บทที่ – 86
ขณะเดิน ผมเอาแผนที่เมืองหลวงจากในเสื้อคลุมออกมาและวาดเส้นทางเคลื่อนไหวของหัวหน้าเพลแกรนท์ทับลงไป
“รูปเขียนเล่นอะไร?” รองหัวหน้าอัศวินถาม แรงใจในการเมินภาระน่าหนวกหูของผมใกล้ถึงขีดจำกัด
“มันคือแผนที่เมืองหลวง”
ผมมองภาระเหมือนจะถามว่า ‘แค่นี้ก็ไม่รู้เหรอ?’ แต่ภาระหัวเราะใส่ผมเสียงดัง ‘ปู้ด’
“นั่นแผนที่? เด็กยังวาดได้ดีกว่านั้นเลย”
กล้าดียังไงถึงพ่นคำเหลวไหลขนาดนั้นออกมา? แผนที่นี้ลอกอย่างบรรจงจากอันที่ซื้อมาจากร้านขายข่าวแม่ใหญ่นะ นึกว่าตัวเองมีชีวิตเหลือพอเหรอ?
เห็นแผนที่หน้าตาแบบนี้ แต่ผมคิดอย่างภูมิใจว่าฝีมือผมดีกว่าลุงบลัดดี้ ชายผู้เป็นนักวาดที่เก่งที่สุดในหมู่บ้าน กล้าดียังไงมาทำลายศักดิ์ศรีผม? ยิ่งเป็นแค่ตัวถ่วงด้วย
“หุ โกรธเหรอ? แต่มันเกินไปนะ แผนที่อย่างน้อยควรดูเหมือนแบบนี้” พูดแล้วภาระก็ดึงกระดาษออกจากอก
ถึงผมจะโกรธ แต่มองแวบเดียวก็บอกได้ว่ามันเป็นแผนที่ที่ดูดีกว่าอันที่ผมวาด เทียบ ถึงจะไม่เท่ากับอันที่ผมซื้อจากร้านขายข่าว แต่มันมีรายละเอียดเช่นถนนสายเล็ก มันเป็นแผนที่ใช้ในการทหาร
ผมฉกแผนที่จากมือภาระ เขาช็อกไปอย่างน่าดูชม คงไม่คิดว่ามันจะถูกแย่งไป
“เฮ้ นั่นให้เฉพาะระดับผู้จัดการ!” ภาระพยายามแย่งแผนที่คืน แต่แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้
ชายคนนี้อ่อนแอกว่าพี่สาวคนโตของผมผู้อ่อนแอที่สุดในหมู่บ้าน คิดจะแย่งแผนที่นั้นเร็วไปร้อยปี อย่างน้อยเขาต้องมีแรงเท่าพี่ชายใหญ่ของผมหรือเร็วเท่าพี่ชายรองถึงจะทำได้
ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่นี้ต้องเป็นยุทโธปกรณ์ของกองทัพจริงๆ ถ้าผมบอกหัวหน้าอัศวินว่าผมเอาแผนที่ของรองหัวหน้าอัศวินไป แม้จะไม่ถึงขั้นถูกขังแต่น่าจะพอให้โดนลดขั้น ดังนั้นมาใช้มันอย่างขอบคุณดีกว่า ผมวาดเส้นทางเคลื่อนไหวของเพลแกรนท์ทับลงไป
“อ๊า! ข้าบอกแล้วไงว่ามันเป็นของกองทัพ! เวรเอ๊ย! ทำยุทโธปกรณ์เสียหายหรือสูญหายจะถูกลงโทษให้เดินทัพ 40 กิโลเมตรแบบไม่ใช้เวทมนตร์นะ!”
เหมือนมีเสียงกรีดร้องดังจากที่ไหน แต่ผมคงหูฝาด ถึงไม่ฝาดก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ยุทโธปกรณ์เลอะด้วยหมึกดำแล้ว ฮ่าๆๆ! รู้สึกดีมาก! เหมือนได้เดินบนหิมะที่ไม่เคยถูกใครเหยียบมาก่อน!
เพื่อเป็นข้อมูล การเดินทัพของจักรวรรดิใส่เกราะอาวุธครบ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนบอกมาแบบนี้ตอนสอนการเก็บยุทโธปกรณ์ในวิชาการใช้อาวุธ
ผมลอกเส้นทางเคลื่อนไหวของหัวหน้าเพลแกรนท์แล้ววาดวงกลมรัศมี 500 เมตรรอบมัน
“อ๊า! ไม่นะ!”
วาดเสร็จ ผมทิ้งภาระที่หัวเสียมากไว้ข้างหลังและอ่านรายชื่อคนที่ใช้ฮอร์นได้ วงกลมคือบริเวณที่พวกเขาสามารถพาฮอร์นไปได้ เวทที่ใช้ผนึกฤทธิ์ของฮอร์นนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้น คงเป็นไปไม่ได้ถ้าจะใช้เวทก่อนแล้วค่อยขนส่งฮอร์นออกมา
ฮอร์นมีพิษสูงมาก ถ้าไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุระดับผู้เฒ่าเมอร์ปา หรือคนที่เคลื่อนไหวได้เร็วเท่าชาติพันธุ์นักสู้ เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่นอกวงกลม ส่วนเรื่องเวลา รถม้าช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะถนนของเมืองหลวงไม่ใช่ถนนลาดยางแต่เป็นหินขรุขระ
ถ้าเวทที่ร่ายบนฮอร์นหลุดเพราะรถม้าโคลงเคลงก็ยิ่งแย่ เวทพิเศษนี้ไม่ยอมให้ขวดบรรจุสั่น
ไหนดูหน่อย ในสามสิบหกคนที่เข้าข่าย มียี่สิบคนเป็นนักเวทหลวงและอาศัยในพระราชฐานชั้นนอก สองคนหายสาบสูญและถือว่าเสียชีวิตไปแล้ว สี่คนออกนอกเมืองไปหาวัตถุดิบสำหรับทำยา ที่เหลือสิบคน เจ็ดคนอยู่ไกลเกินไป ดังนั้น ผู้ต้องสงสัยจึงเหลือสามคน
ถ้าผมรู้ว่าหัวหน้าเพลแกรนท์กินยาพิษเข้าไปที่ไหนก็รู้ตัวคนร้ายทันที แต่โชคร้ายที่ผมไม่มีอาเจียนของเขามาตรวจสอบ
น่าเสียดาย แต่ต่อให้มี ผมว่าระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจสอบกับระยะเวลาไปหาเรื่องผู้ต้องสงสัยสามคนที่ห้องปรุงยาของพวกเขาก็เท่ากัน
ผมส่งแผนที่ที่เขียนชื่อและวงที่อยู่ของผู้ต้องสงสัยสามคนเอาไว้ให้ภาระ ภาระหัวเสียอีกรอบเมื่อเห็นแผนที่เปรอะเปื้อน
“เฮ้ ไม่ใช่เวลาลนลานนะ เราต้องรีบไปอัด แฮ่ม! ไปจับตัวคนร้ายกันเถอะ”
พูดถึงยุทโธปกรณ์ พวกมันเป็นของที่ต่อให้ตัดไปก็ยังโผล่มาได้อยู่ดี เป็นรองหัวหน้าอัศวินแต่มาร้องไห้กับเรื่องแค่นี้ ถือว่าจิตใจอ่อนแออย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ฮึ่ม! หัวหน้าบอกจะฆ่าข้าถ้าทำของกองทัพพังอีก!”
โอ้ แบบนั้นก็ควรลนลานจริงๆ หัวหน้าอัศวินดูเป็นคนเวลาโกรธแล้วน่ากลัว
ผมยิ้มและยื่นมือให้ “คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็แล้วกัน”
เหมือนโบราณว่าไว้ ยอมแพ้สบายกว่า ถ้าเขาไม่ล้อแผนที่ของผมก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก แต่ต้องขอบคุณเขา ผมจึงไม่ต้องเทียบแผนที่ในหัวกับแผนที่ที่ผมวาด ซึ่งทำให้สะดวกขึ้นเยอะ
ภาระไม่จับมือที่ผมยื่นให้แต่ดูยิ่งหมดหวังกว่าเดิม มองเขาแล้วผมก็คิด : ตัวถ่วงจริงๆ
“ลุกขึ้นสิท่านผู้กล้า!” จำการควบคุมแรงที่ฝึกมาจากตอนจับหัวอัลฟอนโซ ผมเตะก้นภาระเบาๆ
“แอ๊ก!”
ในที่สุดผมก็มั่นใจเมื่อเห็นภาระกุมก้นของเขา ผมคุมแรงตัวเองได้แล้ว! เขาไม่ตาย และไม่รู้สึกว่ากระดูกหัก ผมแค่รู้สึกว่าเตะเขาได้ดี
“ไปกันเถอะ!” ผมพ่นลมทางจมูกอย่างภูมิใจและลากคอภาระ
รีบไปทรมานพวกผู้ต้องสงสัยกันเถอะ!
***
ผมถีบประตูห้องปรุงยา ซึ่งใช้เป็นที่พักของผู้ต้องสงสัยคนแรก และตะโกน “ออกมา!”
ตึง!
อาจเพราะแรงถีบ ประตูเปิดออกอย่างง่ายดายและปลิวไป
“ประตูเปิดแล้ว เข้าไปกันเถอะ” ผมพูด
“เฮ้ แบบนี้คนเขาไม่เรียกว่าเปิดนะ”
เมินเด็กขี้แยที่ยังลูบก้นตัวเองไม่เลิก ผมเข้าไปในห้องปรุงยา เมื่อเข้ามาในบ้าน ชายคนหนึ่งที่คงจะเป็นเจ้าของรีบวิ่งออกมา
“อะไร นี่มันอะไรกัน?” เขาตกใจและมองสลับระหว่างประตูกับพวกเรา ก่อนจะชี้ไปที่ภาระข้างตัวผม
“เจ้าทำอะไร! ทำไมมาพังประตูบ้านคนอื่น!”
จู่ๆก็ถูกกล่าวหา ภาระมองผมด้วยน้ำตาคลอ ระหว่างคนผอมและดูไร้เดียงสาอย่างผม คนร่างบึกเหมือนอันธพาลอย่างเขาน่าสงสัยกว่าจริงๆ
ผมพยักหน้า “ใช่แล้ว! อยู่ดีๆก็พังประตูมันเกินไป!”
“ไม่ใช่! เจ้า...!” ภาระสำลักคำพูดตัวเอง
ผมยิ้มให้ภาระและเข้าใกล้ชายที่เหมือนจะเป็นเจ้าของบ้าน “เจ้า ใช่คุณคาปอลหรือเปล่า?”
“ใช่ ข้าคาปอล แต่...”
ผมแสดงตราทำจากแผ่นโลหะรูปสัญลักษณ์ของอัศวินกวางขาว “เรามาจากที่นี่”
ตราที่เหมือนตราตำรวจนี้ เป็นของภาระข้างหลังผม
“หา? หา?!” เมื่อผมแสดงตรา เขาตื่นตระหนกและล้วงกระเป๋า แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เพราะตราของเขาอยู่ในมือผม
ตอนผมคืนแผนที่ ผมแอบล้วงตราของเขาออกมา เห็นเขาเพิ่งจะรู้ตัวตอนนี้ ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามีอัศวินทื่อขนาดนี้อยู่เมืองหลวงจะปลอดภัยหรือเปล่า
“พวกเจ้าจากกองอัศวินกวางขาวมาที่นี่เพื่ออะไร?” นักเล่นแร่มองพวกเราอย่างค่อนข้างระแวง
“มีรายงานว่าห้องปรุงยาของเจ้าผลิตและจำหน่ายยาผิดกฎหมาย ยอมให้ค้นเสียดีๆ จะได้ไม่ต้องใช้ความรุนแรง” ผมพูด
ผู้ต้องสงสัยคนแรกและภาระต่างมองผมด้วยความช็อก ผมเข้าใจ แต่เรื่องมันยุ่งยากเกินกว่าจะอธิบายและมันใช้เวลานาน พูดตรงๆ มันน่ารำคาญ
“กล่าวหากันชัดๆ! ห้องปรุงยาของข้าไม่มีความผิด!”
ผมตบบ่าผู้ต้องสงสัยที่ตะโกนหน้าดำหน้าแดง “ไว้พวกเราเห็นข้างในแล้วก็รู้เอง รองหัวหน้า ค้น!”
ภาระมองผมเหมือนเรื่องมันบ้าไปกันใหญ่แล้วและกระซิบ “เฮ้ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าการค้ายาจะถูกลงโทษยังไง ขู่เขาแบบนี้?”
“แน่นอนข้ารู้ ที่ศูนย์ฝึก ข้าเป็นที่หนึ่งในวิชากฎหมายจักรวรรดิ ผู้กระทำความผิดครั้งแรกต้องโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 10 ปีหรือประหารชีวิต กระทำความผิดซ้ำจำคุก 30 ปีหรือประหารชีวิต”
เพื่อเป็นข้อมูล กฎหมายนี้สำหรับชนชั้นสูง คนธรรมดามีแต่ประหารชีวิต ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกหรือครั้งที่สอง จักรวรรดิเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กฎหมายสำหรับคนธรรมดากับชนชั้นสูงจึงต่างกัน สำหรับความผิดค้ายา คนขายถูกลงโทษเหมือนกัน ยกเว้นชนชั้นสูงที่มีอำนาจมาก
พูดอีกอย่างคือ การก่อกบฏที่นี่หมายถึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขายยาและถูกส่งไปแท่นประหาร ในประเทศโบราณเช่นนี้ พิจารณาตัดสินโทษโดยเชื่อก่อนว่าผู้ต้องสงสัยเป็นผู้กระทำผิด ไม่ใช่เชื่อก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ พอมาคิดดูแล้ว ผมดีใจจริงๆที่ช่วยหัวหน้าเพลแกรนท์ไว้ได้
ถ้าเพลแกรนท์ตาย ผมจะออกมาหาคนร้ายเองไม่ได้ แต่ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองในคุก ทางเลือกอื่นคือทิ้งตำแหน่งผู้รับการฝึกเป็นข้าราชการและหนีไป
“ข้าต้องทำอย่างนี้เพื่อให้เขาร่วมมือง่ายขึ้น” ผมยิ้มสดใส
ภาระทำหน้าเหนื่อยใจ แต่ถ้าผู้ต้องสงสัยไม่ใช่คนที่ผมตามหาก็ไม่เป็นอะไรหรอก ยาคงไม่โผล่ออกมาตอนค้นจริงๆหรอก ใช่ไหม?
ผมเข้าไปในห้องปรุงยาและสังเกตการตกแต่งภายใน กลางห้องมีหม้อใหญ่หม้อหนึ่ง ถัดจากหม้อเป็นโต๊ะตัวหนึ่ง มีสารต่างๆวางอยู่
“ไหนดูซิ” มองคร่าวๆแล้ว ผมเห็นสารที่ใช้ในการระงับฤทธิ์ของฮอร์น รวมถึงสารที่ไม่ใช่ด้วย
ผมเขย่งเท้าดูข้างในหม้อ มันว่างเปล่า แต่มีกลิ่นตกค้าง ผมตั้งสมาธิไปที่กลิ่น
“หญ้าแสงจันทร์, สารสกัดจากคางคกจันทร์, หญ้าเอนดรา, กลีบดอกแมนดราโกกลีบที่หก...”
ผมท่องชื่อสมุนไพรจากกลิ่นในหม้อ เจ้าของห้องปรุงยามองผมอย่างประหลาดใจ การระบุกลิ่นแบบนี้เป็นเรื่องปกติหลังจากถูกฝึกโดยผู้เฒ่าเมอร์ปา
“...เลือดสุนัขนรก, หืม ไม่รู้, ไม่รู้, ผงภูติ, ไม่รู้...”
สิ่งที่ผมไม่รู้คือมันไร้กลิ่น หรือผ่านไปสามวันแล้วและกลิ่นจางไปจนเกือบหมด
ในการผนึกพิษของฮอร์น น้ำสกัดเข้มข้นจากหม้อข้าวหม้อแกงลิงยักษ์กับเลือดโทรลน้ำแข็งเป็นสิ่งจำเป็น แต่ห้องปรุงยานี้ไม่มีกลิ่นของพวกมัน
ต่อให้พวกมันถูกเก็บไว้ในตู้เซฟหรือห้องลับ ถ้าพวกเขาใช้มันผนึกฮอร์นวันนี้ย่อมไม่มีทางไม่มีกลิ่น
โชคไม่ดี ผู้ต้องสงสัยคนแรกไม่ใช่คนร้าย เพื่อเป็นการเผื่อเอาไว้ก่อน ผมตัดสินใจเปิดช่องลับใต้ดินที่ถูกป้องกันด้วยเวทมนตร์ เวทมนตร์ที่ทับถูกสร้างขึ้นอย่างลวกๆเหมือนจะบอกว่า “ข้าอยู่นี่” แบบนั้นแล้วจะไม่ดูสักหน่อยก็เสียมารยาท
“ท่านรองหัวหน้า ช่วยดันหม้อนี่ออกให้ได้ไหม?”
“ทำไม?”
“ทำตามที่ข้าพูดเถอะ ท่านตามข้ามาเพื่อทำหน้าที่ออกแรงไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่ ข้ามาเฝ้า...”
“ชู่ว!” ผมเบิกตากว้าง
ภาระแตะหม้อและบ่นงึมงำ “ทำไมต้องเป็นข้าด้วย?”
เจ้าของห้องปรุงยาร้อนรนขึ้นมาทันทีและห้ามภาระ “ขอโทษนะ! ตำแหน่งของหม้อสำคัญและมีความหมายทางเวท-”
“ไม่มีหรอก ผลักเลย” ผมตัดบทและเร่งภาระให้รีบผลัก
คิดว่ากำลังหลอกใครอยู่? หลังจากผลักหม้อแล้ว ประตูเล็กๆก็เห็นอยู่ข้างใต้
“เปิดกันเถอะ”
ผมหยิบเหล็กเสียบที่อยู่บนพื้นใกล้ๆและแทงใส่รอยแยกตรงประตู ผมขยับเหล็กเสียบไปรอบๆเพื่อทำให้คริสตัลที่เป็นใจกลางของเวทมนตร์แตก เวทมนตร์สลายเพราะเหล็กเสียบเหรอ... จะด้อยคุณภาพไปถึงไหน
ประตูยกขึ้นเมื่อเวทมนตร์สลายและสิ่งที่อยู่ข้างในคือสวรรค์
“...รสนิยมรุนแรงนะ”
หนังสือผู้ใหญ่หลากหลายเล่มภายในน่าสนใจขนาดทำให้ผมอยากอ่านสักรอบ
เจ้าของห้องปรุงยาตะโกนหน้าแดงก่ำ “ออกไป...! ออกไปเดี๋ยวนี้!”
ผมกับภาระถูกไล่ออกจากห้องปรุงยาไปอย่างนั้น อยากอ่านสักหน่อยจัง น่าเสียดาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น