บทที่ 49 – ดันเจี้ยนเบรก (3)
วูจินระวังตัวทันทีที่ออกจากอุโมงค์
ทีมจู่โจมทีมก่อนรีบหนีออกไปทางอุโมงค์อย่างรีบเร่งขณะถูกศัตรูไล่ล่า
มีร่องรอยของการต่อสู้ขัดขืน และวูจินเห็นซากศพมอนสเตอร์กระจายอยู่รอบๆ
“กี๊ กิ๊ก!”
วูจินเหลือบเห็นกอบลินในระหว่างต้นไม้ เขาเรียกหอกกระดูกออกมาอย่างว่องไว
ฟิ้ว ปึก!
หอกกระดูกพุ่งไปทางกอบลินสามตัวที่ซ่อนอยู่และสังหารในคราวเดียว
วูจินมองรอบตัว ขยายประสาทสัมผัสออกไป แต่ไม่รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆอีก
มอนสเตอร์ระดับสูงคงถอนตัวกลับไปแล้ว
เหลือแต่กอบลินที่ทำหน้าที่ลาดตระเวน
ซากศพรอบๆส่วนใหญ่เป็นพวกกอบลิน แต่ยังมีศพของโทรลสองซาก
ศพของโทรลมีค่าดังนั้นเมื่อทีมก่อนไม่ได้เก็บมันไปแสดงว่าต้องรีบหนีมาก
“เห็นว่าทีมก่อนหน้ามาจากญี่ปุ่นใช่ไหมนะ?”
วูจินจะเอากระดาษที่มีข้อมูลดันเจี้ยนออกมาแต่มันไม่อยู่ในกระเป๋าของเขา
เขาคลำกระเป๋ากางเกงอีกข้างก็พบว่าโทรศัพท์มือถือก็ไม่อยู่แล้ว
“อ้อ เอาของจากข้างนอกเข้ามาไม่ได้นี่นา”
เสื้อผ้าวูจินไม่หายไปเพราะมันทำมาจากวัสดุในดันเจี้ยน
เราส์ที่เข้าดันเจี้ยนแรงค์สูงบ่อยๆจะใส่เสื้อแบบนี้อยู่แล้ว
เพราะอย่างนี้เองจุงมินชานจึงซื้อเสื้อมาให้วูจินกับซุงกู...
จุงมินชานที่สามารถจัดการไปถึงรายละเอียดยิบย่อยแบบนี้
วูจินคิดว่ามินชานมีความสามารถสูงมาก
“วู่ม”
ทันใดนั้นอุโมงค์มิติก็หายไป แสงจากอุโมงค์หายไป
พ่นมนุษย์คนหนึ่งออกมา
ลียุนฮี เมื่อพ้นอุโมงค์เธอก็ตะโกนอีก
“บ้าจริง เอาอีกแล้วฉัน!”
วูจินขมวดคิ้วเมื่อเห็นลียุนฮี
“อะไรอีก?”
“อะไรอีก?อะไรของนายอะไรอีก?ฉันเกิดเพี้ยนจนกระโดดเข้ามาในเพราะนาย
ทำไมนายต้องมาเสียสติตรงหน้าฉันด้วยวะ?”
“...”
“เวร อยากตายก็ไปตายคนเดียวสิวะ
ทำไมต้องมาหาที่ตายตรงหน้าฉันด้วย?”
“ประสาท”
เข้าก็เข้ามาเอง ไม่มีใครสั่ง
วูจินเลิกสนใจลียุนฮีแล้วออกเดิน
ยุนฮีคว้าไหล่วูจินไว้
“คิดจะไปคนเดียวเหรอไอ้บ้า ฉันจะเป็นคนนำ
นายเป็นนักเวทย์ก็สนับสนุนฉัน”
“...”
วูจินมองมือของลียุนฮีที่จับไหล่เขา นานแล้วนะ! ไม่เคยมีใครแตะตัวเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตมานานแล้ว
“อยากโดนเหรอ?”
“ฮะ อะไร?”
วูจินหันมา จ้องยุนฮีตรงๆ
วูจินตบหน้ายุนฮี
เธอไม่มีแม้แต่เวลาหลบ แก้มของยุนฮีเป็นรอยแดง
เธองงและตกใจไปครู่ แล้วก็โกรธจัด
“ไอ้สัตว์!”
ชิ้ง!
แหวนของลียุนฮีเปลี่ยนเป็นดาบทันที
เธอเหวี่ยงมันไปทางวูจิน แต่เขาเรียกหอกเหล็กมากันไว้
วูจินตวัดขาเตะคางลียุนฮี
“อั่ก!”
ลียุนฮีล้มพร้อมกับเสียงกรี๊ด
แต่ก่อนร่างเธอจะถูกพื้นก็ถูกยกตัวขึ้น วูจินคว้าคอของเธอแล้วตบหน้าอีกที
ร่างของลียุนฮีลอยกระแทกพื้น
“กรี๊ด ไอ้...”
กึง!
วูจินกระโดดแล้วปักไม้เท้าเหล็กลงบนพื้น
เฉียดจมูกของลียุนฮีไป
“ดูซะว่าจะเป็นยังไงถ้าพูดมากกว่านี้อีกคำ”
“...”
“ถ้าอยากเป็นเหมือนคนขี่ม้าหัวขาดก็ได้นะ”
“ฮื่อ...”
ยุนฮีกัดฟัน ส่งเสียงขู่ แต่เธอทำอะไรไม่ได้
เห็นดวงตาของวูจินเธอก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น
ไอ้คนใจดำ ตบผู้หญิงได้
ตบเธอ?
วูจินตบเธอ ลียุนฮีคนนี้?
เธอไม่เคยถูกผู้ชายตบมาก่อน
เธอเคยสู้กับมอนสเตอร์จนเกือบตาย แต่ไม่เคยคิดว่าจะถูกมนุษย์ทำร้ายได้
“ฉันเกลียดผู้หญิงแบบเธอ”
“...”
วูจินเรียกหอกกระดูก เขาปักมันบนพื้นโดยเฉียดตัวยุนฮีไป
เธอเสียวสันหลังวาบ
“อย่าเที่ยวไปโทษคนอื่นอีก”
ใครบอกให้เธอเข้าดันเจี้ยน?
เธอเข้ามาเองแล้วจะไปโทษคนอื่นได้เหรอ? ที่จริงคือเธอเข้ามาแย่งค่าประสบการณ์กับเขา
แล้วยังจะมาเกาะ...
“เธอถูกตบเพราะอ่อนแอ อย่าโทษฉันที่ไม่อยากปกป้องเธอ”
“...”
วูจินเรียกหอกกระดูกด้ามที่สอง ปักลงตรงอีกข้าง
“วิญญาณเธอเหม็นหึ่ง คิดแต่เรื่องทุเรศ”
“...”
วูจินถอยหลัง
“ถ้าอยากโดนอีกก็ตามมา ถ้าไม่อยากตายก็รอตรงนี้ดีๆ
ตอนฉันออกไปจะพาเธอไปด้วย”
“ฮึ่ม”
ลียุนฮีขบปากแน่น ไม่ตอบ
เธอแพ้ แพ้เขา
มันทำให้เธอรู้สึกอยากจะอ้วก!
วูจินยิ้มเยาะเมื่อเห็นเธอคำรามเหมือนสัตว์ป่า
ไม่ใช่ว่าฆ่าไม่ได้
เขาแค่ไม่อยากให้ผู้หญิงแบบนี้มาเป็นหนึ่งในวิญญาณอาฆาตตามสิงเขา
เคร้ง!
หอกกระดูกที่ปักด้านซ้ายขวาของลียุนฮียืดออก
กลายเป็นคุกกระดูก
วูจินหันกลับ
“อะ ไอ้บ้า คนเดียวจะทำอะไรได้วะ นี่มันดันเจี้ยน 6 ดาว!”
วูจินเหยียดแขนออกแทนคำตอบ
พลังเวทย์จำนวนมากพุ่งออกจากร่างเขา
โผละๆๆ!
ซากกอบลินระเบิดออก โครงกระดูกจำนวนมากถูกเรียกออกมา
“เคะๆๆๆ”
เสียงชวนขนหัวลุกดังจากโครงกระดูก
พวกมันโซซัดโซเซตามมาข้างหลังวูจิน
“ยัยบ้า ฉันบอกตอนไหนว่าฉันตัวคนเดียว”
“...”
ฮ้า คังวูจิน นายใจเย็นลงมากเลยนะ
เมื่อก่อนผู้หญิงแบบนี้ไม่กล้าเงยหน้าต่อหน้าเขาด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็นทหารร่วมรบ ราชาราชินี หรือนักบวช
ไม่เคยมีใครกล้าเงยหน้าต่อหน้าเขา
“ซุงกู ไอ้เด็กเวร กำลังพักผ่อนวันหยุดสบายใจอยู่สิท่า
แม่ง รู้สึกโกรธหน่อยๆว่ะ”
ขาดซุงกูวันนี้ทำให้เขารู้สึกว่างโหวงมาก
วูจินผูกพันกับวิญญาณบริสุทธิ์และอบอุ่นของซุงกู
อีกอย่างตอนสั่งให้ทำโน่นนี่ก็สนุกดี...
วูจินนำทัพโครงกระดูกไปทางป่า
***
เมื่อกลุ่มขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหว
มันจะทิ้งร่องรอยไว้ ถ้าอยู่ในเขตของศัตรูก็จะพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยให้ดีที่สุด
สัตว์กินพืชจะเคลื่อนที่อย่างระมัดระวังและลบกลิ่นและร่องรอยของตัวเอง
นี่เป็นสัญชาติญาณเอาตัวรอดของพวกมัน สัตว์กินเนื้อจะเคลื่อนที่อย่างลึกลับไล่ตามร่องรอยจางๆพวกนั้น
พวกมันมีสัญชาติญาณของนักล่า
“กึงๆ”
โทรลสองตัวตามรอยเท้าที่ทิ้งไว้ชัดเจนไป
ร่องรอยนำพวกมันไปยังถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
กลิ่นกระจายไปทั่ว
มีผู้บุกรุกอยู่ใกล้พวกมัน มีเหยื่ออยู่ตรงปลายจมูกของพวกมัน
โทรลทั้งสองเข้าถ้ำ
เมื่อเข้าไปในถ้ำมืดพวกมันเห็นมนุษย์คนหนึ่งกำลังกินเนื้อตรงกองไฟ
และมีดวงตาส่องแสงสีแดงเรียงรายอยู่ลึกเข้าไปในความมืดของถ้ำ
“หืม มาอีกแล้ว เอ้าเด็กๆ รับแขก”
“ฟู่วๆ”
เวทย์มนตร์ปรากฏโดยไม่มีการเตือน สาดแสงในถ้ำจนสว่างเห็นนักเวทย์โครงกระดูกตาสีแดงจ้า
โครงกระดูกเปล่งแสงเพียง 3 วินาที
เวทย์มนตร์ที่ยิงมาฉีกโทรลเป็นชิ้นๆส่งพวกมันลอยออกจากถ้ำ
วูจินลืมไปเลย
เขาทิ้งร่องรอยของตัวเองไว้
แต่คนแบบเขาไม่สนเรื่องเล็กน้อยแบบนั้น
“บิบิ ไปเก็บของ”
“แหงะ เจ้านายจะให้เราทำอีกเหรอ?
เรียกโดลเซมาเร็วๆเถอะ”
“อ่าฮะ ไปเก็บของ พวกมันใกล้ตายแล้ว”
บิบิในร่างเด็กผู้หญิงทำแก้มป่อง แล้วสาวเท้าออกจากถ้ำ
ปีศาจน้อยจัดการเก็บเลือดจากโทรลใกล้ตายใส่ขวด
“ฮิๆ เจ็บมากเลยล่ะสิ?
ไว้ในฝันเราจะลงโทษเจ้านายแทนพวกเจ้าเองนะ”
ขณะสติของพวกโทรลกำลังเลือนหาย
สายตาพวกมันหยุดตรงมนุษย์คนหนึ่งกำลังยืนขึ้นยืดกล้ามหน้า
“เอาล่ะ อิ่มแล้วก็เก็บเวลต่อดีกว่า...”
เขาไม่ปิดบังร่องรอยตัวเองให้ยุ่งยากและป่าก็เริ่มจมไปในความบ้าคลั่งเมื่อนักล่าเจอกับนักฆ่า
***
โอเกอร์
เป็นหนึ่งในเผ่าที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่ายักษ์
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่าเพียงได้ยินเสียงเดินโครมครามของพวกมันก็จะหนีไป
พวกมันเป็นสุดยอดนักล่าของป่า สิ่งมีชีวิตอื่นเกรงกลัวไม่ต้องการเผชิญหน้ามัน
แต่มีกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ล่านักล่าแห่งป่านี้
“เคะๆๆๆ”
ทหารโครงกระดูกวิ่งผ่านพวกกอบลินและโคบอลด์อย่างรวดเร็ว
ฟันพวกมันล้มลง ทหารโครงกระดูกถางทางให้วูจิน เขาวิ่งโดยมีบิบิเกาะบนหัว
และนักเวทย์โครงกระดูกตามอยู่ด้านหลัง
“โอ!”
ปัก ปัก!
วูจินได้ยินเสียงดัง ทหารโครงกระดูกกลุ่มหน้าคงเจอโอเกอร์แล้ว
เมื่อสุดทางป่าเขาเห็นโอเกอร์ตรงพื้นที่โล่ง
มันสูงประมาณ 4 เมตร ใส่ผ้าที่แทบปิดอวัยวะเพศไม่มิด
มันมีหัวแข็งมาก และท่าเฮดบัดของมันก็อันตราย พวกมันสืบเชื้อสายมาจากเผ่ายักษ์ดังนั้นแค่กำปั้นเปล่าๆของพวกมันก็ถือเป็นอาวุธทรงอาณุภาพ
ถ้ามันหยิบก้อนหิน ก้อนหินก็กลายเป็นกระสุน
ถ้ามันคว้าต้นไม้ ต้นไม้ก็กลายเป็นกระบองขนาดใหญ่
“เจอจนได้!”
มันให้ค่าประสบการณ์และค่าความสำเร็จจำนวนมาก
นอกจากนี้มันยังมีบลัดสโตนก้อนเป้ง
“โอ!”
โอเกอร์คำราม แต่เสียงของมันไม่ทำให้ทหารโครงกระดูกชะงัก
ทหารโครงกระดูกลืมไปแล้วว่าความกลัวคืออะไร
แต่ มือของโอเกอร์ทรงพลังพอจะทำลายพวกทหารโครงกระดูก
เสียงคำรามของมันวูจินสู้ไม่ได้
แต่กับร่างใหญ่โตของมันวูจินมีวิธี
“เฮ้ย โดลเซ”
โดลเซ อสูรของวูจินออกมาตามเสียงตะโกนเรียก
แสงเหมือนหิ่งห้อยเรืองแสงขึ้น
แล้วเริ่มหมุนไปรอบๆที่ว่าง แสงเข้มขึ้นจางลงเหมือนหัวใจกำลังเต้น
แสงเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา จากนั้นมันซึมเข้าไปในดิน
ครืน
ดินสั่นสะเทือน จากนั้นกองดินกองหนึ่งก็ก่อตัวขึ้น
ศีรษะปรากฏออกมาก่อน จากนั้นก็เป็นแขนและขา มันคำราม
“โอ”
บิบิกระโดดไปยังหัวของโกเลมดิน โดลเซ
“โดลเซจิง!”
หัวของโกเลมเป็นที่โปรดของบิบิ
“จัดการซะ!”
“โดลเซจิง ลุยเลย!”
“โอ!”
โดลเซพุ่งไป โกเลมสูงกว่าโอเกอร์ถึง 1 เมตร
เศษดินหินหญ้าหลุดจากตัวโดลเซทุกก้าวเดิน
หมัดของโดลเซอัดใส่หน้าโอเกอร์ แต่มันเป็นโกเลมเลเวล 1
จึงอ่อนแอมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างความเสียหาย แต่เพียงพอดึงความสนใจ
“ฮึบ!”
วูจินกระโดดขึ้นไปบนหลังโดลเซ เขาวิ่งแล้วกระโจนขึ้น
วูจินเปลี่ยนอาวุธเป็นค้อน
“ก่ะ?”
ร่างมหึมาของโดลเซรวบร่างของโอเกอร์ไว้ โอเกอร์ส่งเสียงแปลกใจ
แล้วค้อนของวูจินก็ทุบหัวมัน
โอเกอร์เซ วูจินทิ้งตัวลงบนพื้น พาดค้อนไว้บนไหล่
จากนั้นกะระยะทาง
“จับมันไว้แน่นๆโดลเซ ฉันจะทุบมันอีกรอบ”
“โก”
“เจ้านาย ใช้แรงมากกว่านี้หน่อย ทุบทีเดียวให้ปลิวเลย”
วูจินวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เขาใช้หลังของโดลเซเป็นที่กระโดด วูจินกระโดดสูงกว่าครั้งแรก
แล้วค้อนก็ทุบใส่โอเกอร์อีกครั้ง
เสียงกะโหลกแตกดังลั่น ร่างของโอเกอร์เริ่มโอนเอน
ด้วความที่มันมีหนังเหนียวมากดาบส่วนใหญ่จึงแทงไม่เข้า
และเวทย์ของนักเวทย์โครงกระดูกก็ไม่มีผลกับมันเพราะมันมีความต้านทานเวทย์สูง
กองทัพโครงกระดูกในตอนนี้สู้กับโอเกอร์ไม่ได้
ถ้าเขาไม่มีสองอาชีพคงสู้กับมอนสเตอร์ตัวนี้ยาก
“บิบิ ไปกับโดลเซ ดูทางไว้”
“จ้า โดลเซจิง ไปเดินเล่นกัน”
“โดลเซจิงอะไรของเธอ
ทำไมเรียกโดลเซที่น่ารักของพวกเราแบบนั้น... อ๊ะ ตอนนี้เป็นฮุคเซสินะ” (โดล=หิน ฮุค=ดิน)
“เห็นจากทีวีน่ะ ถ้าเห็นอะไรน่ารักๆให้เรียกว่า-จิง”
“เฮ้อ ดูของแปลกๆอะไรอีกล่ะ”
“มาร์เชียนไวรัส เจ้านายก็น่าจะดูด้วยนา
เราเรียนรู้เรื่องมนุษย์โลกจากรายการนี้ล่ะ” (Martian
Virus รายการทีวีของเกาหลีใต้ที่นำเสนอชีวิตคนแปลกๆ)
“ไว้คราวหน้าฉันจะดูด้วย รีบไปสำรวจรอบๆเถอะ”
“โดลเซจิง ออกเดินทาง!”
วูจินเริ่มชำแหละศพโอเกอร์เอาชิ้นส่วนของมันไปสร้างยา งานไม่ยุ่งยากซับซ้อน บิบิก็ทำได้ แต่วูจินตัดสินใจลงมือเอง
“เฮ้อ ไม่น่าให้ซุงกูหยุดเลยฉัน”
วูจินบ่นไปตัดเนื้อโอเกอร์ไป
“จะ...เจ้านาย มานี่เร็วๆ มาดูนี่”
“อะไร?”
วูจินเก็บชิ้นส่วนต่างๆเข้าไปในคลัง
จากนั้นเดินไปหาบิบิ เขาเห็นสิ่งที่อยู่พ้นป่าไป
“เอ๊ะ?”
ป่าสิ้นสุดลงดื้อๆ
รอยแยกจากแผ่นดินไหว? หุบเขา? หน้าผา?
มันแยกออก
วูจินมองลงไปข้างล่าง มันเป็นผาลึกไม่เห็นก้น ห่างไป
200 เมตร เขาเห็นหน้าผาสูงจากที่เขาอยู่อีก 300 เมตร
วูจินมองซ้ายมองขวา แต่ช่องว่างห่างเท่ากันตลอด
ทำให้เขานึกถึงคูน้ำรอบปราสาทที่มีไว้ป้องกันข้าศึก
เขาเดินไปเรื่อยๆ แต่ไม่เห็นทางข้ามไปยังอีกฝั่ง
ที่นั่นมีรูปร่างเป็นวงแหวนโดนัท มีเสาขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
จากเสามาขอบหน้าผาก็เป็นระยะทาง 200 เมตรเช่นกัน
ในความทรงจำของวูจิน เขาเคยได้ยินถึงดินแดนที่มีผังคล้ายๆกันนี้
“ที่ราบสูงทาริวท์”
วูจินหน้าเครียด
มันมีอีกชื่อ
“วิหารเผ่ายักษ์”
สายตาของวูจินมองผ่านกำแพงสูงชะลูดของเหวไปยังดินแดนเบื้องหลังมัน
ตอนที่แล้วเราอ่านโอเกอร์ (ogre) เป็นออร์ค (orc) ซะงั้น ผิดๆ กลับไปแก้แล้วค่ะ
มองเห็นสภาพพื้นที่ๆอยู่ห่างไป 200 เมตรสูงกว่าตัวเอง
300 เมตรได้ด้วยแฮะ ตึกกี่ชั้นนั่น 70? สมเป็นพระเอก
ตอนนี้สะใจผญ.ดี แต่ญี่ปุ่นเนี่ยสื่อไร คิดมากไปเองมั้ง
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ