วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 45

บทที่ 45 – การสอบเข้า (9)


แกมรีจับดาบมั่น อย่างน้อยเขาก็อยากให้เจ้าบ้านี่รู้ว่าความพยายามคืออะไร

ผู้ฝึกสอนเดินมาหาแกมรีพลางดูผู้เข้าสอบคนอื่นๆไปด้วยและถาม “เป็นยังไงบ้าง?”

“สบายดีครับ”

ข้อมือข้างซ้ายของเขาปวดตุบๆแต่อดรีนาลีนทำให้ทนไหว ผู้ฝึกสอนมองมือซ้ายแล้วมองใจสู้ในดวงตาของเขาและพูด

“ยังไงเจ้าเด็กนั่นก็ผ่านอยู่ดี”

มันเป็นการโจมตีครั้งเดียว แต่ผู้ฝึกสอนก็เห็นแล้วว่าระดับการใช้ดาบของอัลฟอนโซไม่สูงนัก อย่างดีก็ขั้นกลาง ถึงอย่างนั้นเมื่อเทียบกับคนตระกูลขุนนางโง่เขลาผู้มาสอบหลังจากเหวี่ยงดาบไปมาไม่กี่ครั้งซึ่งมีทุกปีก็ยังดีกว่ามาก แต่ถ้าเทียบกับคนที่มีพรสวรรค์ด้านดาบและมีครูคอยฝึกฝน เขาด้อยกว่าจริงๆ

ถึงอย่างนั้น สาเหตุที่เขาสอบผ่านไม่ใช่เพราะวิลเลียมลุงของเขา ตระกูลหรือเงินไม่จำเป็นต่อการคัดเลือกอัศวินที่จะมาปกป้องจักรวรรดิ อัลฟอนโซสอบผ่านเพราะความสามารถในการควบคุมพลังเวท

ขอแค่ยังมีความตั้งใจฝึกฝนก็สามารถให้ครูเฝ้าฝึกสอนขัดเกลาจนกว่าการใช้ดาบอยู่ในระดับปานกลางเป็นอย่างน้อยได้ แต่การใช้พลังเวทต้องการพรสวรรค์

“ข้ารู้ แต่”

แกมรีสูดลมหายใจลึก

“ในฐานะรุ่นพี่ ถ้าข้าแสดงแต่ท่าทางไม่น่าดูก็จะเสียหน้า”

ผู้ฝึกสอนถอนหายใจและหัวเราะ “ใช่ ถ้าเจ้าโดนดูถูกก็จบกัน”

ผู้ฝึกสอนตบไหล่แกมรีบอกให้พยายามเข้าและกลับไปยืนที่เดิม แกมรียกดาบด้วยมือขวา “ขอโทษที่ทำให้รอ เริ่มกันใหม่เถอะ มา” เขากัดฟันแล้วยิ้ม

ดวงตาสั่นไหวอย่างเมื่อครู่หายไปแล้ว เมื่อท่าทางของแกมรีเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน อัลฟอนโซที่เป็นคู่ต่อสู้ก็กลืนน้ำลายแล้วเหวี่ยงดาบจากซ้ายไปขวา

แกมรีกะระยะห่างแล้วถอยไปสามก้าว แรงเหวี่ยงทรงพลังของอัลฟอนโซปาดผ่านอากาศด้วยเสียงเหมือนลมถูกฉีก

“เหลืออีกครั้ง”

ยืมแรงเหวี่ยงจากดาบ อัลฟอนโซหมุนตัวและเหวี่ยงดาบจากซ้ายไปขวาอีกครั้ง แกมรีถอยหลบอีกครั้ง เขาโชคดีที่เดาถูกเพราะเห็นแรงเหวี่ยงไม่ช้าลง ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางกันมันได้ด้วยข้อมือที่บวมแบบนี้

“ครบสามครั้งแล้ว” แกมรีพูดพลางแทงดาบใส่ด้านข้างของอัลฟอนโซซึ่งไม่ได้เตรียมตั้งรับหลังจากเหวี่ยงดาบเป็นวงกว้าง

อัลฟอนโซตกใจและฝืนบิดร่างเพื่อกันดาบ การเปลี่ยนท่ากะทันหันทำให้เขาเสียสมดุล แกมรีเตะขาของเขา

“อ้า!”

เท่านั้นเอง แกมรีจ่อดาบใส่อัลฟอนโซที่ล้มลง

เมื่ออัลฟอนโซเห็นปลายดาบจ่อมาทางเขา น้ำตาเริ่มมารวมกันที่ดวงตา “แพ้แล้วครับ”

เมื่อได้ยินเสียงเศร้าๆ แกมรีก็เก็บดาบและส่งมือขวาให้อัลฟอนโซ อัลฟอนโซจับมือแล้วถามขณะกำลังลุกขึ้น “ข้าสอบไม่ผ่านเหรอ?”

มองอัลฟอนโซที่เกือบร้องไห้แล้ว แกมรีหัวเราะลั่น เห็นหน้าแบบนั้นแล้วยังระวังตัวต่อได้สิแปลก

“ฮือ...”

แกมรีถอนหายใจ “ข้าไม่รู้ ผู้ฝึกสอนเป็นคนวัดผลไม่ใช่ข้า แต่ข้าคิดว่าเจ้ามีโอกาสนะ”

เขาอาจไม่ระวังเอง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นรุ่นพี่ เช่นนั้นแล้วคนที่สามารถทำให้ข้อมือของคู่ต่อสู้ที่เป็นรุ่นพี่บาดเจ็บได้จะสอบตกได้อย่างไร? แต่ที่เขาตอบแบบกำกวมเพราะคนตัดสินไม่ใช่เขาแต่เป็นผู้ฝึกสอน หากเขาตอบไปตรงๆก็อาจถูกมองว่าไม่ให้เกียรติผู้ฝึกสอน

“ขอบคุณครับ!” อัลฟอนโซตอบ

แกมรีทิ้งอัลฟอนโซไว้ข้างหลังและออกหอฝึกไป มองมือซ้ายที่บวมแล้วถอนหายใจเงียบๆ อย่างแย่ที่สุดคงหัก จากนั้นเขารายงานสถานการณ์กับผู้ฝึกสอนแล้วตรงไปที่วิหาร เขาคิดว่าเดือนนี้พักผ่อนหน่อยดีกว่า

***

การต่อสู้ของอัลฟอนโซจบลง จากการสังเกตของผม เขามีแรงเยอะกว่าคู่ต่อสู้มากแต่ไม่มีความสามารถด้านการใช้ดาบเลย ถ้าให้เปรียบก็เหมือนกับฮาร์ดแวร์ดีแต่ซอฟท์แวร์แย่ หรือมีตัวเทพแต่ควบคุมห่วยมาก

คู่ต่อสู้ช็อกอย่างเห็นได้ชัดจากการโจมตีครั้งแรก ถ้าก้าวอีกก้าวเขาก็ชนะแล้ว แน่นอน ถ้าโดนฟันเข้าจริงอัศวินคนนั้นคงตาย

“เขาคงไม่สอบตกใช่ไหม?” ยูเรียถอนหายใจและมองอัลฟอนโซอย่างกังวล

“น่าจะผ่าน”

ยูเรียหันมาทางผม “จริงเหรอ?”

“อืม ความสามารถด้านดาบไม่ต่างกันนัก ดังนั้นแฝดของเจ้าน่าจะได้เปรียบเรื่องพลังกายที่โดดเด่นกว่าผู้สอบคนอื่น อีกอย่าง เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บได้ เจ้าไม่คิดเหรอว่าน่าจะได้คะแนนมาก?”

ผู้เข้าสอบ 20 คนไม่มีใครเก่งพอให้สนใจ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้อยู่แล้วหรือผู้เข้าสอบปีนี้แย่ แต่จนถึงตอนนี้คนที่เก่งที่สุดคือคนที่อยู่หอฝึกที่ 1 กับอัลฟอนโซ

“อัศวินคนนั้นบาดเจ็บเหรอ?”

ยูเรียเอียงคอเหมือนผมพูดเรื่องประหลาด ลิสบอนอธิบาย

“ใช่ ตอนแรกเขาใช้สองมือจับดาบ แต่หลังจากการปะทะครั้งแรก เขาจับดาบด้วยมือขวาข้างเดียว ข้าคิดว่าคงบาดเจ็บที่มือซ้าย”

แปะๆๆ อธิบายได้ดีมากครับครูลิสบอน! ไม่เหมือนผม เขาตอบด้วยการอธิบายอย่างละเอียด!

“ข้าไม่แน่ใจนัก แต่เดนก็สังเกตเห็นเหมือนกันสินะ”

ผมยิ้ม แอบร้อนตัว

“ฮ่าๆ ข้าอาจดูเป็นคนแบบนี้ แต่ตอนเด็กก็เคยฝึกดาบนิดหน่อยตามคนในหมู่บ้าน”

“ว้าว ดาบกับเวทมนตร์? ยอดเลย!” ยูเรียปรบมืออย่างชื่นชม

“เอ๋? เวทมนตร์?”

แย่แล้ว! ลิสบอนไม่รู้ว่าผมใช้เวทได้ เวลาแบบนี้ยอมรับผิดไปตรงๆจะดีกว่า

“ใช่ ยายข้างบ้านข้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ข้าแค่ได้เรียนบ้างตอนเข้าไปหาขนมกิน แต่ข้าว่าข้ามีความรู้นิดหน่อยนะ”

แต่ผมไม่รู้มาก่อนว่ายายข้างบ้านมีชื่อเสียงว่าเป็นจอมเวทในตำนาน

“ความรู้นิดหน่อยอะไรกัน ข้านับถือความรู้ด้านการแปรธาตุของคุณเดน!”

ยูเรียส่ายหน้า โต้กลับ ทำไมคนเผ่าผีเสื้อพูดอย่างนี้ล่ะ คนอื่นได้เข้าใจว่าฉันเชี่ยวชาญเรื่องเวทกันพอดี!

ผมแกล้งทำเป็นเขิน “ฮ่าๆ ไม่ขนาดนั้นหรอก”

ขณะผมทำหน้าแดงโบกมือ ยูเรียจับมือผมเหมือนจะบอกว่า ‘เชื่อข้าสิ’ และพูด “ไม่นะ! คุณเดนมีความสามารถแน่นอน! พลังเวทอาจจะน้อยไปหน่อย... แต่การแปรธาตุไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังเวทอย่างเดียว! ข้าไม่อยากให้เจ้าทิ้งเวทมนตร์”

ประทานโทษ? ฉันไม่เคยทิ้งเวทมนตร์ ถ้าไม่มีเวทมนตร์แล้วจะใช้ที่ฉีดก้นได้ยังไง! ที่ฉีดก้นสำคัญต่อชีวิตมากนะ! 

“เข้าใจแล้ว เอ่อ มือน่ะ...”

ยูเรียปล่อยมือด้วยความเขิน “โอ๊ะ ขอโทษ”

ระหว่างยูเรียกำลังอาย อัลฟอนโซก็มาถึง

“ยูเรีย...!”

อัลฟอนโซโบกมือเข้ามาอย่างแข็งขัน และประหลาดใจเมื่อเห็นผมนั่งข้างฝาแฝดของเขา

“เดน?”

ผมฝืนยิ้มเมื่อเห็นอัลฟอนโซประหลาดใจเกินเหตุ

ไม่ต้องร้องขนาดนั้นก็ได้ ทุกคนรู้ว่าฉันชื่อเดน ช่วยมาเงียบๆหน่อยจะขอบใจมาก

ด้วยความดีใจ อัลฟอนโซวิ่งมาหาผม กางแขนเหมือนจะกอด ผมจับศีรษะเขาไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและหยุดเขา

“มันร้อน อย่าเข้ามานัวเนีย”

“ฮือ”

อัลฟอนโซร้องและพยายามจะเข้ามากอดผม ทำไมพี่น้องคู่นี้ชอบแตะเนื้อต้องตัวกับคนไม่สนิทกันเท่าไหร่นักนะ

“พวกเจ้ารู้จักกันเหรอ?”

ยูเรียถาม อัลฟอนโซตื่นเต้นและตอบ “ใช่! คือว่ามันมี ผัวะ ผัวะ บึ้ม! น่ะ”

กับคำอธิบายที่ไม่ใช่ภาษาคน ยูเรียหันมาทางผม

“เขาหลงทาง ข้าเลยช่วยนำทางเพราะไปทางเดียวกันพอดี”

“ใช่ เราตกลงเป็นเพื่อนกัน!”

อะไรนะ?! 

ยูเรียพยักหน้า “เข้าใจล่ะ”

ว่าแต่ ผมบอกไปเหรอว่าจะเป็นเพื่อนเขา?

อัลฟอนโซกอดอกและพ่นลมทางจมูกอย่างภูมิใจ ดูเหมือนเขาจะคิดว่าผมนับเขาเป็นเพื่อนไปแล้ว

ผมโยนถั่วที่เหลือเข้าปากแล้วดูนาฬิกา “ใกล้ถึงเวลาสอบของโรงเรียนเวทมนตร์แล้ว เจ้าแน่ใจเหรอว่ามีเวลาคุยเล่นตรงนี้?”

ยูเรียอึ้งแล้วมองนาฬิกาตัวใหญ่ที่แขวนตรงมุมหอฝึก “อ๊ะ ขอบคุณนะ รีบไปกันเถอะ!”

ไม่รู้ว่าผมกับลิสบอนก็จะไปที่นั่นด้วย ยูเรียคว้ามืออัลฟอนโซและตรงไปที่โรงเรียนเวทมนตร์ ผมมองตามหลังเธอและถามลิสบอน “พวกเราไปกันช้าๆไหม?”

“เอาสิ”

*** 

ผู้เข้าสอบมารวมกันในโรงยิมที่โรงเรียนเวทมนตร์ใช้เป็นห้องรอ ตรงหน้ากลุ่มผู้สอบ ศาสตราจารย์หญิงดูเข้มงวดคนหนึ่งกำลังทำการขานชื่อผู้เข้าสอบ

“เทอเนอร์ บราแฮม”

“มาครับ”

ศาสตราจารย์พลิกหน้ากระดาษ

ชื่อที่ขึ้นต้นด้วยตัว Y ถูกจดในรายชื่อ ศาสตราจารย์เรียกไปตามลำดับ

“ยูเรีย เฟนเดรีย”

ไม่มีคำตอบ ศาสตราจารย์ขมวดคิ้ว

“ยูเรีย เฟนเดรีย ถ้าไม่อยู่-”

ปัง!

ตอนนั้นเอง ประตูโรงยิมก็ถูกเปิดอย่างแรงและเสียงพูดปนกับเสียงหายใจหอบก็ดังขึ้น

“ยูเรีย เฟนเดรีย! มาค่ะ! อยู่นี่ค่ะ!”

มองยูเรียที่พักมือบนเข่าพยายามหายใจให้ทัน ศาสตราจารย์ขมวดคิ้ว

“เจ้ามาสายนะ”

“ขอโทษค่ะ!”

ยูเรียก้มหัวและขอโทษ ศาสตราจารย์ขมวดคิ้วและพูด “สำหรับนักเวท การเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้นักเวทจึงมักถูกเรียกว่าผู้เตรียมพร้อม แต่การมาสายทำให้ข้าอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าเตรียมตัวไม่ดีพอ”

“ขอโทษค่ะ!”

ศาสตราจารย์หญิงขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อยูเรียขอโทษซ้ำ “เจ้ามีทัศนคติที่แย่ ข้าอยากตัดสินให้เจ้าตก แต่กฎไม่ให้ตัดสิทธิ์สอบเพราะมาสาย โชคดีนะ”

ศาสตราจารย์ขมวดคิ้วด้วยความเสียดายอย่างหนักและยูเรียถอนหายใจอย่างโล่งใจ แต่ศาสตราจารย์ยังพูดไม่จบ

“แต่ที่เหมาะสมมากคือคะแนนสามารถตัดได้ตามดุลยพินิจของศาสตราจารย์ คุณยูเรีย เฟนเดรีย ตัดคะแนน” พูดแล้วศาสตราจารย์ก็เขียน “-10” หน้าชื่อยูเรียอย่างไม่ลังเล

บรรดาผู้เข้าสอบหน้าซีด เพราะว่าถ้าศาสตราจารย์คนนี้เป็นผู้ตัดสินคงได้คะแนนยากมาก พร้อมกันนั้นก็รู้สึกเห็นใจยูเรีย แต่คนถูกเห็นใจเพียงโล่งใจที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์สอบและตรงไปยังที่นั่งด้านหลัง



สารบัญ                                         บทที่ 46

 

  



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น