วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 76.2

 บทที่ 76.2

กร๊อบ!

เมลเซียหักคอนักเวทดำที่พยายามหาข้ออ้าง เหวี่ยงศพเขาไปอีกทางและมองรอบๆ จากนั้นเขาตรงไปที่นักเวทดำที่มีทรายติดเสื้อเหมือนเพื่อนนักเวทที่ตายไปแล้วของเขา

“ไม่! ไม่ใช่ข้า!”

เมลเซียตะครุบปากไม่ให้ข้ออ้างหลุดออกมา จากนั้นจับไหล่แล้วผลักแรงจนคอหัก

“เจ้าบ้า! ทำอะไรของเจ้า?!” ชายชราตะโกนและถลึงตาใส่เมลเซีย แต่เขาเพียงมองคนทั้งหมดด้วยสายตาเย็นชา 

“ทหารสำคัญ 90 คนตายเพื่อปกป้องหนอนแมลงพวกนี้ อย่าทำให้ข้าผิดหวังมากไปกว่านี้”

“บังอาจ! เจ้าสิหนอน นักดาบไร้พลัง อย่าทำให้ผิดหวังอะไร? คิดว่าจะพูดอะไรก็ได้เพราะเป็นคนโปรดของท่านผู้นั้นเหรอ?!”

เมลเซียหลับตาลงครู่หนึ่งแล้วลืมขึ้นใหม่ เขาพูดเสียงต่ำ “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้ผิดหวัง?”

นักเวทดำคนหนึ่งลุกขึ้นแล้วร้อง “ฮะ แล้วยังไง? เจ้าจะทำอะไร?”

นักเวทดำคนอื่นร่วมด้วย

“เจ้ามันบ้า! บังอาจฆ่านักเวท!”

“อยากตายล่ะสิ!”

เมลเซียหัวเราะที่นักเวทที่ไม่กล้าสบตากับเขาเวลาอยู่ตามลำพังกำลังตะโกนและจ้องเขาเขม็ง

“ข้าไม่คุยด้วยแล้ว ไปล่ะ”

นักเวทดำสะดุ้ง

ตอนนี้เซนต์และพาลาดิน ศัตรูของนักเวทดำใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้าเมลเซียไม่อยู่ปกป้องระหว่างช่วงทำพิธี ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องตายไปกี่คน

เมลเซียหันและเดินจากไปเมื่อชายชราผู้เฝ้าแท่นบูชาเรียก

“คานีเลียน เจ้าเจอคริสตัลคานีเลียนหรือไม่?!”

เมลเซียหยุด

“ไม่”

คำตอบของเมลเซียทำให้สีหน้านักเวทดีขึ้น นี่มีเหตุผลพอรั้งเมลเซียเอาไว้

ชายชราพูดเสียงแจ่มใส “ถ้าอย่างนั้น ที่นี่-”

เมลเซียตัดบทก่อนชายชราจะพูดจบโดยไม่หันไปมอง “ไปคุยกับคนผู้นั้นเอง”

พูดเสร็จ เขาออกจากห้อง

***

ฮิลลิสประชุมกับเหล่าพาลาดิน หัวข้อ แน่นอน คือจะทำอย่างไรกับพวกนักเวทที่ดูเหมือนจะยึดแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้

“เราต้องบุกเข้าไปเดี๋ยวนี้! จะปล่อยให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถูกนักเวทดำสกปรกยึดได้ยังไง!”

พาลาดินคนหนึ่งพูด แต่อีกคนส่ายหน้า

“ไม่ได้ ข้าเข้าใจความรู้สึก แต่ก่อนอื่นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของท่านเซนต์ ถ้าเราบุกเข้าไป ใครจะปกป้องท่าน?”

พาลาดินอีกคนกอดอกพูด “ถ้าอย่างนั้นก็แบ่งส่วนหนึ่งไว้ปกป้องท่านเซนต์และที่เหลือโจมตี”

เหล่าพาลาดินเริ่มส่งเสียงดัง

“เงียบ! เราอยู่ต่อหน้าเซนต์นะ!” อัลบาทอสคำราม

เหล่าพาลาดินหุบปากและมองฮิลลิส นั่นเพราะ ถึงพวกเขาจะเถียงกันขนาดไหน การตัดสินใจของฮิลลิสต่างหากที่เป็นตัวตัดสิน

ขณะคิดใคร่ครวญ ฮิลลิสเหลือบมองพวกแลนซีลอตและถาม “พวกเจ้าคิดยังไง?”

ความเห็นของพาลาดินเป็นสิ่งที่เธอคาดการณ์ได้อยู่แล้ว ดังนั้น ได้ฟังความเห็นของคนที่มุมมองต่างกันก็ไม่เลว

“เอ่อ ไม่รู้สิ ข้าไม่เคยเรียนพวกยุทธศาสตร์” เลชาพูด 

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าแค่อยากฟังความเห็นของคนนอกวิหาร” ฮิลลิสยิ้มขี้เล่น ตอนนี้ไม่ใช่คำถามว่าจะสู้อย่างไรแต่เป็นควรสู้หรือเปล่า เรื่องกลยุทธ์ไว้กำหนดทีหลังก็ได้

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอพูดได้ไหม ท่านเซนต์”

ฮิลลิสพยักหน้าให้แมค “แน่นอน”

“ถ้าจะโจมตี ข้าอยากไปเอง”

“หืม?” 

แมครู้ว่าเขาพูดไม่ละเอียด จึงอธิบายต่อ “ข้าหมายถึงข้าอยากให้กลุ่มของเซนต์กับกลุ่มของข้าโจมตีจากคนละทาง”

เมื่อฮิลลิสเข้าใจแล้ว เธอก็ส่ายหน้า “ไม่ นี่เป็นงานของพวกข้า จะให้พวกเจ้าตกอยู่ในอันตรายเพราะเรื่องของพวกข้าไม่ได้” เธอรู้สึกผิดอยู่แล้วที่ทำให้พวกเขาพัวพันกับนักเวทดำ จึงไม่ต้องการให้พวกเขาสู้ด้วย

แต่แมคยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่พวกเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ไปด้วยกันเถอะ” เขาจะพลาดเรื่องสนุกแบบนี้ไม่ได้ และเขาอยากสู้กับเมลเซียอีก ราชาทหารรับจ้างสู้ได้น่ารำคาญ แต่มาคิดอีกดูแล้ว แมครู้สึกว่าน่าสนุก

ถึงจะใช้วิธีน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่กระทั่งในหมู่บ้านเผ่ากา มีไม่กี่คนที่สู้กับแมคได้นานแบบนั้น

“แล้วท่านทูตล่ะ? อยากสู้ไหม?”

“ข้าไม่-”

แมคเหวี่ยงแขนไปโอบบ่าแลนซีลอตแล้วตัดบท

“เฮ้ ท่านทูตบอกว่าเขาอยากสู้ด้วย”

“มู่!” แลนซีลอตปฏิเสธแต่พูดได้ไม่ชัดเพราะแก้มถูกเบียดด้วยแขนของแมค

เลชาใช้คทานักเวทตีหัวแมคแรงๆ

“โอ๊ย! เจ็บนะ! ตีข้าทำไม?”

แมคลูบหัวแล้วมองเลชา เธอเตรียมจะโบกคทาอีกรอบ “เจ้าพูดใช่ไหมหรือไม่ได้พูดว่าจะทำตามความเห็นของแลน?”

“โอ้ ฮ่าๆ ข้าพูด แต่-” แมคทำหน้าเศร้ามองแลนซีลอต

แลนซีลอตถอนหายใจเมื่อเห็นแมคทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง “เฮ้อ ถ้าพวกเขาตัดสินใจสู้ก็สู้กับเขาแล้วกัน”

“ฮ่าๆๆ ขอบใจ!” แมคกอดแลนซีลอตเหมือนในที่สุดก็ได้ของขวัญที่อยากได้

แลนซีลอตพูดด้วยเสียง ‘พ่อกับแม่ซื้อลูกหมาให้แล้วนะ แต่ลูกต้องเป็นคนรับผิดชอบพามันไปเดินเล่น’ “ถ้าพวกเขาตัดสินใจไม่สู้ เราก็ต้องเดินทางต่อนะ”

“แน่นอน!” แมคยิ้ม

“จะดีเหรอ?” เลชาถามด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไร จะทางไหนเราก็ช้าทั้งนั้น ถ้าแยกกัน เราก็ต้องกลับไปหาคนนำทางที่หมู่บ้านโอเอซิสอยู่ดี”

แลนซีลอตอยากรีบไปเมืองหลวงและหาเดนเบอร์ก เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้

“แล้วท่านเซนต์ต้องการแบบไหน? เราช่วยแนะนำเรื่องการต่อสู้ได้ แต่คงพูดไม่ได้ว่าควรสู้หรือเปล่าเพราะเราไม่รู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สำคัญขนาดไหนสำหรับท่านเซนต์และพาลาดิน”

สำหรับเผ่ากา ถ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ซาฮารามเป็นเหมือนดูมสโตนหรือเดนเบอร์กผู้สืบทอดตำแหน่ง เผ่ากาจะส่งทุกคนไม่ว่าอ่อนแอหรือเข้มแข็งไปปกป้องไม่ว่าจะต้องตายไปเท่าไหร่

ฮิลลิสลังเล

“ข้า...อยากปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์”

อาจเป็นแค่ความเห็นแก่ตัว แต่นี่เป็นสิ่งที่ฮิลลิสต้องการจริงๆ เธอไม่อยากเห็นแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของพวกต่ำช้าแม้แต่ขณะเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมือของนักเวทดำผู้ชั่วร้าย

เหล่าพาลาดินตอบรับความต้องการของฮิลลิส “ดาบของพวกเราจะตอบรับความปรารถนาของเซนต์ ตลอดไป” พวกเขาชักดาบออกมาพร้อมกันและทำความเคารพให้ฮิลลิส

ฮิลลิสพูดด้วยสีหน้าเข้มแข็งขึ้น “ตอนนี้พักผ่อนก่อน เก็บแรงของพวกเจ้าไว้ เราจะโจมตีตอนเช้า” จากนั้นเธอก้มหัวไปทางพวกแลนซีลอต “พวกเราขอรับความช่วยเหลือจากพวกเจ้าด้วยความขอบคุณ”

***

“ท่านจะปล่อยเขาไปแบบนั้นเองเหรอ?” นักเวทดำคนหนึ่งถามชายชราผู้เฝ้าแท่นบูชา

ชายชราขบกราม เขาเป็นคนเดียวที่สามารถหยุดเมลเซียได้ แต่พลังเวททั้งหมดของเขาผูกกับแท่นบูชา เขามองนักเวทดำรอบตัวแล้วถอนหายใจ

นักเวทเหล่านี้ไม่มีความสามารถ ต่อให้ออกไปจับเมลเซีย นักเวทเหล่านี้จะสู้กับทหารเขาได้หรือเปล่า อย่าว่าแต่เมลเซียเองเลย?

ไม่ ชายชราไม่เชื่อในตัวนักเวทเหล่านี้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่ซาฮาราม การปราบทหารเป็นเรื่องง่ายและเขาจะทำให้เมลเซียคลานลอดหว่างขาเขาก็ยังได้

แต่ซาฮารามเป็นที่ซึ่งวิหารเรียกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังของพฤกษาโลกที่มีเต็มซาฮารามเป็นอันตรายต่อเหล่านักเวทดำ

ชายชราลูบอก ตรงนั้นมีสร้อยที่เหมือนสร้อยของเมลเซียแขวนอยู่

พลังของท่านผู้นั้น จอมเวท ไม่แพ้พลังของพฤกษาโลก ที่จริงมันสามารถข่มพลังของพฤกษาโลกได้ด้วย

ชายชราไม่สงสัยในความเชื่อของเขา พิธีกรรมจะสร้างอนาคตใหม่ให้กับเหล่านักเวทดำ มันจะทำให้นังนั่นและสาวกของนางที่ข่มขู่พวกเขาต้องคุกเข่าให้พวกเขา

ในใจของชายชรา ท่านผู้นั้นกลายเป็นความเชื่อความศรัทธา เป็นความจริง

ชายชราหลับตาและกวาดมือไปตามแท่นบูชา สูตรอันงดงามนี้คือเส้นทางให้เราเชื่อและเดินตาม มันเป็นเป้าหมายของการยกย่อง เขาลืมตาและพูดเสียงต่ำ “เริ่มพิธีเดี๋ยวนี้เลย”

นักเวทดำคนอื่นกระสับกระส่าย

“ไม่ การเตรียมการยังไม่พร้อม!”

“ถึงพร้อมแล้วก็เถอะ แล้วคริสตัลคานีเลี่ยนที่ต้องใช้ในพิธีล่ะ?”

ชายชราเดินผ่านเหล่านักเวทดำไปยังศพสองศพที่นอนบนพื้น เขาวางมือบนหน้าอกของศพหนึ่งและสูบพลังเวท

“คึๆ ความโลภคือแก่นแท้ของมนุษย์”

เหล่านักเวทดำหน้าซีดและพยายามวิ่งหนี สิ่งที่ชายชราทำเป็นข้อห้ามแม้แต่ในเหล่านักเวทดำ

“บังอาจ! ที่นี่มีความมืดอันยิ่งใหญ่อาศัยอยู่ ทุกคนห้ามขยับ!”

ชายชราร่ายเวท ความมืดเข้ามาปกคลุมทุกสิ่งยกเว้นแท่นบูชาและนักเวทดำ

เหล่านักเวทดำรู้สึกสิ้นหวังเมื่อพวกเขาถูกล้อมด้วยความมืด พวกเขาอยากตัวสั่นด้วยความกลัว แต่กระทั่งการกระทำที่เป็นตามสัญชาติญาณยังทำไม่ได้ในความมืดนี้

“คึๆ ข้าจะให้เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องเร่ง”

ชายชรารู้สึกว่าเมื่อพลังเวทถูกสูบออกมาก็จะถูกดูดเข้าไปในแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว เขามองแท่นบูชาอย่างตามใจแล้วเดินไปหาเหล่านักเวทอย่างช้าๆ 

พวกเขาอยากตะโกน “ไปห่างๆข้านะ!” แต่ขยับตัวไม่ได้เหมือนเวลาหยุดนิ่ง เหล่านักเวทดำถูกสูบพลังเวทไปและตายเหมือนซากศพแห้ง โดยไม่อาจแม้แต่กระพริบตา

เมื่อนักเวทดำตายหมด ชายชราสูบความมืดทั้งหมดหายไป

เขาตะโกนด้วยเสียงร่าเริง “เริ่มพิธีกรรม!”

เหมือนตอบรับเสียงตะโกน แท่นบูชาสั่นและเริ่มส่งแสงจากสูตรเวทที่มีเต็มแท่นบูชา




สารบัญ                                                            บทที่ 77.1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น