วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 58

บทที่ 58 – ความหมายของคำว่าครอบครัว

“ทำร้ายร่างกาย? ฉันเหรอ?”

ใช่แล้ว ท่านประธานตบเขาท่ามกลางการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ

มินชานตอบในใจ ไม่พูดออกไป

วูจินขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนอื่นเงียบ

“แค่แตะหน้าเบาๆเอง ได้ยินเฮมินบอกว่ามันฉายทางทีวีแป๊บเดียวด้วยนี่”

ถึงจะแค่แป๊บเดียว แต่ทำร้ายร่างกายก็คือทำร้ายร่างกาย...

ซุงฮุนมีประสบการณ์ถูกวูจินแตะหน้าเบาๆมาแล้ว เขาตัวสั่น สีหน้ามืดครึ้ม

“เฮ้อ รู้งี้ฆ่าทิ้งซะก็ดี”

เพราะกล้องจับภาพอยู่วูจินเลยรั้งมือไว้บ้าง...

เขานึกว่าแสดงออกชัดเจนแล้วแท้ๆ นึกไม่ถึงว่าจะถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย

ท่าทางหัวหน้ากิลด์ฮวารางจะไม่เลิกวุ่นวายกับเขา

เพื่อจบความสัมพันธ์แค้น ต้องมีใครตายไปข้าง และวูจินเป็นฝ่ายมีชีวิตอยู่ต่อเสมอ

“เฮ้ย ซุงกู ขับรถให้หน่อย”

“ลูกพี่ ถ้าจะไปสถานีตำรวจไปตอนเช้าก็ได้ครับ”

วูจินเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงกังวลของซุงกู

“ฉันจะไปสถานีตำรวจทำไม?”

“ละ...แล้วจะไปไหนครับ?”

“กิลด์ฮวาราง”

“...”

ทุกคนทำหน้ากังวลใจ วูจินยิ้มเมื่อเห็นดังนั้น

“ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง พวกนายจะกังวลทำไมขนาดนั้น?”

ไม่ให้กังวลได้อย่างไรเล่า?

จุงมินชานพยายามทำให้วูจินสงบลง ถ้าเรื่องบานปลายไปกว่านี้ต้องไม่ดีแน่

“ให้ผมจัดการเรื่องนี้เถอะ”

วูจินเป็นประธานกิลด์ ถ้าใครเรียกแล้วต้องไปตามทุกครั้งคงตลก กิลด์ฮวารางก็คงไม่ต้องการให้ประธานกิลด์ตัวเองเที่ยวตั้งข้อหาคนอื่นว่าทำร้ายร่างกาย พวกนั้นอาจจะเล่นทางอื่น

“น่ารำคาญออก”

“ถึงมันจะน่ารำคาญ ก็ผมเป็นคนจัดการเรื่องน่ารำคาญเอง แค่นี้ก็ได้แล้วนี่”

หืม? ก็จริงแฮะ... วูจินสร้างกิลด์ขึ้นมาก็เพื่อให้คนพวกนี้จัดการกับเรื่องแบบนี้...

จุงมินชานพยักหน้า มองวูจินที่มีท่าทางเย็นลง

“งั้นนายก็จัดการแล้วกัน”

ว่าแล้ว ขอแค่วูจินไม่ใช่คนต้องจัดการเรื่องยุ่งยากเองที่เหลือก็ยังไงก็ได้ บางทีที่เขารายงานเรื่องนี้นั่นล่ะที่กลายเป็นการหาเรื่องปวดหัวใส่ตัวอย่างไม่จำเป็นเลย

“งั้นฉันจะได้ไปอเมริกาเมื่อไหร่?”

“งานประชุมจัด 1 เดือนจากนี้ คุณควรจะไปช่วงนั้น”

“อืม เหลืออีกเดือน”

แม้จะอยากเจอสตรีศักดิ์สิทธิ์แต่วูจินไม่ได้รีบอะไร...อีกอย่างเขายังต้องฝึกซุงกู

“มีเรื่องที่ฉันต้องจัดการเลยไหม?”

“มี ผมขออนุญาตรับคนเพิ่ม”

เพื่อจัดการปัญหาของประธานกิลด์ฮวาราง เขาต้องจ้างทนายสักคน แล้วยังมีหน่วยสนับสนุนที่ต้องขยายกำลังคนเพิ่ม

“งั้นไหนๆก็จ้างเราส์เข้ามาด้วย”

“อืม ถ้าไม่รีบนัก ไว้หน่วยสนับสนุนมีคนพอแล้วค่อยหาเราส์เพิ่มดีกว่าไหม? ต่อให้มีเราส์เข้ามาตอนนี้ก็ไม่มีคนมาดูแลพวกเขาอยู่ดี”

“แล้วแต่นายแล้วกัน”

“ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ท่านประธานไปพักบ้างเถอะ”

วูจินยิ้ม

ไม่ให้เขาเป็นห่วงก็ดี แต่เรื่องพักเขาคงไม่มีเวลา ถ้าเป็นที่อัลเฟนเขาคงคิดแต่เอาตัวรอด แต่ที่นี่เขาไม่อยากเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นศัตรูของเขา

“ฉันจะกลับบ้าน เจอกันพรุ่งนี้”

“กลับดีๆนะครับ”

วูจินรับคำล่ำลาจากทุกคนแล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน

บ้านอยู่ไม่ห่างจากสถานีซาดางนัก วูจินจึงเดินกลับ เขาเคยมาครั้งหนึ่งแล้วตอนทำสัญญาดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องหลงทาง

วูจินหยุดเดินเมื่อใกล้ถึงบ้าน

“เอ๊ะ รหัสเข้าบ้านนี่อะไรนะ...? แม่คงยังหลับอยู่”

วูจินหยิบมือถือขึ้นมาแต่แล้วก็ใส่กลับกระเป๋า ตอนนี้เป็นตีสาม เขากรำศึกมาจนแกร่งกล้าไม่ต้องห่วงเรื่องนอน ต่อให้ไม่ได้นอนติดต่อกันหลายคืนก็ไม่ตาย วูจินไม่เห็นความจำเป็นต้องโทรปลุกแม่ให้วุ่นวายแต่เช้ามืด

“งั้นเดี๋ยวค่อยมาใหม่แล้วกัน”

วูจินเปลี่ยนทิศทางไปยังเขตดาวน์ทาวน์

ไม่เหมือนวูจิน ซุงกูเหนื่อยแทบตาย ดังนั้นเขาจึงปิดโทรศัพท์ จุงมินชานกับคิมเฮมินก็งานยุ่ง เจมินยังเป็นนักเรียน กับจีวอนวูจินก็รู้สึกไม่สะดวกใจที่จะโทรหา...

ตีสาม จะว่าดึกก็ไม่ใช่จะเช้าก็ไม่เชิง คนที่เดินกับวูจินไม่ใช่ใครอื่นนอกจากวูซุงฮุน

“ท่านประธานจะให้ผมพาไปไหนดีครับ? แค่บอกมาผมจะจัดการให้”

ไปไหนดีล่ะ? วูจินมองข้ามถนนแล้วพยักหน้าไปทางป้ายแห่งหนึ่ง

“ไปนั่นแล้วกัน”

“ครับ?”

มันเป็นตึกห้าชั้น ป้ายแต่ละชั้นบอกว่าเป็นโรงเรียนสอนพิเศษ สำรวจดูแล้วที่ๆวูจินน่าจะไปก็มีแต่อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ที่ชั้นสอง

“พีซีบังหรือเปล่าครับ?”

“ใช่ ไปเล่นคาออสกันสักหน่อย”

เขาไม่ได้เล่นเกมมา 20 ปี จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเป็นอย่างไร แต่เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้คิดถึงความหลัง
ความทรงจำสมัยเป็นเด็กม.ปลายปี 3 ความทรงจำพวกนั้นแทบทำให้เขารู้สึกว่าวิญญาณสกปรกของตัวเองได้รับการชำระล้าง

แม้จะไม่อาจกลับไปยังสมัยที่ยังไร้เดียงสาก่อนมาเจอกับนรกในโลกอัลเฟน แต่ว่า...

วูจินกับซุงฮุนมุ่งหน้าไปยังอินเตอร์เน็ตคาเฟ่

วูจินมองรอบๆอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ด้วยความรู้สึกตื้นตัน ซุงฮุนมองวูจินแล้วพยักหน้าเมื่อเห็นวูจินมีงานอดิเรกจืดชืดเช่นนี้ ถ้าเขาพาวูจินไปที่ห้องพิเศษคงถูกด่า

“นั่งตรงนี้เถอะครับท่านประธาน”

“เดี๋ยวนี้มันต้องจ่ายเท่าไหร่แล้ว?”

วูจินขยับเม้าส์ไปมาไม่นานก็ชิน จากนั้นก็เริ่มเล่น ซุงฮุนที่มองอยู่ข้างๆพูดขึ้น

“ท่านประธาน คาออสมันเก่าแล้วเราไม่เล่นกันแล้ว ถ้าจะหาคนแข่งด้วยคงยาก”

“เหรอ? เดี๋ยวนี้เค้าเล่นเกมอะไรกันล่ะ?”

อืม ผ่านไป 5 ปีแล้ว เกมที่เป็นที่นิยมในเกาหลีก็เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

“ถ้าที่เหมือนคาออส ก็ LoL”

“เหรอ?”

วูจินสร้างแอคเคาท์และเข้าเกมโดยมีซุงฮุนคอยช่วย

“ท่านประธาน ตัวนี้กับตัวนี้อย่าใช้นะครับ...”

“อ้อ โอเค”

“เลื่อนลงไปข้างล่างแล้วเล่นกับบอทสักรอบได้นะครับ เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟัง”

วูจินตั้งค่าตามที่ซุงฮุนบอก จากนั้นก็เริ่มเกม

“ท่านประธาน ยิงไปเรื่อยๆเลยครับ”

วูจินใช้ตัวละครสายยิงไกลที่ยิงธนู ซุงฮุนใช้ตัวละครสนับสนุนมีแขนกล มินเนี่ยนเมื่อเห็นศัตรูก็บุกเข้ามาเป็นเลนเดียว

“เหมือนคาออสเลยแฮะ”

“ครับ ท่านประธานเคยเล่นเกมแบบนี้มาแล้วเลยเล่นใช้ได้เลย”

วูจินฟังซุงฮุนชมอย่างอารมณ์ดี เขาไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้ว AI ไม่ค่อยเก่งนักดังนั้นเขาจึงชนะง่ายๆ
วูจินยิ้ม ไม่ได้เล่นเกมมานานแล้ว

“สนุกดีแฮะ”

“งั้นต่อไปก็ไปเข้าคิวเล่นกับคนอื่นๆเถอะครับ”

“ได้”

“เดี๋ยวผมเอาตัวเวลต่ำมาเล่นด้วย”

ซุงฮุนพาตัวละครเลเวล 5 มาเข้าคิวกับวูจิน คนเก่งกว่า AI มาก วูจินตายเอาๆเพราะยังไม่คุ้นกับเกม

“อ๊ะ พลาดอีกแล้ว...”

“ฮะๆๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านทำได้ดีทีเดียว...”

ซุงฮุนพยายามเอาใจวูจินอย่างหนัก หัวใจเขาเต้นตุ๋มต๋อมเมื่ออ่านในช่องสนทนาที่ขึ้นมาพรวดๆ

[โอ๊ย ไอ้บ้า อย่าทำแบบนี้ดิ]

[ต้องติดบัพก่อนถึงจะตีเหรอ? กระจอกไปป่าว?]

[แม่ป่วยเหรอ?]

[ตีเบ๊ไปทำยาให้แม่ดิ]

“หืม นี่ด่าหรือห่วงฉันเนี่ย?”

“อะ ฮะๆ เด็กๆก็มีทั้งนิสัยดีนิสัยเสียนะครับ...”

“หึ แต่เด็กพวกนี้ก็เป็นลูกกตัญญูดีนี่”

เด็กๆเหรอ... เขาเป็นเราส์แรงค์สูง ท่าทางของเขาเปี่ยมไปด้วยบารมี ทำให้บางครั้งซุงฮุนก็ลืมไปว่าวูจินเพิ่งอายุ 24 อ่อนกว่าเขามาก

เพราะเป็นเราส์แรงค์สูงหรือ? ซุงฮุนหันไปมองวูจิน เขาไม่สามารถมองวูจินว่าเป็นคนอายุน้อยกว่าได้เลย

“ฮะๆ อย่าไปสนเลยครับ...”

“ไม่ล่ะ เด็กพวกนี้อุตส่าห์เป็นห่วง”

[ขอบใจ แล้วแม่นายแข็งแรงดีหรือเปล่า?]

ซุงฮุนตกใจเมื่อเห็นว่าวูจินพิมพ์อะไรลงไป ช่องสนทนาเริ่มมีคำด่าหลั่งไหลเข้ามา

[วะไอ้ห่าโทรล กล้าด่าแม่กูเหรอ?]

[เฮ้ย xxxx]

“อะไรวะเนี่ย?”

วูจินตะลึง ซุงฮุนปิดช่องสนทนาก่อนที่เขาจะโกรธ

“ฮะๆ ปกติตอนเริ่มเกมต้องปิดแชทบ๊อกก่อนนะครับ”

“ฮืม เมื่อก่อนมันแย่แบบนี้หรือเปล่า?”

5 ปีก่อน หรือ 20 ปีก่อนในความทรงจำของวูจิน เวลานั้นในอินเตอร์เน็ตก็ใช้คำไม่สุภาพกันแล้ว แต่เขาว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนี้

เมื่อปิดช่องสนทนาก็กลายเป็นการคุยส่วนตัวกับซุงฮุน แมทช์ทีละแมทช์ผ่านไปภายใต้คำสอนของซุงฮุน

“ฮะๆ ท่านประธานจะเอาบะหมี่สักถ้วยไหมครับ?”

“อ้อ เอาสิ”

บะหมี่ถ้วยในร้านเน็ตเป็นของอร่อยที่ขาดไม่ได้ วูจินคิดเพลินแต่แล้วก็นึกขึ้นได้

“กี่โมงแล้ว”

“เอ๋? 11 โมงแล้วครับ”

“เวร”

วูจินตั้งใจจะกลับบ้านตอน 7 โมงเช้า แต่เล่นเพลินจนลืมเวลา

“ฉันกลับบ้านล่ะ”

“ครับ”

“สนุกดี ต่อไปก็ตั้งใจเข้านะ”

“...”

วูจินตบบ่าซุงฮุน จากนั้นหายตัวไปเหมือนเด็กประถมที่เล่นเกมจนตังค์หมด

ซุงฮุนแกะบะหมี่ถ้วยค้าง สีหน้าของเขาแสดงความพลุ่งพล่านใจ

“เขา...บอกว่าสนุก”

ยอดเยี่ยม ท่านประธานยอมรับเขาแล้ว

เขาพบหนทางแล้ว เขาได้รับการยอมรับและพบวิธีไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ

“ผมจะทำให้ท่านประธานสนุกกว่านี้อีก”

ซุงฮุนเทน้ำร้อนลงในบะหมี่ถ้วย

***

ติ๊ง-ต่อง

[ใครคะ]

“แม่ ผมเอง”

ประตูเปิดออกทันทีที่วูจินตอบ แม่เขาโผล่ออกมา นางกอดวูจินแล้วมองเขาทั่ว

“ไอ้หยา ลูกไม่รักดี ทำไมถึงมีเรื่องออกทีวีบ่อยนัก ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”

“ฮะๆๆ พวกนักข่าวก็เว่อร์ไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกแม่”

“ยกเลิกละครแล้วออกข่าวแทนนี่จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ได้ยังไง?”

“โซอาล่ะ”

“ไปโรงเรียน นี่ กรรมการจุงบอกว่าลูกจะมาตอนเช้า แล้วทำไมถึงช้านัก แม่รอจนเกือบเช้าแต่หลับไปก่อน...”

อ้าว แม่รอเขาทั้งคืนเลยเหรอ? มิน่าถึงดูเหนื่อยๆ

วูจินเกาหัวอย่างรู้สึกผิด เขาไม่ได้ตั้งใจแต่ดูเหมือนจะละเลยแม่เกินไปช่วงที่เขาเข้าดันเจี้ยน

“ฮะๆ ผมก็กะจะกลับมาตอนเช้าแหละ แต่ไปเล่นเกมในร้านเลยช้า”

“...”

แม่ของวูจินฟังคำแก้ตัวเขินๆของเขาแล้วหน้าตึง

แม่เขาเริ่มเปลี่ยนไปห่วงเขาอีกแบบ นางเป็นห่วง แต่ว่า...

“ไอ้หยา เด็กไม่รักดี เล่นเกมมาตั้ง 5 ปีแล้วยังคิดจะเล่นอีก”

อ่า... เกมที่เขาเล่น 5 ปีนั่นเป็นเกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต นี่ไม่เหมือนกัน... มันเล่นแล้วนึกถึงความหลัง...

ในที่สุดวูจินก็ทำให้แม่หายโกรธ จากนั้นเขาเข้าไปในบ้านหลังแรกที่ซื้อมา ตอนเซ็นสัญญาเขาเคยเห็นบ้านหลังนี้แล้ว แต่พอมีเฟอร์นิเจอร์เข้ามาก็ดูเปลี่ยนไปเยอะ เขารู้สึกต่างไปจากเดิมเมื่อเข้ามาในบ้านหลังนี้โดยที่รู้ว่ามันเป็นบ้านของตัวเอง

“ได้ยินว่าแม่วุ่นหาของตกแต่ง ว่าแล้วว่าแม่ต้องตาถึง”

“ฮุๆ ลองเข้าไปในห้องลูกสิ”

แม่ของเขาทำเหมือนให้เขาดูของเล่นที่นางซ่อนไว้ สีหน้านางเต็มไปด้วยความคาดหวัง

อา ดูท่าจะเตรียมอะไรไว้สินะ

วูจินเปิดประตูห้องตัวเอง

“หืม?”

ในห้องไม่มีอะไรมาก วอลเปเปอร์เก่าๆกับโต๊ะเก่า ชั้นหนังสือกับเตียงอีกหนึ่งหลัง

บรรยากาศในห้องนี้แตกต่างจากส่วนอื่นของบ้านจนวูจินเอียงคองง เขาลูบโต๊ะ

เขามองรอบห้อง มันให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

“แม่ นี่...”

“ลูกเคยบอกว่าลูกคิดถึงห้องเดิมของตัวเอง...”

เขาหลุดปากพูดไปตอนกินข้าว แต่แม่เขาจำมันไว้ วูจินซึ้งใจ

“โต๊ะนี้ไม่ใช่ตัวเดิมที่ลูกเคยใช้หรอก แต่แม่ตั้งใจหาที่เหมือนที่สุดมานะ”

เขาจำได้ โต๊ะที่พ่อเคยซื้อให้ตอนเขาเข้าม.ปลาย เขาใช้มันอ่านหนังสือ...

“ลูกแม่เสี่ยงอันตรายหาเงินมา แต่แม่ทำอะไรให้ลูกไม่ได้เลย...”

ใช่แล้วล่ะ เพื่อครอบครัวของเขา

เขาอดทนต่อทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้ แม้ต้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดเขาก็ยังอยากกลับโลก เขาคิดถึงโลก เพราะครอบครัวเขาอยู่ที่นี่

วูจินกอดแม่แน่น

***

วูจินนอนพักในห้อง บิบิคอยดูแลเขาอยู่ข้างเตียงพร้อมทั้งสร้างฝันร้ายให้

“เอ๊ะ? รองเท้าพี่นี่นา แม่จ๋า! พี่อยู่เหรอ?”

เสียงดังของโซอาปลุกวูจิน

“แม่จ๋า! พี่พาหมามาด้วยหรือเปล่า?”

ได้ยินเสียงโซอาจากห้องนั่งเล่น วูจินก็เพิ่งนึกได้ เขามองไปข้างๆเห็นแมวบิบิกำลังหาว

“เฮ้ บิบิ”

“เมี้ยว?”

“อย่าให้ใครรู้นะว่าเธอไม่ใช่แมวจริงๆ”

“เมี้ยว? อะไรเหรอ -เมี้ยว?”

วูจินอุ้มบิบิแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น

“เฮ้ โซอา พี่เอาแมวมาให้”

บิบิกับโซอาสบตากัน โซอาที่ตกใจเห็นบิบิแล้วก็ร้องไห้จ้า

“แง หนูอยากได้หมาไม่ใช่แมวสักหน่อย”

วูจินทำตัวไม่ถูก บิบิสังหรณ์ใจไม่ดี ทั้งคู่ต่างผงะไป





สารบัญ                                          รอใส่บทที่ 59


เห็นว่าบิบิจริงๆแล้วชื่ออ่านว่า วีวี่ แต่คนแปลอ่านบิบิจนชินแล้วอ่ะ ปล่อยไว้แบบนี้แล้วกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น