วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 44

บทที่ 44 – การสอบเข้า (8)


ผมถามราคาที่แผงขายของกินเล่นใกล้จุดสอบ “เท่าไหร่ครับ?”

“ข้าวโพดฝักละเบี้ย ถั่วถุงละ 3 เบี้ย เนื้อย่างชิ้นละ 4 เบี้ยจ้ะ” 

กลิ่นเนื้อย่างชิ้นใหญ่บนเตาหอมน่ากิน อาจเพราะตอนเที่ยงผมได้กินแต่คุกกี้ที่ยูเรียแบ่งให้ตอนอยู่ในห้องสมุด อาหารเลยน่ากินกว่าเดิม

“เอาถั่ว 3 ถุง เนื้อ 5 ชิ้นครับ”

“29 เบี้ยจ้า”

ผมจ่ายด้วยเหรียญเหล็กและเหล็กบริสุทธิ์แล้วเดินไปที่ลิสบอนนั่งอยู่

“โอ้! น่าอร่อย!” ลิสบอนจ้องของกินตาโต เขาเหมือนสุนัขตัวโตที่มีขนมวางอยู่ตรงหน้า ผมรู้ตั้งแต่ตอนเจ้าตะกละนี่พูดว่า “ร่างกายข้าจะเฉื่อยลง” และกินมื้อเช้าไปนิดเดียวแล้ว เป็นไปได้ว่ามื้อเที่ยงคงแทบไม่ได้กินอะไรเลย ผมให้ถั่วหนึ่งถุงกับเนื้อย่างสองชิ้น

“เดี๋ยวเจ้าก็จะสอบแล้ว อย่ากินเยอะนัก”

ทันทีที่ได้ของกิน ลิสบอนกัดเนื้อเข้าไปคำโตแล้วพยักหน้า

“ข้าไม่ได้พูดเล่น ระวังอย่ากินเยอะเกินแล้วไปสอบตกเพราะร่างกายอืดอาด เจ้าพยายามมากจนมีแผลถลอกปอกเปิกทั้งตัว ถ้าสอบตกจะอ้างว่าร่างกายไม่เต็มร้อยไม่ได้นะ อย่างแรกสุดเลย อัศวินที่ไหนดูแลร่างกายตัวเองไม่เป็น?”

ผมบ่น ลิสบอนโห่ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “โห่ เดนพูดเหมือนเอลี่เลย”

ระหว่างพูดเขาก็ยังไม่ปล่อยเนื้อย่างในมือ ผมหยิบถั่วหลายๆเม็ดแล้วโยนเข้าปาก ถั่วคำแรกในชีวิตนี้อร่อยใช้ได้

“เอ๊ะ คุณเดน?”

ผมได้ยินคนเรียกชื่อก็หันไปและเห็นยูเรียกำลังยืนถือร่มขาว

พวกเราเพิ่งจะแยกกันไม่ถึง 5 นาทีเลยนะ?

“ใคร?” ลิสบอนกระซิบถาม

“คุณยูเรีย เราพบกันที่ห้องสมุด”

จากนั้น ลิสบอนลุกจากที่นั่งและทักทาย

“สวัสดี ข้าลิสบอน วอน คาเตอร์”

“สวัสดีค่ะ ข้ายูเรีย เฟนเดรีย”

จะว่าไป พวกเราคุยกันในห้องสมุดตั้งมาก แต่ผมเพิ่งได้ยินนามสกุลของเธอเป็นครั้งแรก แต่ทำไมมันคุ้นนัก?

ลิสบอนทำตาโต “เฟนเดรีย งั้นคุณกับนายพลวิลเลียมก็?”

นายพลวิลเลียม? วิลเลียม เฟนเดรีย?

หรือว่าจะเป็น วิลเลียม วอน เดอ เนรอน เฟนเดรีย ของเผ่าผีเสื้อ?

“เขาเป็นลุงของข้า” ยูเรียยิ้มตอบ

โลกต้องแคบมากแน่ๆ ไม่อย่างนั้นความบังเอิญขนาดเจอหลานของเพื่อนลุงบลัดดี้จะเกิดได้อย่างไร? ผมแทบเปลี่ยนสีหน้าปวดฟันเป็นรอยยิ้มไม่ทัน

“ถ้าอย่างนั้นคุณยูเรียก็เป็นคนของเผ่าผีเสื้อด้วยเหรอ?” ลิสบอนถามเรื่องที่มันแน่อยู่แล้ว

โง่หรือเปล่านี่? อ้อ ใช่ เขาโง่

ยูเรียพยักหน้า สีหน้าภาคภูมิใจ “ค่ะ ข้าบอกนามสกุลของข้าไปจนได้ หวังว่าคุณเดนจะไม่รู้สึกอึดอัดเพราะมัน” เธอยิ้มเขิน

ผมเอียงคอด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าลุงของยูเรียเป็นบุคคลตำแหน่งสูงในวัง อย่างนั้นไม่แค่บอกเฉพาะผม น่าจะบอกกับลิสบอนด้วย ยูเรียตอนอยู่ในห้องสมุดดูเข้ากับคนอื่นง่ายจนที่เธอบอกแค่ผมไม่น่าจะเป็นเพราะไม่คุ้นเคยกับลิสบอน

“คุณเดนรู้เรื่องเวทมนตร์ดี ข้าจึงแน่ใจว่าเจ้ารู้ทันที ปู่ของข้าเป็นหนึ่งในสี่จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ นักเวทธาตุของเผ่าผีเสื้อ”

อ้อ ไม่รู้ ผมเพิ่งรู้ว่ามีสี่จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่จากห้องสมุดนี่เอง ตอนอยู่หมู่บ้าน ผมสนใจแต่ความรู้ด้านเวทมนตร์ ไม่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์หรือบุคคลสำคัญด้านนี้ มาคิดดูแล้ว ผู้เฒ่าเมอร์ปาเคยบอกว่าในเผ่าผีเสื้อมีตาแก่บ้าที่จะแช่แข็งและทำลายทุกอย่างเวลาโมโห คงไม่ใช่ปู่ของยูเรียใช่ไหม?

“ข้าตกใจนิดหน่อย แต่ยูเรียก็คือยูเรีย จอมเวทก็คือจอมเวท”

ที่จริงผมไม่ตกใจสักนิด แต่พยายามทำให้ดูเหมือนตกใจ ยูเรียฟังแล้วคว้ามือผมและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยตาเป็นประกาย

“ใช่แล้ว ปู่ก็คือปู่ ข้าคือตัวข้าเอง”

เอ่อ ขอโทษที มันอึดอัดนะ เราใกล้กันมากจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่าย เมื่อสบตา ยูเรียก็หน้าแดงแล้วถอยห่าง

“อ๊ะ ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” เธอเกาแก้มที่เป็นสีแดงและแลบลิ้นนิดๆ และพูดด้วยท่าทางลนลาน

“เอ่อ คือว่า อ๊ะ! เจ้าอยู่ตรงนี้แปลว่ามีคนรู้จักมาสอบเหรอ?”

ผมส่ายหน้า “เปล่า ข้าแค่มาเที่ยว แต่การสอบของโรงเรียนเวทมนตร์ใกล้เริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ? เจ้าอยู่ที่นี่ไม่เป็นอะไรเหรอ?”

ยูเรียดูดีใจมากที่ผมถาม “ไม่เป็นไรถ้าข้าไปก่อนถึงการทดสอบของข้า ข้าไม่รู้ว่าการสอบเรียงเลขที่ตามตัวอักษรของชื่อผู้สอบจากตัวแรกก่อนหรือตัวสุดท้ายก่อน แต่ก็ต้องรออยู่ดี แค่อาจต้องรอนานกว่าเดิม”

ลำดับของผู้สอบเรียงตามตัวอักษรเหรอ? ผมไม่รู้เพราะไม่ได้สนใจ บางทีลิสบอนอาจได้ดูอลิซสอบก่อนถึงรอบของเขา

“อีกอย่าง ฝาแฝดของข้าเข้าสอบโรงเรียนอัศวิน ข้าจะดูอัลสอบก่อนแล้วค่อยไป”

ฝาแฝดดูเหมือนจะชื่ออัล งั้นชื่อเขาก็ค่อนไปทางท้ายสิ? (1)

ไม่สิ เธอบอกว่าจะดูฝาแฝดสอบก่อนค่อยไป ชื่อฝาแฝดต้องขึ้นต้นด้วยตัว A หรือ Z ถึงจะได้ ถ้าชื่อเล่นคือ อัล ชื่อจริงก็น่าจะขึ้นต้นด้วยตัว A เช่นอัลฟอนโซ

ผมหัวเราะในใจ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เด็กขี้แยที่ผมบังเอิญเจอระหว่างทางตอนเช้าจะเป็นฝาแฝดของยูเรียที่ผมเจอโดยบังเอิญในห้องสมุด ที่พวกเขามีเหมือนกันก็แค่ ร่ม ผมสีขาว ตาสีแดง...

หน้าก็เหมือน...กัน?

ไม่มีทาง ได้โปรดบอกทีว่าไม่ใช่!

“อ๊ะ นั่นน้องชายของข้าที่ถือร่มสีดำอยู่ ตรงโถงฝึกหมายเลข 5!”

ผมมองไปทางโถงฝึกหมายเลข 5 มีเด็กหนุ่มถือร่มสีดำ เดินตัวแข็งเข้าไปด้วยความเครียด

ทำไมคนเผ่าผีเสื้อถึงเข้าโรงเรียนอัศวินล่ะ พระเจ้า ผมเคยทำผิดต่อท่านเหรอ?

***

แกมรี่ วอน โอเวน นักเรียนโรงเรียนอัศวินขั้นกลางปีสอง ถูกส่งมายังที่สอบของโรงเรียนอัศวินขั้นต่ำ โถงฝึกหมายเลข 5 เพื่อเป็นคู่ฝึกซ้อมของผู้เข้าสอบ เขาแอบถอนหายใจอย่างโล่งใจเมื่อเห็นอัลฟอนโซถือร่มดำเดินตรงมาที่เขา

ผู้ฝึกสอนเรียกเขาเข้าพบและบอกว่าในบรรดาผู้เข้าสอบ มีคนที่เป็นชาติพันธุ์นักสู้อยู่ด้วย แกมรี่หน้าซีดทันทีและอ้อนวอนผู้ฝึกสอนให้ปล่อยเขาไป แต่กลับได้เพียงคำปลอบใจและบอกว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่ดี เขาเกือบจะตะโกนว่าที่พูดอย่างนี้ได้ก็เพราะไม่ใช่ชีวิตของตัวเองน่ะสิ แต่จากที่ผู้ฝึกสอนบอก เผ่าผีเสื้อไม่ได้โดดเด่นเรื่องดาบและวรยุทธ์ แต่ก็บอกให้เขาระวังตัวเพราะเผ่าผีเสื้อมีพลังเท่าอัศวินก่อนจะไล่เขาออกไป

แกมรี่มองเด็กผมขาวที่เดินโดยแขนกับขาแกว่งไปทางเดียวกันแล้วรู้สึกเสียดายที่ตัวเองนอนเครียดทั้งคืน ถ้าเขาตื่นเต้นขนาดนี้ คงแสดงพลังออกมาเต็มที่ไม่ได้

จากนั้น ผู้ฝึกสอนที่มีหน้าที่ตัดสินในโถงฝึกที่ 1 ถึง 5 ก็เป่านกหวีด

“ทำความเคารพคู่ซ้อม”

สองฝ่ายยืนเรียงแถวหันหน้าเข้าหากันและทำความเคารพตามเสียงตะโกนของผู้ฝึกสอน

“เจ้าจะสู้โดยกางนั่นด้วยเหรอ?”

แกมรี่ถาม อัลฟอนโซลนลานหุบร่มและโยนไปไว้ตรงมุมโถงฝึก

ผู้ฝึกสอนมองผู้สอบทั้งหมด

“เริ่มสู้ได้”

แกมรี่ชักดาบพร้อมกับเสียงตะโกนของผู้ฝึกสอน อัลฟอนโซตกใจแล้วรีบชักดาบของตัวเอง

แกมรี่ยิ้ม “ข้าให้เจ้าโจมตีก่อน 3 ครั้ง เข้ามาเลย”

ผู้ฝึกสอนที่จับตาดูโถงฝึกที่ 5 อย่างใกล้ชิดขมวดคิ้ว ออมมือในการฝึกซ้อมเป็นการดูถูกคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน ปกติแล้วการซ้อมต่อสู้ทำระหว่างคนที่รู้จักกันดี ดังนั้นการออมมือจึงไม่ถือว่าพบเห็นได้ยากและไม่เกี่ยวกับนิสัย แต่ในการสอบเช่นนี้ซึ่งสู้กับคนไม่รู้จักมันดูไม่ดี

ผู้ฝึกสอนมองอัลฟอนโซอย่างกังวลใจเล็กน้อย อัลฟอนโซเป็นหลานของผู้สูงส่งผู้สั่งการหน่วยนักเวทหลวงและเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของกองทัพจักรวรรดิ หากอัลฟอนโซรู้สึกไม่พอใจ เจ้าโง่ไม่รู้จักคิดนั่นอาจถูกไล่ออกตั้งแต่ก่อนเป็นอัศวินหรือต้องอยู่อย่างลำบาก อาจเพราะเขากำลังตื่นเต้นหรือไม่เคยซ้อมต่อสู้มาก่อน อัลฟอนโซดูเหมือนจะไม่เข้าใจมารยาทเรื่องนี้และดูเหมือนไม่โกรธ

“ได้!”

อัลฟอนโซกลับตอบอย่างตื่นเต้นด้วยเสียงสั่นเล็กน้อยและพุ่งเข้าหาแกมรี่ ฟาดดาบจากบนลงล่าง แกมรี่ยกดาบขวางเพื่อกันการโจมตีอ่านง่ายอย่างสบายใจ

“โง่! หลบเร็ว!”

ผู้ฝึกสอนรีบตะโกนบอกแกมรี่ ด้วยความที่ถูกสอนมานาน เขาถอยไปครึ่งก้าวตามเสียงตะโกนของผู้ฝึกสอน การเปลี่ยนท่ากะทันหันทำให้แรงในมือที่ถือดาบลดลง

จากนั้น ดาบของอัลฟอนโซฟาดใส่ดาบของแกมรี่และลดต่อจนฟาดใส่ฟื้น

แคล้ง! ตูม!

เพราะดาบของอัลฟอนโซฟาดใส่ดาบของเขา ดาบของแกมรี่หัก แต่ที่แย่กว่านั้น แรงกระแทกตอนมือจับดาบไม่แน่นทำให้เส้นเอ็นที่มือของเขาปวดตุบๆ ยิ่งไปกว่านั้น รอยบนพื้นที่เกิดจากดาบของอัลฟอนโซฟาดใส่เหมือนรอยขุดด้วยพลั่วไม่ใช่รอยดาบฟัน คนที่สามารถทิ้งรอยแบบนั้นได้เท่าที่แกมรี่รู้จักก็มีแต่พวกอัจฉริยะที่สามารถใส่พลังเวทลงในดาบได้ก่อนเรียนจบและอยู่ในรายชื่อเตรียมเข้าหน่วยอัศวิน ถ้าผู้ฝึกสอนไม่ตะโกน ต่อให้เขากันได้ แรงฟาดก็จะตัดร่างและสังหารเขา

พลังจากดาบแฝงด้วยพลังเวทแน่นอน แกมรี่กลืนน้ำลายและมองอัลฟอนโซ คนถูกมองกระชากดาบขึ้นด้วยใบหน้าไร้เดียงสา สะบัดเศษดินออกจากดาบและตั้งท่าเตรียมพร้อม แกมรี่รู้สึกเหลือเชื่อที่สุดเมื่อเห็นการตั้งท่าอ่อนหัดที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ บางคนเหวี่ยงดาบเป็นพันๆครั้งและขัดเกลาท่าของตนแต่ก็ยังไม่อาจใส่พลังเวทลงในดาบได้ ไม่ต้องพูดถึงใช้พลังเวทเสริมร่างกายเลย การได้เห็นเขาใส่พลังเวทลงในดาบทั้งๆที่ท่าถือดาบยังดูไม่ได้ทำให้รู้สึกความพยายามที่ผ่านมามันช่างเสียเปล่า


สารบัญ                                                  บทที่ 45  

   

(1) เหมือนว่าเกาหลี เสียง AL อ่านขึ้นต้นด้วย R ค่ะ ถ้าอธิบายแบบไทยๆก็เหมือนคำว่า อัล บางคนสะกดว่า AL บางคนสะกดว่า UL ประมาณนี้ 

เดน - ทำไมคนเผ่าผีเสื้อถึงเข้าโรงเรียนอัศวินล่ะ พระเจ้า ผมเคยทำผิดต่อท่านเหรอ?

คนแปล - คนเผ่ากาที่จะเป็นข้าราชการก็กล้าพูดเนอะ 

บทที่แล้วเดนเพิ่งชวนบอนไปดูลำดับที่สอบของโรงเรียนเวทมนตร์เองนะ ไม่รู้เพราะไม่ได้สนใจอะไร... แล้วยูเรีย มั่นมากจนไม่ไปดูลำดับที่สอบก็เข้าใจได้ แต่สมมุติว่าลำดับสอบเรียงจากท้ายไปหน้าแล้วไม่มีคนสอบที่ชื่อขึ้นต้นด้วย Z ล่ะ...


1 ความคิดเห็น: