วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 13

บทที่ 13 – หนีออกจากบ้าน (13)

เดนเบอร์กหนีไปได้

ภายหลังเมื่อหน่วยไล่ตามกลับถึงหมู่บ้าน เฮสเทียพยายามหาสาเหตุที่ทำให้เดนเบอร์กหนีไปได้ แม้เธอจะได้ยินว่าเขาปลอมจดหมายถึงกาเวนเพื่อทำให้วงล้อมบางลงก็ยังมีสิ่งที่เธอไม่เข้าใจสองข้อ หนึ่ง เขารู้ได้อย่างไรว่านักรบกลุ่ม 3 อยู่ตรงไหน และสอง เขาไปถึงรอบนอกของวงล้อมก่อนเวลาที่เธอคาดไว้ได้อย่างไร?

คำตอบอยู่ในกองข้อความที่ส่งไปมาระหว่างหน่วยไล่ตามกับศูนย์บัญชาการ เดนเบอร์กอาศัยข้อได้เปรียบจากเรื่องที่ว่าเฮสเทียและหน่วยไล่ตามใช้เหยี่ยวสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เขาดักจับข้อความบางแผ่นตั้งแต่ตอนที่เขาข้ามรอยแยกและเมื่อวงล้อมเริ่มถูกสร้าง

นี่หมายความว่าเขารู้แผนของเธอมาตลอด

เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วเดนเบอร์กได้โอกาสดักจับเหยี่ยวสื่อสารตั้งแต่เมื่อไหร่?

หลังจากใคร่ครวญแล้วเฮสเทียก็ได้คำตอบ

หลังจากเขาข้ามรอยแยก เฮสเทียเจาะจงเคลื่อนกองกำลังเพื่อบังคับให้เขาเคลื่อนไหวไปในทิศทางหนึ่ง ไปยังจุดตั้งแคมป์ที่ 7 มีแต่ตอนนั้นที่เธอระดมพลทั้งหน่วยไปที่จุดตั้งแคมป์ที่ 7

นั่นเป็นตอนเดียวที่เดนเบอร์กได้โอกาสเห็นข้อความของเธอ เพราะไม่เหมือนก่อนหน้านั้น ณ เวลานั้นแม้เดนเบอร์กจะรู้แผนของเธอ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตาม อีกอย่าง เส้นทางที่เธอวางแผนไว้ก็ใกล้เคียงกับเส้นทางที่เขาเลือกเพื่อออกจากป่าในเวลาสั้นที่สุด

เดนเบอร์กค่อยๆเปลี่ยนเส้นทางในแผนที่ที่เฮสเทียส่งให้หน่วยไล่ตาม ให้เบี่ยงไปยังชายป่าและเลือกจุดที่วางกองกำลังได้ยาก แผนที่ที่เขาเปลี่ยนไม่มีทางส่งกลับมายังเฮสเทียเพราะหน่วยไล่ตามต้องเก็บไว้ดู

เมื่อเขาตระหนักถึงจุดสำคัญนี้ เดนเบอร์กแทนที่จะฆ่าเหยี่ยวสื่อสารและทำให้เฮสเทียตื่นตัว เขากลับตัดสินใจใช้มัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้สร้างทางหลบหนีโดยการเดินตามแผนของเธอ

ตลอดเวลา หน่วยไล่ตามเคลื่อนไหวตามคำสั่งของเดนเบอร์ก ไม่ใช่เธอ แน่นอนเขาเลียนแบบลายมือเธอไม่ได้ ที่เขาแตะต้องได้มีเพียงจุดและเส้นที่วาดบนแผนที่ ถึงอย่างนั้น ด้วยการใช้แผนที่ เขาทำให้ส่วนหนึ่งของวงล้อมบางลงและส่งจดหมายปลอมทำให้คนสับสนก่อนจะฝ่าวงล้อมไป

ฮ่าๆๆ!

มันเป็นความผิดข้าเอง! เฮสเทียตำหนิตัวเอง

เธอไม่มีข้อแก้ตัวที่ถูกรุกฆาต การลืมว่าเดนเบอร์กสามารถบินไปดักจับเหยี่ยวเป็นความเลินเล่ออย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าเส้นทางหลบหนีของเดนเบอร์กกับเส้นทางของเหยี่ยวสื่อสารซ้อนกันเธอก็ควรรู้ตัวเร็วกว่านี้

แผนของเฮสเทียมีช่องโหว่ – เธอสรุปว่าเดนเบอร์กถูกต้อนจนมุมแล้ว

อย่างไรก็ดี ดูมสโตนโมโหกับข่าวที่เดนเบอร์กหนีไปได้ ด้วยเหตุนี้ กัลลาฮาดกับกาเวนจึงต้องรับโทษแทนเดนเบอร์ก

กัลลาฮาดร้องขณะถูกตีก้น

“ทำไมพ่อไม่ตีเลชาด้วยล่ะ?”

เลชาหน้าซีด

เฮสเทียเดาะลิ้น คิดในใจ ‘พี่คิดจะให้เลชาตายเหรอ’

“เจ้าคิดว่าคนที่ใช้เวทมนตร์ได้ไม่ถนัดในป่าสมควรได้รับโทษเดียวกับคนที่ใช้ดาบได้ไม่มีปัญหาเหรอ? แต่ก็จริงที่เจ้าเสียเดนเบอร์กไปตรงนอกป่า เลชา ไปนั่งคุกเข่ายกแขน”

คำพูดตรงจุด ลงโทษมีเหตุผล

“-ค่ะ”

ด้วยสีหน้าโล่งอกแต่หม่นหมอง เลชาไปนั่งพับเข่าตรงมุมห้อง ชูสองแขนขึ้นสูง

“งั้น...แล้วเฮสเทียล่ะ?”

ว้ายตายแล้ว! เจ้าคิดจะทำร้ายข้าคนอ่อนแอที่สุดในหมู่บ้านได้อย่างไร? เฮสเทียตกตะลึง

“โอ๊ย โอย ข้าเวียนหัว-”

เฮสเทียที่กำลังยืนข้างเดนเบอร์ก ค่อยๆนอนบนโซฟาพลางยกมือแตะหน้าผาก

เมื่อเห็นเฮสเทียทำท่าอย่างนั้น ดูมสโตนยิ่งโมโหกว่าเดิม

“คิดจะโยนความผิดให้น้องเหรอ? อยากโดนหนักกว่านี้สินะ!”

“พะ...พ่อ? อ๊า! อ๊า! อ๊า!”

เสียงโหยหวนของกัลลาฮาดกับเสียงตีดังก้องห้อง

เฮสเทียคิดว่าสมควรแล้วหลังจากที่กัลลาฮาดพยายามจะลากเธอไปรับโทษด้วย

ต่อมาก็ถึงคราวของกาเวน

“มานี่”

ป้าบ!

“อื้อ!”

แปะ?

“อื้อ”

ด้วยศักดิ์ศรีกาเวนเลยไม่โหยหวนเหมือนกัลลาฮาด แต่เสียงครางยังหลุดจากปากเขา อาจเพราะเขาเงียบกว่าจึงโดนตีน้อยกว่าพี่ชาย

กัลลาฮาดดูไม่ยินดี เฮสเทียจึงหวังว่าพี่ของเธอจะเรียนรู้ว่าถ้าเขาอยู่เงียบๆ การลงโทษก็จะไม่นานขนาดนั้น

“เฮ้อ”

ดูมสโตนถอนหายใจพลางนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน เขาถามลูกสาวคนโต “เฮสเทีย เจ้าคิดว่าเราจะตามเดนเบอร์กทันอีกไหม?”

เฮสเทียส่ายศีรษะ “พ่อ ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ขนาดผู้เฒ่าเมอร์ปาพอฟังเรื่องจากเลชาแล้วยังบอกให้ตัดใจ”

ดูมสโตนหน้ามุ่ย

“ข้าพูดตรงๆนะ ข้าไม่คิดเลยว่าเวทมนตร์จะแข็งแกร่งขนาดนั้น นอกจากผู้เฒ่าเมอร์ปากับเดนเบอร์กแล้ว นักเวทคนอื่นในหมู่บ้านช่วยเรื่องพัฒนาคุณภาพชีวิตภายในหมู่บ้านได้ดีก็จริง แต่ไม่ได้เรื่องตอนออกล่าปีศาจ”

ดูมสโตนพูดถูก

“แต่พ่อ ถ้าท่านไม่รู้มาก่อน ทำไมถึงให้เดนเบอร์กเป็นผู้สืบทอดล่ะ?”

ดูมสโตนตอบคำถามของเฮสเทียโดยไม่ลังเล

“เพราะตอนเขาอายุแค่สิบสอง เขาจับมังกรได้ด้วยตัวเองไม่มีใครช่วย”

“อะไรนะ?!” 

ทุกคนในห้องตกตะลึง เฮสเทียแม้ช่วยงานพ่อของเธอแทบทุกวันยังเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก กัลลาฮาดกับกาเวน หลังจากผ่านวัยเป็นผู้ใหญ่มา 4-5 ปี ยังไม่กล้าล่ามังกรคนเดียวแต่มักจะไปกับคนสนิทของพวกเขา 3-4 คน

ถ้าไม่ใช่ดูมสโตนเป็นคนพูด พวกเธอคงโกรธเพราะคิดว่าคนนั้นกำลังโกหก

เฮสเทียจึงเพิ่งรู้ว่าทำไมเหล่าผู้เฒ่าจึงยอมรับเรื่องผู้สืบทอดโดยไม่โต้แย้ง จะว่าไปแล้ว อย่างนี้ก็เข้าใจได้ว่าทำไมพ่อของเธอจึงมั่นใจมากว่าเดนเบอร์กจะจับปีศาจตัวที่มีพลังระดับเดียวกับมังกรได้

เฮสเทียสูดลมหายใจเฮือกเพื่อสงบใจลงและพูดต่อ “ความสามารถด้านดาบของเดนเบอร์กตอนนี้ต่ำกว่ากาเวน พลังกายของเขาก็น้อยกว่ากัลลาฮาด ดังนั้นตอนเขาสู้กับมังกรก็ย่อมน้อยกว่านี้ใช่ไหม?”

“อ้อใช่ ตอนนั้น เดนเบอร์กสู้ด้วยเวทมนตร์และวรยุทธ์”

“เป็นไปไม่ได้!” เลชาที่นั่งพับเข่าชูแขนอยู่เงียบๆ ตะโกนขึ้น

“อะไรเป็นไปไม่ได้?”

เมื่อกัลลาฮาดถาม เลชาตอบทันที

“ใช้เวทมนตร์กับวรยุทธ์พร้อมกันๆจะทำให้พลังเวทในตัวบิดเบี้ยว เจ้าตายได้นะ!”

“เจ้าพูดอะไร?”

“ฟังนะ เวทมนตร์คือการปล่อยพลังเวทออกมาและควบคุมมัน ตรงกันข้าม วรยุทธ์คือการกักพลังเวทให้โคจรในร่างกาย ยกเว้นว่าเจ้ามีสมองสองก้อน ใช้พลังสองอย่างพร้อมๆกันจะทำให้พลังเวทในตัวเจ้าบิดเบี้ยวและอาจถึงตาย”

“แต่การปล่อยรัศมีดาบก็มีพลังเวทปล่อยออกมา ก็เห็นใช้กับวรยุทธ์ได้ไม่มีปัญหานี่” กาเวนพูด

“เวทมนตร์กับรัศมีดาบไม่เหมือนกัน รัศมีดาบปล่อยพลังเวทออกมาขณะคิดว่าดาบเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย พลังเวทจึงโคจรกลับไปที่ร่างกายอีก พูดอีกอย่างคือ เจ้าใช้วรยุทธ์โดยถือว่าดาบเป็นส่วนที่งอกเงยจากแขน เพราะเหตุนี้การเสียพลังเวทจึงต่ำเมื่อใช้รัศมีดาบ แต่เวทมนตร์เป็นการปล่อยพลังเวทออกมาจากร่างกายก่อนแล้วจึงควบคุมมัน รากฐานมันต่างจากวรยุทธ์”

“...”

เฮสเทียเชื่อมั่นว่าในห้องมีเธอคนเดียวที่เข้าใจคำอธิบายของเลชา

“เรื่องนั้นไม่สำคัญ ผ่านไปเถอะ” 

เลชาทำหน้าเหมือนจะร้องว่ามันสำคัญมาก แต่มันไม่มีความหมายอะไรเพราะเดนเบอร์กไม่อยู่ที่นี่

“ในเมื่อตอนนั้นเขาเก่งด้านเวทมนตร์อยู่แล้ว ตอนนี้คงเก่งกว่าเดิม เลชา ตอนเจ้าใช้เวทมนตร์นอกป่า ประสิทธิภาพของมันเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”

เลชาตอบทั้งยังยกแขน “อืม สิบเท่ามั้ง? เพราะว่าเวทมนตร์ที่ข้าร่ายนอกป่ามีพลังเท่ากับที่อาจารย์ร่ายในหมู่บ้าน”

“ถ้าอย่างนั้นข้าถือว่าเดนเบอร์กแข็งแกร่งกว่าตอนอยู่ในหมู่บ้านสิบเท่าได้ใช่ไหม?”

กาเวนกับกัลลาฮาดหวาดผวากับคำถามของเฮสเทีย

คนที่สามารถล้มมังกรเมื่ออายุสิบสองขวบเก่งกว่าเดิมสิบเท่า! ถ้าเดนเบอร์กอายุมากขึ้นเขาจะกลายเป็นดูมสโตนที่สองจริงๆ

“ไม่ เดนเบอร์กใช้เวทได้อย่างอิสระในป่า ยิ่งเจ้าเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทรงพลังขึ้นเท่านั้น”

“งั้น?”

“ข้าไม่แน่ใจ แต่เขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าเดิมร้อยเท่ามั้ง?”

“อึ๋ย...”

กาเวนกับกัลลาฮาดคราง นี่เท่ากับบอกว่านอกจากดูมสโตนแล้วไม่มีใครจัดการกับเดนเบอร์กได้

“พ่อ คิดอย่างไรกับข้อสรุปว่าท่านเป็นคนเดียวที่จับเดนเบอร์กที่อยู่นอกป่าได้?”

“ให้ข้าออกไปจับเขาก็ลำบากอยู่นะ”

ไม่น่าประหลาดใจ 

ประเทศที่อยู่นอกหมู่บ้านหลายประเทศปฏิบัติกับดูมสโตนในระดับเดียวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ พูดง่ายๆว่า หากเขาออกนอกหมู่บ้าน ก็ไม่พ้นว่าเขาจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยหลายๆประเทศ ประเทศที่เขาแวะไปจะตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ในเมื่อเขาไม่สามารถไปไหนมาไหนให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศได้ ดูมสโตนจึงออกจากหมู่บ้านไปจับเดนเบอร์กได้ยาก

“ทำยังไงดี?” ดูมสโตนมองเฮสเทียด้วยสายตาเศร้าสร้อย

ธรรมเนียมของหมู่บ้านคือเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นหัวหน้าเผ่า... ไม่ใช่ หัวหน้าหมู่บ้าน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคิดให้คนอื่นมาแทนเดนเบอร์ก

เฮสเทียเคยเข้าใจว่าเดนเบอร์กถูกเลือกเป็นผู้สืบทอดของดูมสโตนเพราะเขามีความฉลาดมาชดเชยกับความแข็งแกร่งด้านอื่น แต่มันผิดจากที่เธอเข้าใจไปมาก

“-ในเมื่อตอนนี้ไม่มีวิธีจับเดนเบอร์ก ทางเดียวคือหาเขาให้เจอและค่อยๆเกลี้ยกล่อมเขา”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะทำยังไงดี?”

“ตอนนี้ เราควรส่งข่าวไปหาลุง ขอให้ท่านช่วยหาเดนเบอร์ก ทางเราก็ส่งคนออกไปด้วย”

“ให้ใครไปดี?”

“แม้ข้าอยากไป แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าข้าออกจากหมู่บ้าน โครงการต่างๆจะหยุดชะงัก” เฮสเทียพูดพลางมองพี่ชายสองคน

“กัลลาฮาดกับกาเวนเป็นกำลังสำคัญที่สุดของหมู่บ้าน และพวกเขาไม่มีความรู้เรื่องโลกภายนอก พวกเขาก็ไปไม่ได้เช่นกัน” เธอถอนหายใจ

เธอนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะก่ออุบัติเหตุแบบไหนขึ้นมาถ้าอยู่นอกหมู่บ้าน

เฮสเทียมองเลชาที่กำลังคุกเข่ายกมือ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ในเมื่อเดนเบอร์กเป็นนักเวท เราส่งเลชาไปเถอะค่ะเพราะเธอเข้าใจเรื่องเวทมนตร์ดี ให้นักรบที่เก่งที่สุดจำนวนหนึ่งติดตามไปด้วย แล้วก็ส่งคนในกระทรวงต่างประเทศที่มีความรู้เรื่องสถานการณ์และวัฒนธรรมโลกภายนอก”

“เดี๋ยวก่อน?! ข้าเหรอ?!” เลชายืนขึ้น

เฮสเทียพยักหน้า

“เจ้าบอกว่าการฝึกเวทมนตร์กำลังตันอยู่ใช่ไหมล่ะ ถือโอกาสนี้ไปดูโลกภายนอกและศึกษาจากเดนเบอร์ก”

“ดี ส่งเธอไปตามที่เจ้าว่า”

ดูมสโตนสรุปเป็นครั้งสุดท้าย

“ติดต่อกลับมาบ่อยๆนะ ไม่ต้องกลัว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนในหมู่บ้านจะออกไปช่วยเจ้า”

“พ่อ ข้ากลัวเรื่องที่ทั้งหมู่บ้านจะออกมามากกว่า”

เลชา ค่อยๆลดแขนลงด้วยน้ำตานองหน้า



สารบัญ                                            บทที่ 14



ผู้ชายอายุ 20-21 ถูกพ่อตีก้น... เค้า(ใคร?)ว่าในสายตาพ่อแม่คน ลูกยังเด็กเสมอ - -"

กว่าจะหลุดจากป่า... บทหน้า อย่าไปเลยบางกอก... เอ๊ย... เดินทางสู่เมืองหลวง มี 10 ตอนค่ะ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น