วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ชีวิตข้า - บทที่ 11

บทที่ 11 – หนีออกจากบ้าน (11)


มาคิดดูแล้ว ร่องรอยที่เดนเบอร์กทิ้งไว้ก็เด่นกว่าที่เคย ขนาดที่ทำให้กาเวนสงสัยว่ามันอาจเป็นกับดัก

“ตูปวดหัว” กาเวนพึมพำ

แมคไขว้มือไว้ข้างหลังแล้วเอ่ย “คิดอะไรมาก? ก็ส่งข่าวไปบอกผู้บัญชาการสิ”

กาเวนเห็นด้วยว่าเป็นความคิดที่ดี ถึงอย่างไร ความฉลาดเฉลียวก็ไม่ได้อยู่ในความเชี่ยวชาญของเขา

“นั่นสิ ติดต่อเฮสเทีย เราสะสางพื้นที่”

“ทราบ!”

เหล่านักรบกระจายออกไปตรวจสอบพื้นที่

แมคมาหากาเวนแล้วถามเสียงเบา “กัปตัน เราต้องยิงนายน้อยจริงๆเหรอ?” มือของเขาแตะกระบอกบรรจุลูกศรไว้เต็มที่ด้านหลัง

“ใช่ เพราะเฮสเทียบอกอย่างนั้น”

“แต่นายน้อยเป็นทายาทของเจ้านาย ถ้าเขาบาดเจ็บขึ้นมา-”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า คนที่บินข้ามเหวได้จะบาดเจ็บเพราะลูกศรจิ๊บจ๊อยเหรอ?”

***

จดหมายจากกาเวนมาถึง มันบอกว่ามีร่องรอยของกองไฟ แต่ไม่มีร่องรอยว่าเดนเบอร์กเคลื่อนไหวหรือหลับที่นั่น

หรือว่ามันจะเป็นกับดักของเดนเบอร์ก?

เฮสเทียคิดว่าไม่น่าจะใช่ หากน้องชายคนเล็กของเธอไม่โง่ เขาจะต้องหาวิธีรับมือหลังจากถูกบีบให้สร้างกองไฟเนื่องจากความหนาว เป็นไปได้ว่าอาจจะใช้เวทมนตร์บินหลบไปหรือลบร่องรอยการเคลื่อนไหวของเขาอย่างสิ้นเชิง อีกอย่างหนึ่งที่ไม่มีร่องรอยว่าเขานอนที่นั่นก็เพราะเขาไม่ได้นอนที่นั่น

เดนเบอร์กกำลังถูกไล่ล่า แม้เขาจะสลัดการติดตามของผู้ล่ามาได้จนถึงตอนนี้แต่เขาจะไม่ก่อกองไฟนอนจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่ได้ถูกไล่ล่า หากให้เธอเดา เขาคงก่อกองไฟขึ้นมา เอาหินหรือก้อนกรวดไปเผาและเดินทางต่อเมื่อได้ความร้อนเพียงพอ มันอาจไม่ดีเท่ากองไฟ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

ดังนี้แล้วเฮสเทียจึงเขียนเหตุผลของเธอลงไป บอกพวกเขาให้ไม่ต้องกังวลเรื่องกับดัก จากนั้นก็เขียนคำสั่งและส่งเหยี่ยวสื่อสารออกไป

ปัญหาใหญ่ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเดนเบอร์กได้วางกับดักไว้หรือไม่ แต่เป็นระยะห่างระหว่างศูนย์บัญชาการกับหน่วยไล่ตามทำให้เกิดความล่าช้าในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร การที่เหยี่ยวสื่อสารได้พักผ่อนเพียงเล็กน้อยก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความล่าช้าเช่นกัน แม้ป่าจะเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับเดนเบอร์ก ความล่าช้าของการแลกเปลี่ยนข่าวสารก็เป็นอุปสรรคใหญ่เช่นกันสำหรับผู้ไล่ล่า

แน่นอน มันยังไม่เท่าอุปสรรคของเดนเบอร์ก

ถ้าเขาใช้เวทมนตร์ได้ตามใจชอบก็ไม่มีใครนอกจากดูมสโตนแล้วที่จะจับเขาได้

***  

บ่ายโมงกว่า

ผมกำลังถูกไล่ตามอย่างหนัก คิดว่าระยะห่างระหว่างผมกับผู้ล่าคงประมาณ 1 กม.

ทำไมผมรู้ทั้งๆที่อยู่ในป่ารกเห็นได้ไม่ไกลอย่างนั้นเหรอ?

ฟุ่บ! แก๊ง!

นั่นเพราะลูกธนูที่บินมาทางผมเป็นครั้งคราว ในป่ากระทั่งผมสักเส้นยังมองไม่เห็น แต่ลูกธนูบ้าพวกนี้พุ่งตรงมาทางผมอย่างแม่นยำ คนๆเดียวที่สามารถทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ได้ก็มีแต่พี่แมค เขาอยู่ในหน่วยนักธนูและเป็นนักธนูอันดับหนึ่งของหมู่บ้าน

เวร ผมไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะยิงจริงๆ!

ฟุ่บ! แก๊ง!

ลูกธนูถูกดาบของผมปัดออก ข้อมือผมชาเล็กน้อยจากการปัดลูกธนู ดูเหมือนระยะห่างจะลดลงอีก 50 ม. ถ้าระยะห่างลดลงเรื่อยๆจนน้อยกว่า 500 เมตรเมื่อไหร่ผมก็ปัดธนูออกด้วยดาบอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ถ้าผมตั้งใจฝึกดาบมากกว่านี้ผมคงใช้รัศมีคลุมดาบแล้วปัดลูกธนู แต่ที่สำคัญกว่าคือ คนยิงธนูมีความสามารถเกินไป

หากระยะห่างลดต่ำกว่า 500 เมตร ปฏิกิริยาของผมคงไม่รวดเร็วเท่าความเร็วของลูกธนู แน่นอน ผมสามารถใช้รัศมีดาบปัดลูกธนู แต่ใช้เวทสร้างบาเรียจะปลอดภัยกว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากไม่มีเหตุผลเฉพาะ ผมจะใช้ดาบแก้ปัญหา แต่หลังจากผมเข้าใจเวทมนตร์ดีขึ้นเรื่อยๆ เวทมนตร์กลายเป็นทางเลือกที่เร็วกว่าปลอดภัยกว่าสำหรับผมในป่า

สรุปว่า เพิ่มระยะห่างจากผู้ล่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาพลังเวทของผม ถ้าเพิ่มระยะห่างไม่ได้อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้มันลดมากกว่านี้

ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงน่าหวาดเสียวดังจากข้างหลัง

ฟ้าว!

เชี่ย!

ลูกธนูที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานพุ่งตรงมาทางผม ต้องใส่พลังมานาไปเท่าไหร่ถึงทำให้มันฟังเหมือนอากาศถูกฉีกออกนะ? ครั้งนี้ผมไม่คิดว่าจะใช้ดาบปัดได้

บาเรีย! บาเรีย!

พ่อของผมคงต่อยมันได้ แต่ร่างกายของผมไม่ได้รับการฝึกฝนถึงขั้นนั้นในเมื่อผมเป็นนักเวท

หือ?

อัตราการใช้พลังเวทดูน่าเป็นห่วงเมื่อดึงพลังเวทออกมา แต่ผมต้องสร้างบาเรียป้องกันหากไม่อยากตาย

บาเรีย! บาเรีย!

ผมรู้สึกตาลายเมื่อพลังเวทลดลงพรวดๆ หากผมอยู่ในสภาพดีพร้อมคงไม่เป็นไร แต่สภาพร่างกายและจิตใจของผมย่ำแย่เพราะไม่ได้พักผ่อนตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ยืดเยื้อนี้

บาเรีย! บาเรีย! บาเรีย!

หลังจากสร้างบาเรียเจ็ดชั้น ผมห้ามตัวเองไม่ให้กระอักเลือด ดึงดาบออกมาตั้งรับ เผื่อว่าบาเรียจะถูกทำลาย

บูม! บูม! บูม! บูม! บูม! กึง?

ลูกธนูทะลุบาเรียห้าชั้นและสร้างรอยร้าวให้ชั้นที่หกซึ่งกระแทกมันออกไปอย่างหวุดหวิด

ห๊า?

ลูกธนูที่กระเด้งออกไปทะลวงพื้นและทำให้เกิดการสั่น

อั่ก!

แม้จะเตรียมตัวไว้แล้วผมยังถูกแรงสั่นทำให้ล้ม อาการวิงเวียนจากการใช้เวททำให้ผมไม่ได้ลุกขึ้นทันที ผมหยิบขวดน้ำที่แขวนข้างกระเป๋าด้วยมือสั่นระริก ดื่มให้หายคอแห้ง หายใจเข้าลึกๆ ผมล้างปากและมองไปตรงที่ลูกธนูปักอยู่

ลูกธนูสร้างหลุมขนาดใหญ่เหมือนมาจากลูกระเบิดมากกว่าลูกธนู นี่ไม่มีทางเป็นพลังที่พี่แมคปล่อยออกมาเพียงคนเดียว เพราะรัศมีก็เหมือนเวทมนตร์ เป็นท่าที่ต้องใช้พลังเวทสร้างขึ้น แต่ถ้าเป็นในหมู่บ้านที่พลังเวทเสถียรเขาอาจทำได้

มันอาจเป็นไปได้ถ้าใช้ท่าที่ไม่ต้องให้พลังเวทออกจากร่างกาย เพราะเมื่อพลังเวทออกจากร่างกายย่อมไม่พ้นถูกพลังเวทรุนแรงในป่าก่อกวน โดยเฉพาะรัศมีที่ยิ่งออกห่างจากร่างกายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียพลังมากเท่านั้น

การปล่อยลูกธนูที่พลังขนาดนี้ คงไม่แปลกที่คนสัก 20 คนถอนตัวออกไปเนื่องจากพลังเวทหมด ผมเองก็ใช้พลังเวทที่เหลือไป 50% เพื่อหยุดมัน ถึงกระนั้นผลลัพธ์ก็ไม่แย่นัก เพราะต้องมีคนออกจากหน่วยไล่ตามอีกเพื่อส่งนักรบที่พลังเวทหมดกลับบ้าน

ผมลุกขึ้นและวิ่งหนีต่อ ผมตัดสินใจวิ่งให้เร็วขึ้นก่อนการไล่ตามจะเข้มข้นเข้าไปใหญ่ จากจุดที่ผมอยู่ใช้เวลาไม่นานก็ออกจากป่าได้

“เจอนายน้อยแล้ว!”

“จับเขา!”

เวรแล้วไง!

เพราะว่าผมเอาแต่สนใจหน่วยไล่ตามด้านหลังจึงลืมหน่วยที่อยู่ข้างหน้าเสียสนิท พลังเวทเหลือไม่มากแต่ไม่มีทางเลือกนัก

“บิน!”

ผมลอยกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

ที่หน้าผา ผมสามารถออมพลังเวทได้ด้วยการควบคุมแรงโน้มถ่วงและลมหนุน แต่การบินแบบนั้นมันช้าและต้องคำนวณซับซ้อนซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ในตอนที่ผมรวบรวมสมาธิไม่ได้แบบนี้

ผมรู้สึกขมในปากจากการใช้พลังเวทมากจนรู้สึกเหมือนจะกระอักเลือด

“ยิงเขาลงมา!”

ด้านล่าง ผู้ไล่ตามยิงธนูใส่ผม แต่ผมหลบและบินจากไปอย่างรวดเร็ว ในหมู่บ้านมีนักธนูที่สามารถยิงนกที่บินบนท้องฟ้าลงมาไม่กี่คน ดังนั้นผมจึงหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย

***

เฮสเทียรอข่าวจากหน่วยไล่ตาม พักผ่อนดื่มน้ำชาในศูนย์บัญชาการ เธอเหลือบมองพ่อของเธอ

ดูมสโตนกำลังพิจารณาเอกสารเกี่ยวกับการติดต่อค้าขายระหว่างจักรวรรดิและสาธารณรัฐ

ทางตะวันออกเฉียงเหนือของป่าโอลิมปัส ติดกับเขตเผ่ากาคือสาธารณรัฐ มันเป็นที่ๆถูกเปลี่ยนเป็นดินแดนร้างเพราะราชาปีศาจ ดังนั้นจึงกลายเป็นดินแดนแยกตัวโดดเดี่ยว ผลคือการค้าขายทางทะเลพัฒนา แต่พวกเขายังด้อยประสบการณ์ด้านการค้าขายบนบกจึงมักมาหาเผ่ากาให้คุ้มครองขบวนสินค้าบ่อยๆ

ถึงจะบอกว่าอยู่ติดกัน แต่ในทางภูมิศาสตร์แล้วจักรวรรดิกับสาธารณรัฐห่างกันมากเพราะป่าโอลิมปัสและเขตแดนของปีศาจ การค้าขายทางบกระหว่างทั้งสองดินแดนประกอบด้วยเส้นทางค้าขายผ่านเขตแดนของปีศาจ

แม้เผ่ากาที่พวกเขาจ้างมาคุ้มครองขบวนสินค้าจะชำนาญพื้นที่ในป่าโอลิมปัส เหตุผลที่เส้นทางค้าขายต้องอยู่ในเขตแดนของปีศาจก็เพราะรถม้าไม่สามารถผ่านป่าต้นไม้หนาทึบ ไม่ต้องพูดถึงว่ามันยังปลอดภัยกว่าป่าโอลิมปัสมาก

เขตแดนของปีศาจไม่มีสัตว์ป่าที่เข้มแข็งกว่าปีศาจพวกเขาจึงแค่ต้องเป็นห่วงแต่เรื่องปีศาจ จำนวนปีศาจก็น้อย อาจเพราะพิษของพวกมันทำให้แพร่พันธุ์ยาก ไม่เหมือนกับสัตว์ป่าที่มีจำนวนมาก มากๆ

ก๊อกๆๆ

“ผู้บัญชาการ เราได้ข้อความมา”

เสียงจากข้างนอกดังขึ้น

“เข้ามาได้”

จดหมายจากเจ้าหน้าที่ที่เปิดประตูเข้ามาบอกว่ากลุ่ม 2 ขัดขวางเดนเบอร์ก นายน้อยพยายามบินหนีแต่ต้องหักเลี้ยวไปอีกทางเพื่อหลบลูกธนูจากยามที่รุมยิงเขาจากด้านหลังกลุ่ม 2 สุดท้ายเขาบินไปทางจุดที่กลุ่ม 3 อยู่ตามความตั้งใจของเฮสเทีย

แม้ไม่รู้ว่าเขามีพลังเวทเหลือเท่าไหร่ หลังจากหักเลี้ยวไปแบบนั้นเขาต้องเสียพลังเวทจนทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากๆแน่

“ดูเหมือนว่าใกล้จะถึงตอนจบแล้ว”

นักรบกลุ่ม 2 อยู่ห่างจากชายป่าประมาณ 50 กิโลเมตร กว่าข้อความจะมาถึงหมู่บ้านก็ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือก็คือ ณ ตอนนี้ เหตุการณ์ที่จะตัดสินชะตาของเดนเบอร์กกำลังดำเนินไป

เอาล่ะ เดนเบอร์ก...

เจ้าจะหนีจากสถานการณ์นี้อย่างไร?

***

สิ่งที่ผมตระหนักขณะบินบนฟ้าคือผมถูกล้อมไว้เรียบร้อย ด้านหลังผม หน่วยนักรบที่นำโดยกาเวนไล่ตามมา ขณะที่ยามที่นำโดยกัลลาฮาดกำลังสร้างวงล้อม

มองลงมาจากด้านบน ผมมองแผนของเฮสเทียออกทันที

การล่าเป็นฝูง!

ผมตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเลยล่ะ สาเหตุที่หน่วยไล่ตามยิงใส่ผมไม่ใช่เพื่อดึงพลังเวทของผม แต่พวกเขาทำตัวเป็นหางเสือควบคุมการเคลื่อนไหวของผม

ป่ากว้าง กว้างขนาดไม่มีทางสร้างวงล้อมได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นก่อนผมข้ามหน้าผา ใช้หน้าผาเป็นตัวกักก็สามารถสร้างวงล้อมได้ง่าย ผมคิดว่าหลังจากข้ามหน้าผาแล้วก็ไม่มีทางล้อมผมได้อีก

ผมคิดผิด ผมลืมไปว่ากำลังถูกไล่ตามโดยนายพรานผู้เชี่ยวชาญและนายพรานที่ว่านั้นถูกสั่งการโดยคนที่ถือเป็นอัจฉริยะในรอบร้อยปี

ขณะที่ผมเคลื่อนที่ไปทางชายป่า วงล้อมก็เคลื่อนตามและแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆ ที่นี่ห่างจากหมู่บ้านเป็นร้อยกิโลเมตร แต่ละหน่วยจึงไม่ได้ติดต่อกับพี่สาวคนโตของผมอย่างใกล้ชิด แต่พวกเขายังทำงานสอดประสานกันอย่างดี

นั่นหมายความว่าพี่สาวคนโตอ่านการเคลื่อนไหวของผมได้สมบูรณ์แบบและส่งคำสั่งออกมาล่วงหน้า

ขณะกำลังบิน ผมรู้สึกว่าพลังเวทลดลงเรื่อยๆจึงตัดสินใจลงพื้น เวลาไม่ได้อยู่ข้างผมเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของผู้ไล่ตาม ชะตากรรมของผมจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับว่าผมจะออกจากป่าได้เร็วหรือไม่

เอาล่ะ นี่คือการผจญภัย




สารบัญ                                        บทที่ 12


ย้ำอีกครั้ง บทหนีออกจากบ้านมี 13 ตอนจ้า ^0^





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น