บทที่ 26 - ดันเจี้ยน 4 ดาว
“หัวหน้าทีม พวกนั้นไปจองที่สถานีกวาชุนทางออกที่ 6
ไว้ล่ะ”
“ดันเจี้ยนใคร?”
“ของกิลด์ฮวารางครับ”
จุงมินชานขมวดคิ้ว
“ทำตัวอย่างกับพวกไก่อ่อน”
เราส์แรงค์ F เข้าดันเจี้ยน 4 ดาวไม่ได้
เรื่องพื้นฐานสุดๆแบบนี้ทำไมไม่รู้? พวกเขาทำการจองไปโง่ๆ เหมือนพวกมือใหม่
แต่จุงมินชานยังไม่เห็นความสามารถของพวกเขากับตาเลยยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่
ต้องมั่นถึงขึ้นไหนจึงจะเข้าดันเจี้ยนสี่ดาวทั้งๆที่มีเพียงสองคน?
“เรามีดันเจี้ยนสี่ดาวใกล้ๆนั่นไหม?”
“มีครับ
สถานีชังซาทางออกที่ 11”
“อยู่ถัดกันเลย มีใครจองไว้หรือเปล่า”
“เอ่อ
มีกำหนดการฝึกซ้อมเด็กใหม่ของกิลด์เราครับ”
“บอกให้ไปที่อื่น
เคลียร์คิวที่นั่นให้ว่างไว้”
“เอ๋?”
“ถ้าจะจับปลาก็ต้องมีเหยื่อล่อ”
คิมเฮมินบ่นในใจ
หัวหน้าเปรียบเป็นตกปลายันเลย จากนั้นก็หันไปจัดตารางเวลา
“นายไปกวาชุนกับฉันด้วย”
“ครับๆ”
“ฮึ่ม ฉันไปตลาดก่อน
เตรียมทุกอย่างให้พร้อม”
“ได๋ค่ะ”
เฮมินตอบกวนๆ มินชานลุกขึ้น
แวะตบหัวเขาไปด้วย เฮมินกวนประสาทแต่มินชานเชื่อใจเขาที่สุดเพราะความหัวไว
จัดการธุระต่างๆได้รวดเร็ว
***
พวกวูจินไปถึงสถานีกวาชุนตรงตามเวลา
แต่ก็เจอกับอุปสรรค
“พวกนายเพิ่งแรงค์ F นี่?
ทำไมถึงจะเข้าดันเจี้ยน 4 ดาว แถมยังมากันแค่สองคนอีก”
“เอ่อ
ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ? ผมมั่นใจว่าเราเคลียร์ได้แน่”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้”
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราพวกคุณไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้
ให้เราเข้าไปเถอะ”
“อยากตายนักก็ไปกระโดดแม่น้ำโน่น
ไม่ได้ มันเป็นกฎ”
พนักงานขวางทางซุงกูไว้ไม่ขยับ
เขาต้องถอยไปหาวูจินอย่างหมดหวัง
“ลูกพี่ครับ...
พวกเราคงเข้าไปไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษที่ไม่ตั้งใจหาข้อมูล”
ซุงกูโทษตัวเองที่เมื่อวานเอาแต่ยุ่งกับการทำสัญญาซื้อรถ
เขาได้เงินมาเยอะก็จริง แต่นั่นก็เพราะวูจินเป็นคนแบ่งให้
“เอาเถอะ
เรื่องนี้มันช่วยไม่ได้”
“ค่าเข้าที่เสียไปผมจะออกเองครับ”
เท่ากับเขาเสียเงินไป
2 ล้านวอน
ที่พนักงานรับจองเพราะไม่นึกว่าจะมีเราส์แรงค์
F มาเข้าดันเจี้ยนเอง
พนักงานคนนั้นเข้าใจว่าซุงกูเป็นคนจากองค์กรไหนมาทำหน้าที่จองให้คนอื่น
“วันนี้คงต้องเปลี่ยนแผน
ฉันจะไปเปลี่ยนแรงค์ที่สำนักงาน นายก็หาดันเจี้ยนสามดาวใกล้ๆไว้แล้วกัน”
“ครับ”
ซุงกูมีสีหน้าสำนึกผิด
เขากำลังจะทำตามคำสั่งแต่ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
“โอ๊ะ
เจอกันอีกแล้วนะคุณ”
“เอ๊ะ?”
จุงมินชานทำท่าตกใจแล้วเดินมาหาวูจินกับซุงกู
“บังเอิญจริงๆ
ขอโทษที มีปัญหาอะไรกันเหรอ ผมพอจะช่วยอะไรได้ไหม”
ซุงกูเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
มินชานทำหน้าครุ่นคิดและแอบมองท่าทางของวูจิน
วูจินรู้ทันจุงมินชาน
เขายิ้ม บังเอิญ? บังเอิญพ่อง
วูจินพยักหน้าไปทางซุงกู
หมายถึงบอกให้ซุงกูพูด
“งั้นเอาแบบนี้ไหม?
กิลด์ผมมีดันเจี้ยนตรงสถานีถัดไป ผมจะให้พวกคุณใช้ที่นั่น”
“เอ๊ะ ลูกพี่ครับ?”
ซุงกูหันไปทางวูจินรอคำตอบ
วูจินถามเรื่อยๆ
“ฉันหวังว่านายช่วยแบบไม่หวังผล?”
“แค่พวกคุณรู้สึกดีกับเราก็พอ”
มินชานยิ้มอย่างเป็นมิตร
วูจินจึงหัวเราะไปด้วย
“ขอรับไว้ด้วยความยินดี”
“คุณเป็นคนตรงจริงๆ”
มินชานยิ้ม ท่าทางของวูจินไม่หยาบคายเหมือนวันก่อน
นั่นสินะ
เมื่อวานวูจินคงทำตัวแปลกไป ปกติเขาคงไม่ได้บ้าแบบนั้น
“ฮะๆๆ ตามผมมา”
มินชานกู่ร้องในใจอย่างเบิกบานในขณะที่พาวูจินซุงกูออกไป
เมื่อพวกเขาไปกันแล้วคนของกิลด์ฮวารางก็โทรหาหัวหน้าทีม
“หัวหน้าทีม
จุงมินชานมาที่นี่ เขาเพิ่งจะพาเราส์แรงค์ F สองคนไป
แถมยังดูแลพวกนั้นเหมือนวีไอพีด้วย”
[จู่ๆก็พูดอะไรของนาย?]
“เอ่อ คือว่าเมื่อกี๊
เราส์แรงค์ F สองคนจะเข้าดันเจี้ยนสองดาว
พวกนั้นงี่เง่าแล้วตื๊อไม่เลิก ทีนี้หัวหน้าจำหัวหน้าทีมของกิลด์แฮมเมอร์ได้ไหม
ที่ทำตัวหัวสูงน่ะครับ? เขาพาเราส์สองคนนั้นไปที่อื่น ไม่สิ
เหมือนเชื้อเชิญพวกเขาไปที่อื่นมากกว่า”
[ถ้าเป็นไอ้จุงมินชานลงมือเองแสดงว่าต้องมีอะไรแน่...]
“ใช่ไหมล่ะครับ?
ท่าทางพวกมันจะมีดีอยู่เหมือนกัน? เราส์แรงค์ F กล้าเข้าดันเจี้ยนสี่ดาว”
[งั้นแค่นี้ก่อน
ฉันจะลองหาข้อมูลของพวกนั้น]
แล้วก็ถึงคราหัวหน้าทีมสนับสนุนของกิลด์ฮวารางต้องงานยุ่งบ้าง
สถานีกวาชุนกับสถานีศาลากลางแห่งกวาชุนอยู่ไม่ห่างกันนัก
พวกวูจินเดินไปพลางคุยไปพลางไม่นานก็ถึง
“ถ้าพวกคุณเข้ากิลด์เรา
เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย อีกอย่าง
แค่แป๊บเดียวคุณก็เพิ่มแรงค์ให้ตัวเองได้แล้ว กิลด์เรามีชื่อเสียงเรื่องสนับสนุนเราส์ในสังกัดเต็มที่”
เดินกันช่วงสั้นๆแต่มินชานพูดถึงข้อดีของกิลด์มานับไม่ถ้วน
วูจินรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่มินชานหวังจะได้เป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือ
เขาหวังว่าวูจินจะฟังเขาพล่าม
ดังนั้น
วูจินก็เลยยอมฟัง แค่ฟังนะ
“อืม
ฟังแล้วสะดวกดีนี่?”
“สะดวกสิคุณ
ถ้าต้องใช้เงินเรามีให้ ถ้าต้องใช้อาร์ติแฟคเราก็มีให้ อยากได้อะไรเราสนับสนุนหมด”
วูจินเอาใจอีกนิด
“คนของกิลด์ต้องชอบมากแน่”
“ฮ่าๆๆ
ขอบคุณที่ยอมรับกิลด์ของเรา”
วูจินก็ไม่ได้โกหกนะ
“อ๊ะ ถึงแล้ว
ใช้ดันเจี้ยนได้ตามสบายเลยคุณ ไม่ต้องจ่ายค่าเข้า”
“นี่ก็มอบให้ด้วยความปรารถนาดี?”
“แน่นอน”
ค่าธรรมเนียมการใช้ดันเจี้ยนสี่ดาวนั้นแพงมาก
แต่มินชานบอกว่าไม่ต้องจ่าย นับเป็นความปรารถนาดีที่ใจกว้างมาก
วูจินรับโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ขอรับไว้ด้วยความยินดี
แต่เจ้าหน้าที่จะยอมให้เข้าเหรอ?”
“ฉันจะรีบไปเปลี่ยนแรงค์ของคุณวูจินกับคุณซุงกูให้”
“พูดได้ดี”
มินชานยิ้มในใจเมื่อได้ยินคำตอบ
ไม่มีความปรารถนาดีใดที่มอบให้โดยไม่มีสายเบ็ดเกี่ยวเอาไว้
ต่อให้เขาไม่ต้องการอะไรตอบแทน แต่พวกวูจินต้องมองกิลด์แฮมเมอร์ในแง่ดีแน่นอน
ถ้าใครถูกเลี้ยงข้าวสักมื้อ
คนนั้นย่อมกดดันอยากจะเลี้ยงข้าวตอบแทนในวันหน้า
ภาระตอบแทนกันไปมาเป็นธรรมชาติของมนุษย์
อย่างน้อยวูจินต้องมองกิลด์แฮมเมอร์ดีกว่ากิลด์อื่นล่ะ
แล้วถ้าจะช่วย
ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด
“รอนี่สักเดี๋ยวนะ
ผมจะเตรียมของขวัญให้พวกคุณ..”
“โอ้โห
มีของขวัญด้วย?”
วูจินไม่มีท่าทีปฏิเสธเลย
มินชานกู่ร้องในใจ
เรื่องความสามารถในฐานะเราส์เป็นอย่างไรเขาไม่รู้
ที่แน่ๆคือวูจินยังเป็นหนุ่มน้อยอายุ 24 ปี
มินชานบอกได้ว่าวูจินไม่ค่อยคุ้นกับการอยู่ในสังคม
ใครให้อะไรเขาก็รับหมดไม่มีลังเล มินชานมั่นใจว่าวูจินอยู่ในกำมือเขาแล้ว
“งั้นรอสักครู่นะคุณ”
มินชานไปที่รถที่เขาจอดไว้ใกล้ๆเพื่อเอาของขวัญ
ระหว่างนั้น คิมเฮมินก็หันมาคุยกับพวกวูจินอย่างเป็นกันเอง
“เฮะๆ
คุณวูจินวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานเลยนะครับ”
“หืม? ทำไม?”
“หุๆ
เมื่อวานผมกลัวจนไม่กล้าคุยกับคุณ”
เฮมินตอบกวนๆ
วูจินหัวเราะ เมื่อวานความคิดของเขาสับสนเพราะคิดเรื่องทราห์เน็ต
“เมื่อวานฉันรู้สึกไม่ค่อยดี”
“เฮะๆ
คุณคงเป็นคนทำอะไรตามความรู้สึกตัวเอง เห็นคุณวันนี้ผมว่าคุณเป็นคนดีนะ
จบนี่แล้วดื่มโซจูสักหน่อยไหม?”
“ก็ดีสิ”
ถ้าเป็นโซจูเขายินดีรับทุกเวลาเลย
เฮมินเยินยอวูจินซุงกูอย่างช่ำชอง
พยายามทำตัวให้เข้ากับพวกเขาอย่างหนัก ซุงกูเห็นก็ได้แต่ส่ายหน้า
พวกเขาพยายามทำดีกับวูจิน แต่วูจินหรือจะเข้ากิลด์พวกเขา?
‘คนพวกนี้เสียแรงเปล่าแล้ว’
ซุงกูรู้สึกเซ็งแทนมินชานกับเฮมิน
แต่วูจินไม่ใช่คนใจร้ายอะไรหรอก เขาแค่ไม่มีมโนธรรมเท่านั้นเอง
ซุงกูรู้สึกว่าลูกพี่เขาที่เป็นคนอย่างนี้นั้นเลิศมาก
“เฮ้อ
ฉันขี้เกียจรอแล้ว ฝากบอกเขาให้เอาของขวัญให้ตอนฉันออกมาแล้วกัน”
“อ๊ะ เอางั้นเหรอ?”
“ไว้เจอกัน
ดื่มไปพลางคุยไปพลาง”
“เฮะๆ
ผมจะพาไปร้านดีๆเลยครับ”
วูจินกับซุงกูลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
“เราจัดเวลาให้พวกคุณเหลือเฟือเลยครับ
สู้ๆ”
เฮมินยิ้มกว้างโบกมือลาจนวูจินเดินหายเข้าไปในบาเรีย
ทันใดนั้นเขาพลันรู้สึกเสียววูบ
เฮมินหดคอพลางเหลียวไปอีกทาง
หวา
หัวหน้าทีม จุงมินชาน
กำลังขมวดคิ้วมองเขาเขม็ง
“เฮ้ย ทำอะไรวะ”
“ผม...
ผมยืนส่งพวกเขา?”
เส้นประสาทบนหน้าผากจุงมินชานปูดขึ้นมา
“ฉันบอกไว้ใช่ไหมว่าจะไปเอาของขวัญมาให้?”
“ฮะๆ รอ
รอพวกเขาออกมาแล้วค่อยให้ก็ได้นี่ครับ?”
จุงมินชานฟังแล้วโมโหพลุ่งพล่านแทบยั้งตัวเองไว้ไม่ไหว
เขาปล่อยกระเป๋าที่ถือไว้หล่นลงพื้น กระเป๋ากีฬาใบใหญ่ส่งเสียงดังตึง
กระเป๋ามีน้ำหนักมากทีเดียว
พอกระแทกพื้นซิปก็เปิดออกให้เห็นของข้างใน
มีที่กรองน้ำ
กล่องปฐมพยาบาล เสื้อ เข็มทิศ รวมถึงแผนที่ที่บอกจุดที่มีหินรีเทิร์นสโตนและที่อยู่ของสัตว์ประหลาดในนั้น
‘ชุดลงดัน?’
ดันเจี้ยน 1-3
ดาวเป็นดันเจี้ยนระดับต่ำ ดันเจี้ยน 4-6 ดาวเป็นดันเจี้ยนระดับสูง
ระดับไม่ได้แยกไว้เฉยๆ
สองระดับนี้ต่างไปถึงโครงสร้าง
ของขวัญที่จุงมินชานเตรียมให้คืออุปกรณ์สำหรับเอาตัวรอดในดันเจี้ยนนั่นเอง
“เราส์แรงค์ F คิดจะเคลียร์ดันเจี้ยนระดับสูงนะโว้ย
คิดว่าพวกมันรู้จักดันเจี้ยนระดับนี้ซักเท่าไหร่กัน?”
“นั่น นั่นก็...”
เฮมินหน้าซีด การจัดทีมเข้าดันเจี้ยนสี่ดาวตามที่แนะนำคือ
แรงค์ C หนึ่งคนเป็นหัวหน้าทีม
สมาชิกคนอื่นๆต้องไม่ต่ำกว่าแรงค์ D
แต่นี่ เราส์แรงค์ F สองคนเข้าไปโดยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนแห่งนี้เลย
“นี่ไม่เรียกว่าช่วยเหลือแล้ว
พวกเราต้อนพวกนั้นไปตาย”
“...”
เข้าดันเจี้ยนสี่ดาวโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดันเจี้ยนนั้นเลย...
เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ
เฮมินถามเกรงๆ
“พวกเขา...
จะรอดกลับมาไหม?”
“ก็เหมือนเข้าป่าดงดิบแบบไม่ได้เอาอะไรไปเลย”
“...”
เฮมินหน้าซีด
ถ้าอย่างนั้นหัวหน้าก็บอกก่อนสิว่าไปเอาอุปกรณ์เข้าดันเจี้ยน
ทั้งสองยืนนิ่ง
“ขอถามหน่อยหัวหน้า
แล้วถ้าพวกเขาทำได้ล่ะ?”
“ทำอะไร”
“ถ้าพวกเขารอดกลับมา?”
“เอ่อ...”
เข้าไปแบบตัวเปล่า
ถ้ารอดฝูงมอนสเตอร์กลับมาได้... แถมยังมีกันแค่สองคนอีก...
“ต้องแรงค์ B ขึ้นไปถึงจะทำได้”
มินชานหน้าดำคร่ำเครียด
“แต่พวกนั้นต้องแค้นเราแน่
ลืมเรื่องมองกิลด์เราในแง่ดีได้เลย”
มินชานต้อนพวกวูจินเข้าไปเสี่ยงตายโดยไม่บอกอะไรเลย
ต่อให้ถูกกล่าวหาว่าเขาจงใจทำร้ายก็เถียงไม่ได้ พวกวูจินอาจร้องเรียนไปทางสำนักงานผู้มีพลังพิเศษ
ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เหมือนพวกเขาผลักเราส์แรงค์
F สองคนเข้าไปในดันเจี้ยนสี่ดาว
“เฮ้อ
รีบไปทำเรื่องเปลี่ยนแรงค์ให้พวกเขาเร็ว”
เฮมินยิ่งหดคอหนักเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของจุงมินชาน
***
วูจินซุงกูลงไปยังชั้นล่างอย่างราบรื่น
วูจินจัดการมอนสเตอร์แล้วทำใช้คาถาทำสัญลักษณ์ไว้บนศพของมอนสเตอร์ที่มีบลัดสโตน ซุงกูเดินตาม
แงะบลัดสโตนออกจากศพมอนสเตอร์ใส่ถุง
ทีแรกพวกเขาเกร็งเพราะเป็นดันเจี้ยนสี่ดาว
แต่มอนสเตอร์ที่นี่อ่อนแอกว่าที่คาด มันระดับเดียวกับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน 2-3 ดาว
“แน่ใจเหรอว่านี่เป็นดันเจี้ยน
4 ดาว?”
“ไม่... ไม่รู้สิครับ”
ซุงกูไม่ใช่คนสู้เลยไม่รู้
สำหรับเขาแล้วมอนสเตอร์สองดาวก็เป็นศัตรูที่น่ากลัวแล้ว ดังนั้นเขาจึงแยกไม่ออก
วูจินบอกว่าพวกมันอ่อนแอ เขาก็ได้แต่เชื่อ
“หรือดันเจี้ยนนี่จะง่ายกว่าเพื่อนครับ?”
“อืม ไม่รู้สิ?
รีบเคลียร์ให้เสร็จแล้วออกไปดีกว่า”
วูจินกวาดล้างชั้นสุดท้ายเสร็จแล้วก็ใช้เวทย์หาของ
และนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าดันเจี้ยนมาที่เขาตกตะลึง
“หา?
รีเทิร์นสโตนไม่อยู่นี่”
“เอ๊ะ เป็นไปไม่ได้”
ซุงกูหยุดแงะบลัดสโตน
เขาเดินไปหาวูจินอย่างกังวล
‘หรือเลเวลของทักษะหาของจะต่ำไป?’
ถึงจะเพิ่มเลเวลไปก็ทำให้พื้นที่ในการค้นหากว้างขึ้นเท่านั้น
สำหรับของที่ถูกซ่อนในที่ลับ เขาต้องมีทักษะแรงค์สูงกว่านี้จึงจะหาเจอ
ซึ่งนั่นมีแต่อาชีพนักเวทย์ที่ใช้ได้
“ฮืม เอาเถอะ
ย้อนกลับไปหาดูอีกที นายเก็บบลัดสโตนต่อไป”
“ครับลูกพี่”
“ครับลูกพี่”
วูจินสงสัยว่าดันเจี้ยนที่นี่เป็นดันเจี้ยนสี่ดาวจริงหรือไม่
มอนสเตอร์ในนี้ระดับต่ำกว่าปกติ เขามีวิธีวัดระดับได้แม่นยำ
นั่นคือ
ค่าความสำเร็จ
มอนสเตอร์อย่างราควิให้ค่าความสำเร็จ
3 แต้ม บลัดสโตนตกไม่เยอะแต่พวกมันมีเยอะมาก เขาคิดว่าเข้าดันเจี้ยนที่มีราควิเกิดเยอะๆยังดีกว่าที่นี่
“เก็บหมดแล้วครับลูกพี่”
“งั้นเดินกลับไปทางเข้าแล้วหารีเทิร์นสโตนไปพลาง”
รีเทิร์นสโตนไม่ได้ออกมาจากศพมอนสเตอร์ทุกครั้ง
มันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ไหนสักแห่ง
เพราะเหตุนี้วูจินจึงเดินกลับและใช้เวทย์หาของใหม่
จนใกล้ทางเข้าแล้วก็ยังไม่มีร่องรอยของรีเทิร์นสโตน
วูจินเริ่มกังวล
“ถ้าเดินขึ้นไปก็เป็นทางเข้าแล้ว...”
ซุงกูพูดเบาๆ เมื่อพวกเขาขึ้นบันไดก็เห็นอุโมงค์สีแดงแห่งหนึ่งอยู่ตรงหน้าบาเรีย
วี้ๆๆ
มันส่งเสียงประหลาด
วูจินซุงกูมองมันอย่างสงสัย
ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบคิดผิดแล้วเฮมินรอเจอเทพทรูอย่างซุงกูซะ
ตอบลบ#ขอบคุณค่ะ