วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 25

Chapter 25 – Little Devil Bibi
บทที่ 25 - อสูรน้อยบิบิ
ครอบครัวของวูจินจะย้ายเข้าบ้านใหม่ในสองสัปดาห์หน้า ค่าใช้จ่ายในการทำสัญญาและค่านายหน้าจะเรียกเก็บในวันนั้น ดังนั้นวูจินจึงไม่ต้องยืมเงินซุงกูแล้ว
วูจินถูกเรียกตัวไปยังโลกอัลเฟนเมื่อตอนเขาอยู่ม.ปลายปี 3 โลกฝั่งนั้นไม่มีนายหน้าขายบ้าน เขาเดินทางไปที่ไหนหลับที่นั่นสักคืนก็นับเป็นบ้าน
เขาใช้ชีวิตแบบนั้นมา 20 ปี ไม่เคยทำสัญญาจุกจิกแบบนี้ ดังนั้นวูจินจึงไม่รู้จักค่านายหน้ากับค่าใช้จ่ายในการทำสัญญา
พระอาทิตย์ตกดินไปตั้งแต่ตอนที่พวกเขากำลังหาบ้าน หลังจากนั้นพวกวูจินไปหาอะไรกินแก้หิวที่ร้านอาหารใกล้ๆจนอิ่มแล้ว และโซอาก็เหนื่อยจนหลับไปเรียบร้อยแล้ว
วูจินให้โซอาขี่หลังกลับบ้าน วางเธอลงนอนเรียบร้อย ลีซูกยุงมีท่าทางเสียใจเพราะไม่อยากแยกกับลูกชาย
“ลูกน่าจะอยู่ที่นี่”
“ไม่ดีกว่าแม่ แต่พอย้ายบ้านแล้วผมจะไปอยู่ด้วย”
วูจินอยากอยู่ เขาหาทางกลับมาหาครอบครัวตลอด 20 ปี ทำไมเขาถึงจะอยากไปล่ะ แต่มีบางอย่างที่เขาไม่อยากให้ครอบครัวเห็น
นี่คือสาเหตุที่เขาพยายามซื้อบ้านให้เร็วที่สุด
ลีซูกยุงคิดว่าลูกชายของนางคงอึดอัดถ้าต้องอยู่ในบ้านแคบๆนี้ นางจึงไม่บังคับเขา
“ก็ได้ ถ้าแม่ออกจากงานแล้วจะทำบานชานฝากไปให้รุ่นน้องที่ลูกไปอยู่ด้วย” (Banchan - เครื่องเคียง เอาไว้กินแกล้มอาหารจานหลัก หน้าตาประมาณกับข้าวในร้านข้าวต้ม-TN)
“อะแฮ่ม แบบนั้นก็ช่วยกู้หน้าผมได้เยอะเลย”
ท่าทางกวนประสาทของลูกชายทำให้ลีซูกยุงหายกังวลใจไปได้หน่อย การที่ลูกของนางกลับมานั้นเหมือนฝัน แล้วจากนั้นเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีกต่อหน้านาง
“พรุ่งนี้ผมจะมาหาใหม่ ลาออกเร็วๆนะแม่ ถ้าส่งโซอาไปโรงเรียนแล้วแม่ไม่มีอะไรทำ ผมจะเปิดร้านกาแฟให้แก้เบื่อ”
“อื้ม ถ้าทุกวันได้กินข้าวเย็นกันพร้อมหน้าพร้อมตาแม่ก็ดีใจแล้ว”
“ผมก็เหมือนกัน”
วูจินลูบศีรษะโซอาที่หลับอยู่แล้วเขาก็ลุกขึ้น
“เจอกันพรุ่งนี้นะแม่”
“จ้ะลูก”
วูจินรู้สึกเสียใจที่ต้องบอกลา
เขาตรงไปทางบ้านเจมิน
“เฮ้อ แต่ฉันก็ยังโชคดี”
วูจินถูกวิญญาณร้ายก่อกวนทุกคืนจนเขาไม่สามารถนอนหลับอย่างสงบ เขาอยากจะหลีกเลี่ยงแต่ทำไม่ได้เพราะมันเป็นคำสาป
โชคดีที่มีวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเจ็บลงได้บ้าง
เดินไปสักพัก วูจินเลี้ยวเข้าไปในซอยที่ร้างคน
“บิบิ ออกมา”
ฟิ้ว
สิ้นเสียงเรียกของวูจิน ลมหมุนวนแล้วควันสีดำก็รวมตัวกัน ควันดำรวมกลุ่มแล้วกระจายออก เป็นอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“อะไรวะ? บิบิ ออกมา”
ฟิ้ว
ควันดำลอยลึกเข้าไปในซอยจากนั้นก็เริ่มก่อตัวต่อหน้าวูจินใหม่ แต่คราวนี้มีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก
“เมี้ยว”
รูปร่างของบิบิไม่ใช่อสูรน้อยแล้ว เธอดูเหมือนแมว ลูกแมวตัวกระจ้อยร่อย
“หา? ทำไม?”
“เมี้ยว เราสร้างร่างของตัวเองไม่ได้ เลยได้แต่หาร่างของสัตว์ตัวเล็ก-เมี้ยว”
วูจินกุมขมับ
“ที่ไหนเนี่ย ไม่รู้สึกถึงทราเน็ตเลย-เหมียว”
วูจินอุ้มบิบิขึ้นมา
“อยู่ร่างนี้เธอยังใช้พลังได้หรือเปล่า?”
“แม่ว เจ้านายเลเวลต่ำ เราเลยเลเวลต่ำตามไปด้วย เราใช้ได้แต่ฝันร้าย-เมี้ยว”
อสูรของวูจินมีเลเวลเช่นกัน เมื่อวูจินข้ามมิติกลับมาก็ดูเหมือนเลเวลของพวกมันถูกรีเซ็ท บิบิเป็นซัคคิวบัสเลเวลต่ำ แต่ความสามารถพื้นฐานอย่างควบคุมฝันร้ายไม่ขึ้นกับเลเวล
“ถ้าใช้ได้ก็พอแล้ว”
ต่อให้บิบิเลเวลสูงกว่านี้ วูจินก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถอื่นของเธออยู่ดี
“เหมียว ที่นี่มีกลิ่นดีจัง กลิ่นของความสงบสุข”
เธอเป็นอสูรแต่กลับรักสันติภาพ วูจินฟังแล้วยิ้มแห้ง
“แบบนี้ก็ดี ถ้าเป็นร่างนี้เธอก็อยู่กับฉันได้”
“จริงเหรอเมี้ยว เราอยู่กับเจ้านายได้ ไม่ต้องรออยู่ในห้องรออัญเชิญเหรอ-เมี้ยว?”
“ได้สิ แต่ห้ามพูดนะ”
“แม่ว เรื่องแค่นี้เรารู้น่า แมวที่ไหนจะพูดได้กัน-เมี้ยว?”
บิบิมีไหวพริบดีดังนั้นคงเอาตัวรอดได้ ตอนวูจินหลับบิบิจะช่วยได้มาก แทนที่จะทนกับคำสาปของวิญญาณร้าย เขาขอทนกับฝันร้ายดีกว่า แปลกดีไหม?
บิบิสำคัญต่อวูจิน ถ้าเธออยู่ในร่างเด็กน้อยมองในแง่ศีลธรรมของโลกนี้แล้วคงมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอดูไม่ต่างจากแมวตัวหนึ่ง จึงไม่มีใครว่าถ้าเขาจะนอนกับแมว
จะว่าไป โซอาอยากได้สุนัข...
“เฮ้ เธอเปลี่ยนเป็นหมาได้ไหม?”
“เหมียว การเปลี่ยนรูปคงตัวแล้ว เปลี่ยนไม่ได้แล้วเหมียว”
“อืม...”
เอาน่ะ โซอาคงชอบแมวเหมือนกัน...
***
เมื่อเรียนพิเศษเสร็จแล้วเจมินก็กลับบ้าน
“อื้ม เดินทางดีๆนะ ผมจะไปรอพี่หน้าโรงเรียนสอนพิเศษ”
วันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้พี่สาวของเขาจะมาที่บ้าน
ตี๊ดๆๆ
เจมินใส่รหัสเปิดประตู มองรอบๆห้องอย่างระมัดระวัง ตามคาด วูจินกำลังนั่งบนเตียง กินส้มดูทีวี
“อ้า กลับมาแล้วเหรอ?”
เจมินกลับมาแล้วแต่วูจินยังมองทีวีเฉย ถ้าใครมาเห็นคงนึกว่าวูจินอยู่ที่นี่มาเป็นปีแล้ว ไม่สิ คงเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพี่ชายของเจมินเลยด้วยซ้ำ
แถมวันนี้วูจินยังไม่ได้มาคนเดียว
“พะ...พี่ นั่นอะไรครับ?”
เจมินมีสีหน้าตื่นตะลึง ชี้ไปทางแมว นิ้วเขาสั่นระริก
เงินห้าแสนวอนนั้นเยอะมาก เจมินโทษวูจินว่าบุกรุกไม่ได้...
แต่ มาขออาศัยอยู่แล้วยังจะเอาสัตว์เลี้ยงเข้าบ้านอีกเหรอ!
“อ้อ ฉันเจอมันระหว่างทาง ฉันจะเลี้ยงไว้”
ฮือ แมว ขนมัน กลิ่นมัน...
เจมินเศร้าใจ ถอดรองเท้าอย่างอ่อนแรง วางกระเป๋าลง เปิดตู้เย็น ดื่มน้ำอั้กๆ
ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้
พรุ่งนี้พี่สาวเขาจะมาแล้ว พี่สาวเป็นคนเช่าห้องนี้ให้เขาเพื่อจะได้ตั้งใจเรียน แค่มีชายคนหนึ่งมาอยู่ในห้องเขาก็ไม่ชอบแล้ว แล้วยังจะเอาสัตว์เลี้ยงเข้ามาโดยไม่ถามความเห็นเจ้าของห้องอีก
นี่มันมากเกินไป เจมินต้องทวงฐานะเจ้าของบ้านกลับคืนมา
เจมินวางแก้วลงบนโต๊ะเสียงดังตึง!
“พี่!
“อ้อ ฉันวางค่าเช่าบนโต๊ะนั่นนะ ฮะๆๆ นี่ตลกดีแฮะ”
“...”
วูจินกลับไปดูทีวีต่อ เจมินมองข้างในซองบนโต๊ะ
สะ... สามแสน?
เจมินตาโต ทำไมวูจินถึงมีเงินเยอะนัก? เจมินมองวูจินอีกรอบ
“เจฮุนเจฮุน ซื้อนี่ให้หน่อยดิ? อุเฮะๆๆ”
วูจินกำลังมองทีวีอย่างตั้งใจ ดูยังไงก็เหมือนขอทาน แต่ถึงจะไม่มีงานเขากลับมีเงิน หรือจะเป็นลูกคนรวยคาบช้อนทองมาเกิด
ไม่ๆ คนแบบนั้นไม่มีทางจะได้เจอง่ายๆ
“เหมียว”
แมวข้างตัววูจินกำลังกินส้มกับเขา... เอ๊ะ? แมวกินส้ม?
“ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม? มากินส้มด้วยกันสิ อร่อยนะ”
โลกอัลเฟนมีต้นแอปเปิล แต่ไม่มีต้นส้ม วูจินชอบส้ม ที่โลกนี้มีส้มขายทุกที่ ดังนั้นเขาจึงซื้อทุกครั้งที่เห็น
“เฮ้อ ตลกจริงๆ”
รายการตลกจบแล้ว วูจินเลิกสนใจโทรทัศน์ในที่สุด หันมามองเจมินแทน
“เจมินเจมิน ทำไมทำหน้าเหม็นเบื่ออะ? เจมินเจมิน”
ทำไมพี่ชายคนนี้สนุกขนาดนี้เนี่ย? กลายเป็นว่าเจมินกลายเป็นคนแปลกไปเลยที่มีเรื่องกังวลใจมากมาย
“เจมินเจมิน อยากได้เงินไหม? เจมินเจมิน”
“...”
วูจินหยิบกระเป๋าเงิน เจมินหยิบมือถือขึ้นมาเมื่อเห็นเงินห้าหมื่นวอนในมือของวูจิน เขาเปิด kakao ส่งข้อความหาพี่สาวของเขา
[พี่ พรุ่งนี้พี่คงต้องนอนโรงแรม...]
“เจมินเจมิน เอาเงินไปกินขนมสิ เจมินเจมิน” (TN-วูจินพูดเลียนแบบรายการตลกที่เพิ่งดูไปค่ะ สงสัยจะชอบจัด)
“ขอบคุณครับ แมวชื่ออะไรเหรอพี่ สวยเชียว”
เสียงของเจมินอ่อนโยนเหมือนหิมะละลายในแสงฤดูใบไม้ผลิ
***
ซุงกูผิวปาก เขากำลังยืนเฉยๆแต่ในใจกำลังเต้นรำ
“ฮึๆ ไม่อยากเชื่อว่านี่คือรถเรา”
BMW 5 ซีรี่ส์
เขาอยากจะจ่ายแพงกว่านี้ แต่เมื่อคิดถึงค่าเข้าดันเจี้ยนสี่ดาวแล้วจึงสำรองเงินสดเอาไว้
ตอนที่กำลังเซ็นสัญญาเขาตื่นเต้นมาก กำลังจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ไปตอนทำสัญญาแล้ว แต่วูจินโทรมาขอยืมเงินเสียก่อน ทำเอาเขาอยากร้องไห้ สุดท้ายจึงเซ็นสัญญาผ่อน 60 เดือน และรถก็ถูกส่งมาวันนี้
พอติดฟิล์มเสร็จก็เที่ยงพอดี
“หุหุ บรื้นบรื้นลูกพ่อ ไปเที่ยวกันไหม?”
ฮงซุงกู 21 ปี นี่เป็นรถคันแรกในชีวิตเขา จึงรักหลงมันอย่างยิ่ง รถเขาเลิศกว่ารถเพื่อนเขา ไม่สิ เพื่อนเขากี่คนเองที่มีรถ
บรืน
แรงขับและการควบคุมเหนือกว่ามาทิสอย่างเทียบไม่ติด อารมณ์ของซุงกูดีมาก เขากลับบ้านไปกินข้าวกับครอบครัว ตอนนี้บ่ายสองแล้ว
ได้เวลาไปรับวูจิน
“คราวนี้เร่งเครื่องเต็มที่เลยนะลูกพ่อ”
วูจินเป็นเราส์ที่น่ากลัว เขารีดเงินได้ 400 ล้านวอนจากดันเจี้ยนสามดาว ปกติแล้วเข้าดันเจี้ยนสามดาวหนึ่งครั้งจะได้เงินมา 50 ล้านวอน ซุงกูสงสัยว่าคราวนี้ลงดันเจี้ยนสี่ดาวจะได้เงินเท่าไหร่...
สำหรับซุงกูแล้ว วูจินคือเหมืองทองดีๆนี่เอง
“เธอขับรถ แล้วลองฟังเพลง เพลงนี้ จะรู้ว่ามีใครอยู่ตรงนี้ อยู่ไม่ไกล เขาห่วงใย อยากให้ขับรถดีๆ”
ซุงกูขับรถไปทางสถานีซาดางพลางร้องเพลงสุดเสียง
วูจินได้รับโทรศัพท์จากซุงกูบอกว่ามาถึงแล้วเขาจึงออกมาข้างนอก ตาโตเมื่อเห็นรถ
“โอ้โห คันนี้นายซื้อมา?”
“ฮะๆๆ เห็นลูกพี่นั่งมาทิสคันเล็กแล้วผมปวดใจก็เลยซื้อรถนี้มาครับ”
“อ้อใช่ นายไม่ต้องให้ฉันยืมเงินแล้วนะ”
“อะไรนะครับ?”
“มันจ่ายอีกสองอาทิตย์หน้าได้”
“...”
ซุงกูเซ็นสัญญาผ่อน 60 เดือนไปเพราะวูจินนะ... น่าจะบอกเร็วกว่านี้หน่อย
“แย่จังครับ ถ้าเป็นลูกพี่ ต่อให้ผมหมดตัวผมก็ยินดีให้ยืมเงินแท้ๆ”
วูจินชินกับการเลียของซุงกูแล้ว เลยฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาระหว่างสำรวจรถ
“ว้าว รถสวยนี่”
วูจินนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วจับโน่นนี่ไปทั่วรถอย่างสนใจ ซุงกูเจ้าของรถมองอย่างกังวล
ง่ะ มือเหนียว เลอะหมด
ซุงกูไม่กล้าพูดได้แต่ยิ้ม แต่ภายในใจร้อนรนกระวนกระวาย วูจินก็ยังจับอยู่นั่น
อย่าน้า!!’
ซุงกูกรีดร้องอยู่ในใจ แต่วูจินก็ยังจับไม่เลิก
“ทำอะไร ไม่สตาร์ทรถเหรอ?”
“...ครับ”
ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้รถเสื่อมรถ แม้องค์พระปฏิมายังราคิน นับประสาอะไรกับบีเอ็ม ซุงกูท่องยุบหนอพองหนอในใจ
“จองไว้กี่โมง?”
“ห้าโมงครับ”
ซุงกูวางเงินค่าเข้าไปแล้วพวกเขาจึงใช้ดันเจี้ยนนั้นได้ พวกไม่ต้องต่อคิวแค่ต้องจองล่วงหน้า ดันเจี้ยนที่จะไปนี้เป็นดันเจี้ยนที่คนนิยม ดังนั้นคิวจองจึงแน่นตลอดสัปดาห์
ไม่มีใครรู้วันที่ดันเจี้ยนรีเซ็ทแน่นอน ดังนั้นจึงเปิดให้จองดันเจี้ยนล่วงหน้าเพียงหนึ่งสัปดาห์
“คราวนี้เราไปที่ไหน?”
“สถานีกวาชุนทางออกที่ 6 ครับ”
ใกล้กับโรงเรียนมัธยมปลายของวูจินเลย
ตอนแรกวูจินเผลอเข้าไปในดันเจี้ยนสถานีกวาชุนทางออกที่หนึ่ง เขายิ้มเมื่อนึกได้
ทั้งสองขับรถมุ่งหน้าไปทางกวาชุน





ซุงกูร้องเพลงไทย O.o เปล่าค่ะ เราตีโจทย์เพลงในแปลไม่ออกว่าเพลงอะไร เลยใส่เพลงไทยแทนซะเลย อันนี้คือเพลง ขับรถดีๆ - Mild ค่ะ
แปลบิบิแล้วดีต่อใจ ^.^ แมวอะไรกินส้ม


2 ความคิดเห็น:

  1. วูจินถ้าฝันร้ายไม่บิบิหรอก รีดเดอร์คนนี้อ้าแขนรับเสมอ

    #ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. พระเอกน่าโดนหลอกเอาเงินมากเลยอ่ะ

    ตอบลบ