วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 72.1

 บทที่ 72.1 – แลนซีลอตผจญภัย

ปลายเดือนกรกฎาคม หนึ่งเดือนครึ่งก่อนงานฉลองวันเกิดของอารีเลีย

หลังจากออกจากป่าโอลิมปัสและแลกเงินในวาแรนท์ กลุ่มของแลนซีลอตก็เดินทางไปเมืองหลวงไล่ตามเดนเบอร์ก เบลดผู้หนีออกจากบ้าน อย่างน้อยนั่นคือแผน

“เราอยู่ที่ไหนเนี่ย!?” เลชากรี๊ดพลางทึ้งผม  

ไม่ว่าจะมองไปทางไหนสักกี่ครั้ง สิ่งที่เห็นก็มีแต่ทรายกับท้องฟ้าสดใส อากาศร้อนเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นต้นฤดูร้อน ประสบการณ์ในทะเลทรายอันโหดร้ายที่เธอเคยอ่านแต่ในหนังสือ ทิ้งให้เลชารู้สึกหดหู่

“ขะ ขอโทษครับ” แลนซีลอตขอโทษเสียงเบา

เลชาถอนหายใจ “เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ใช่ไหม ท่านรองกัปตัน!”

เลชาถลึงตาร้อนแรงเหมือนดวงอาทิตย์เหนือทะเลทรายใส่แมค

“แฮ่ม ถูกต้อง ท่านทูตไม่ได้ทำอะไรผิด ใช่แล้ว” แมคหลบสายตาเลชาแล้วกระแอมไอ

ตอนแรก แมคเป็นคนทำให้พวกเขาเดินผิดทางและลงมาทางใต้จนถึงทะเลทราย แทนที่จะเป็นตะวันตกเฉียงใต้ไปเมืองหลวง ทั้งๆที่แลนซีลอตเสนอให้จ้างคนนำทางและนั่งรถไฟเมื่อไปได้ครึ่งทาง แมคมั่นใจว่าพวกเขาไม่ต้องมีคนนำทาง

แลนซีลอตไม่ควรเชื่อเมื่อแมคตบหน้าอก บอกให้เขาเชื่อในความสามารถของรองกัปตันผู้มีประสบการณ์เดินทางในป่าโอลิมปัส

ไม่เหมือนในป่า แมคไม่รู้วิธีปรับตัวในที่ราบและค่อยๆเบนเส้นทางไปทางใต้แทนที่จะเป็นตะวันตกเฉียงใต้อย่างไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

แต่แมคมีข้ออ้าง “แต่คุณหนูก็พูดไม่ได้นะว่าตัวเองไม่ผิด”

“นั่น นั่นเป็นอุบัติเหตุที่เลี่ยงไม่ได้ ใช่แล้ว มันเป็นอุบัติเหตุ” เลชาหน้าแดงเหมือนรู้สึกผิดและหันหน้าหนี

ใช่แล้ว เลชามีส่วนทำให้พวกเขาหลงมาถึงทะเลทราย

หลังจากไปถึงหมู่บ้านแรกในทุ่งราบ กลุ่มก็รู้ตัวว่าพวกเขาเดินผิดทาง

พูดให้ชัดคือ แลนซีลอตรู้ตัว แต่อีกสองคนไม่ แลนซีลอตอธิบายและเสนออีกครั้งให้จ้างคนนำทางพากลับไปทางเหนือ แล้วหลังจากนั้นก็หารถรับจ้างไปยังเมืองที่มีสถานีรถไฟ

แต่แล้ว เมื่อเลชาเห็นขบวนพ่อค้าหยุดพักที่หมู่บ้าน เธอบอกว่าเดินทางไปกับขบวนพ่อค้าน่าจะปลอดภัยกว่าและจ้างพวกเขาด้วยเหรียญทองหนึ่งเหรียญ แลนซีลอตรู้สึกกังวลกับการปล่อยให้เห็นเงินจำนวนมากขนาดนั้นง่ายๆ แต่เขาปลอบใจตัวเองว่าคิดมากไป คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก

เขาเชื่อว่าพ่อค้าที่เดินทางไปหลายที่น่าจะเหมาะกับการนำทางมากกว่าคนที่ไม่ได้ออกจากหมู่บ้านบ่อยๆ แต่ คราวนี้เขาไม่ควรเพิกเฉยต่อความกังวลของตัวเอง

แทนที่จะพากลับไปทางเมืองหลวง ขบวนพ่อค้าพากลุ่มแลนซีลอตไปยังทะเลทราย ด้วยความละโมบเมื่อเห็นถุงเงินที่เลชาและแมคแขวนข้างเอวอย่างไม่ระวังแกว่งไปมา พ่อค้าเปลี่ยนเป็นโจรเมื่อพวกเขามาถึงกลางทะเลทราย

มันเป็นความผิดพลาดเล็กน้อยของคนทั้งสองที่โตในป่าและไม่รู้ค่าของเงิน พวกโจรหาเรื่องผิดคน และพวกเขาทุกคนก็ถูกหมัดของแมคส่งลงหลุม

แมคควบคุมแรงไม่เก่ง เขาตั้งใจละเว้นชีวิตไว้หนึ่งคนเพื่อทำหน้าที่เป็นคนนำทาง แต่ไม่รู้เลยว่าพวกพ่อค้าจะตายง่ายขนาดนั้น จากการนี้เราจึงรู้ว่าเดนเบอร์กคุมแรงของตัวเองได้ดีเพียงใดตอนสู้กับพวกนักเลงเป็นครั้งแรก อย่างน้อยนักเลงพวกนั้นก็รอดตาย

เลชากล่าวโทษแมคที่ไม่เหลือใครไว้ ส่วนแมคอ้างว่าไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทั้งหมด นี่คือความหมายของบทพูดก่อนหน้านี้

“ถ้าข้ายืนยันให้ชัดเจนกว่านี้...” แลนซีลอตตำหนิตัวเอง

เลชากับแมครีบปลอบเขา “ไม่! เจ้าทำได้ดีแล้ว!”

“ใช่! ถ้าไม่มีแลนซีลอต ข้าคงร้องไห้ไปกับอนาคตที่มืดมน!”

เลชามองแมคอย่างไม่เห็นด้วย “คนโตแล้วมาร้องไห้นี่มันออกจะ...”

“เฮ้ย ข้าแค่พูด” แมคยิ้มเจ้าเล่ห์ แลนซีลอตหลุดหัวเราะ

“เห็นเจ้าหัวเราะได้ก็ดีแล้ว”

“ใช่ๆ เขาว่าโชคดีจะตามมากับเสียงหัวเราะ มาฟังกันเถอะว่าท่านทูตมีคำแนะนำสูงส่งว่าพวกเราควรจะไปต่อยังไง”

แลนซีลอตหน้าแดงด้วยความอาย “ไม่ได้สูงส่งอะไรนะครับ แต่ข้าคิดว่าเราควรหาเมืองใกล้ๆ”

“ความคิดดี!”

“ใช่แล้ว!”

ด้วยรู้ตัวว่าเป็นคนผิด เลชากับแมคจึงพยายามให้กำลังใจแลนซีลอต

“พี่เลชาเป็นนักเวท ลองบินขึ้นไปมองหาจากข้างบนดีไหม?” แลนซีลอตเสนอ

เลชามองรอบๆอย่างขัดเขินแล้วปฏิเสธ “เอ่อ วิธีนี้ไม่เลว แต่มันมีปัญหาอยู่สองเรื่อง”

“อะไร?” แมคถาม

“อย่างแรก ที่นี่เป็นทะเลทราย ต่อให้ข้าเห็นหมู่บ้าน มันอาจจะอยู่ผิดทางเพราะภาพลวงตาที่เกิดจากอุณหภูมิต่างกัน” เลชาอธิบาย

“งั้นข้าไปหาเองคนเดียวก็ได้” แมคตอบ

เลชาส่ายหน้า “ถ้าเราคุ้นเคยกับแถบทะเลทรายนี้ก็ว่าไปอย่าง แต่ข้าคิดว่าถ้าเราแยกจากกลุ่ม คงหาทางกลับมาเจอกันไม่ได้”

หมู่บ้านมีขนาดใหญ่ เลชาคงสามารถเจอได้อย่างเร็ว แต่เธอไม่มีทางเห็นคนสองคนในทะเลทรายที่ทุกอย่างดูเหมือนกันไปหมด

“ถ้าอย่างนั้นพี่พาพวกเราบินไปด้วยดีไหม?” แลนซีลอตถาม

เลชาก้มหน้าแล้วพูดค่อยๆ “ขอโทษ ที่จริงแล้วข้าไม่เคยใช้เวทบิน”

แมคฟังเสียงเบาเท่ายุงแล้วคิดว่าเลชาแค่พูดเล่น “อะไร? นายน้อยบินทั่วหมู่บ้านตั้งแต่เด็กเลยนะ”

แมคยื่นหน้ามองหน้าเลชาที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น เมื่อสบตากัน เลชากรี๊ดเหมือนอายความสามารถของตัวเอง

“นั่นเพราะเขาเป็นอัจฉริยะ! ตอนอยู่หมู่บ้านข้าทำได้อย่างมากก็แค่ลอยเหนือพื้น!” เลชาเกือบจะร้องไห้แล้วเริ่มครวญ

“อย่างแรกเลยนะ คนไม่ควรบินได้! คนควรจะอยู่บนพื้นสิ! คนบินได้นั่นแหละที่แปลก!”

“คุณหนู หรือว่า-” เมื่อแมคพูดอย่างตกตะลึง เลชาหันหน้าไปทางอื่น

“ใช่! ข้ากลัวความสูง! ข้าไม่เคยใช้เวทบินอีกเลยตั้งแต่ตอนที่ตกจากความสูง 20 เมตร ตอนฝึกเวทบินสมัยเด็ก!”

ตอนนั้นเองแมคถึงได้เข้าใจว่าทำไมเลชาไม่บินเหมือนเดนเบอร์กตอนตามจับเดนเบอร์ก ไม่ใช่เธอไม่บิน เธอบินไม่ได้

แน่นอน เธออาจจะบินได้ถ้าตั้งใจจริง ไม่เหมือนตอนเด็กและอยู่ในป่าโอลิมปัส ที่นี่พลังเวทไม่โกลาหลเหมือนในป่า อีกอย่าง ความสามารถทางเวทมนตร์ของเลชาถือว่าอยู่ในกลุ่มจอมเวทอย่างชัดเจน

แต่เลชาผู้กลัวความสูง รู้สึกไม่มั่นใจแม้แต่ลอยเหนือพื้น

ฟังเสียงครวญของเลชาแล้วแมคหยุดมองหน้าแล้วเอนตัวกลับ ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ ทุกคนก็มีสิ่งที่ตัวเองกลัว”

สายตาจริงใจอย่างกะทันหันรวมกับหน้าหล่อของเขาทำให้เลชาใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย แต่ เมื่อเห็นเขาเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พลางลูบหนวด ความรู้สึกนั้นก็หมดไป

หรืออาจจะยังรู้สึกอยู่บ้าง เลชาหน้าแดงเล็กน้อยขณะที่ถามแมค “แล้วพี่ล่ะกลัวอะไรบ้างไหม?”

แมคคิดครู่หนึ่งก่อนจะขยิบตาแล้วเอานิ้วชี้แตะปาก “หุหุ ความลับ”

แมคยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆ และความรู้สึกอยากต่อยหน้าของเลชาก็เริ่มรุนแรงตาม แต่ ฝ่ายตรงข้ามเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มหนุ่มสาวของหมู่บ้านเผ่ากา เขาสามารถหลบหมัดของเลชาทั้งๆที่ยังหลับตา

เลชาได้แต่อดทน “แล้วเราจะทำยังไงดี”

เลชาถอนหายใจ แลนซีลอตนิ่งคิดอีกครั้ง

“อืม ตอนนั้นเดนใช้เวทมนตร์หาทางน้ำใช่ไหมนะ? พี่ใช้เวทมนตร์แบบนั้นได้ไหม?” เขาถาม

เลชาเข้าใจอย่างรวดเร็ว “ทางน้ำ? อ๋อ! เจ้าจะหาหมู่บ้านข้างโอเอซิส! ฉลาดจัง”

เลชาขยี้ศีรษะแลนซีลอตระหว่างชมอย่างภูมิใจในตัวเขา

“เฮะๆ เปล่า ข้าแค่จำที่เดนพูดได้”

“เดนพูดอะไร?”

แลนซีลอตตอบคำถามเลชาด้วยรอยยิ้มสดใส “เมื่อก่อน เดนเคยบอกว่าถ้าเราหลงทางในที่เปลี่ยว อย่างแรกต้องหาแหล่งน้ำจากนั้นก็อาหาร”

ระหว่างที่คิดว่าจะหาน้ำได้อย่างไร แลนซีลอตก็นึกได้ถึงหมู่บ้านที่สร้างตามโอเอซิส ซึ่งเขาเคยเรียนที่กระทรวงต่างประเทศ ในวัตถุดิบเวทมนตร์ที่ผู้เฒ่าเมอร์ปาต้องการ มีบางอย่างที่หาได้แต่ในทะเลทราย เขาจึงได้เรียนเรื่องนี้ด้วย

“เหรอ?”

“ใช่! แล้วก็ แล้วก็นะ! เดนเคยสอนวิธีเอาตัวรอดในทะเลทรายด้วยล่ะ!”

ขณะที่แลนซีลอตตื่นเต้นและมีทีท่าจะร่ายยาว แมคขัดคออย่างเป็นธรรมชาติ “งั้นหากันเถอะ! คุณหนู!”

เหมือนจะไม่อยากฟังแลนซีลอตสรรเสริญเดนเบอร์กเช่นกัน เลชาตอบด้วยเสียงตื่นเต้นเกินเหตุ “เอาเลยนะ!”

เมื่อแลนซีลอตพูดชมเดนเบอร์กแล้วไม่มีทางหยุดได้ ช่างมหัศจรรย์ที่ความสามารถของเขาไม่เหมือนเดนเบอร์กเลย ทั้งๆที่ชื่นชมเขาขนาดนั้น ทั้งแมคและเลชารู้ว่าแลนซีลอตกับเดนเบอร์กแตกต่างกันมาก

แลนซีลอตดูผิดหวังมากขณะที่เลชาตั้งสมาธิไปที่เวทมนตร์ของเธอ เขาเลือกที่จะรอจนเธอใช้เวทมนตร์เสร็จ ต่อให้ไม่เจอหมู่บ้าน การหาแหล่งน้ำในทะเลทรายก็สำคัญเช่นกัน

“เจอแล้ว” เลชาพูด

“โอ้! อยู่ไหน?”

เลชาชี้ไปทางใต้ “ทางนั้น”

ก่อนจะออกเดินทาง พวกเขาก็จัดการกับสิ่งของของพ่อค้าเร่ร่อนก่อน พวกเขาเก็บของของพ่อค้าเข้ากระเป๋ามิติของเลชาตามข้อเสนอของแลนซีลอต เลชารู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอทำตามเพราะรู้สึกผิด

“เราต้องเอาด้วยเหรอ?” เลชาถาม

เมื่อเลชาพูดขึ้นเมื่อเก็บของเสร็จแล้ว แลนซีลอตพยักหน้าเหมือนชมเชยที่ถาม

“เดนบอกว่าทุกการกระทำย่อมมีจุดประสงค์ และถ้ามีจุดประสงค์ จะใช้วิธีไหน-”

“เอาล่ะ! เราไปกันเลยเถอะ ไม่งั้นจะมืดก่อน” เลชาตัดบท

แมคเห็นด้วย

“ความคิดดี!”

เลชากับแมคจับแขนแลนซีลอตเหมือนควบคุมตัว เดินไปทางโอเอซิสอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ?เอ๋?”

แลนซีลอตงงพลางเร่งฝีเท้าตามคนทั้งสอง ไม่เข้าใจว่าทำไมเดินกันเร็วนัก ท้องฟ้าทะเลทรายกระจ่างใสขนาดที่เห็นดาวเหนือได้แล้ว

แลนซีลอตเชื่อว่าทุกคำของเดนสามารถใช้เป็นสิ่งนำทาง เหมือนดาวเหนือบนท้องฟ้านั่นเอง จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าที่พวกเขาเดินเร็วก็เพื่อให้ไปถึงโอเอซิสก่อนตกกลางคืน

แน่นอน มีแต่แลนซีลอตที่เข้าใจเช่นนั้น



สารบัญ                                              บทที่ 72.2



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น