บทที่ 12 หนีออกจากบ้าน (12)
เหยี่ยวสื่อสารบินมาหากาเวน ดูจากปลอกคอ มันไม่ได้มาจากเฮสเทียแต่เป็นกัลลาฮาด ที่กำลังสร้างวงล้อมด้านหน้าเดนเบอร์ก
ตอนนี้เป็นเวลา 11.30 น. และไม่มีคำสั่งจากเฮสเทีย ในข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมา เธอออกคำสั่งใหม่ๆให้หน่วยไล่ตามและบอกให้จากนี้ไปพวกเขาตัดสินใจเคลื่อนไหวกันเอง
มันมีเหตุผลเพราะด้วยระยะเพียง 50 กิโลเมตรที่เหลือนี้ หากหน่วยไล่ตามยังลังเลรอคำสั่งจากเฮสเทีย เป้าหมายของพวกเขาจะหนีจากป่าไปได้ แม้พวกเขาจะไม่ได้คำแนะนำจากเธออีกต่อไป เธอก็ให้แผนสร้างวงล้อมอย่างดีแล้ว หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เดนเบอร์กไม่มีทางหนีจากวงล้อมระดับนี้
“กัปตันกาเวน กัปตันกัลลาฮาดบอกว่าเขาจะรวมหน่วยยามที่หนึ่งกับสองเข้าด้วยกันเพื่อปิดวงล้อม”
“บอกกัลลาฮาดว่าทราบแล้วและสั่งให้หน่วยนักรบที่สามเข้าไปในวงล้อมโดยไม่ให้รบกวนพวกเขา”
“ได้”
คนๆหนึ่งรีบร้อนมาทางกาเวนที่กำลังฟังแมคอ่านจดหมาย
“กัปตัน! มีข้อความด่วนจากหน่วยที่สาม! พวกเขากำลังสู้กับนายน้อยเดนเบอร์ก”
“อะไรนะ!”
ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น
มันเร็วกว่าที่เฮสเทียคำนวณไว้ 20 นาที!
“บ้าจริง! ติดต่อกัลลาฮาดขอให้เขาส่งกำลังเสริมให้หน่วยที่สาม”
หน่วยที่สามเชื่อมต่อกับด้านซ้ายและขวาของวงล้อม มันทำหน้าที่เป็นปลั๊กอุดรูหนึ่งเดียวในวงล้อม นั่นก็คือ ถ้าเดนเบอร์กฝ่าหน่วยที่สามไปได้ก็ไม่มีใครหยุดเขาออกจากป่า
แน่นอน หน่วยนี้มีนักรบ 100 นาย ไม่ใช่กำลังรบที่เดนเบอร์กสามารถฝ่าไปได้ด้วยแรงล้วนๆ แต่ด้วยความสามารถทั้งด้านเวทมนตร์และกำลังกาย ถ้าเขาอยากเลี่ยงการสู้ตรงๆและหนีไป ความเป็นไปได้ที่จะทำสำเร็จนั้นสูงทีเดียว
“ทุกคน ใช้ความเร็วเต็มที่ตรงไปที่หน่วยสาม!”
***
ผมกลั้นลมหายใจขณะเข้าไปใกล้วงล้อม จากนั้นผมเฝ้ามองยามที่กำลังสร้างวงล้อมอยู่
มองจากยอดไม้ วงล้อมดูไม่หนาเพราะมีเพียงสามชั้น แต่เพราะระยะห่างระหว่างยามแต่ละคนไม่กว้างมากทำให้ขบวนตั้งในแบบที่ยามในบริเวณนั้นสามารถเข้ามาช่วยได้รวดเร็วหากเกิดเหตุปกติ
โชคร้าย การป้องกันธนูผสมด้วยพลังเวทมหาศาลและการบินอย่างรีบร้อนทำให้พลังเวทของผมเหลือน้อยกว่า 10% ด้วยพลังเวทปริมาณเท่านั้น ถ้าผมบินคงไปตกในวงล้อม หรือต่อให้บินผ่านไปได้และฝ่าวงล้อมไปได้อย่างปาฏิหาริย์ก็ต้องถูกจับเพราะอาการหมดแรงจากใช้พลังเวทหมดอยู่ดี
ขณะผมมองวงล้อมอย่างวุ่นวายใจอยู่นั้น ยามก็หยุดสร้างวงล้อมและเปลี่ยนทิศทาง
ได้ผลเหรอ?
แผนฉันสำเร็จเหรอ?
ยามตรงไปทางหน่วยนักรบที่สาม ผมพุ่งไปยังวงล้อมที่บางลงทันที จุดที่ผมอยู่ตอนนี้ไม่ไกลจากจุดที่หน่วยนักรบที่สามอยู่ แปลว่าอีกไม่นานพวกเขาจะรู้ว่าจดหมายเป็นของปลอมที่ผมส่งไป
สิ่งสำคัญที่สุดคือผมต้องฝ่าวงล้อมและหนีออกจากป่าให้ได้ก่อนมันจะกลับมาหนาอีกครั้ง
เวลาไม่เข้าข้างผม
***
กาเวนกำลังนำนักรบไปยังหน่วยนักรบที่สามเมื่อเขาได้ข้อความจากยาม
-ด่วน นายน้อยเดนเบอร์กกำลังโจมตีวงล้อมและเตรียมฝ่าออกไป ขอกำลังเสริม
กาเวนอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาได้ข้อความว่าเดนเบอร์กกำลังสู้กับหน่วยนักรบที่สามอยู่ชัดๆ เขาจะไปโจมตีวงล้อมในเวลาเดียวกันได้อย่างไร?
“กัปตัน ทำยังไงดี?”
เมื่อถูกแมคถาม กาเวนตัดสินใจไม่ลังเล
“-แยกเป็นสองกลุ่ม เจ้าไปทางวงล้อม ข้าจะไปหน่วยนักรบที่สาม”
“ได้ พวกเราไป”
“ครับ!”
แมคพานักรบครึ่งหนึ่งไปอีกทาง
***
หลังจากฝ่าวงล้อมได้ผมก็วิ่งเต็มที่ เหลืออีกไม่ถึง 5 กม.ก่อนผมจะหลุดจากป่า ถ้าออกจากป่าได้ผมก็สามารถบินด้วยพลังเวทที่เหลืออยู่เล็กน้อย ในที่สุด ผมจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขห่างจากการล่าพวกมอนสเตอร์และปีศาจ
ผมกำลังประสบกับความรู้สึกสุขสมของนักวิ่งมาราธอนขณะวิ่งรอบสุดท้าย ภายใต้ความกดดันของการถูกไล่ล่าและใช้ร่างกายของผมจนเกินขีดจำกัด ผมรู้สึกถึงอดรีนาลีนกำลังไหลทั่วร่าง
ตอนนั้นเอง...
ฟิ้ว!
ผมดึงดาบออกมาตามสัญชาติญาณป้องกันลูกธนูที่บินมาทางผม
กึง!
ผมรู้ทันทีว่าข้อความปลอมถูกแฉเสียแล้วและหน่วยไล่ตามกำลังไล่ตามผมมาติดๆ ความตื่นเต้นที่มีเริ่มร่วงลง
เกือบไป ผมทำเหมือนออกจากป่าได้แล้วทั้งๆที่ยัง
ผมวิ่งให้เร็วที่สุด
ฟิ้ว! กึง! ฟิ้ว! กึง! ฟิ้ว! กึง!
ลูกธนูคอยบินมาทางผม ผมวิ่งสุดแรงพลางปัดมันออกโดยไม่หลบ ถ้าขยับหลบเกินความจำเป็นก็เป็นไปได้ว่าผมอาจถูกจับ
แรงที่แฝงมากับลูกธนูแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกกดดันมากขึ้นทุกครั้งที่ลูกธนูพุ่งมาด้วยมันแสดงว่าระยะห่างกำลังหดสั้นลง
ดูจากที่ผมเป็นหนึ่งในคนที่เร็วที่สุดในหมู่บ้าน คนเดียวที่สามารถยิงธนูใส่ผมจากระยะห่างขนาดนี้ได้คือนักธนู แมค
แต่ตอนนี้ผมจวนเจียนจะหลุดจากป่าแล้ว พื้นที่รอบๆเริ่มสว่างขึ้นเมื่อต้นไม้ใหญ่หายไป ผมเห็นทุ่งหญ้าสีเขียวตรงหน้า
ออกมาแล้วเหรอ?
ผมไม่เคยเห็นทุ่งหญ้าแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาในโลกนี้ ที่จริง แม้แต่ในชาติก่อนผมก็ไม่เคยเห็นที่ราบครอบคลุมทั้งดินแดนแบบนี้ ผมเกือบตกสู่ภวังค์แปลกๆขณะมองภาพมหัศจรรย์เบื้องหน้า
บูม!
ผมสร้างบาเรียขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวป้องกันเปลวไฟรุนแรง ผมรู้สึกมึนไปวูบหนึ่ง พลังเวทที่ยิงใส่ผมใกล้กับระดับของผู้เฒ่าเมอร์ปา นักเวทที่เข้มแข็งที่สุดในหมู่บ้าน
ผู้เฒ่าเมอร์ปาร่วมล่าด้วยเหรอ?
ถ้าใช่ก็จบกัน ด้วยสภาพของผมตอนนี้ สู้กับผู้เฒ่าเมอร์ปาเท่ากับฆ่าตัวตาย
ผมลุกลี้ลุกลนมองรอบตัว มาคิดดูแล้ว ผมสร้างบาเรียอย่างไม่ทันคิดแต่กลับไม่เป็นอะไรเลย ปกติแล้วมันจะทำให้ผมทรุดลงกระอักเลือด แต่เปลวไฟเพียงถูกป้องกันด้วยบาเรียของผม
ผมสงบใจลงกับความจริงว่าบาเรียของผมแข็งแกร่งกว่าที่คิด ตอนนั้นเองที่ผมตระหนักถึงความจริงสองข้อ
ข้อแรกคือพลังเวทที่ไหลเวียนในบรรยากาศนั้นสงบซึ่งต่างมากจากในป่าและกระทั่งต่างจากการไหลเวียนอย่างเสถียรในหมู่บ้าน ข้อสอง ผมใช้เวทได้โดยไม่ต้องร่ายคาถาหรือใช้มือ
ผมรู้มาว่าพลังเวทที่นี่จะไหลเวียนอย่างมั่นคงกว่าในป่าหรือในหมู่บ้าน แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะขนาดนี้
ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ถ้าพลังเวทในป่าเป็นพายุไซโคลนที่ฆ่าทุกคนที่มันพัดใส่ พลังเวทในหมู่บ้านคือพายุอ่อนที่ไม่ทำร้ายถึงชีวิต ในทางตรงกันข้าม พลังเวทนอกป่าเหมือนสายลมสดชื่น แน่นอนว่าในสภาพแวดล้อมแบบนี้ คาถาหรือท่ามือไม่ใช่ของจำเป็นในการใช้พลังเวท
“เฮ้ เวลาถูกลอบทำร้ายก็ช่วยทำเป็นตกใจให้หน่อยไม่ได้เหรอ?!”
เลชาหยุดใช้เวทและประท้วงจากที่ห่างออกไป
ทำไมเลชาอยู่ที่นี่?
มีคนอื่นซุ่มอยู่อีกหรือเปล่า?
“โอ๊ะ ตกใจ” ผมพูดง่ายๆขณะระวังตัว
“อย่ามาโกหกนะ”
“จริงนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเจอพลังเวทที่สงบแบบนี้”
ที่จริงคือผมแปลกใจที่พี่สาวปล่อยพลังเวทระดับนี้ออกมา ผมคิดว่าเป็นผู้เฒ่าเมอร์ปาเสียอีก
“แค่นั้นเหรอ? ไม่สงสัยว่าทำไมข้ามาอยู่ที่นี่เหรอ?”
“ก็ เพราะเฮสเทียส่งเจ้ามาใช่ไหมล่ะ”
ที่จริงผมไม่รู้ว่าเลชาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรถ้าไม่ใช่คำแนะนำจากเฮสเทีย ถ้าเป็นเธอก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอสามารถคาดเดาจุดที่ผมออกจากป่า
พี่สาวของผมบ่นพึมพำหน้างอ “เฮสเทียส่งข้ามาจริงๆ แต่เจ้าก็แสดงสีหน้าท่าทางน้อยไปอยู่ดี”
หลังจากสงบใจลงผมก็เห็นว่าเธอแค่กำลังพยายามถ่วงเวลา ตรงนี้มีเลชาที่เพิ่งใช้พลังเวทในระดับที่เธอไม่อาจฝันถึงถ้าอยู่ในหมู่บ้าน และผมที่ป้องกันพลังเวทนั้นได้อย่างไม่รู้ตัว ถ้าพลังเวทของเลชาแข็งแกร่งตรงนี้ แน่นอนว่าพลังเวทของผมก็ด้วย
“งั้น ข้าไปล่ะ”
ผมโบกมือลา เลชาพยายามยื้อผมด้วยเสียงร้อนรน
“ทำไมไม่อยู่คุยกับข้าต่ออีกนิดล่ะ?”
เลชาทำมือและร่ายคาถา ขอนไม้ขยับตัวจากพื้นดินและมาล้อมตัวผม
ดูเหมือนจะไม่มีคนอื่นดักซุ่มอยู่นอกจากเลชา การสร้างวงล้อมก็ใช้จำนวนคนไปมากแล้ว ให้หาคนมาซุ่มโจมตีอีกคงลำบาก คงได้เวลาที่คนอื่นจะมาถึงแล้ว
“ไม่ล่ะขอบใจ ไว้ข้าจะเขียนจดหมายมาหานะ”
ผมสูดหายใจลึกเอาพลังเวทรอบตัวเข้าไป เทียบกับในป่าและหมู่บ้าน พลังเวทที่นี่เชื่อฟังกว่า แค่หายใจครั้งเดียว พลังเวทของผมก็เพิ่มอย่างรวดเร็ว เหมือนผมเปลี่ยนจากเครื่องชาร์จคุณภาพไม่ดีมาเป็นเครื่องชาร์จความเร็วสูง ผมรู้สึกเหมือนกำลังรักษาร่างกายที่ฝืนใช้เวทมานาน
“ฟุส โร ด้า!”
นี่ไม่ใช่เวทยากอะไร ในลมหายใจเดียวผมปล่อยพลังเวทที่ดูดเข้าไปออกมาทั้งหมด แม้จะแค่นั้นแต่บรรดาท่อนไม้ที่ล้อมผมก็กระเด็นไปเหมือนถูกไต้ฝุ่นพัด
เลชาก็โดนพลังเวทของผมเข้าไปด้วย เธอปักไม้เท้ากับพื้นเพื่อหยุดไม่ให้ตัวถูกพัดปลิว
“โอ๊ะ ขอโทษ ข้าเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้เลยควบคุมไม่ได้”
แม้ผมจะพูดง่ายๆแบบนี้ ต่อให้เป็นในหมู่บ้านก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังเวทน้อยขนาดนี้แต่ให้ผลถึงขั้นนี้ อีกอย่าง ตัวผมก็ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่เสียด้วย จากนี้ไปผมควรพยายามควบคุมพลังเวทเอาไว้ ดูเหมือนที่ลุงบอกว่าช้อนมันงอทุกครั้งที่เขารับประทานอาหารจะไม่ใช่การพูดเกินจริง
เมื่อผมรวบรวมพลังเวทอีกครั้ง เลชาที่เผ้าผมกระเซิงมองผมอย่างเหม่อๆ
“เป็นไปได้ยังไง-”
เลชาดูสับสนเหมือนไม่รู้จะพูดยังไง ปฏิกิริยาแบบนั้นมันออกจะเกินไป คาถาแบบนี้เธอก็ทำได้
แม้ผมจะมีความสามารถเหนือกว่าเลชาเล็กน้อย เลชาเป็นลูกศิษย์ของผู้เฒ่าเมอร์ปา นักเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน ถ้าพยายามอีกหน่อยเธอสามารถเอาชนะผมได้ง่ายๆเพราะผมต้องฝึกทั้งดาบ หมัดมวย และเวทมนตร์
“นายน้อย-?”
ผมได้ยินแมคเรียกเสียงดังจากด้านหลัง
ไม่มีลูกธนูลอยมาอีกตั้งแต่ผมออกจากป่า ดูเหมือนหลังจากรู้ว่าผมถูกเลชาหยุดไว้ แมคก็รีบมาที่นี่
“บิน!”
ผมใช้เวทส่งร่างตัวเองให้ลอยขึ้น เทียบกับตอนผมต้องใช้ความพยายามทั้งหมดยกร่างตัวเองขึ้นในป่า ตอนนี้การบินให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก
“นายน้อย อย่าไป”
แมคมองผมด้วยสายตาน่าสงสาร ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าจับผมไม่ได้ถ้าอยู่นอกป่า
“นายน้อย ขอร้องล่ะ ถ้าข้าจับท่านไม่ได้ กัปตันกาเวนต้องทึ้งหนวดข้าแน่”
กาเวนต้องทำอย่างนั้นแน่ไม่ต้องสงสัย แต่ผมต้องไป
จริงอยู่ที่ผมไปเพราะไม่อยากกลับไปจับพวกมอนสเตอร์และปีศาจ แต่เมื่อเจอพลังเวทที่ว่าง่ายเรียบร้อยแบบนี้ ผมก็ไม่อยากกลับไปในป่าที่พลังเวทไหลเวียนอย่างดุร้าย
“แมค อย่าทำร้ายใบหน้าหล่อๆ โกนหนวดเถอะ”
ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ผมไม่เคยเห็นใครหล่อกว่าแมคมาก่อนในทั้งสองชาติ เขาเกิดผิดที่แท้ๆ ถ้าไปเกิดเป็นขุนนางเขาจะเป็นคนงามหายาก
“นายน้อยก็พูดอย่างนี้เหรอ? อย่าไปเลย เห็นแก่หนวดของข้า”
“ข้าไม่กล้าเจอหน้าพ่ออีกแล้ว ช่วยส่งความเคารพให้ท่านแทนข้าและบอกว่าข้าจะเขียนจดหมายมาบ่อยๆ”
ผมดึงพลังเวทเข้ามาให้มากขึ้น
“ไม่!”
“ใช่”
และผมบินไป...
สู่เสรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น