บทที่ 48 ดันเจี้ยนเบรก (2)
วูซุงฮุนไม่ได้ขับรถตรงไปเดกูเลย
เขาพาวูจินแวะที่ที่ทำการบริหารผู้มีพลังพิเศษในเมืองโซลก่อน
อาคารถัดจากสำนักงานใหญ่ของที่ทำการบริหารเป็นสำนักงานใหญ่ของกองกำลังต่อสู้พิเศษ
หน่วยงานที่แยกมาจากกระทรวงกลาโหม
เมื่อวูซุงฮุนจอดรถตรงหน้าตึก
ทหารนายหนึ่งกำลังรอพวกเขาอยู่
“ยินดีที่ได้พบค่ะ ฉันชื่อร้อยโทเชฮีซอล
สังกัดกองกำลังต่อสู้พิเศษ”
เชฮีซอลทักทายวูจินแล้วมองไปทางวูซุงฮุน
“จากตรงนี้ไปฉันจะเป็นคนนำทางคุณเอง
คนของคุณสามารถกลับได้เลยค่ะ”
“นายไปได้”
“ครับท่านประธาน”
วูจินตามเชฮีซอลเข้าไปในตึก
กองกำลังต่อสู้พิเศษเป็นกองทหารแต่ไม่ได้ดูเข้มงวดนัก
คนที่ผ่านไปมาใส่ชุดทหารแต่วูจินรู้สึกเหมือนอยู่ในบริษัทธรรมดา
“แล้ว ผมต้องไปเจอท่านนายพลด้วยเหรอ?”
“เปล่าค่ะ
พอจัดการเรื่องเอกสารแล้วเราจะไปจากที่นี่ทันที เวลามีไม่มาก ฉันจะอธิบายให้คุณฟังคร่าวๆระหว่างเดินทางค่ะ”
“ยังไงก็ได้ครับ”
จากนั้นวูจินต้องทำแบบทดสอบ ตรวจสายตา ตรวจเลือด
เขาต้องอธิบายเกี่ยวกับความสามารถของเขารวมทั้งแสดงให้ดู
ฮีซอลพูดกับวูจินยิ้มๆ
“คุณวูจินไม่เหมือนคนอื่นนะคะ”
“ยังไงครับ?”
“ปกติ เราส์ไม่ชอบให้ตรวจเลือด แล้วก็ไม่พูดถึงความสามารถของพวกเขาด้วย”
“งั้นเหรอครับ?
แต่คุณต้องรู้ความสามารถของผมไปปรับแผนร่วมมือไม่ใช่เหรอ?”
การรู้จักพลังของฝ่ายเดียวกันเป็นเรื่องพื้นฐานเลยไม่ใช่เหรอ?
ฮีซอลหัวเราะ
“ฉันอยากให้เราส์ทุกคนคิดเหมือนคุณวูจิน...”
ถ้าเราส์ยอมร่วมมือดีๆจะยอดเยี่ยมแค่ไหน?
สิ่งที่เรียกว่าเราส์เป็นอะไรที่กองทัพรับมือลำบากมาก
“เอาล่ะค่ะ เราจะไปกันแล้ว
ฉันเป็นคนนำทางคุณไปเดกูด้วยค่ะ”
“ครับ”
วูจินเอียงคออย่างแปลกใจเมื่อเห็นยานพาหนะจอดในที่จอดรถ
“เราไปกับรถเหรอครับ?”
“ค่ะ”
“ใกล้จะเกิดดันเจี้ยนเบรกแล้ว เรากำลังรีบอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
วูจินนึกว่าจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปเสียอีก
ฮีซอลหัวเราะพลางเปิดประตูหลัง
“ที่ถูกคือดันเจี้ยนเบรกจะเกิดตอนสิบสี่นาฬิกาค่ะ
ฉันจะอธิบายให้คุณฟังระหว่างเดินทาง”
“ครับ”
วูจินเข้าไปนั่งตามด้วยร้อยโทเชฮีซอลนั่งข้างเขา
“ออกรถได้”
เมื่อคนขับออกรถ เชฮีซอลก็อธิบายปฏิบัติการ
“การอพยพคนในพื้นที่เริ่มตั้งแต่สองวันก่อน
วันนี้คาดว่าจะอพยพผู้ที่ยังตกหล่นได้หมด
ดันเจี้ยนเบรกจะเริ่มพรุ่งนี้ตอนสิบสี่นาฬิกาสิบเอ็ดนาที
มอนสเตอร์ที่จะปรากฏมากที่สุดคือกอบลินและโทรล อีกส่วนหนึ่งจะเป็นโอเกอร์”
“หืม? พวกคุณรู้ว่าจะมีอะไรออกมาด้วยเหรอ?”
“แน่นอนค่ะ ดันเจี้ยน 6
ดาวนี้เกิดระเบิดเพราะการพิชิตดันเจี้ยนไม่สำเร็จ”
วูจินเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เราส์ใช้ลูกแก้วเปิดมิติหลบออกมาจากดันเจี้ยนเมื่อรู้แล้วว่าการพิชิตดันเจี้ยนแห่งนี้เกินความสามารถ
พวกเขาหลบหนีออกมาพร้อมข้อมูลว่ามีอะไรอยู่ในดันเจี้ยน
“ถ้ามันจะระเบิดพรุ่งนี้บ่ายแสดงว่าเรายังพอมีเวลา
ไม่ลองพิชิตมันอีกหนล่ะ?”
“อะไรนะคะ?”
เชฮีซอลตกใจกับคำถามของวูจิน เธอตกใจเพราะเขาถามเรื่องที่ใครๆก็รู้
“ลูกแก้วเปิดมิติสามารถใช้เปิดมิติได้สามครั้ง
จากนั้นมิติจะไม่เปิดนะคะ”
“แล้ว?”
“ทีมสีชาดของกิลด์ฮวารางล้มเหลวในการพิชิตดันเจี้ยนครั้งแรก
ครั้งที่สองกิลด์ฮวารางกับ KH ร่วมมือกันก็ยังล้มเหลว
ในครั้งที่สาม กองทัพขอความร่วมมือจากเราส์แรงค์ A ในเกาหลีแต่ไม่สำเร็จจึงสร้างทีมผ่านองค์กรเราส์นานาชาติ
แต่ก็ยังพิชิตดันเจี้ยนไม่สำเร็จ ตอนนี้จึงไม่มีโอกาสพิชิตดันเจี้ยนแล้วค่ะ”
“ฮืม”
“ยิ่งกว่านั้นทั้งสามทีมยังล้มเหลวตั้งแต่ส่วนทางเข้าดันเจี้ยนด้วยค่ะ”
“...?”
ลูกแก้วเปิดมิติสร้างมิติหนีออกจากดันเจี้ยน
และใช้กลับเข้าไปที่เดิมได้ มันเป็นเหมือนจุดเซฟ
ทีมถัดมาสามารถกลับไปตรงจุดเดิมที่ทีมก่อนหนีออกมา แต่ทั้งสามทีมหนีออกมาจากจุดเดิม
หมายความว่าความยากของดันเจี้ยนนี้สูงเกินคาด
“ถ้าอยากขนาดนั้นก็ต้องอันตรายมากสินะ?”
ฮีซอลพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด
“สภาพแวดล้อมมีผลกับความยากในดันเจี้ยนด้วยใช่ไหมล่ะคะ?
ดันเจี้ยนแห่งนี้ก็เช่นกัน”
“คุณมีข้อมูลข้างในดันเจี้ยนด้วยหรือเปล่า?”
“คะ? แต่ดันเจี้ยนกำลังจะระเบิดในอีกไม่นาน...”
สนามรบจะเปลี่ยนจากข้างในเป็นข้างนอกดันเจี้ยน
ถ้าในดันเจี้ยนเป็นถิ่นของมอนสเตอร์ นอกดันเจี้ยนก็เป็นถิ่นของชาวโลก
พวกเขาจะได้ความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีทันสมัยที่ไม่สามารถใช้ในดันเจี้ยนได้
นอกดันเจี้ยนมนุษย์จะได้เปรียบกว่ามาก
ตอนแรก มนุษย์ไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับดันเจี้ยนเบรก
แต่ตอนนี้แทบไม่มีคนทั่วไปเสียชีวิต
แต่ความเสียหายด้านอาคารบ้านเรือนก็ยังมหาศาล...
“พวกโอเกอร์จะเป็นตัวปัญหาเพราะมีพลังป้องกันสูง
แต่ใช้กระสุน 12.7 มม. นาโต้ ได้ผล” (TN- 12.7*99 mm. NATO ตัวเลขคือขนาดหน้าตัดของกระสุน*ความยาวเป็นมิลลิเมตร
ใช้กับปืนกลหนัก, ไรเฟิล)
“งั้นเรียกผมมาทำไม?”
“คะ? ฉันก็ไม่แน่ใจ...”
“เราจะถึงที่นั่นเมื่อไหร่ครับ?”
“ประมาณ 19 นาฬิกาค่ะ คุณกินอาหารเย็นแล้วก็พักในโรงแรม
เราจะเคลื่อนย้ายไปที่เขตปฏิบัติการพรุ่งนี้ 10 นาฬิกา”
วูจินถูคาง ถ้าเป็นพวกโอเกอร์ก็น่าลอง...
“ข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนเป็นความลับหรือเปล่าครับ?”
“เอ่อ เปล่าค่ะ
ปกติข้อมูลดันเจี้ยนจะบอกกับทุกคน”
แม้กิลด์จะเคลียร์ดันเจี้ยนเพื่อบลัดสโตน แต่เหนืออื่นใดคือนี่เป็นงานเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและประเทศ
การยึดครองข้อมูลไว้เพียงฝ่ายเดียวมีเกิดขึ้น แต่น้อยมาก
“หาให้ผมได้ไหม?”
“เอ่อ ค่ะ”
ร้อยโทเชฮีซอลโทรศัพท์ จากนั้นก็พูดกับวูจิน
“พอถึงที่นั่นแล้วคุณจะได้อ่านข้อมูลทันทีค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
วูจินมองออกไปนอกหน้าต่างครู่หนึ่ง
จากนั้นก็พิงที่นั่งแล้วหลับตา นี่เป็นรถหรูนั่งสบาย และคนขับก็ขับนิ่มมาก
เมื่อเห็นวูจินกอดอกหลับตา ร้อยโทเชฮีซอลก็ไม่คุยต่อ
“ถึงแล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
วูจินเปิดตาแทบพร้อมกับที่รถจอด
เขามองไปข้างนอกและเห็นเมืองที่เงียบสงบมาก ทำให้เขานึกถึงเมืองร้าง
“นี่ที่ไหน?”
“เราอยู่ตรงศูนย์บัญชาการค่ะ”
วูจินมองขึ้นไปและเห็นป้ายร้านกาแฟ
“พอเจอผู้บัญชาการแล้วก็ไปที่โรงแรมใช่ไหมครับ?”
“ค่ะ ที่นี่มีเราส์คนอื่นด้วย จะไปพบพวกเขาไหม?”
“ไปครับ แล้วข้อมูลล่ะ?”
“อ้อ ใกล้จะถึงแล้วค่ะ”
“ถ้ายังไงก็ช่วยถ่ายสำเนาให้ผมด้วยครับ”
“ได้ค่ะ”
วูจินเข้าร้าน ผู้บัญชาการหน่วยรบที่ 50 กำลังรอเขาอยู่
ดูเหมือนจะมีการแจ้งล่วงหน้าว่าวูจินกำลังมา ผู้บัญชาการหน่วยยื่นมามาทางเขา
“ผมเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบที่ 50 ผู้การลีจุนเท”
“ผมคังวูจิน”
คังวูจินเลียนแบบสำเนียงของลีจุนเท ลีจุนเทขมวดคิ้ว
“ผมโล่งใจที่คุณมา
หลังอธิบายแผนปฏิบัติการแล้วคุณสามารถไปทักทายเราส์คนอื่นได้”
“เข้าใจแล้ว”
ตรงข้ามกับที่พูด
สีหน้าของผู้การลีจุนเทบอกว่าเขาไม่สนใจนักได้คนมาช่วย
ผู้บัญชาการหน่วยรบจากไปหลังจากเจอวูจิน จากนั้นวูจินก็สังเกตเห็นเราส์ที่อยู่ในร้าน
“ผมเป็นผู้ประสานงาน พันตรีคิมจุนยอง ผมจะเป็นผู้อธิบายแผนครั้งนี้ครับ”
คิมจุนยองเริ่มอธิบายว่าจะกวาดล้างมอนสเตอร์อย่างไร โดยจะจัดแนวรบรอบสถานีจุนจุคและระดมยิงไปที่นั่นเมื่อมอนสเตอร์ออกมา
จากนั้นจะเสริมกำลังตรงแนวรบที่สองและสาม
เครื่องบินรบจะสู้กับมอนสเตอร์บินได้
และช่วยยิงสนับสนุน พลเรือนทั้งหมดถูกอพยพไปแล้ว
เมื่อแนวรบที่หนึ่งถูกทำลาย
เราส์มีหน้าที่ป้องกันมอนสเตอร์ไม่ให้เข้าถึงแนวรบที่สอง เมื่อแนวรบที่สองถูกทำลาย
เราส์ต้องล่ามอนสเตอร์ด้วยตัวเอง
“เราอ่านค่าพลังของดันเจี้ยนแล้วและคาดว่าน่าจะป้องกันแนวรบที่สองได้
แต่เราไม่มีข้อมูลของบอส ดังนั้นโปรดเตรียมรับเหตุเปลี่ยนแปลง”
การบุกดันเจี้ยนล้มเหลวตั้งแต่ขั้นแรก
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีข้อมูลของบอสตัวสุดท้าย
“รายละเอียดจะส่งไปพรุ่งนี้ 10 นาฬิกาครับ”
“ครับ ขอบคุณ”
“ถ้าอย่างนั้นไปทักทายเราส์คนอื่นๆ...”
วูจินหันไป เขาเห็นเราส์ทุกคนจ้องมาที่เขา
ถ้าไม่นับทหารกับหน่วยสนับสนุนของกิลด์ จำนวนเราส์ที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้คือ
480 คน
ในจำนวนนั้น มีเราส์แรงค์สูงกว่า B
30 คน และ 20 คนในกลุ่มนี้อยู่ในร้านกาแฟ ที่เหลือพักในโรงแรม
เราส์แรงค์ A
คนที่ 11 ของเกาหลี
คนที่สนใจเรื่องคังวูจินมีอยู่มาก
นอกจากนั้นในนี้ยังมีสหายเก่าด้วย
สาวงามผมบ๊อบเดินเข้าหาวูจิน
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกัน”
“เราเคยเจอกันมาก่อนแล้วนะ”
“ที่ไหน?”
“สถานีมหาลัยโซลทางออกที่ 6”
“...?”
วูจินทำหน้าเหมือนเธอกำลังพูดไร้สาระ หญิงสาวขมวดคิ้วพลางแนะนำตัว
“ฉันเป็นหัวหน้าทีมสีชาดของกิลด์ฮวาราง ลียุนฮี”
“อ้อ ยินดีที่ได้รู้จัก”
หลังการทักทาย วูจินได้เอกสารปึกหนึ่งจากฮีซอลพอดี
แผนที่ดันเจี้ยนคร่าวๆ ข้อมูลของมอนสเตอร์ และข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนอยู่ในเอกสารพวกนั้น
“ขอบคุณ”
“ค่ะ ถ้าต้องการอะไรอีกก็บอกได้ ห้องพักของคุณคือห้อง
502”
เมื่อได้กุญแจห้องแล้ว วูจินกลับมาอ่านปึกเอกสารผ่านๆ
จากนั้นม้วนมันแล้วยัดใส่กระเป๋า
‘น่าลอง’
วูจินออกจากร้าน ลียุนฮีที่ยืนข้างๆกำหมัดแน่น
ตัวสั่นด้วยความโกรธ
“เมินกันเรอะ?”
สมาชิกในทีมสีชาดคนอื่นรีบเข้ามาปลอบเธอ
“ใจเย็นเถอะครับ”
“เด็กสมัยนี้ไม่รู้ฐานะตัวเองเลย คงนึกว่าเป็นแรงค์ A
แล้วจะแน่”
“ฮะๆ หัวหน้าทีมใจเย็นไว้ มันหยิ่งได้ไม่นานหรอก”
ลียุนฮีถอนหายใจ
“เฮ้อ”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพี่ชายของเธอ
[ฮัลโหล?]
“เรียกมันมาทำไมน่ะ”
[พูดถึงใครอยู่น่ะ?]
“ไอ้ห่าที่มันขโมยดันเจี้ยนคราวก่อน”
[ฮะๆ คุณคังวูจินเหรอ ฉันอยากดูเขา
แล้วก็อยากให้เธอสร้างสัมพันธ์ดีๆกับเขาด้วย นี่ตั้งใจเรียกเขามาเลยนะ]
“ถ้าฉันไม่อยากดีกับมันล่ะ”
[อ้า ทำไมทำตัวแบบนี้อีกแล้ว
แค่สังเกตการณ์เขา ดูว่าใช้พลังอะไร ควบคุมพลังได้ดีแค่ไหน มีนิสัยแปลกๆอะไรไหม]
“เฮ้อ ให้คนอื่นทำไม่ได้เหรอ?”
หัวหน้ากิลด์ฮวาราง ลีซังโฮกระแอมแล้วพูด
[ฉันไม่ได้ขอร้องในฐานะพี่ชาย
ฉันสั่งในฐานะหัวหน้ากิลด์ฮวาราง เก็บข้อมูลของเราส์คังวูจินมาให้มากที่สุด]
ลียุนฮีขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังเสียงจริงจังของเขา
“ฉันลาออก ตั้งใจทำงานล่ะไอ้พี่เฮงซวย
สั่งแต่เรื่องน่ารำคาญ”
[เฮ้ย? ทำไมทำตัวอย่างนี้เนี่ย ยุนฮี
พี่น่ะ...]
ตู๊ดๆ
ลียุนฮีตัดสายอย่างโมโหแล้วออกจากร้านกาแฟไปทั้งยังขมวดคิ้ว
“เอ๊ะ มันไปไหนแล้ว?”
ลียุนฮีไม่เห็นคังวูจิน จึงถามทหารที่อยู่ใกล้ๆ
“คุณคังวูจินไปทางไหน?”
“เขาบอกอยากดูรอบๆเลยไปทางนั้นครับ”
ยังไงดันเจี้ยนก็จะระเบิดพรุ่งนี้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ?
เขาจะไปทำไม?
“ขอใช้รถของทางคุณได้ไหมคะ?”
“เอ๊ะ? รับทราบ เราจะเตรียมให้เดี๋ยวนี้”
ลียุนฮีขึ้นรถของกองทัพแล้วมุ่งไปทางสถานีจุกจุนทางออกที่
3 บนถนนไม่มีรถคันอื่น นอกจากรถถังประปราย
เมื่อเข้าใกล้สถานีใต้ดิน เธอเห็นที่กั้น รถถัง
ปืนกลตั้งในอาคาร เมื่อไปถึงแนวรบที่หนึ่ง ที่นั่นเต็มไปด้วยทหาร
ลงจากรถตรงจุดแนวรบที่หนึ่ง
ลียุนฮีเดินไปทางสถานีตัวปัญหา ซึ่งห่างไปอีก 4 บล็อก ตึกสูงรอบๆถูกทุบทิ้งเพื่อให้มองง่าย
แต่ยังไม่ได้จัดการกับเศษซากปรักหักพัง ดังนั้นสภาพรอบๆจึงเต็มไปด้วยซากอิฐหิน
ตรงทางเข้าดันเจี้ยน
คังวูจินกำลังยืนอยู่หน้าอุโมงค์มิติสีแปลก
“เฮ้ย”
“อะไร?”
ลียุนฮีหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินคังวูจินพูด
เธอถูกว่าๆเป็นคนหยาบคายบ่อยๆ เธอรู้สึกประหลาดเมื่อเจอคนที่หยาบคายกว่า
“นายมาที่นี่ทำไม?”
“มาทำไม? ฉันเข้าดันเจี้ยนเพราะจะเคลียร์มันน่ะสิ”
ยุนฮีประหลาดใจ
“นายมันบ้า”
วูจินหัวเราะ
เขาไม่ได้บ้า
ในนี้เต็มไปด้วยค่าประสบการณ์กับค่าความสำเร็จ การตั้งแนวรบ 3
แนวเพื่อสู้ข้างนอกสิเพี้ยน และเขาต้องบ้าแน่ถ้าจะแบ่งมอนสเตอร์กับทหารหรือเราส์คนอื่น
เสียงหัวเราะทำให้ลียุนฮีตระหนักว่าวูจินเอาจริง
เธอเดินเข้าไปใกล้เขา
“นาย...บ้าหรือเปล่า? ตัวคนเดียวจะทำอะไรได้?
นายใช้ลูกแก้วเปิดมิติไม่ได้แล้วนะ”
เขาไม่คิดจะใช้มัน
เขาจะทำลายบาเรียลงด้วยหินรีเทิร์นสโตน
“เฮ้ยๆ คิดดีๆ
ถึงมอนสเตอร์ออกมาเราร่วมมือกับพวกทหารก็ฆ่าได้หมดแน่ แล้วนายจะทำอย่างนี้ทำไม
คิดจะสละชีพเพื่อชาติเหรอ? ตื่นๆ ไม่มีใครสนหรอกถ้านายตาย”
พูดอะไรของแม่นี่ เขาไม่คิดจะสละชีพเพื่อชาติ พวกมอนสเตอร์ต่างหากที่ต้องสละชีพเพื่อเขา
ลียุนฮีตะลึงเมื่อวูจินก้าวต่อไป
“บ้าเปล่าเนี่ย? ถ้าเข้าไปนายตายนะ!”
“เฮ้อ หนวกหูนะเธอ”
วูจินหันมามองหน้าซีดเผือดของลียุนฮี
“พวกปลาซิวปลาสร้อยก็ทำตัวแบบนี้ทุกที”
วูจินเดินต่อ แล้วร่างเขาก็ถูกอุโมงค์กลืนเข้าไป
อุโมงค์เปล่งแสงจ้า ตุบๆ มันจะหายไปหลังผ่านไป 30
วินาที
“เว้ย ไอ้เวร!”
ลียุนฮีกรี๊ด
“ไอ้บ้า ไอ้...”
เธอพบเขาแค่ไม่กี่นาที แต่เขาทิ้งความประทับใจให้เธอมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอคนแบบเขา และรอยยิ้มเยาะทิ้งท้ายนั่นก็ติดตาเธอ
คิดดีๆลียุนฮี อย่าหุนหันพลันแล่น
“ไอ้เวรเอ๊ย แม่งน่าจะโดนเป่าสมองทิ้ง”
อุโมงค์กำลังหายไป 5 วินาที 4, 3
“แม่งเอ๊ย”
ลียุนฮีกระโจนเข้าไปในอุโมงค์
อิหยังว่ะ แค่เพื่อนเมื่อ5ปีก่อนก่แปลกใจแล้วที่ผมกันก่หลงปุบปับ แต่อันนั้นเพื่อนเก่าถูๆไถๆได้แถมทิ้งความจำอันตราตรึงไว้อีก แต่อีนี้เจอ2รอบก่สละชีพช่วยได้(ไม่ถึงสัปดาห์ที่เห็นหน้ากันไม่ว่าในข่าวหรืออะไรก่ตาม) ต้องมีคุณธรรมขนาดไหนหรือหิวผู้ขนาดไหน หรือวัฒนธรรมต่างกัน(นิยายจีนก่เคยมีผมเลยเลิกอ่าน+มีเหยียดชาติ) แล้วคุณผญ.หรือใครที่มีเคยมีประสบกาณ์เห็นหน้ากันครั้งแรกแล้วภายในไม่ถึงสัปดาห์สละชีพเพื่อเข้าได้ มาบอกหน่อยอยากรู้ว่ามีจริงไหม
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบทำไมนักเขียน เขียนให้ผู้หญิงเรื่องนี้ปัญญาอ่อนทุกคนเลย งงใจ
ตอบลบ