วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 12

บทที่ 12 หนีออกจากบ้าน (12)


เหยี่ยวสื่อสารบินมาหากาเวน ดูจากปลอกคอ มันไม่ได้มาจากเฮสเทียแต่เป็นกัลลาฮาด ที่กำลังสร้างวงล้อมด้านหน้าเดนเบอร์ก

ตอนนี้เป็นเวลา 11.30 น. และไม่มีคำสั่งจากเฮสเทีย ในข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมา เธอออกคำสั่งใหม่ๆให้หน่วยไล่ตามและบอกให้จากนี้ไปพวกเขาตัดสินใจเคลื่อนไหวกันเอง

มันมีเหตุผลเพราะด้วยระยะเพียง 50 กิโลเมตรที่เหลือนี้ หากหน่วยไล่ตามยังลังเลรอคำสั่งจากเฮสเทีย เป้าหมายของพวกเขาจะหนีจากป่าไปได้ แม้พวกเขาจะไม่ได้คำแนะนำจากเธออีกต่อไป เธอก็ให้แผนสร้างวงล้อมอย่างดีแล้ว หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เดนเบอร์กไม่มีทางหนีจากวงล้อมระดับนี้

“กัปตันกาเวน กัปตันกัลลาฮาดบอกว่าเขาจะรวมหน่วยยามที่หนึ่งกับสองเข้าด้วยกันเพื่อปิดวงล้อม”

“บอกกัลลาฮาดว่าทราบแล้วและสั่งให้หน่วยนักรบที่สามเข้าไปในวงล้อมโดยไม่ให้รบกวนพวกเขา”

“ได้”

คนๆหนึ่งรีบร้อนมาทางกาเวนที่กำลังฟังแมคอ่านจดหมาย

“กัปตัน! มีข้อความด่วนจากหน่วยที่สาม! พวกเขากำลังสู้กับนายน้อยเดนเบอร์ก”

“อะไรนะ!”

ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น

มันเร็วกว่าที่เฮสเทียคำนวณไว้ 20 นาที!

“บ้าจริง! ติดต่อกัลลาฮาดขอให้เขาส่งกำลังเสริมให้หน่วยที่สาม”

หน่วยที่สามเชื่อมต่อกับด้านซ้ายและขวาของวงล้อม มันทำหน้าที่เป็นปลั๊กอุดรูหนึ่งเดียวในวงล้อม นั่นก็คือ ถ้าเดนเบอร์กฝ่าหน่วยที่สามไปได้ก็ไม่มีใครหยุดเขาออกจากป่า

แน่นอน หน่วยนี้มีนักรบ 100 นาย ไม่ใช่กำลังรบที่เดนเบอร์กสามารถฝ่าไปได้ด้วยแรงล้วนๆ แต่ด้วยความสามารถทั้งด้านเวทมนตร์และกำลังกาย ถ้าเขาอยากเลี่ยงการสู้ตรงๆและหนีไป ความเป็นไปได้ที่จะทำสำเร็จนั้นสูงทีเดียว

“ทุกคน ใช้ความเร็วเต็มที่ตรงไปที่หน่วยสาม!”

***

ผมกลั้นลมหายใจขณะเข้าไปใกล้วงล้อม จากนั้นผมเฝ้ามองยามที่กำลังสร้างวงล้อมอยู่

มองจากยอดไม้ วงล้อมดูไม่หนาเพราะมีเพียงสามชั้น แต่เพราะระยะห่างระหว่างยามแต่ละคนไม่กว้างมากทำให้ขบวนตั้งในแบบที่ยามในบริเวณนั้นสามารถเข้ามาช่วยได้รวดเร็วหากเกิดเหตุปกติ

โชคร้าย การป้องกันธนูผสมด้วยพลังเวทมหาศาลและการบินอย่างรีบร้อนทำให้พลังเวทของผมเหลือน้อยกว่า 10% ด้วยพลังเวทปริมาณเท่านั้น ถ้าผมบินคงไปตกในวงล้อม หรือต่อให้บินผ่านไปได้และฝ่าวงล้อมไปได้อย่างปาฏิหาริย์ก็ต้องถูกจับเพราะอาการหมดแรงจากใช้พลังเวทหมดอยู่ดี

ขณะผมมองวงล้อมอย่างวุ่นวายใจอยู่นั้น ยามก็หยุดสร้างวงล้อมและเปลี่ยนทิศทาง

ได้ผลเหรอ?

แผนฉันสำเร็จเหรอ?

ยามตรงไปทางหน่วยนักรบที่สาม ผมพุ่งไปยังวงล้อมที่บางลงทันที จุดที่ผมอยู่ตอนนี้ไม่ไกลจากจุดที่หน่วยนักรบที่สามอยู่ แปลว่าอีกไม่นานพวกเขาจะรู้ว่าจดหมายเป็นของปลอมที่ผมส่งไป

สิ่งสำคัญที่สุดคือผมต้องฝ่าวงล้อมและหนีออกจากป่าให้ได้ก่อนมันจะกลับมาหนาอีกครั้ง

เวลาไม่เข้าข้างผม

***

กาเวนกำลังนำนักรบไปยังหน่วยนักรบที่สามเมื่อเขาได้ข้อความจากยาม

-ด่วน นายน้อยเดนเบอร์กกำลังโจมตีวงล้อมและเตรียมฝ่าออกไป ขอกำลังเสริม

กาเวนอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาได้ข้อความว่าเดนเบอร์กกำลังสู้กับหน่วยนักรบที่สามอยู่ชัดๆ เขาจะไปโจมตีวงล้อมในเวลาเดียวกันได้อย่างไร?

“กัปตัน ทำยังไงดี?”

เมื่อถูกแมคถาม กาเวนตัดสินใจไม่ลังเล

“-แยกเป็นสองกลุ่ม เจ้าไปทางวงล้อม ข้าจะไปหน่วยนักรบที่สาม”

“ได้ พวกเราไป”

“ครับ!”

แมคพานักรบครึ่งหนึ่งไปอีกทาง

***

หลังจากฝ่าวงล้อมได้ผมก็วิ่งเต็มที่ เหลืออีกไม่ถึง 5 กม.ก่อนผมจะหลุดจากป่า ถ้าออกจากป่าได้ผมก็สามารถบินด้วยพลังเวทที่เหลืออยู่เล็กน้อย ในที่สุด ผมจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขห่างจากการล่าพวกมอนสเตอร์และปีศาจ

ผมกำลังประสบกับความรู้สึกสุขสมของนักวิ่งมาราธอนขณะวิ่งรอบสุดท้าย ภายใต้ความกดดันของการถูกไล่ล่าและใช้ร่างกายของผมจนเกินขีดจำกัด ผมรู้สึกถึงอดรีนาลีนกำลังไหลทั่วร่าง

ตอนนั้นเอง...

ฟิ้ว!

ผมดึงดาบออกมาตามสัญชาติญาณป้องกันลูกธนูที่บินมาทางผม

กึง!

ผมรู้ทันทีว่าข้อความปลอมถูกแฉเสียแล้วและหน่วยไล่ตามกำลังไล่ตามผมมาติดๆ ความตื่นเต้นที่มีเริ่มร่วงลง

เกือบไป ผมทำเหมือนออกจากป่าได้แล้วทั้งๆที่ยัง

ผมวิ่งให้เร็วที่สุด

ฟิ้ว! กึง! ฟิ้ว! กึง! ฟิ้ว! กึง!

ลูกธนูคอยบินมาทางผม ผมวิ่งสุดแรงพลางปัดมันออกโดยไม่หลบ ถ้าขยับหลบเกินความจำเป็นก็เป็นไปได้ว่าผมอาจถูกจับ

แรงที่แฝงมากับลูกธนูแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกกดดันมากขึ้นทุกครั้งที่ลูกธนูพุ่งมาด้วยมันแสดงว่าระยะห่างกำลังหดสั้นลง

ดูจากที่ผมเป็นหนึ่งในคนที่เร็วที่สุดในหมู่บ้าน คนเดียวที่สามารถยิงธนูใส่ผมจากระยะห่างขนาดนี้ได้คือนักธนู แมค

แต่ตอนนี้ผมจวนเจียนจะหลุดจากป่าแล้ว พื้นที่รอบๆเริ่มสว่างขึ้นเมื่อต้นไม้ใหญ่หายไป ผมเห็นทุ่งหญ้าสีเขียวตรงหน้า

ออกมาแล้วเหรอ?

ผมไม่เคยเห็นทุ่งหญ้าแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาในโลกนี้ ที่จริง แม้แต่ในชาติก่อนผมก็ไม่เคยเห็นที่ราบครอบคลุมทั้งดินแดนแบบนี้ ผมเกือบตกสู่ภวังค์แปลกๆขณะมองภาพมหัศจรรย์เบื้องหน้า

บูม!

ผมสร้างบาเรียขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวป้องกันเปลวไฟรุนแรง ผมรู้สึกมึนไปวูบหนึ่ง พลังเวทที่ยิงใส่ผมใกล้กับระดับของผู้เฒ่าเมอร์ปา นักเวทที่เข้มแข็งที่สุดในหมู่บ้าน

ผู้เฒ่าเมอร์ปาร่วมล่าด้วยเหรอ?

ถ้าใช่ก็จบกัน ด้วยสภาพของผมตอนนี้ สู้กับผู้เฒ่าเมอร์ปาเท่ากับฆ่าตัวตาย

ผมลุกลี้ลุกลนมองรอบตัว มาคิดดูแล้ว ผมสร้างบาเรียอย่างไม่ทันคิดแต่กลับไม่เป็นอะไรเลย ปกติแล้วมันจะทำให้ผมทรุดลงกระอักเลือด แต่เปลวไฟเพียงถูกป้องกันด้วยบาเรียของผม

ผมสงบใจลงกับความจริงว่าบาเรียของผมแข็งแกร่งกว่าที่คิด ตอนนั้นเองที่ผมตระหนักถึงความจริงสองข้อ

ข้อแรกคือพลังเวทที่ไหลเวียนในบรรยากาศนั้นสงบซึ่งต่างมากจากในป่าและกระทั่งต่างจากการไหลเวียนอย่างเสถียรในหมู่บ้าน ข้อสอง ผมใช้เวทได้โดยไม่ต้องร่ายคาถาหรือใช้มือ

ผมรู้มาว่าพลังเวทที่นี่จะไหลเวียนอย่างมั่นคงกว่าในป่าหรือในหมู่บ้าน แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะขนาดนี้

ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ถ้าพลังเวทในป่าเป็นพายุไซโคลนที่ฆ่าทุกคนที่มันพัดใส่ พลังเวทในหมู่บ้านคือพายุอ่อนที่ไม่ทำร้ายถึงชีวิต ในทางตรงกันข้าม พลังเวทนอกป่าเหมือนสายลมสดชื่น แน่นอนว่าในสภาพแวดล้อมแบบนี้ คาถาหรือท่ามือไม่ใช่ของจำเป็นในการใช้พลังเวท

“เฮ้ เวลาถูกลอบทำร้ายก็ช่วยทำเป็นตกใจให้หน่อยไม่ได้เหรอ?!”

เลชาหยุดใช้เวทและประท้วงจากที่ห่างออกไป

ทำไมเลชาอยู่ที่นี่?

มีคนอื่นซุ่มอยู่อีกหรือเปล่า?

“โอ๊ะ ตกใจ” ผมพูดง่ายๆขณะระวังตัว

“อย่ามาโกหกนะ”

“จริงนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเจอพลังเวทที่สงบแบบนี้”

ที่จริงคือผมแปลกใจที่พี่สาวปล่อยพลังเวทระดับนี้ออกมา ผมคิดว่าเป็นผู้เฒ่าเมอร์ปาเสียอีก

“แค่นั้นเหรอ? ไม่สงสัยว่าทำไมข้ามาอยู่ที่นี่เหรอ?”

“ก็ เพราะเฮสเทียส่งเจ้ามาใช่ไหมล่ะ”

ที่จริงผมไม่รู้ว่าเลชาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรถ้าไม่ใช่คำแนะนำจากเฮสเทีย ถ้าเป็นเธอก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอสามารถคาดเดาจุดที่ผมออกจากป่า

พี่สาวของผมบ่นพึมพำหน้างอ “เฮสเทียส่งข้ามาจริงๆ แต่เจ้าก็แสดงสีหน้าท่าทางน้อยไปอยู่ดี”

หลังจากสงบใจลงผมก็เห็นว่าเธอแค่กำลังพยายามถ่วงเวลา ตรงนี้มีเลชาที่เพิ่งใช้พลังเวทในระดับที่เธอไม่อาจฝันถึงถ้าอยู่ในหมู่บ้าน และผมที่ป้องกันพลังเวทนั้นได้อย่างไม่รู้ตัว ถ้าพลังเวทของเลชาแข็งแกร่งตรงนี้ แน่นอนว่าพลังเวทของผมก็ด้วย

“งั้น ข้าไปล่ะ”

ผมโบกมือลา เลชาพยายามยื้อผมด้วยเสียงร้อนรน

“ทำไมไม่อยู่คุยกับข้าต่ออีกนิดล่ะ?”

เลชาทำมือและร่ายคาถา ขอนไม้ขยับตัวจากพื้นดินและมาล้อมตัวผม

ดูเหมือนจะไม่มีคนอื่นดักซุ่มอยู่นอกจากเลชา การสร้างวงล้อมก็ใช้จำนวนคนไปมากแล้ว ให้หาคนมาซุ่มโจมตีอีกคงลำบาก คงได้เวลาที่คนอื่นจะมาถึงแล้ว

“ไม่ล่ะขอบใจ ไว้ข้าจะเขียนจดหมายมาหานะ”

ผมสูดหายใจลึกเอาพลังเวทรอบตัวเข้าไป เทียบกับในป่าและหมู่บ้าน พลังเวทที่นี่เชื่อฟังกว่า แค่หายใจครั้งเดียว พลังเวทของผมก็เพิ่มอย่างรวดเร็ว เหมือนผมเปลี่ยนจากเครื่องชาร์จคุณภาพไม่ดีมาเป็นเครื่องชาร์จความเร็วสูง ผมรู้สึกเหมือนกำลังรักษาร่างกายที่ฝืนใช้เวทมานาน

“ฟุส โร ด้า!”

นี่ไม่ใช่เวทยากอะไร ในลมหายใจเดียวผมปล่อยพลังเวทที่ดูดเข้าไปออกมาทั้งหมด แม้จะแค่นั้นแต่บรรดาท่อนไม้ที่ล้อมผมก็กระเด็นไปเหมือนถูกไต้ฝุ่นพัด

เลชาก็โดนพลังเวทของผมเข้าไปด้วย เธอปักไม้เท้ากับพื้นเพื่อหยุดไม่ให้ตัวถูกพัดปลิว

“โอ๊ะ ขอโทษ ข้าเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้เลยควบคุมไม่ได้”

แม้ผมจะพูดง่ายๆแบบนี้ ต่อให้เป็นในหมู่บ้านก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังเวทน้อยขนาดนี้แต่ให้ผลถึงขั้นนี้ อีกอย่าง ตัวผมก็ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่เสียด้วย จากนี้ไปผมควรพยายามควบคุมพลังเวทเอาไว้ ดูเหมือนที่ลุงบอกว่าช้อนมันงอทุกครั้งที่เขารับประทานอาหารจะไม่ใช่การพูดเกินจริง

เมื่อผมรวบรวมพลังเวทอีกครั้ง เลชาที่เผ้าผมกระเซิงมองผมอย่างเหม่อๆ

“เป็นไปได้ยังไง-”

เลชาดูสับสนเหมือนไม่รู้จะพูดยังไง ปฏิกิริยาแบบนั้นมันออกจะเกินไป คาถาแบบนี้เธอก็ทำได้

แม้ผมจะมีความสามารถเหนือกว่าเลชาเล็กน้อย เลชาเป็นลูกศิษย์ของผู้เฒ่าเมอร์ปา นักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน ถ้าพยายามอีกหน่อยเธอสามารถเอาชนะผมได้ง่ายๆเพราะผมต้องฝึกทั้งดาบ หมัดมวย และเวทมนตร์

“นายน้อย-?”

ผมได้ยินแมคเรียกเสียงดังจากด้านหลัง

ไม่มีลูกธนูลอยมาอีกตั้งแต่ผมออกจากป่า ดูเหมือนหลังจากรู้ว่าผมถูกเลชาหยุดไว้ แมคก็รีบมาที่นี่

“บิน!”

ผมใช้เวทส่งร่างตัวเองให้ลอยขึ้น เทียบกับตอนผมต้องใช้ความพยายามทั้งหมดยกร่างตัวเองขึ้นในป่า ตอนนี้การบินให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก

“นายน้อย อย่าไป”

แมคมองผมด้วยสายตาน่าสงสาร ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าจับผมไม่ได้ถ้าอยู่นอกป่า

“นายน้อย ขอร้องล่ะ ถ้าข้าจับท่านไม่ได้ กัปตันกาเวนต้องทึ้งหนวดข้าแน่”

กาเวนต้องทำอย่างนั้นแน่ไม่ต้องสงสัย แต่ผมต้องไป

จริงอยู่ที่ผมไปเพราะไม่อยากกลับไปจับพวกมอนสเตอร์และปีศาจ แต่เมื่อเจอพลังเวทที่ว่าง่ายเรียบร้อยแบบนี้ ผมก็ไม่อยากกลับไปในป่าที่พลังเวทไหลเวียนอย่างดุร้าย 

“แมค อย่าทำร้ายใบหน้าหล่อๆ โกนหนวดเถอะ”

ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ผมไม่เคยเห็นใครหล่อกว่าแมคมาก่อนในทั้งสองชาติ เขาเกิดผิดที่แท้ๆ ถ้าไปเกิดเป็นขุนนางเขาจะเป็นคนงามหายาก

“นายน้อยก็พูดอย่างนี้เหรอ? อย่าไปเลย เห็นแก่หนวดของข้า”

“ข้าไม่กล้าเจอหน้าพ่ออีกแล้ว ช่วยส่งความเคารพให้ท่านแทนข้าและบอกว่าข้าจะเขียนจดหมายมาบ่อยๆ”

ผมดึงพลังเวทเข้ามาให้มากขึ้น

“ไม่!”

“ใช่”

และผมบินไป...

สู่เสรี



สารบัญ                                     บทที่ 13






Skyrim: What Fus Ro Dah is really for  เกมน่าเล่นจัง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น