วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 19

บทที่ 19 – เดินทางสู่เมืองหลวง (6)


“ข้อมูลของขุนนางมีทั้งถูกมีทั้งแพง เจ้าต้องการแบบไหน?”

“เริ่มจากขุนนางที่ทำงานให้ราชวงศ์ รวมถึงขุนนางที่อาศัยในเมืองหลวงและเดินทางเข้าเมืองหลวงประจำ อ้อ ถ้าเป็นขุนนางท้องถิ่นชนบทที่มีอิทธิพลข้าก็ต้องการข้อมูลของพวกเขาเหมือนกัน”

ต่อให้เป็นขุนนางจากชนบท หากมีอิทธิพลพอตัวผมคงเอาชนะคนที่พวกเขาแนะนำมาลำบาก

“ได้ สรุปว่าเจ้าต้องการข้อมูลแบบแพง มีอย่างอื่นอีกไหม?”

“ข้อมูลเกี่ยวกับเวทมนตร์ในเมืองหลวง”

“กว้างไปนะ เจาะจงกว่านี้ได้ไหม?”

“ข้าอยากได้ข้อมูลทุกอย่าง”

เห็นอย่างนี้ผมก็เป็นนักเวทชั้นหนึ่งของหมู่บ้าน ปัญหาคือเวทมนตร์ที่หมู่บ้านผมไม่ค่อยพัฒนานัก แต่ในฐานะนักเวทผมย่อมสนใจเรียนรู้เวทใหม่ๆ

“ก็ได้ แต่เยอะขนาดนั้นต้องใช้เวลาหน่อย ต้องการอะไรอีกไหม?”

“ข้าต้องการคนที่ใช้มือเก่ง”

“ใช้มือเก่ง?”

“ใช่ เก่งพอปลอมบัตรประชาชนได้”

“ปลอมบัตร? เราปลอมบัตรของสามัญชนจนถึงชั้นอัศวินได้ พอไหม?”

“บารอนขึ้นไปไม่ได้เหรอ?”

ผู้หญิงตอบผมทันที

“ไม่ได้”

“ทำไม?”

“เราปลอมตัวบัตรได้ถ้าหากระดูกของโอเกอร์หรือกระดูกปีศาจขึ้นมาได้ แต่มันจะไม่สมบูรณ์แบบเพราะเวทป้องกันการเลียนแบบที่ร่ายบนตัวบัตร พูดตรงๆนะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวทที่ร่ายบนบัตรมีกี่อย่าง”

ผู้หญิงยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้

“เรื่องเวทมนตร์ไม่มีปัญหา ข้าจะหาทางเอง”

แค่ร่ายเวท 15 อย่างลงบนบัตรไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ผมทำเป็นควานในกระเป๋าแล้วดึงกระดูกโอเกอร์ออกมาจำนวนหนึ่ง

“โอ้ เจ้าคงมีความสามารถพอตัวถึงเอาของแพงพวกนี้ออกมาได้โดยไม่กระพริบตา ส่งมาให้พวกข้าเลยไหม? เสร็จใน 10 นาที”

“เอาไปสิ”

“ถ้ามีชื่อกับข้อมูลให้เราแกะสลักลงไปด้วยก็ได้นะ”

“ไม่ต้อง ข้าก็ไม่รู้เรื่องพวกนั้นเหมือนกัน”

ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ เอาเถอะ พวกชื่อกับข้อมูลส่วนตัวนี่ผมสามารถใช้เวททำให้เหมือนมันถูกแกะสลักบนบัตรได้

“ได้ รอสักครู่ อย่างไรเสียการรวบรวมข้อมูลที่เจ้าต้องการก็ต้องใช้เวลาอยู่แล้ว”

ครืด

ชายคนหนึ่งออกมาจากอีกด้านของประตู รับกระดูกโอเกอร์และจากไป

“ต้องการอะไรอีกไหม บอกตามตรงนะ ตอนนี้ข้ากำลังอารมณ์ดีเพราะไม่เคยเจอใครซื้อข้อมูลมากมายขนาดนี้มาก่อน ถ้ามีของที่ต้องการบอกได้นะ ข้าจะแถมให้”

ในเมื่อมีข้อเสนอ ผมก็ย่อมต้องสนอง

“ถ้าอย่างนั้น... มีเงินไหม?”

“อะไรนะ?”

ฟังคำพูดของผมแล้วเธออึ้งไป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโกรธ ดูเหมือนคิดว่าผมกำลังดูถูกหรือไม่ก็คิดว่าผมไม่มีเงินจริงๆ

คิดแล้วเหมือนจะเป็นข้อสองที่ถูก

“เพราะว่าข้าไม่มีเศษเหรียญเลย ทำไมโรงแรมถึงไม่รับเหรียญทองคำขาวนะ?”

“ฮุ?”

นายหน้าขายข่าวหัวเราะ คงคิดว่าผมเล่าเรื่องตลก

แต่มันคือความจริง

“คุณชาย กำลังอวดรวยอยู่เหรอ เป็นคนตลกดีนะ ฮิๆ”

เธอยิ้มแล้วเอาลูกคิดออกมาวางบนโต๊ะ

“เอาล่ะ มาคิดค่าใช้จ่ายก่อนข้อมูลจะมาถึงกันดีกว่า”

เธอจดจ่อกับลูกคิดอยู่หลายนาที

“ดีล่ะ ในที่สุดก็คิดเลขเสร็จ เฮ้อ ข้าไม่เคยคำนวณค่าใช้จ่ายนานขนาดนี้เลยนะ ฮิๆ”

“รวมแล้วเท่าไหร่?”

“85 ล้านเบี้ย จ่ายไหวไหม? เจ้าไม่เหมือนคนมีเหรียญทองหรือเงินมากมายขนาดนั้นอยู่กับตัว”

เสียงเธอฟังร่าเริง แต่หนักหน่วง เหมือนจะฆ่าผมตรงนั้นเลยถ้าผมไม่จ่ายทันที

“อ้อ ผ่อนจ่ายได้นะ แต่เราก็จะส่งข้อมูลแบบผ่อนเหมือนกัน”

นั่นเรียกผ่อนเรอะ

เมื่อผมล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบเหรียญ คนที่ซ่อนอยู่ในช่องลับตรงกำแพงด้านขวาก็เริ่มปล่อยแรงกดดัน

พวกเขาเหมือนจะออกมาทันทีที่ผมเอาอาวุธออกมา ว่าแต่ปล่อยแรงกดดันขนาดนี้ ไม่คิดจะซ่อนตัวกันแล้วเหรอ?

ผมหยิบเหรียญทองคำขาวออกมาสี่เหรียญแล้ววางบนโต๊ะ

ตึง!

ไม่ดังขนาดนั้นหรอก แต่มันให้ความรู้สึกหนักหน่วงกว่าเสียงอื่นใด

“ต้องการเวลาหาเงินทอนด้วยไหม?”

“-นี่คือเหรียญทองคำขาวจริงๆเหรอ?”

“จริงแท้แน่นอน”

“เหมือนของจริงจริงๆ ถ้ามันหลอกสายตาข้าได้ก็เอาไปใช้ที่อื่นได้แน่นอน”

ผู้หญิงมีผ้าคลุมหน้าปิดทั้งศีรษะ แต่ผมยังรู้สึกได้ว่าเธอกำลังมองไปที่เหรียญอย่างเหม่อลอย

“ตกลงว่าอีกนานไหมกว่าข้อมูลจะมาถึง?”

ผมให้เงินแล้ว ของก็ควรจะได้ใช่ไหม? มารยาทพื้นฐาน

“อา มาแล้ว”

ครืด

คนห้าคนถือกองเอกสารคนละปึกเข้ามา

“เอกสารเหล่านี้ 70% เกี่ยวกับเวทมนตร์ ข้าบอกแล้วว่ามันเยอะ”

มันเยอะกว่าที่ผมคาดจริงๆ แผนที่และบัตรประชาชนอยู่กองบนสุด

“รอเงินทอนสักครู่ เรากำลังรวบรวมเหรียญเท่าที่จะหาได้ของสาขานี้”

ผู้หญิงที่เคยถามว่าผมมีเงินจ่ายไหม ตอนนี้กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเก็บทุกเหรียญเท่าที่หาได้มาทอนผม

แบบนี้ล่ะนะที่เขาเรียกว่าเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

หลายนาทีผ่านไปประตูก็เปิดออกอีกครั้งและถุงเงินก็ถูกนำมาวางกองบนโต๊ะ 

เงินทอนคือ 15 ล้านเบี้ย เหรียญทองมีค่า 250,000 เบี้ย ดังนั้นทอนด้วยเหรียญทอง 60 เหรียญก็ได้แล้ว แต่ตรงหน้าผมมีถุงเงินเยอะเกินไป

“ไม่เยอะไปเหรอ?”

“-ขออภัย เรามีเหรียญทองแค่ 30 เหรียญ ที่เหลือต้องทอนด้วยเหรียญอื่น”

เหรียญทอง 30 เหรียญเท่ากับเหรียญเงินบริสุทธิ์ 300 เหรียญ ก็ยังเยอะไปอยู่ดี มันหนักจนโต๊ะตรงหน้าผมสั่นแล้ว

“เหรียญเงินบริสุทธิ์ถึงเหรียญทองแดงบริสุทธิ์?”

ผู้หญิงหลบตาเมื่อผมถาม

“ไม่ใช่... เหรียญเงินบริสุทธิ์ถึงเหรียญเหล็ก”

เอาทุกเหรียญที่หาได้จริงๆ

“ไม่มีเช็คเหรอ?”

“เช็ค? อ๋อ พวกพันธบัตรใช่ไหม? คติขององค์กรเราคือ ‘เงินสดสิดีที่สุด’

องค์กรระดับนี้ไม่น่าจะไม่มีการใช้เช็ค ผมสงสัยว่าเธออาจไม่มีอำนาจออกเช็ค

“แบบนี้คงไม่ต้องนับเงินทอนว่าครบไหมแล้วล่ะนะ”

“เอ่อ ที่จริงเรายังขาดอีกหนึ่งล้านสองแสน... ขอจ่ายเป็นของได้ไหมคะ?”

จู่ๆผู้หญิงก็หว่านเสน่ห์ผมเล็กน้อยและใช้คำสุภาพด้วย

องค์กรแบบนี้จ่ายเป็นของด้วยเหรอ? ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่

“ไหนบอกว่าเงินสดสิดีที่สุด?”

“เอ่อ ก็ ก็-

ท่าทางอึกอักแบบนี้แปลว่าข้อสงสัยของผมถูกต้อง ในเมื่อพวกเขาบอกตรงๆว่าเงินทอนไม่ครบผมจึงตัดสินใจไม่เอาเรื่อง

“เอาก็ได้แต่ต้องดูสภาพของก่อน”

“เย้! คุณชายดีที่สุดเลย! เอาของมา!”

คนลำเลียงของมาวางตรงหน้าผม

“ดาบนี้ราคา 20,000 เบี้ย ...ตำราเวทราคา 30,000... กระเป๋าขยายมิติ 10,000... ไม้เท้า 50,000... มีดสั้น 13,000... หอก 40,000... ลูกแก้วคริสตัล 3,000... พลอย 5,000... ผงแฟรี่ 10,000...”

ของมูลค่าสามล้านเบี้ยทยอยเข้าทยอยออกห้องเล็กๆทำให้จำกันไม่ไหว

มองภายนอก ผมทำเหมือนไม่สนใจ แต่ที่จริงผมมองของแต่ละชิ้นอย่างตั้งใจ

เทียบกับอาวุธที่สร้างโดยช่างทำอาวุธของหมู่บ้าน ของพวกนี้ก็ขยะดีๆนี่เอง ผมมีอาวุธของช่างทำอาวุธที่ว่ากองเป็นภูเขาในกระเป๋ามิติ ผมจึงไม่สนใจอาวุธพวกนี้

ของที่ผมสนใจคือเครื่องมือเวทมนตร์ที่ในหมู่บ้านไม่มีและตำราเวท

“อ้อ ข้าจะแถมกระเป๋าขยายมิติให้ ข้ารู้สึกไม่ดีที่มีปัญหาเรื่องเงินทอนกับคุณลูกค้าที่ซื้อข้อมูลมากมายแบบนี้ ข้าจะใส่เอกสารและเงินทอนไว้นะ”

กระเป๋าขยายมิติไม่ใช่ของจำเป็นเลยเพราะผมมีกระเป๋ามิติที่สะดวกกว่าอยู่แล้ว แต่ผมไม่ปฏิเสธเพราะมันเป็นของแถม

“ถ้าอย่างนั้น นี่,นี่,นี่,นี่...แล้วก็ นั่น,นั่น,นั่น,... อ้อ นั่น,นั่นด้วย,นี่ นั่นกับโน่น แค่นี้แหละ”

“ตำราเวทกับวัตถุดิบเวทมนตร์ทั้งนั้นเลย เจ้าเป็นนักเวทเหรอ?”

ถูกต้อง 

“เปล่า ข้าจะเอาไปให้คนอื่น”

ห้องแคบดูกว้างขึ้นเมื่อผมเก็บของทั้งหมดเข้ากระเป๋าขยายมิติและของที่เหลือถูกย้ายออกไป

“กระเป๋านี้เพิ่มพื้นที่เก็บของแต่ไม่เปลี่ยนน้ำหนักของ เจ้ายกไหวเหรอ?”

ผมลองยกกระเป๋าดู มันน่าจะไม่เกิน 500 กิโลกรัม ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งของศพปีศาจที่ผมพาเข้าห้องก่อนออกจากบ้าน ไม่หนักเลย

เมื่อเห็นผมยกกระเป๋าได้อย่างง่ายดาย ผู้หญิงก็ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้ามาจากเผ่านักสู้เหรอ? ไม่สิ เผ่ากามีผมสีดำ เผ่าผีเสื้อมีผมสีขาว เผ่ามังกรก็มีผมสีทอง”

กล่าวกันว่าโลกนี้มีดินแดนต้องห้าม 10 แห่ง และเผ่านักสู้ 7 เผ่า ในจำนวนนั้น ที่อยู่ในจักรวรรดิมี 3 เผ่า 3 ดินแดน

“น้ำหนักเท่านี้ถึงไม่ได้มาจากเผ่านักสู้ก็ยกได้ถ้าฝึก”

น่าจะจริง เพราะในจดหมาย ลุงบลัดดี้เล่าว่าลูกศิษย์ของเขาสามารถสวมเกราะหนัก 100 กิโลกรัมเล่นกายกรรมห้อยโหน

“หมดธุระแล้ว ข้าไปก่อน”

“เดี๋ยวก่อน”

“อะไร?”

“นอกจากแผนที่ที่เจ้าต้องการแล้วเรายังใส่แผนที่บอกที่อยู่ของสาขาองค์กรเราไว้ในกระเป๋าด้วย อย่าทำหายล่ะ”

“เข้าใจแล้ว”

ผมปีนบันไดแคบๆจนมาถึงร้านเหล้าเก่าโทรม สายตาจ้องมาที่ผมอีกครั้ง แต่ผมไม่สนใจ

กลายเป็นว่าคนที่อยู่ที่นี่มีส่วนร่วมช่วยขนของลงห้องใต้ดินแทบทั้งหมด ดูเหมือนทุกคนในที่นี้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ทำให้ผมสงสัยว่าอันธพาลที่พาผมมาที่นี่ก็เป็นสมาชิกเหมือนกันหรือเปล่า

อืม ไม่ใช่มั้ง? เขาอาจเป็นแค่ตัวหมากเล็กๆที่ใช้รวบรวมข้อมูล... ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับผม

ผมหยิบขวดเหล้าที่เรียงบนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งขวด “ข้าเอาขวดนี้ไปแทนเบียร์ดำแล้วกัน”

ผมเอามันเพราะอยากดื่มเหล้าสักหน่อย แต่จนผมออกจากร้านเหล้าไปแล้วก็ไม่มีใครพยายามจับผม

ไม่รู้ว่าเพราะผมเป็นลูกค้าวีไอพีหรือเพราะผมกำลังแบกกระเป๋าหนัก 500 กิโลกรัมอยู่ แต่ตอนนี้ผมมีเงินและมีเหล้าแล้ว ผมอยากหาห้องพักสักห้องและดื่มให้เมาคืนนี้




สารบัญ                                         บทที่ 20


ถ้าตัดคำบรรยายของพระเอกออกไป ตอนนี้จะเข้มมากเลยนะ XD










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น