วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 18

บทที่ 18 – เดินทางสู่เมืองหลวง (5)

ไม่ตาย หรือเปล่า?

ผมยังไม่เคยฆ่าคนนะ

“โอ๊ย”

โชคดี อันธพาลคนนั้นยังไม่ตาย ดูเหมือนเขาต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปตลอดชีวิต แต่คงไม่เป็นไรหรอกเพราะไม่ใช่ชีวิตผม

ที่ผมโล่งใจที่เขาไม่ตายก็เพราะไม่อยากรู้สึกผิด

“กล้าทำร้ายพวกเราเหรอ? พวกเรา ลุย!”

เมื่อคนหนึ่งตะโกน สามคนที่เหลือก็พุ่งใส่ผมพร้อมกัน คราวนี้ผมตั้งใจออมแรงอย่างดี

บูม!บูม!บูม!

พลาดอีกแล้ว

เวลากะแรงเพื่อถือช้อนหรือปากกาก็ทำได้ง่ายอยู่หรอก แต่มันยากกว่าเวลาพยายามจะทุบตีคน โชคดีว่าผมรู้แล้วว่าตัวเองไม่เก่งเรื่องควบคุมแรงคราวหน้าจะได้ระวังไว้มากกว่านี้

เมื่ออันธพาลสามคนลอยไปชนกับกำแพง อันธพาลคนสุดท้ายก็หวาดกลัว เขาพยายามวิ่งหนี
ผมเกือบจะใช้เวทมนตร์จับเขา แต่เปลี่ยนไปใช้มือจับด้านหลังเสื้อของเขาแทน

“อ๊า ได้โปรดเมตตาด้วย!”

ผมมองสีหน้าหวาดกลัวจนกลายเป็นสีเขียวแล้วรู้สึกสงสารจึงยิ้มปลอบ

“อี๊ก?”

มาคิดดูแล้ว หน้าผมตอนนี้เป็นของชายวัยกลางคนที่มีแผลบนหน้า ดูเหมือนรอยยิ้มของผมจะให้ผลตรงกันข้ามเพราะเขาไม่พูดหรือมองหน้าผมเลย

มารวบรัดกันเลยดีกว่า

“หัวหน้าพวกเจ้าอยู่ไหน?”

เสียงแหบห้าวดังขึ้นแทนเสียงเดิมของผม มันต่ำกว่าที่ผมคิดไว้

อันธพาลตัวสั่นและถามตะกุกตะกัก “หัว-หัว-หัวหน้าเหรอ?”

“ใช่ หัวหน้าเจ้าเป็นคนสั่งให้เล่นงานข้าใช่ไหม?”

ที่จริงผมเป็นคนหาเรื่องก่อน แต่อันธพาลผู้น่าสงสารเหล่านี้ตัวสั่นเทาเหมือนรู้ตัวว่าพวกเขาทำพลาดไปมาก

“หัวหน้า ไม่ ไม่มี...”

“อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าไม่มีหัวหน้า ข้ารู้หมดแล้ว”

“อี๊ก?”

ที่จริง ผมไม่รู้อะไรเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมออกจากบ้านเกิด จะไปรู้เรื่องของอันธพาลในหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้อย่างไร แต่ตอนนี้ อันธพาลคนนี้ต้องบอกว่าหัวหน้าของเขาอยู่ไหนแม้หัวหน้าที่ว่าจะไม่มีตัวตน! ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงตามเพื่อนของเขา

“เอ่อ คือว่า...”

“หือ?”

“พี่ใหญ่? พี่ใหญ่รู้”

ดูเหมือนเขาตัดสินใจขายคนรู้จักแลกกับชีวิตตัวเอง เป็นการเลือกที่ฉลาดมาก

“พาข้าไปหาเขาอย่างเงียบที่สุด”

“ครับ!”

อันธพาลตัวสั่นพลางนำทางผมลึกเข้าไปในตรอก ที่หมายสุดท้ายคือร้านเหล้าที่ดูยุ่งเหยิงร้านหนึ่ง

“พี่-พี่ใหญ่อยู่ในนั้น ข้าไปก่อนล่ะ-”

อันธพาลต้องการหนีไป

ผมคิดว่าปล่อยเขาไปก็ได้เพราะเขาคงไม่รู้อะไรมากกว่านี้

ผมมองเขา เขาดูแก่กว่าผมมาก “เจ้าไปได้”

“จริงเหรอ? ขอบ-ขอบคุณ”

“แต่ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปพูดที่ไหน ระวังตัวไว้ให้ดี”

ที่จริงมันไม่เป็นอะไรหรอกเพราะผมปลอมตัวอยู่ แต่อยากพูดเพราะมันเท่ดี

อันธพาลไม่มีชื่อวิ่งหนีไปโดยไม่เหลียวหลังกลับ

หนีแบบนั้น ถ้าผมวิ่งตามไปแล้วหลอกให้ตกใจกลัวตอนเขาคิดว่าในที่สุดก็หนีพ้นคงสนุกดีนะ แต่ครั้งนี้ผมอดใจไม่ทำ

เมื่อเปิดประตูร้านที่เหมือนมาจากหนังคาวบอย ที่ผมเห็นคือภาพของอันธพาลหน้าตาน่ากลัวกำลังดื่มและเล่นการพนัน อาจเพราะคนแปลกหน้าเข้ามา เสียงจ้อกแจ้กจอแจจึงหายไปและสายตาหลายคู่มองมาที่ผม

ผมนึกขึ้นได้ว่าอันธพาลคนนั้นไม่ได้บอกว่าพี่ใหญ่ของเขาเป็นใคร แต่ก็นะ ผมแค่ต้องหานักปลอมแปลงเก่งๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าผมเจอเขาอีกผมจะทำให้คนแยกไม่ออกว่าเขาเป็นคนหรือกำแพง

ทางเลือกของผมตอนนี้คือขู่เข็ญเอาข้อมูลจากคนในนี้หรือแจ้งธุระของผมอย่างสงบ ผมอยากแก้ปัญหาอย่างเรียบง่ายที่สุด ผมเดินผ่านโต๊ะวางขวดเหล้าตรงไปที่ชายที่ดูเหมือนเจ้าของร้านหรืออาจเป็นลูกจ้าง

ผมนั่งตรงหน้าชายคนนั้นและสั่ง “เบียร์เย็น ไม่สิ เบียร์ดำ ถ้ามี”

“สำหรับเบียร์ดำ ข้ามีที่มาจากค่ายเขาแบมกับเขาโกลเวย์ อยากได้แบบไหน?”

เอ่อ ผมไม่รู้จักทั้งสองภูเขาที่ว่า เลือกมั่วๆแล้วกัน

“ค่ายเขาแบม”

“เลือกได้ดี โกลเวย์เหมาะกับกินกับอาหารทะเลมากกว่า ซึ่งหากินที่นี่ไม่ได้ เอาไส้กรอกเป็นกับแกล้มไหม?”

“ที่นี่ไม่มีอาหารทะเลเหรอ?”

เส้นทางไปเมืองหลวงอยู่ห่างจากชายฝั่งซึ่งแน่นอนว่าไกลทะเล แต่ผมถามเพราะไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน อีกอย่าง นี่เป็นเหล้าขวดแรกของผมในรอบสิบหกปี

ไม่สิ ผมหยุดดื่มช่วงเตรียมตัวสอบข้าราชการ มันจึงนานกว่าสิบหกปี นี่เป็นการดื่มเหล้าครั้งแรกนับจากที่ผมแอบดื่มเหล้าของพ่อและถูกลงโทษเกือบตาย

เร็วหน่อยไม่ได้เหรอครับ? 

จะว่าไป ผมลืมไปว่าไม่มีเงิน

อืม ไม่เป็นไร ที่นี่ดูเหมือนไม่ใช่ที่ๆดี ผมจะดื่มสักหน่อย รวบรวมข่าวสารแล้วหนี

“มีอยู่บ้าง ตามข้ามา”

ทันใดนั้น เขาก็เปิดประตูเล็กที่ซ่อนระหว่างขวดเหล้าและทำท่าให้ผมเข้าไป ผมประหลาดใจแต่ก็ตามเขาไปโดยไม่แสดงสีหน้าท่าทีอะไร

เขาพาผมลงไปยังชั้นใต้ดิน ระหว่างทางมีเวทมนตร์สำหรับตรวจจับ ผมจึงขัดขวางเวทมนตร์นั้น
เมื่อผมโบกมือเพื่อใช้เวทมนตร์ ชายที่นำทางผมมองมาเหมือนถามว่ากำลังทำอะไร

“ฝุ่นเยอะชะมัด ได้ทำความสะอาดบ้างหรือเปล่า?”

ทางเดินเหมือนไม่ได้รับการทำความสะอาดบ่อยเท่าไหร่ ฝุ่นจับเป็นกอง

ชายที่นำทางผมดูเขิน “แค่ก ขออภัย”

เมื่อเดินลงไปเรื่อยๆก็มาถึงประตูเล็กอีกบานหนึ่ง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

เมื่อเขาเคาะประตูด้วยจังหวะเฉพาะ มันก็เลื่อนเปิดเหมือนประตูเลื่อน

แล้วจะมีลูกบิดประตูไว้ทำไม?

ชายผู้นั้นกวักมือให้ผมเข้าไป ข้างในห้องเล็กมีโต๊ะไม้เล็กๆตัวหนึ่ง เก้าอี้ตัวหนึ่ง และผู้หญิงคลุมหน้าคนหนึ่ง

ประตูปิดเมื่อผมเข้าไปในห้อง ผู้หญิงที่นั่งอีกฝั่งของโต๊ะพูด “เชิญนั่ง”

ผมนั่งลงและสำรวจรอบๆ

ในห้องมีเวทมนตร์ 6 อย่าง เป็นเวทมนตร์สำหรับขัดขวางไม่ให้คนจำผู้หญิงคนนั้นได้สองอย่าง เวทมนตร์สำหรับปกป้องเธอสองอย่าง เวทมนตร์อีกอย่างเป็นการโจมตีเล็งมาที่ผม อย่างสุดท้ายใช้ปิดบังคนที่ซ่อนอยู่ด้านขวาของกำแพง

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ

“ไหนเบียร์”

ไม่เห็นมีเบียร์เลย ผมคาดหวังกับมันสูงมาก

“ฮึ เจ้าจะบอกว่าที่มาถึงที่นี่เพราะความบังเอิญเหรอ? แก้ตัวได้ตลกดี”

พูดอะไรของเค้าฟะ?

“ถ้าเจ้าอยากจะถอยก็ควรทำแต่แรก ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวง แม้แต่ระบบทำความเย็นยังไม่มีแล้วเจ้าจะหาเบียร์เย็นกับอาหารทะเลได้อย่างไร? ข้าไม่รู้ว่าเจ้าได้รหัสผ่านมาจากที่ไหน แต่ขอชมที่หลบสายตาของแม่ใหญ่และมาถึงที่นี่ได้”

ฟังคำของเธอแล้วผมสะดุ้งแต่ไม่แสดงออก

มาวิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้ก่อน

ผมเจอร้านเหล้านี้ระหว่างเสาะหาผู้เชี่ยวชาญปลอมบัตรประชาชนให้ผม ผมสั่งเบียร์เพราะอยู่ในร้านเหล้า แต่จู่ๆก็มีแม่ใหญ่โผล่มา?

แล้วสิ่งที่ผมสั่งก็กลายเป็นรหัสผ่านและผมมาอยู่ตรงนี้ สั่งเบียร์เย็นคือรหัสผ่าน รหัสผ่านบ้านไหนฟะ?

มาคิดอีกที ที่นี่เป็นร้านเหล้าโทรมๆในตรอกไม่ใช่บ้านขุนนาง ที่ไม่มีระบบทำความเย็นก็สมเหตุสมผลอยู่

“เจ้ามาที่นี่คงเพราะมีข้อมูลที่ต้องการซื้อ อยากได้อะไรล่ะ?”

มองข้ามเหตุผลจริงที่ผมมาที่นี่ไปก่อน ดูเหมือนจะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ข้อมูลที่ผมกำลังต้องการมาก

เอาล่ะ ถือโอกาสนี้เอาทุกอย่างที่จำเป็นเลยแล้วกัน

“อย่างแรก ข้าต้องการแผนที่”

“แผนที่ของแถบไหน? ต้องการแบบละเอียดขั้นไหน?”

“แผนที่ของเมืองหลวงและทั้งจักรวรรดิ เรื่องรายละเอียด... สำหรับเมืองหลวง ข้าต้องการแผนที่ที่อย่างน้อยต้องมีข้อมูลของเมือง ถนนหลักทุกสาย และสถานที่ราชการที่สำคัญ สำหรับจักรวรรดิ ข้อมูลที่ตั้งของแต่ละเมืองก็ดี หรือถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ข้อมูลของเมืองใหญ่แต่ละแห่ง”

“เจ้ากำลังเรียกร้องของแพงทีเดียวนะ ต้องการมันไปเพื่ออะไร?”

เพื่อให้รู้ว่าผมกำลังอยู่ตรงไหนและภูมิศาสตร์ของพื้นที่ๆผมจะไปอยู่ในอนาคต

“มีเหตุผลที่เจ้าต้องรู้ด้วยเหรอ?”

“ไม่มี เจ้าต้องมีคนหนุนหลังที่ใหญ่พอตัวแน่ๆ” ผู้หญิงพูดกลั้วหัวเราะ

ผมยักไหล่เพราะไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร

“ได้ เราจะเตรียมให้ อย่างอื่นล่ะ?”

“ข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพของจักรวรรดิ”

“กองทัพจักรวรรดิ?”

“พูดอย่างเจาะจงคือ ข้อมูลของบลัดดี้ เบลด ข้าต้องการรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน หน่วยที่ขึ้นตรงกับเขา และจำนวนทหารที่เขาสามารถเรียกมาได้”

ผมต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเพราะไม่รู้ว่าเขาจะใช้กองทัพนั่นมาจับผมเมื่อไหร่

“-คราวนี้เจ้าต้องการข้อมูลที่แพงมากและอันตรายมาก เจ้าขอข้อมูลนี้ทั้งๆที่รู้ใช่ไหมว่านายพลบลัดดี้มาจากเผ่ากาแห่งโอลิมปัสในตำนาน?”

ผมพยักหน้า รู้สิ เขาเป็นคนในครอบครัวของผม!

“เจ้าต้องการข้อมูลของทหารใต้บัญชาการของเขาหนึ่งล้านคน ซึ่งก็คือทั้งกองทัพของจักรวรรดินั่นเอง?”

พระเจ้า! ผมได้ยินว่าลุงกำลังไปได้สวยในกองทัพจักรวรรดิ แต่ถึงขั้นเคลื่อนไหวได้ทั้งกองทัพเลย

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ข้าไม่ต้องการข้อมูลของทั้งกองทัพ เอาแค่คนสนิทของเขาและทหารระดับอัศวินขึ้นไปก็พอ”

“มันก็ยังเป็นข้อมูลที่อันตรายอยู่ดี”

“จะบอกว่าไม่ขาย?”

ผู้หญิงยิ้ม “ไม่ เราจะขาย แต่เจ้าต้องเตรียมตัวไว้เพราะมันแพงมาก”

ผมไม่แน่ใจว่าจะจ่ายได้ไหมเพราะผมมีแค่เหรียญทองคำขาว ถ้าพวกเขาบอกว่าไม่พอ ผมว่าจะเอาข้อมูลหนีไปเลย

“ต้องการข้อมูลอื่นอีกไหม? ข้าไม่รู้ว่าใครหนุนหลังเจ้า แต่ต้องจ่ายก่อนนะ ถ้าจ่ายตรงนี้ไม่ได้ก็เตรียมใจไว้ด้วย”

ผมรู้สึกถึงรังสีอันตรายรอบๆ ในเมื่อผมตกอยู่ในอันตรายแล้ว เอาข้อมูลมาให้มากที่สุดดีกว่า

“ข้าต้องการรู้ราคาตลาดในเมืองหลวง”

“ราคาตลาด จู่ๆก็ขอข้อมูลราคาถูก ได้ เราจะให้เป็นของแถมถ้าเจ้าจ่ายค่าข้อมูลอื่นได้”

เย้ ของฟรี!

ถึงอย่างนั้นผมก็ยังลังเลว่าจะจ่ายดีไหม

“ข้ายังต้องการข้อมูลของพวกขุนนาง”

ถ้าเกิดมีใครไม่ชอบหน้าผมขึ้นมา ชีวิตข้าราชการของผมคงลำบาก ด้วยเหตุนี้การมีข้อมูลของคนที่ผมอาจพบในอนาคตไว้ก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ


สารบัญ                                           บทที่ 19










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น