บทที่ 19 – เดินทางสู่เมืองหลวง (6)
“ข้อมูลของขุนนางมีทั้งถูกมีทั้งแพง เจ้าต้องการแบบไหน?”
“เริ่มจากขุนนางที่ทำงานให้ราชวงศ์ รวมถึงขุนนางที่อาศัยในเมืองหลวงและเดินทางเข้าเมืองหลวงประจำ อ้อ ถ้าเป็นขุนนางท้องถิ่นชนบทที่มีอิทธิพลข้าก็ต้องการข้อมูลของพวกเขาเหมือนกัน”
ต่อให้เป็นขุนนางจากชนบท หากมีอิทธิพลพอตัวผมคงเอาชนะคนที่พวกเขาแนะนำมาลำบาก
“ได้ สรุปว่าเจ้าต้องการข้อมูลแบบแพง มีอย่างอื่นอีกไหม?”
“ข้อมูลเกี่ยวกับเวทมนตร์ในเมืองหลวง”
“กว้างไปนะ เจาะจงกว่านี้ได้ไหม?”
“ข้าอยากได้ข้อมูลทุกอย่าง”
เห็นอย่างนี้ผมก็เป็นนักเวทชั้นหนึ่งของหมู่บ้าน ปัญหาคือเวทมนตร์ที่หมู่บ้านผมไม่ค่อยพัฒนานัก แต่ในฐานะนักเวทผมย่อมสนใจเรียนรู้เวทใหม่ๆ
“ก็ได้ แต่เยอะขนาดนั้นต้องใช้เวลาหน่อย ต้องการอะไรอีกไหม?”
“ข้าต้องการคนที่ใช้มือเก่ง”
“ใช้มือเก่ง?”
“ใช่ เก่งพอปลอมบัตรประชาชนได้”
“ปลอมบัตร? เราปลอมบัตรของสามัญชนจนถึงชั้นอัศวินได้ พอไหม?”
“บารอนขึ้นไปไม่ได้เหรอ?”
ผู้หญิงตอบผมทันที
“ไม่ได้”
“ทำไม?”
“เราปลอมตัวบัตรได้ถ้าหากระดูกของโอเกอร์หรือกระดูกปีศาจขึ้นมาได้ แต่มันจะไม่สมบูรณ์แบบเพราะเวทป้องกันการเลียนแบบที่ร่ายบนตัวบัตร พูดตรงๆนะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวทที่ร่ายบนบัตรมีกี่อย่าง”
ผู้หญิงยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้
“เรื่องเวทมนตร์ไม่มีปัญหา ข้าจะหาทางเอง”
แค่ร่ายเวท 15 อย่างลงบนบัตรไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ผมทำเป็นควานในกระเป๋าแล้วดึงกระดูกโอเกอร์ออกมาจำนวนหนึ่ง
“โอ้ เจ้าคงมีความสามารถพอตัวถึงเอาของแพงพวกนี้ออกมาได้โดยไม่กระพริบตา ส่งมาให้พวกข้าเลยไหม? เสร็จใน 10 นาที”
“เอาไปสิ”
“ถ้ามีชื่อกับข้อมูลให้เราแกะสลักลงไปด้วยก็ได้นะ”
“ไม่ต้อง ข้าก็ไม่รู้เรื่องพวกนั้นเหมือนกัน”
ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ เอาเถอะ พวกชื่อกับข้อมูลส่วนตัวนี่ผมสามารถใช้เวททำให้เหมือนมันถูกแกะสลักบนบัตรได้
“ได้ รอสักครู่ อย่างไรเสียการรวบรวมข้อมูลที่เจ้าต้องการก็ต้องใช้เวลาอยู่แล้ว”
ครืด
ชายคนหนึ่งออกมาจากอีกด้านของประตู รับกระดูกโอเกอร์และจากไป
“ต้องการอะไรอีกไหม บอกตามตรงนะ ตอนนี้ข้ากำลังอารมณ์ดีเพราะไม่เคยเจอใครซื้อข้อมูลมากมายขนาดนี้มาก่อน ถ้ามีของที่ต้องการบอกได้นะ ข้าจะแถมให้”
ในเมื่อมีข้อเสนอ ผมก็ย่อมต้องสนอง
“ถ้าอย่างนั้น... มีเงินไหม?”
“อะไรนะ?”
ฟังคำพูดของผมแล้วเธออึ้งไป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโกรธ ดูเหมือนคิดว่าผมกำลังดูถูกหรือไม่ก็คิดว่าผมไม่มีเงินจริงๆ
คิดแล้วเหมือนจะเป็นข้อสองที่ถูก
“เพราะว่าข้าไม่มีเศษเหรียญเลย ทำไมโรงแรมถึงไม่รับเหรียญทองคำขาวนะ?”
“ฮุ?”
นายหน้าขายข่าวหัวเราะ คงคิดว่าผมเล่าเรื่องตลก
แต่มันคือความจริง
“คุณชาย กำลังอวดรวยอยู่เหรอ เป็นคนตลกดีนะ ฮิๆ”
เธอยิ้มแล้วเอาลูกคิดออกมาวางบนโต๊ะ
“เอาล่ะ มาคิดค่าใช้จ่ายก่อนข้อมูลจะมาถึงกันดีกว่า”
เธอจดจ่อกับลูกคิดอยู่หลายนาที
“ดีล่ะ ในที่สุดก็คิดเลขเสร็จ เฮ้อ ข้าไม่เคยคำนวณค่าใช้จ่ายนานขนาดนี้เลยนะ ฮิๆ”
“รวมแล้วเท่าไหร่?”
“85 ล้านเบี้ย จ่ายไหวไหม? เจ้าไม่เหมือนคนมีเหรียญทองหรือเงินมากมายขนาดนั้นอยู่กับตัว”
เสียงเธอฟังร่าเริง แต่หนักหน่วง เหมือนจะฆ่าผมตรงนั้นเลยถ้าผมไม่จ่ายทันที
“อ้อ ผ่อนจ่ายได้นะ แต่เราก็จะส่งข้อมูลแบบผ่อนเหมือนกัน”
นั่นเรียกผ่อนเรอะ
เมื่อผมล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบเหรียญ คนที่ซ่อนอยู่ในช่องลับตรงกำแพงด้านขวาก็เริ่มปล่อยแรงกดดัน
พวกเขาเหมือนจะออกมาทันทีที่ผมเอาอาวุธออกมา ว่าแต่ปล่อยแรงกดดันขนาดนี้ ไม่คิดจะซ่อนตัวกันแล้วเหรอ?
ผมหยิบเหรียญทองคำขาวออกมาสี่เหรียญแล้ววางบนโต๊ะ
ตึง!
ไม่ดังขนาดนั้นหรอก แต่มันให้ความรู้สึกหนักหน่วงกว่าเสียงอื่นใด
“ต้องการเวลาหาเงินทอนด้วยไหม?”
“-นี่คือเหรียญทองคำขาวจริงๆเหรอ?”
“จริงแท้แน่นอน”
“เหมือนของจริงจริงๆ ถ้ามันหลอกสายตาข้าได้ก็เอาไปใช้ที่อื่นได้แน่นอน”
ผู้หญิงมีผ้าคลุมหน้าปิดทั้งศีรษะ แต่ผมยังรู้สึกได้ว่าเธอกำลังมองไปที่เหรียญอย่างเหม่อลอย
“ตกลงว่าอีกนานไหมกว่าข้อมูลจะมาถึง?”
ผมให้เงินแล้ว ของก็ควรจะได้ใช่ไหม? มารยาทพื้นฐาน
“อา มาแล้ว”
ครืด
คนห้าคนถือกองเอกสารคนละปึกเข้ามา
“เอกสารเหล่านี้ 70% เกี่ยวกับเวทมนตร์ ข้าบอกแล้วว่ามันเยอะ”
มันเยอะกว่าที่ผมคาดจริงๆ แผนที่และบัตรประชาชนอยู่กองบนสุด
“รอเงินทอนสักครู่ เรากำลังรวบรวมเหรียญเท่าที่จะหาได้ของสาขานี้”
ผู้หญิงที่เคยถามว่าผมมีเงินจ่ายไหม ตอนนี้กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเก็บทุกเหรียญเท่าที่หาได้มาทอนผม
แบบนี้ล่ะนะที่เขาเรียกว่าเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
หลายนาทีผ่านไปประตูก็เปิดออกอีกครั้งและถุงเงินก็ถูกนำมาวางกองบนโต๊ะ
เงินทอนคือ 15 ล้านเบี้ย เหรียญทองมีค่า 250,000 เบี้ย ดังนั้นทอนด้วยเหรียญทอง 60 เหรียญก็ได้แล้ว แต่ตรงหน้าผมมีถุงเงินเยอะเกินไป
“ไม่เยอะไปเหรอ?”
“-ขออภัย เรามีเหรียญทองแค่ 30 เหรียญ ที่เหลือต้องทอนด้วยเหรียญอื่น”
เหรียญทอง 30 เหรียญเท่ากับเหรียญเงินบริสุทธิ์ 300 เหรียญ ก็ยังเยอะไปอยู่ดี มันหนักจนโต๊ะตรงหน้าผมสั่นแล้ว
“เหรียญเงินบริสุทธิ์ถึงเหรียญทองแดงบริสุทธิ์?”
ผู้หญิงหลบตาเมื่อผมถาม
“ไม่ใช่... เหรียญเงินบริสุทธิ์ถึงเหรียญเหล็ก”
เอาทุกเหรียญที่หาได้จริงๆ
“ไม่มีเช็คเหรอ?”
“เช็ค? อ๋อ พวกพันธบัตรใช่ไหม? คติขององค์กรเราคือ ‘เงินสดสิดีที่สุด’”
องค์กรระดับนี้ไม่น่าจะไม่มีการใช้เช็ค ผมสงสัยว่าเธออาจไม่มีอำนาจออกเช็ค
“แบบนี้คงไม่ต้องนับเงินทอนว่าครบไหมแล้วล่ะนะ”
“เอ่อ ที่จริงเรายังขาดอีกหนึ่งล้านสองแสน... ขอจ่ายเป็นของได้ไหมคะ?”
จู่ๆผู้หญิงก็หว่านเสน่ห์ผมเล็กน้อยและใช้คำสุภาพด้วย
องค์กรแบบนี้จ่ายเป็นของด้วยเหรอ? ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่
“ไหนบอกว่าเงินสดสิดีที่สุด?”
“เอ่อ ก็ ก็-”
ท่าทางอึกอักแบบนี้แปลว่าข้อสงสัยของผมถูกต้อง ในเมื่อพวกเขาบอกตรงๆว่าเงินทอนไม่ครบผมจึงตัดสินใจไม่เอาเรื่อง
“เอาก็ได้แต่ต้องดูสภาพของก่อน”
“เย้! คุณชายดีที่สุดเลย! เอาของมา!”
คนลำเลียงของมาวางตรงหน้าผม
“ดาบนี้ราคา 20,000 เบี้ย ...ตำราเวทราคา 30,000... กระเป๋าขยายมิติ 10,000... ไม้เท้า 50,000... มีดสั้น 13,000... หอก 40,000... ลูกแก้วคริสตัล 3,000... พลอย 5,000... ผงแฟรี่ 10,000...”
ของมูลค่าสามล้านเบี้ยทยอยเข้าทยอยออกห้องเล็กๆทำให้จำกันไม่ไหว
มองภายนอก ผมทำเหมือนไม่สนใจ แต่ที่จริงผมมองของแต่ละชิ้นอย่างตั้งใจ
เทียบกับอาวุธที่สร้างโดยช่างทำอาวุธของหมู่บ้าน ของพวกนี้ก็ขยะดีๆนี่เอง ผมมีอาวุธของช่างทำอาวุธที่ว่ากองเป็นภูเขาในกระเป๋ามิติ ผมจึงไม่สนใจอาวุธพวกนี้
ของที่ผมสนใจคือเครื่องมือเวทมนตร์ที่ในหมู่บ้านไม่มีและตำราเวท
“อ้อ ข้าจะแถมกระเป๋าขยายมิติให้ ข้ารู้สึกไม่ดีที่มีปัญหาเรื่องเงินทอนกับคุณลูกค้าที่ซื้อข้อมูลมากมายแบบนี้ ข้าจะใส่เอกสารและเงินทอนไว้นะ”
กระเป๋าขยายมิติไม่ใช่ของจำเป็นเลยเพราะผมมีกระเป๋ามิติที่สะดวกกว่าอยู่แล้ว แต่ผมไม่ปฏิเสธเพราะมันเป็นของแถม
“ถ้าอย่างนั้น นี่,นี่,นี่,นี่...แล้วก็ นั่น,นั่น,นั่น,... อ้อ นั่น,นั่นด้วย,นี่ นั่นกับโน่น แค่นี้แหละ”
“ตำราเวทกับวัตถุดิบเวทมนตร์ทั้งนั้นเลย เจ้าเป็นนักเวทเหรอ?”
ถูกต้อง
“เปล่า ข้าจะเอาไปให้คนอื่น”
ห้องแคบดูกว้างขึ้นเมื่อผมเก็บของทั้งหมดเข้ากระเป๋าขยายมิติและของที่เหลือถูกย้ายออกไป
“กระเป๋านี้เพิ่มพื้นที่เก็บของแต่ไม่เปลี่ยนน้ำหนักของ เจ้ายกไหวเหรอ?”
ผมลองยกกระเป๋าดู มันน่าจะไม่เกิน 500 กิโลกรัม ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งของศพปีศาจที่ผมพาเข้าห้องก่อนออกจากบ้าน ไม่หนักเลย
เมื่อเห็นผมยกกระเป๋าได้อย่างง่ายดาย ผู้หญิงก็ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้ามาจากเผ่านักสู้เหรอ? ไม่สิ เผ่ากามีผมสีดำ เผ่าผีเสื้อมีผมสีขาว เผ่ามังกรก็มีผมสีทอง”
กล่าวกันว่าโลกนี้มีดินแดนต้องห้าม 10 แห่ง และเผ่านักสู้ 7 เผ่า ในจำนวนนั้น ที่อยู่ในจักรวรรดิมี 3 เผ่า 3 ดินแดน
“น้ำหนักเท่านี้ถึงไม่ได้มาจากเผ่านักสู้ก็ยกได้ถ้าฝึก”
น่าจะจริง เพราะในจดหมาย ลุงบลัดดี้เล่าว่าลูกศิษย์ของเขาสามารถสวมเกราะหนัก 100 กิโลกรัมเล่นกายกรรมห้อยโหน
“หมดธุระแล้ว ข้าไปก่อน”
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไร?”
“นอกจากแผนที่ที่เจ้าต้องการแล้วเรายังใส่แผนที่บอกที่อยู่ของสาขาองค์กรเราไว้ในกระเป๋าด้วย อย่าทำหายล่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
ผมปีนบันไดแคบๆจนมาถึงร้านเหล้าเก่าโทรม สายตาจ้องมาที่ผมอีกครั้ง แต่ผมไม่สนใจ
กลายเป็นว่าคนที่อยู่ที่นี่มีส่วนร่วมช่วยขนของลงห้องใต้ดินแทบทั้งหมด ดูเหมือนทุกคนในที่นี้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ทำให้ผมสงสัยว่าอันธพาลที่พาผมมาที่นี่ก็เป็นสมาชิกเหมือนกันหรือเปล่า
อืม ไม่ใช่มั้ง? เขาอาจเป็นแค่ตัวหมากเล็กๆที่ใช้รวบรวมข้อมูล... ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับผม
ผมหยิบขวดเหล้าที่เรียงบนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งขวด “ข้าเอาขวดนี้ไปแทนเบียร์ดำแล้วกัน”
ผมเอามันเพราะอยากดื่มเหล้าสักหน่อย แต่จนผมออกจากร้านเหล้าไปแล้วก็ไม่มีใครพยายามจับผม
ไม่รู้ว่าเพราะผมเป็นลูกค้าวีไอพีหรือเพราะผมกำลังแบกกระเป๋าหนัก 500 กิโลกรัมอยู่ แต่ตอนนี้ผมมีเงินและมีเหล้าแล้ว ผมอยากหาห้องพักสักห้องและดื่มให้เมาคืนนี้
ถ้าตัดคำบรรยายของพระเอกออกไป ตอนนี้จะเข้มมากเลยนะ XD
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น