วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2566

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 85

 บทที่ 85

เมื่อผมรับเอกสารที่ขอและยืนขึ้น คนขายข่าวถาม “โอ้ ขอถามได้ไหม”

“อะไร?”

“เจ้าได้รหัสของร้านขายข่าวแม่ใหญ่มายังไง?”

ผมลนลานเมื่อได้ยินคำถาม รหัสนี้ได้มาตอนผมปลอมตัวในกรันเวลระหว่างเดินทางมาเมืองหลวง ถ้ามันเป็นรหัสเฉพาะ เธออาจเชื่อมโยงผมกับชายวัยกลางคนตอนนั้น

ถึงอย่างนั้น ถ้ามองผ่านๆก็ไม่เหมือนจะมีปัญหา ผมตอนปลอมตัวกับผมตอนนี้ดูต่างกันมาก เธอไม่มีทางคิดว่าจะเป็นคนเดียวกัน แต่สำหรับคนที่ทำงานกับข้อมูล เบาะแสนี้อาจนำไปใช้สรุปว่าผมเป็นเดนเบอร์ก

ตอนนั้นผมเดินแบกกระเป๋าหนัก 500 กิโลกรัมอย่างสบาย เรื่องนั้นเรื่องเดียวพวกเขาก็อาจสรุปได้แล้วว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของชาติพันธุ์นักสู้ รหัสนี้อาจเชื่อมโยงผมกับชายวัยกลางคนที่มีแผลที่หน้าและนำไปสู่การค้นพบตัวจริงของผม ในที่สุด ความระแวงของผมก็นำปัญหามาจนได้

ไม่เหมือนในใจ ผมตอบด้วยเสียงไม่สนใจ “คำถามนี้เจ้าจะจ่ายเท่าไหร่?”

“ขอโทษ?”

“นี่เป็นที่ขายข้อมูล เพราะฉะนั้นข้าก็ขายมันได้เหมือนกัน ใช่ไหม?”

คนขายข่าวไม่มีปฏิกิริยา เพราะผ้าคลุมหน้าผมจึงบอกไม่ได้ว่าเธออึ้งหรือกำลังสนุก

“ก็จริง เจ้าจะขายเท่าไหร่?” เธอถาม

ผมมองไปที่เหรียญทองสองเหรียญตรงหน้าเธอ

“สองเหรียญทอง? แพงจังนะ”

“จะซื้อไหม?”

คนขายข่าวหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ ไม่ ถึงอย่างไรเราก็เป็นร้านขายข่าว เราจะหาคำตอบเอง”

“ก็ลองดู” ผมส่งยิ้มบางๆขณะเดินออกจากห้อง ภาระเดินตามผม

บ้าจริง ผมต้องระวังตัวไปสักพัก

***

เมื่อลูกค้าออกจากห้อง มิลเปียถอนหายใจอย่างโล่งอกและปลดผ้าคลุมหน้า “เฮ้อ ข้าไม่ถูกจับได้”

ไม่รู้ว่าเดนจะบุกเข้ามา มิลเปียลดเสียงให้ต่ำและพยายามอำพรางตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เธอไปหอพักของคุณนายอาร์ซิลลาบ่อยๆเพื่อหาข้อมูลจากยูเรียโดยใช้ฐานะเพื่อนสนิท ที่นั่นบางครั้งเธอก็เจอเดน ซึ่งทำให้เธอประหม่ามาก

เดน เป็นคนหัวไวอย่างประหลาดและตัดสินสถานการณ์ได้เร็ว เธอจึงเชื่อว่าจะถูกจับได้ ถ้าเธอถูกจับได้ที่นี่ มิตรภาพระหว่างเธอกับยูเรียอาจไม่เป็นอะไร แต่กับอารีเลียคงจบสิ้น

ข้อมูลเกี่ยวกับราชวงศ์ได้มายาก ถ้าเธอถูกจับได้ ผลจะไม่ใช่แค่ขาดแหล่งข้อมูล การที่เธอเข้าหาเจ้าหญิงนั้นมากพอจะถูกข้อหากบฏ ทำให้เธอต้องหนีออกจากเมืองหลวง

มันจะกลายเป็นการลดตำแหน่งจริงๆถ้าต้องไปต่างเมืองหลังจากได้เลื่อนตำแหน่งแบบนี้ ตำแหน่งในตอนนี้มีค่ามากสำหรับมิลเปียเพราะเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เธอถูกลดตำแหน่งไปเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามและชีวิตต้องเสี่ยงอันตราย

ขณะมิลเปียจินตนาการถึงความเป็นไปได้ต่างๆและเริ่มเหงื่อตก ภาพขนาดใหญ่ที่แขวนบนผนังด้านขวาก็เลื่อนขึ้น และแม่ใหญ่ ผู้นำขององค์กรข้อมูลแม่ใหญ่ก็เดินออกมาอย่างระวัง

“ทำได้ดี”

มิลเปียยืนขึ้นและก้มหัวรับคำชมของแม่ใหญ่ “ไม่หรอกค่ะ มันเป็นงานของข้า”

“แหม ข้าบอกแล้วนะว่าไม่ต้องสุภาพนัก” แม่ใหญ่ยิ้มและนั่งตรงข้ามมิลเปีย มิลเปียนั่งตามและเริ่มต้มน้ำด้วยการส่งพลังเวทเข้าไปในกาต้มน้ำเวทมนตร์บนโต๊ะ

“แล้ว เจ้าคิดว่ายังไง?”

แม้แม่ใหญ่จะถามอย่างกะทันหัน แต่มิลเปียไม่ตื่นตระหนกและเข้าใจคำถาม “ข้าคิดว่าเขาเป็นผู้สืบทอดของเพลแกรนท์ วอน โบโลญนีโอ สายสืบที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของจักรวรรดิ์”

มิลเปียรู้ว่าคำถามของแม่ใหญ่เกี่ยวข้องกับตัวตนของเดน เพราะเขามากับรองหัวหน้าหน่วยอัศวินกวางขาว ความเข้าใจของเธอไม่ผิด ที่จริงแล้วแม่ใหญ่ถามว่าเธอคิดอย่างไรกับเดน

“เหตุผลที่เจ้าคิดอย่างนั้นคือ?”

“มีสามข้อที่ทำให้ข้าเชื่ออย่างนั้นค่ะ” มิลเปียพูดพลางชงชา

แม่ใหญ่ถามพลางรับน้ำชา “ขอฟังหน่อยสิ”

“ค่ะ ข้อแรก เขาถูกจับเพราะตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่า ‘วางยาพิษข้าราชการ’ แต่ถูกปล่อยตัวภายในไม่กี่ชั่วโมง ข้าคิดว่าเพราะพวกเขาเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนร้าย”

แม่ใหญ่พยักหน้าช้าๆ “และ?”

“และเขาร่วมทางมากับอัศวินคนหนึ่ง อัศวินคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจักรวรรดิ เพิ่มจากทำงานเป็นรองหัวหน้าหน่วยอัศวินกวางขาว ถ้าต้องการจับตามองเขา แค่อัศวินธรรมดาก็พอแล้ว ดูจากการใช้เจ้าหน้าที่ระดับสูง ข้าตัดสินว่าไม่ใช่แค่เพื่อการจับตามองแต่เพื่อปกป้องเขาจากศัตรูของเพลแกรนท์, นายกรัฐมนตรี, หรือจักรพรรดิ”

แม่ใหญ่ดื่มน้ำชาช้าๆ รอเหตุผลข้อสุดท้ายของมิลเปีย

มิลเปียพูดอย่างจริงจัง “สุดท้าย เขารู้ว่าเพลแกรนท์มาซื้อข้อมูลเมื่อคืน เราสรุปแล้วว่าเพลแกรนท์ไม่ใช่คนที่จะเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับงาน ไม่ว่าเขาจะสนิทกับคนนั้นแค่ไหน แปลว่าเขาไม่ได้ไม่เกี่ยวข้องกับงานของเพลแกรนท์ เมื่อรวมกับอายุและจังหวะเวลาที่เขาถูกส่งไปฝึกงานกับเพลแกรนท์ เราสรุปว่าเขาเป็นผู้สืบทอดหรืออย่างน้อยก็เป็นศิษย์ของเขา”

หลังการอธิบายยาว มิลเปียดื่มน้ำชาให้หายคอแห้งและพูดต่อ “แต่ มีอย่างหนึ่งที่รบกวนใจข้า”

“อะไร?” แม่ใหญ่มองมิลเปียเหมือนกำลังประเมินเธอ

มิลเปียรู้สึกกลัวเล็กน้อยแต่พูดถึงสิ่งที่เธอสงสัยออกมา “เขาใช้รหัสติดต่อธรรมดา ไม่ใช่รหัสที่ตกลงกับราชวงศ์หรือนายกรัฐมนตรีอาคันทา”

ตรงข้ามกับที่เดนกังวล มิลเปียให้รหัสติดต่อแบบปกติกับเขา นั่นเพราะพวกเขาคิดว่ารหัสเฉพาะจะทำให้องค์กรของชายวัยกลางคนระวังตัวขึ้นมา นั่นเป็นเรื่องไม่พึงประสงค์เนื่องจากพลังในการรวบรวมข้อมูลมหาศาลที่พวกเขาเชื่อว่าองค์กรครอบครองเอาไว้

เดนเจอองค์กรข้อมูลแม่ใหญ่โดยบังเอิญ เขาไม่มีทางรู้ว่ารหัสที่ได้มาเป็นรหัสพิเศษหรือปกติ แต่มิลเปียไม่คิดเช่นนั้น เธอคิดว่าอีกฝ่ายมาจากองค์กรขนาดใหญ่ เพราะเห็นเขาเดินเข้ามาในฐานสำคัญที่สุดขององค์กรข้อมูลแม่ใหญ่อย่างมั่นใจ และซื้อข้อมูลไปจำนวนมหาศาล

มิลเปียสรุปว่าถ้าองค์กรรู้ว่าฐานขององค์กรข้อมูลแม่ใหญ่ที่สำคัญและลับที่สุดอยู่ที่ไหน เขาย่อมรู้รหัสติดต่อแบบปกติ

ด้วยเหตุนั้น ถ้ามิลเปียให้รหัสที่ต่างจากปกติโดยไม่แจ้งก่อน อีกฝ่ายจะคิดอย่างไร? มิลเปียเชื่อว่าอีกฝ่ายจะต้องระวังตัว

สิ่งสำคัญสำหรับองค์กรข้อมูลคือการไม่เป็นศัตรูกับกลุ่มใด แม้พวกเขาจะถูกโจมตีถ้าเผยจุดอ่อนออกมา พวกเขาต้องเลี่ยงการสร้างศัตรูแบบไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แม้องค์กรข้อมูลแม่ใหญ่จะมีความตื่นตัว รอบคอบ ระวังตัว แต่ศัตรูอาจไม่ใช่ นี่เป็นกฎการอยู่รอดและการทำธุรกิจขององค์กรข้อมูลแม่ใหญ่

“ข้าคิดว่าเพลแกรนท์ปิดกั้นเขาไม่ให้เข้าใกล้ ‘พิจิก’ ที่เขาไล่ตามอยู่ มันสมเหตุสมผลถ้าดูจากการตายของเด็กฝึกงานคนก่อนของเขาที่สร้างแผลใจให้เขาจนทำให้เขาถอนตัวจากแนวหน้า เพลแกรนท์คงไม่บอกเขาถึงวิธีติดต่อกับเรา แสดงว่าเขาหาวิธีนี้เจอด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ใช้รหัสที่ตกลงกันไว้”

มิลเปียให้คำตอบที่เป็นไปได้กับคำถามของเธอและพูดต่อ “ดังนั้นข้าจึงอยากตรวจสอบว่าเขาหาวิธีติดต่อเราเจอได้ยังไง”

ที่มิลเปียพูดอย่างนั้นเป็นเรื่องธรรมดา รหัสติดต่อขององค์กรข้อมูลแม่ใหญ่เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด จะบอกว่าเป็นเส้นชีวิตของพวกเขาก็ไม่เกินไป การที่เดนรู้วิธีติดต่อองค์กรข้อมูลแม่ใหญ่หมายความว่าต่อไปจะมีลูกค้าที่ไม่ได้รับเชิญมาอีก ปัญหาคือไม่มีอะไรรับรองว่าลูกค้าคนนั้นจะไม่ประสงค์ร้ายกับพวกเขา

แต่แม่ใหญ่ส่ายหน้า “ไม่ อย่ายุ่งกับเขา”

มิลเปียตะลึง แต่ไม่แสดงออกมา

“ถามได้ไหมคะว่าทำไม?” มิลเปียถามอย่างระวัง แต่แม่ใหญ่เพียงยิ้ม ไม่ตอบ

“นี่เป็นคำสั่ง อีกอย่าง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเขาก็ห้ามรวบรวม”

มิลเปียมีสีหน้าแข็งค้าง เธอพยายามทบทวนว่ามองข้ามอะไรไป แต่หลังจากทบทวนหลายครั้งก็ยังรู้สึกว่าเหตุผลของเธอถูกต้องและไม่มีความเสี่ยง

ถึงอย่างนั้น มิลเปียไม่มีทางอื่นนอกจากพูดว่า “รับทราบค่ะ”

การขัดขืนมีแต่ความตายที่รออยู่

แม่ใหญ่ลุกขึ้นด้วยสายตาไร้ความรู้สึก แต่มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย มิลเปียพลาดจุดนั้นไปขณะพยายามเรียบเรียงความคิดว้าวุ่น

***

ทันทีที่ผมออกจากร้านเหล้าก็เปิดข้อมูลที่ซื้อมา อย่างแรก ผมดูประวัติการเคลื่อนไหวของเพลแกรนท์ในหนึ่งเดือนมานี้ พูดจริงๆแล้ว ผมไม่ได้คาดหวังมากเมื่อถามถึงข้อมูลนี้เป็นครั้งแรก

ถ้าเป็นการขอให้ตามสืบความเคลื่อนไหวภายหน้าก็ว่าไปอย่าง แต่เป็นเรื่องธรรมดาถ้าร้านขายข่าวจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของบุคคลไม่สำคัญ การให้ข้อมูลนี้ได้จึงหมายความว่าหัวหน้าเพลแกรนท์กำลังทำงานสำคัญคู่ควรให้องค์กรข้อมูลติดตาม

เมื่อได้ข้อมูล ผมคิดว่าต่อให้มีแค่เขาเคยไปเจอกับใครบ้างก็ยอมรับได้ แต่มันมีการเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขาละเอียดเป็นนาที

อะไรนี่? แอบไปเจอกับนายกรัฐมนตรีด้วยเหรอ? ความรู้สึกไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยยิ่งเพิ่มขึ้น ทำไมตอนนั้นผมต้องเสิร์ฟน้ำชานะ? เรื่องมันยุ่งยากขึ้นมาแล้ว

ทั้งหมดนี่เพราะเจ้าคนที่บังคับให้ผมชงชานั่นเลย ขอให้เขาไม่ออกข้างนอกตอนกลางคืนแล้วกัน โชคร้ายจะเกิดขึ้นตอนไหนเราก็ไม่รู้ ผมอ่านเอกสารพลางจินตนาการว่าใช้หินทุบหัวผู้ช่วยที่อยากได้ชา

การเคลื่อนไหวของหัวหน้าเริ่มละเอียดหลังจากเขาเจอกับนายกรัฐมนตรีเมื่อสิบวันก่อน ก่อนนั้น มีบันทึกแค่เรื่องปกติเช่นไปที่ไหนมาบ้าง

แทนที่จะบอกว่าหัวหน้าเพลแกรนท์เป็นคนสำคัญจนต้องถูกติดตาม มันเหมือนเขาเริ่มอะไรที่ทำให้องค์กรข้อมูลแม่ใหญ่สนใจหลังจากเจอกับนายกรัฐมนตรีมากกว่า

ผมแค่เดา แต่การวางยาพิษอาจเกี่ยวกับมันด้วย ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ผมน่าจะรู้ได้ถ้าดูจากข้อมูลที่เขาซื้อไปจากที่นี่ แต่เรื่องเกี่ยวกับคนที่เกี่ยวข้องกับหญ้าฮอร์นต้องมาก่อน

ผมคิดเสร็จและกำลังจะดึงเอกสารเกี่ยวกับคนที่เกี่ยวข้องกับหญ้าฮอร์นออกมาเมื่อภาระตะโกน “เฮ้ย! สนใจข้าหน่อย!”

“ครับ?”

เมื่อผมหันไปหาภาระด้วยสีหน้าว่า ‘พูดบ้าอะไร’ เขาพูดด้วยเสียงหงุดหงิด “อะไร? ทำไมทำหน้าแบบนั้น? ข้าพูดกับเจ้าตั้งหลายรอบ!”

“โอ้ ข้ากำลังคิดอยู่” ผมไม่ได้ฟังที่ภาระพูด ก็คงถามถึงเรื่องที่เกิดในร้านขายข่าวนั่นแล

“งั้นที่ข้าถาม...”

“ไปกันเถอะ พวกเรากำลังรีบ” ผมพูดและเดินต่ออย่างรวดเร็ว ภาระตะโกนบางอย่างไล่หลัง ผมไม่สนใจและอ่านเอกสารต่อ


สารบัญ                                         บทที่ 86


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น