๆ”
รัชโมดหัวเราะร่า เขารู้ว่าเนโครแมนเซอร์มีนิสัยใจร้อนทำอะไรตามอารมณ์ แต่นึกไม่ถึงว่าจะเข้ามาติดกับดักง่ายๆตามคำท้าของเขา
เขาส่งลูกน้องออกจากดันเจี้ยนจนหมด หากคิดจะเอาเปรียบด้านจำนวน เนโครแมนเซอร์ก็จะเปลี่ยนให้กลายเป็นทหารโครงกระดูก
“เจ้าเป็นแค่เนโครแมนเซอร์ ไม่มีศพแล้วจะทำอะไรได้?”
“อย่างน้อยก็ฆ่าไอ้เวรอย่างนายได้”
“ฮ่าๆๆ ขนาดกลับไปที่จุดเริ่มต้นแล้วเจ้ายังกล้าไม่เปลี่ยน”
“นายก็มั่นใจเกินไปเหมือนกัน ทั้งๆที่ไม่มีพวกคิเมร่า”
รัชโมดเป็นจอมเวทย์ดำที่โด่งดังมาในอัลเฟน
เขาได้รับความเป็นอมตะหลังจากรับทราห์เน็ตเป็นนาย หลังจากทดลองหลายต่อหลายครั้ง เขาเปลี่ยนร่างกายตัวเองเป็นคิเมร่า ร่างผสมกับมอนสเตอร์ต่างๆ ร่างกายของเขาไม่อ่อนแอแบบนักเวทย์อีกต่อไป
ถ้าไม่มีพวกลูกน้อง รัชโมดได้เปรียบกว่าผู้ไม่ตายมาก
“โฮ่ๆๆ ในที่สุดก็จะได้เห็นเจ้าตาย”
“มั่นใจน่าดูนี่ สู้กันหลังคืนบิบิมาไหมล่ะ?”
“หา? ฮ่าๆๆ”
รัชโมดรู้สึกเหมือนได้เห็นอีกด้านของผู้ไม่ตายที่ไม่เคยรู้มาก่อน
ถ้ามีคนพบว่าไอด้อลมาดขรึมที่ตนนับถือที่จริงเป็นคนเซ่อซ่า จะรู้สึกเหมือนที่เขารู้สึกไหมนะ? (TN – gap moe? ยกตัวอย่างแปลกดีแฮะ)
“เจ้าเป็นเพื่อนกับอสูรของตัวเอง? ฮ่าๆๆ”
รัชโมดหัวเราะแล้วหยุดชะงัก เขายื่นแมวมาข้างหน้า
“มันเป็นแค่เครื่องมือ ห่วงไปทำไม มันมีตัวตนแค่เพื่อถูกควบคุม”
รัชโมดฉีกแมว บิบิ ออก
คิ้ววูจินกระตุกเมื่อเห็นรัชโมดกระชากหัวของบิบิขาด
[ซัคคิวบัส บิบิ ถูกสังหาร เลเวลของซัคคิวบัสลดลง 1 เลเวล]
[ไม่สามารถเรียกออกมาใหม่เป็นเวลา 32 วัน]
อสูรรับใช้ตายได้ แต่จะไม่หายไป อสูรจะตายในระยะเวลาขึ้นอยู่กับเลเวลของตัวเอง จากนั้นจะไปปรากฏตัวในห้องอัญเชิญอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆ อะไร? เจ้าโกรธเรอะ?”
“ไม่มีทาง”
วูจินเดินไปทางรัชโมด สายตากดดัน
“คิดว่าคำว่าโกรธเทียบได้กับความรู้สึกฉันตอนนี้เหรอ?”
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้เด็กหยาบคาย”
รัชโมดไม่ชอบมัน
วันนี้แหละ เขาจะเปลี่ยนความยโสโอหังให้กลายเป็นความขี้ขลาด
รัชโมดพุ่งใส่วูจิน
ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ไม่ถูกดัดแปลง ขาสองข้างที่ถีบพื้นแข็งแรงว่องไวเหมือนขาของเซ็นทอร์ แขนสองข้างมีแรงบีบพอกันกับโอเกอร์
ดาบส่องประกายสีดำปรากฏในมือของรัชโมด ยิ่งไปกว่าร่างกายที่ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้น เขายังมีมนตร์ดำที่ใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
เขาไม่ใช่ศัตรูที่เนโครแมนเซอร์เลเวลเกิน 70 มาไม่เท่าไหร่จะสู้ได้
“ลงไปคลานกับพื้นซะ!”
ร้องขอชีวิต ก้มลงแทบเท้าข้า
แต่ถึงเนโครแมนเซอร์จะตายทันทีก็ไม่เป็นไร
รัชโมดเหวี่ยงดาบดำอย่างตั้งใจจะผ่าศัตรูเป็นสองซีก
กึง!
วูจินเอาไม้เท้าเหล็กออกมากันดาบดำของรัชโมด
รัชโมดเลิกคิ้ว
“โฮ่! นี่คือทักษะของเนโครแมนเซอร์เรอะ?”
ผู้ไม่ตายบางครั้งก็สู้แบบนี้
ในอดีต เขาแสดงความสามารถต่อสู้เหมือนไม่ใช่นักเวทย์
วูจินหัวเราะเสียงเย็น
“ไม่ใช่”
ไม้เท้าเปลี่ยนเป็นดาบใหญ่โจมตีใส่รัชโมด
รัชโมดขยับหลีก แต่อาวุธเปลี่ยนเป็นหอกแล้วแทงใส่
‘เป็นอาวุธที่น่ารำคาญจริง’
ไอเทมระดับตำนานหรือ? ไอเทมที่เปลี่ยนรูปร่างได้แบบนี้ช่างเหมือนอาวุธของวอริเออร์
“มะ...ไม่จริงน่า!”
รัชโมดประหลาดใจที่อยู่ๆก็เกิดความคิดเหลวไหลขึ้นมา
มาคิดดู ผู้ไม่ตายสู้กับร่างกายที่ถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นของเขาได้
“เจ้า! เจ้ากลายเป็นวอริเออร์เรอะ!”
วูจินหัวเราะแทนคำตอบ
[ความโกรธเกรี้ยวของนักรบเหลือเวลาอีก 77, 76, 75...]
เขารักษาความโกรธไว้ได้นานขึ้นเมื่อเลเวลเพิ่มขึ้น แต่เวลากำลังหมด วูจินเหวี่ยงอาวุธที่กลายเป็นขวาน จากนั้นเปลี่ยนกลับเป็นดาบยักษ์เพื่อรุกต่อ
ด้วยการโจมตีที่คาดเดาไม่ได้กับกำลังของเขา รัชโมดถูกกดดันหนักเข้าจนอดตะลึงไม่ได้
‘มันโยนทัพผีดิบทิ้งเพื่อเปลี่ยนเป็นนักรบธรรมดา’
ไม่น่าเชื่อ แต่หลักฐานก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ขณะที่ผลัดกันโจมตี รัชโมดเริ่มเสียท่าทีละน้อย นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างนักรบกับนักเวทย์ที่เพิ่มแรงกับความเร็วให้ตัวเอง
สู้กันตรงๆแบบนี้ นักรบย่อมได้เปรียบ
ปึก
ปลายหอกแทงลึกเข้ามาในท้อง หน้าซีดของรัชโมดแข็งทื่อ เขากระโจนถอยหลังทิ้งระยะห่างจากศัตรูทันที
เมื่อหอกถูกดึง เลือดก็ทะลักออกจากช่องท้องแต่หยุดไปในไม่กี่วินาที จากนั้นแผลก็เริ่มหาย เขาไม่ได้ใช้เวทย์รักษา นี่เป็นผลจากร่างผสมของเขา เขามีร่างกายที่ฟื้นฟูตัวเองได้ดียิ่งกว่าโทรล
“เจ้าโง่ เจ้าหนีมาที่โลก ทิ้งอาชีพเนโครแมนเซอร์มาฝึกเป็นวอริเออร์เรอะ?”
“นี่ก็สนุกดีนะ”
“โง่เขลานัก”
เขายอมรับว่าวูจินมีศักยภาพด้านการต่อสู้อย่างเหลือเชื่อ ถ้าฝึกจนถึงเลเวลสูงสุดต้องแข็งแกร่งกว่าผู้กล้าในทัพพันธมิตรแน่
แต่มันก็เท่านั้น
รัชโมดดึงพลังจากดันเจี้ยนแล้วสร้างมอนสเตอร์ขึ้นมา
เขาสบายใจขึ้นเมื่อเห็นมอนสเตอร์ปรากฏตัวทีละตัวสองตัว
ผู้ไม่ตายเป็นตัวปัญหาก็เพราะทัพผีดิบของเขาที่เทียบเท่ากับทัพของทราห์เน็ต
แต่เมื่อเขาทิ้งทัพผีดิบไป วูจินก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป
มอนสเตอร์ที่ถูกเรียกออกมาวิ่งใส่วูจิน
“คึๆ มาดูกันว่าเจ้าจะสู้ได้นานแค่ไหน...”
สุดท้ายมันก็จะเหนื่อย และเขาจะเป็นผู้ได้ชัย เขาจะนั่งดูมันสู้กับมอนสเตอร์อย่างสบายใจในฐานะแม่ทัพ
วูจินสู้กับพวกมอนสเตอร์ หลังฆ่าไปเกินร้อยก็เห็นได้ชัดว่าเริ่มเหนื่อย ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดท่วมตัว
“คึ ฮ่าๆๆ เจ้าโง่ นี่ล่ะผลจากการที่เจ้าทิ้งอาวุธสำคัญของตัวเอง รู้สึกยังไงบ้าง?”
“ใคร...”
วูจินที่เลือดท่วมตัวหัวเราะ
“ใครพูดว่าฉันทิ้งไป?”
“อะไรนะ?”
วูจินใช้แต่ทักษะที่ใช้พลังกายสู้ พลังเวทย์ของเขาเพิ่มขึ้นช้าๆจนเกือบเต็ม วูจินกางแขน
โพละ โพละ โพละ!
ศพที่กระจัดกระจายรอบๆระเบิดออก จากนั้นทหารโครงกระดูกและนักเวทย์โครงกระดูกก็ลุกขึ้น
“เคะๆๆๆ”
ถ้ำใต้ดินเต็มไปด้วยโครงกระดูก เสียงของพวกมันน่าสยอง
เมื่อฝ่ายตัวเองตายไป 1 มันไม่ได้หมายถึง -1 ฝ่ายตัวเองที่ตายไปถูกเปลี่ยนเป็นศัตรู ดังนั้นมันจึงเป็น -2 เพราะเหตุนี้ผู้ไม่ตายจึงยากจัดการ
เมื่อโครงกระดูกนับร้อยหันมาทางเขา รัชโมดหน้าซีดเผือด
ขนลุกจังโว้ย~ พระเอกโครตเทพ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ