บทที่ 70 – งานเลี้ยง (21)
วันแรกของงานฉลองวันเกิด ซึ่งใช้เป็นพิธีฉลองการเข้าสู่วัยเป็นผู้ใหญ่ของเจ้าหญิงอันดับสาม อารีเลีย จบอย่างปลอดภัย
อารีเลียปรากฏตัวช้ากว่ากำหนดการแต่ได้รับเสียงปรบมือและคำอวยพร
งานวันแรกจบลงด้วยการเต้นรำระหว่างอารีเลียและบรรดาทายาทขุนนางชั้นสูง
วันที่สองเป็นวันเกิดของอารีเลีย งานฉลองจะจัดในปราสาทตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมา
ตามธรรมเนียมแล้วงานฉลองวันเกิดของราชวงศ์จะจัดในที่ๆกำหนดไว้ ดังนั้นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในโรงเรียนเวทมนตร์กลายเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ในกลุ่มขุนนาง
ด้วยเวทมนตร์ของวิลเลียมและคนของเขา ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น มีบางคนที่สังเกตเห็น แต่ต้องเก็บเงียบไว้เพราะมันเกิดในงานสำคัญ
ตั้งแต่งานวันที่สองไป นักเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์ อัศวินของโรงเรียนอัศวิน และผู้รับการฝึกเป็นข้าราชการไม่ได้รับเชิญ เพราะจัดในพระราชวัง
ได้ยินข่าวน่าผิดหวังจากอารีเลีย คุณนายอาซิลลาพยายามเชิญคนที่พักในหอของเธอทั้งหมด รวมถึงยูเรียและอลิซ
แต่ เพื่อเป็นการลงโทษที่ตามลูแปงไปอย่างไม่รอบคอบ ยูเรียถูกตำหนิและไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมงาน ทั้งๆที่เธอควรได้รับเชิญ มันทำให้เจ้าหญิงอารมณ์ไม่ดีมาก
เมื่อได้ยินข่าว เจ้าชายซันเตสมาเยี่ยมอารีเลียเพื่ออวยพรวันเกิดและปลอบใจ หลังจากคุยกันสั้นๆ เขาบอกให้เธอพักและออกจากห้องของเธอ และตรงไปที่ห้องประชุมลับ
หลังจากเดินไปตามทางลับเป็นเวลานาน เขาก็มาถึงห้องประชุมลับและเห็นว่านอกจากที่นั่งของเขากับออร์ฟินาแล้ว ที่นั่งอื่นมีคนนั่งครบ
“มาสายนะ” จักรพรรดิทักทายซันเตสด้วยรอยยิ้มเมตตา
“ข้าไปเยี่ยมอารีเลียมา ขอโทษครับ”
เห็นซันเตสก้มศีรษะขออภัย จักรพรรดิก็พยักหน้า
“ดี ข้าภูมิใจที่เจ้าดูแลน้องๆ”
คิ้วของซันเตสกระตุก เขารู้ว่าจักรพรรดิไม่ไปหาอารีเลีย พูดให้ถูกคือไม่ใช่ว่าเขาไม่ไป แต่ไปไม่ได้ ซึ่งซันเตสเข้าใจ
ถึงอย่างนั้น เขารู้สึกโกรธขึ้นมาที่เห็นพ่อของเขาใช้อารีเลียเป็นเหยื่อล่อแต่ไม่พูดอะไร เขาไม่ชอบการใช้น้องสาวของเขาเป็นเหยื่อตั้งแต่แรกแล้ว
ซันเตสสงบใจลงแล้วนั่งลง จากนั้นจู่ๆก็เห็นภาพที่แขวนบนผนังของห้องประชุมลับ
“นั่นรูปอะไร?”
รูปที่ซันเตสชี้คือภาพวาดของเดนเบอร์กที่บลัดดี้ให้ศิลปินวาดขึ้น
“โอ้ นั่นคือภาพร่างของหลานคนที่หนีออกจากบ้านของเจ้านั่น”
“อย่างนั้นเหรอ?” ซันเตสมองภาพของเดนเบอร์กอย่างสนใจ
“ไม่ ข้าบอกอยู่นี่ไงว่ามันไม่เหมือนเขาเลย!”
“อ้าว?”
เห็นซันเตสทำหน้าแปลกๆ วิลเลียมกับอาร์คันทาก็หัวเราะ
“อยากเห็นภาพที่บลัดดี้วาดไหมล่ะ?”
อาร์คันทาเอากระดาษยับๆออกมาและให้ซันเตสดู
“เฮ้! เขาเป็นแบบนั้นจริงๆนะ!”
ซันเตสคิดว่าภาพร่างที่ได้มาดูเลอะเทอะขนาดเด็กยังวาดได้ดีกว่า เขาลังเลว่าจะตอบอย่างไรดี
“วันนี้เรามาเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม? เริ่มกันเถอะ” เขาตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องไปเลย
วิลเลียมไม่สนใจบลัดดี้ที่บ่นว่าภาพร่างนี้เหมือนจริง และส่งพลังเวทของเขาเข้าวงเวทบนโต๊ะ
วงเวทบนโต๊ะส่องแสงสว่าง และภาพสามมิติของโรงเรียนเวทมนตร์ก็ลอยขึ้นเหมือนภาพโฮโลแกรม
“ข้าจะรายงานปฏิบัติการจอมปลวกเดี๋ยวนี้”
วิลเลียมเริ่มอธิบาย แผนคือใช้อารีเลีย ผู้มีรหัสผ่าน เป็นเหยื่อล่อ 12 ราศีเข้ามาในโรงเรียนเวทมนตร์เพื่อจับกุมหรือสังหาร
“ครั้งแรกเราปล่อยข้อมูลไปยังคนที่มีฉายา ‘สิงห์’ ที่สวมหน้ากากทอง แต่ที่มาโรงเรียนเวทมนตร์มี สิงห์, หน้ากากแดงพิจิก และหน้ากากน้ำตาลพฤษภ
“พิจิกกับพฤษภ? คนที่เรายังประเมินพลังไม่ได้ก็มาด้วย?”
วิลเลียมพยักหน้าให้อาร์คันทาคนถาม
“ใช่ แม้เราจะจงใจปล่อยข้อมูล พวกเขามีเครือข่ายข่าวสารที่แข็งแกร่งก็เป็นเรื่องไม่ดี”
วิลเลียมบังคับวงเวทให้เปลี่ยนภาพโฮโลแกรม
ในภาพมีพฤษภกับพิจิกยืนบนยอดหอนาฬิกา เพราะหน้ากากปิดหน้าจึงไม่รู้ว่าพวกเขาคุยกันหรือเปล่า แต่ขณะที่พวกเขากำลังยืนเผชิญหน้ากัน จู่ๆพิจิกก็หายตัวไป
“ข้าเชื่อว่าพิจิกใช้เวทมนตร์ล่องหน จากนั้นก็ไม่เห็นคนผู้นั้นอีก”
“แล้วพฤษภล่ะ?”
วิลเลียมเปลี่ยนภาพอีกครั้งเป็นการตอบคำถามของบลัดดี้
ในอีกภาพ ชายวัยกลางคนที่ศีรษะเริ่มล้าน ใส่เสื้อคอวีคว้านลึกอยู่กับพฤษภ
“หัวหน้ากิลด์นักผจญภัยนี่” ซันเตสเรียกชายวัยกลางคนในภาพ
วิลเลียมพยักหน้า “หัวหน้ากิลด์นักผจญภัยได้รับเชิญมาเป็นพิเศษเพื่อปฏิบัติการนี้”
วิลเลียมรายงานซันเตส รัชทายาทด้วยภาษาง่ายๆ ฝ่ายหลังพยักหน้าเหมือนการไม่ใช้ราชาศัพท์เป็นเรื่องปกติ
ในห้องประชุมลับ มีกฎที่ไม่เป็นทางการว่าคนเข้าร่วมประชุมจะไม่สนใจเรื่องยศศักดิ์
“อีกอย่าง วิดีโอนี้มีเสียง” วิลเลียมพูด
“เป็นไปได้เหรอ? ไม่ใช่เจ้าบอกว่าการอัดเสียงมันยากเกินไปเพราะระยะทางมันกว้างมากเหรอ?” อาร์คันทาถาม
ภาพโฮโลแกรม ที่ถ่ายทั้งโรงเรียนเวทมนตร์เป็นงานใหญ่พอสมควร แต่เพราะวิลเลียม การอัดเสียงด้วยจึงไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้
“ใช่ แต่ถ้าคนในวิดีโอมีเครื่องอัดเสียงก็เป็นอีกเรื่อง” วิลเลียมตอบ
ในภาพ หัวหน้ากิลด์นักผจญภัยพกเครื่องอัดเสียง นอกจากนั้น วิลเลียมกับบลัดดี้ก็พกเครื่องอัดเสียง ดังนั้นบทสนทนาของพวกเขากับสิงห์ก็มีในวิดีโอด้วย
เสียงดังขึ้นจากในวิดีโอ
-เฮ้ เจ้าหนุ่ม! เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?
หัวหน้ากิลด์นักผจญภัยเลียริมฝีปากและถามพฤษภ
-แค่ก! เจ้า เจ้าจำผิดคนแล้ว
พฤษภพยายามหนีเหมือนเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น
-อุ๊ยแหม ไม่จริง ข้าแน่ใจว่าเคยเห็นเจ้ากับชายชราที่ใส่หน้ากากน้ำเงิน ชายชราคนนั้นเป็นหนึ่งใน ‘12 ราศี’ ใช่ไหม?
-ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น!
พฤษภตัวสั่นและถอยห่าง
บลัดดี้กับอาร์คันทาเข้าใจความรู้สึกพฤษภดี
หัวหน้ากิลด์นักผจญภัยเป็นคนดี แต่เขาไม่ใช่คนที่พวกเขาอยากอยู่ใกล้ พวกเขาแน่ใจว่าท่าทางและน้ำเสียงเป็นสิ่งที่หัวหน้ากิลด์จงใจแสดงออกเพื่อทำให้อีกฝ่ายอึดอัด พวกเขาแน่ใจว่าเป็นอย่างนั้น
-แต่ว่านะ ข้าผิดหวังในตัวเจ้า! ทำไมถึงทำให้มือตัวเองแปดเปื้อนงานสกปรกอย่างการลักพาตัว?
อาร์คันทาไม่รู้ว่าหัวหน้ากิลด์พูดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรที่เป็นศัตรูกับจักรวรรดิหรือเปล่า
-ใคร...ใครทำเรื่องขี้ขลาดอย่างการลักพาตัว? ข้าไม่ทำเรื่องตรงข้ามกับหลักการของข้า! แล้วก็อย่าเข้ามานะ! ถ้าเจ้าเข้ามาใกล้กว่านี้อีกก้าวเดียว ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!
เสียงของพฤษภฟังกลัวๆ
-อุ๊ย แหมๆ เจ้าไม่ปล่อยข้า? ซนนะเรา!
ทุกคนที่ดูวิดีโอ เว้นแต่วิลเลียม ต่างเห็นใจพฤษภ ช่างโชคร้ายที่ถูกคนแบบนั้นจับได้
เหตุผลที่วิลเลียมไม่เห็นใจพฤษภเพราะเขาไม่เข้าใจที่หัวหน้ากิลด์นักผจญภัยพูด
หัวหน้ากิลด์เข้าใกล้พฤษภเหมือนรถดับเพลิงแล่นฝ่าสัญญาณไฟจราจร พฤษภแลกหมัดสองสามทีแล้วหนีไปด้วยความสยอง
“พฤษภหนีไปและไม่มีใครเห็นเขาอีก”
จักรพรรดิลูบคาง เขาไม่เชื่อที่พฤษภบอกว่าจะไม่ทำเรื่องขี้ขลาดอย่างการลักพาตัว แต่ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจคนที่ไม่ปรากฏตัวอีก
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่ามีแต่สิงห์ที่งับเหยื่อตามแผน”
วิลเลียมพยักหน้าให้จักรพรรดิ จากนั้นเขาฉายภาพโฮโลแกรมของสิงห์กับลูกน้อง อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
ซันเตสชี้ไปที่คนๆหนึ่งที่ดูเลือนราง
“ทำไมภาพคนนี้เป็นแบบนี้ล่ะ?”
เมื่อซันเตสถามถึงความผิดปกติ วิลเลียมดูลังเล
“เขาน่าจะใช้เวทมนตร์ที่รบกวนการมองเห็นหรืออาจมีอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ให้ผลแบบนั้น”
“เจ้าจะบอกว่าเราไม่มีทางรู้ตัวตนของเขา?”
“ไม่เชิง ตามที่อารีเลียบอก คนผู้นั้นแนะนำตัวว่าเป็นลูแปง”
“ลูแปง? ใช่โจรที่ออกอาละวาดในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้หรือเปล่า? ทำไมเขาอยู่ที่นั่น? เขาไม่ใช่สมาชิกใหม่ของ 12 ราศีใช่ไหม?”
วิลเลียมส่ายหน้าให้คำถามของซันเตส
“ข้าไม่รู้ มันเป็นไปได้ แต่มีบางจุดที่น่าสงสัย”
“น่าสงสัย?”
“ดูไปก่อนเถอะ”
พวกเขาเล่นวิดีโอที่ถูกหยุดเพื่อตอบคำถาม เมื่อภาพเปลี่ยนไป ซันเตสก็ตกใจกลัว
“ทำไมเขาแบกอารีเลียบินไปมาแบบนั้น?”
ท่ามกลางการโจมตีน่าหวาดเสียว ลูแปงแบกอารีเลียไว้บนหลังและแสดงการบินผาดโผน
วิลเลียมปลอบซันเตสให้สงบลงและรายงานทุกอย่างกับจักรพรรดิ
หลังจากได้ยินรายงาน จักรพรรดิครางและตัดสิน
“สรุปว่าล้มเหลว”
เป็นไปอย่างที่จักรพรรดิพูด
นี่คือปฏิบัติการขนาดใหญ่ที่มีเผ่าพันธุ์นักสู้สองเผ่าร่วมด้วย เพื่อสังหาร 12 ราศี
ในปฏิบัติการกับดักแมงมุมครั้งก่อน พวกเขาสังหารได้ 2 ราศี แต่ครั้งนี้ล้มเหลว
โชคดีที่อารีเลียปลอดภัย และไม่เกิดความสูญเสียใด แต่ล้มเหลวก็คือล้มเหลว
ซันเตสตบโต๊ะ สะกดความโกรธไว้ไม่อยู่
“ท่านพูดได้แค่นี้เหรอ?”
จักรพรรดิถอนหายใจเมื่อเห็นซันเตสโกรธ
“ท่านพ่อ อารีเลียในฐานะเหยื่อ ต้องตกอยู่ในอันตราย! ท่านพูดได้แค่ว่า ‘ล้มเหลว’ หลังจากเห็นภาพนั่นอย่างนั้นเหรอ!?”
“อารีเลียรู้ตั้งแต่แรกแล้ว”
“อารีเลียเป็นลูกสาวของท่าน แต่ท่าน!”
“องค์รัชทายาท!”
เสียงอาร์คันทาทำให้ซันเตสรู้ตัว แต่ความโกรธของเขาไม่หมดไป
“ท่านพ่อเลือดเย็นเกินไป!”
เขาขบกรามแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากห้องประชุมลับ
“องค์รัชทายาท!”
อาร์คันทาลุกขึ้นและพยายามหยุดซันเตส แต่จักรพรรดิโบกมือห้าม
“ไม่เป็นไร เขาพูดไม่ผิด”
“เขาควรรู้ไม่ใช่เหรอว่าฝ่าบาทรู้สึกอย่างไรกับแผนนี้?”
จักรพรรดิยิ้มฝืด
“ความรู้สึกส่วนตัวเป็นของเปล่าประโยชน์สำหรับจักรพรรดิ เขาไม่จำเป็นต้องรู้”
พูดไปแล้วเขาก็ชะงัก ไม่ทันรู้ตัวเขาก็บอกกับตัวเองในสิ่งที่พ่อของเขาเคยพูด
มองกลับไปสมัยที่เขาเป็นรัชทายาท เขาเองก็ไม่ต่างจากซันเตส
เขาแสดงความโกรธต่อสิ่งผิดและเอ่ยสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ แต่สุดท้ายเขาก็พูดในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะพูด
ในปากของเขาขมปร่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น