บทที่ 5 – หนีออกจากบ้าน (5)
“ต่อให้เดนเบอร์กเร็วขนาดไหนก็ไม่เร็วขนาดนั้นมั้ง เขาเพิ่งเป็นผู้ใหญ่นะ ความเร็วที่เจ้าพูดถึงมันแปลว่าเขาอยู่ในสามลำดับแรกของหมู่บ้าน”
“เจ้าดูถูกเดนเบอร์กเกินไป ไม่เหมือนพี่ เรื่องความเร็วเดนเบอร์กอยู่ลำดับแรกของหมู่บ้านแล้ว”
เฮสเทียกับกัลลาฮาดต่างประหลาดใจกับคำบอกของกาเวน
“เดนเบอร์กเร็วกว่ากาเวนอีกเหรอ?”
ความเร็วของกาเวนอยู่ในสามลำดับแรกของหมู่บ้าน ส่วนกัลลาฮาดอยู่ช่วงกลางค่อนไปทางท้าย ดังนั้นคำพูดของกาเวนจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่า
“ไม่ ถ้าเป็นในป่าก็ไม่ต้องกังวล แค่ในหมู่บ้านเท่านั้นที่เดนเบอร์กตามข้าทัน ในป่านักรบเร็วกว่า”
เฮสเทียโล่งใจและถามกัลลาฮาด “เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“...การคาดเดาของกาเวนย่อมน่าเชื่อถือกว่าข้า”
เฮสเทียพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น นอกจากนักรบร้อยนาย กำลังสิบสี่ร้อยให้ตามเส้นทางของกระทรวงต่างประเทศ”
จากนั้นก็เฮสเทียเริ่มอธิบายแผนการทั้งหมด
***
ผ่านไปหกชั่วโมงแล้วตั้งแต่ผมออกนอกเส้นทาง ถ้าแผนของเฮสเทียเป็นอย่างที่ผมคิด อีกไม่นานคนไล่ตามกลุ่มแรกคงจะถึงจุดตั้งแคมป์ที่สองอันเป็นจุดที่ผมเบี่ยงทิศทาง
ผมคาดว่าคนไล่ตามจะมีประมาณสิบสี่ถึงสิบหกร้อย ในนั้นประมาณสิบเอ็ดถึงสิบสองร้อยมาจากหน่วยยามที่ประกอบด้วยนักสู้หลากหลายแบบของหมู่บ้าน สามถึงสี่ร้อยเป็นนักรบที่ออกล่าหาอาหารในป่า หากจะมีตำแหน่งอีกก็คงเป็นทูตต่างประเทศที่ทำหน้าที่เป็นคนนำทางประมาณสิบกว่าคน
โล่งอกไปที่กระทรวงต่างประเทศไม่ได้ถูกสร้างมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อต่อสู้ สมาชิกส่วนใหญ่คือผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์ต่อสู้หรือค้าขาย, สตรีที่ร่างกายไม่เข้มแข็งเท่าบุรุษ, พวกคงแก่เรียนที่อยากรู้อยากเห็นโลกภายนอก และนักเวทที่หาวิธีเรียนรู้เวทภายนอก เพราะเหตุที่ไม่มีคนร่างกายแข็งแรงหรือมีทักษะไล่ตามในหมู่คนพวกนี้ ผมจึงไม่รู้สึกถูกคุกคามนักแม้พวกเขาจะร่วมในการไล่ตาม
แม้แต่ยามที่มีจำนวนมากที่สุดในผู้ไล่ตามก็ไม่อันตรายเท่าไหร่นอกจากเรื่องจำนวน แม้คนในหมู่บ้านจะเรียนรู้วิธีการล่าตั้งแต่เด็ก พอเป็นผู้ใหญ่พวกเขาก็ไม่ได้เน้นฝึกด้านนั้นแล้ว โดยทั่วไปพวกเขามีทักษะแค่พอจับหมูป่าหรือกวางมาเป็นอาหารมื้อค่ำ
แน่นอน หมูป่าและกวางที่อยู่ในรอบหมู่บ้านในอาณาบริเวณของปีศาจย่อมไม่ธรรมดา มีหลายตัวที่สามารถกัดยักษ์ตายในทีเดียว
เป็นหมู่บ้านที่จะสงบสุขลงหน่อยก็ไม่ได้จริงๆ กลุ่มที่ยุ่งยากที่สุดคือกองรบที่นำโดยกาเวน ด้วยจำนวนทั้งหมดห้าร้อยนาย พวกเขามีขนาดเพียงหนึ่งในสามของยาม แต่ถ้าสู้ในป่าไม่ใช่ในหมู่บ้าน นักรบสามารถใช้พลังเพียงครึ่งเดียวกวาดล้างหน่วยยามทั้งหมด
เพราะเหตุนี้ผมจึงพยายามแยกนักรบออกจากกลุ่มไล่ตามให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนอื่น การล่าปีศาจ 40 ตัวก็เพื่อลดจำนวนนักรบลง ปีศาจเป็นสิ่งอันตรายเวลามีชีวิตอยู่ แต่พอตายไปแล้วยิ่งอันตรายกว่า เลือดปีศาจมีพิษ เมื่อศพเริ่มเน่าเปื่อยพิษก็จะระเหยออกมา ดังนั้นเมื่อปีศาจตัวหนึ่งตาย รอบๆมันจะกลายเป็นดินแดนแห่งความตาย พูดอีกอย่างคือ การกำจัดศพปีศาจเป็นเรื่องยุ่งยาก ต้องมีการใช้นักรบหลายนายเพื่อล้างพิษและเก็บชิ้นส่วนก่อนศพจะเริ่มเน่า อ้อ แม้จะอันตรายแต่ชิ้นส่วนของร่างกายปีศาจสามารถใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในเวทมนตร์รวมถึงเป็นวัตถุดิบทำอาวุธ ฟันหนึ่งซี่สามารถเอาไปขายในราคาสูงลิบ
ผมไม่รู้สึกผิดเพราะถ้าเอาปีศาจที่ผมล่าไปขายจะได้เงินจำนวนมาก ที่จดหมายถูกทำให้พบเร็วก็เพื่อให้พวกเขาจัดการกับศพปีศาจก่อนมันจะเริ่มเน่าเปื่อยด้วย
สรุปว่าด้วยเหตุนี้ จำนวนนักรบที่ถูกตัดออกจากกลุ่มไล่ตามควรเป็นอย่างน้อย 100 หรือ 120 คน ถ้าโชคดีอาจมากกว่านั้น
นอกจากนั้น นักรบประมาณ 100 คนคงถูกแบ่งให้อยู่ในหมู่บ้านเพื่อหาร่องรอยของผม หรือก็คือจำนวนนักรบที่ผมต้องรับมือควรมีน้อยกว่า 280 คนซึ่งลดไปเกือบครึ่งของจำนวนตั้งต้น
ถ้าผมเป็นเฮสเทีย ผมจะแบ่งหน่วยไล่ตามออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่ม 1 และ 2 ให้มีคนที่เร็วที่สุดในหมู่บ้านเพื่อไล่ตามผมบนเส้นทางบนแผนที่ แม้พวกเขาจะจับผมไม่ได้ เมื่อคิดว่ายังไงผมก็ต้องออกจากป่า พวกเขาสามารถพรางตัวและรอจู่โจม
กลุ่ม 3 คือนักรบที่ถูกทิ้งไว้ในหมู่บ้านเพื่อหาร่องรอยของผม ถ้ากลุ่มอื่นหาร่องรอยผมเจอ กลุ่มนี้จะไปรวมกับกลุ่ม 4 ทันที
กลุ่ม 4 จะหาร่องรอยของผมแถวบริเวณที่พวกเขาเชื่อว่าผมเริ่มออกนอกเส้นทาง
กลุ่ม 5 เป็นกลุ่มยาม ที่เตรียมไว้เพื่อล้อมผม
แผนของเฮสเทียน่าจะเป็นอย่างที่ผมคาดไว้อยู่มาก อีกสองถึงสามชั่วโมง นักรบจะหาร่องรอยของผมเจอ ต่อให้ผมพยายามกลบร่องรอยขนาดไหนก็ไม่มีทางรอดจากสายตาผู้เชี่ยวชาญที่ใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการล่าได้
บนแผนที่ จุดที่ผมอยู่ตรงนี้ห่างจากจุดตั้งแคมป์ที่สองเท่ากับระยะทางจากจุดตั้งแคมป์ที่สองถึงหมู่บ้าน
งั้นก็น่าจะห่างจากหมู่บ้านราว 500 กิโลเมตรแล้ว?
ตามการคาดคำนวณนี้ ถ้าไม่นับรอยแยกขนาดใหญ่ระหว่างหมู่บ้านถัดไปกับป่า ผมจะห่างจากหมู่บ้านถัดไปประมาณ 800 กิโลเมตร
เมื่อคำนวณคร่าวๆเสร็จ ผมเร่งความเร็วขึ้น
***
เก้าชั่วโมงผ่านไปนับจากหน่วยไล่ตามออกไปจับเดนเบอร์ก ตะวันตกดินไปแล้วและรอบๆก็สว่างไสวด้วยแสงจากตะเกียงเวทมนตร์
ในตอนแรก ดูมสโตนตั้งโต๊ะหน้าทางเข้าหมู่บ้านและทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ ใช้เหยี่ยวในการสื่อสาร แต่เพราะความเป็นห่วงเฮสเทียผู้อยู่ในกลุ่มอ่อนแอที่สุดในหมู่บ้าน เขาจึงให้ใช้ห้องของเขาในศาลากลางหมู่บ้านเป็นจุดออกคำสั่งแทน
เพราะเหตุนี้ ตอนนี้เฮสเทียจึงนั่งอย่างสบายบนโซฟารับแขกในห้อง ดื่มชาและจ้องมองแผนที่ของกระทรวงต่างประเทศ
“เฮสเทีย ร่างกายเจ้าอ่อนแอ กลับบ้านไปพักก่อนดีไหม?”
พ่อของเธอถามด้วยความเป็นห่วง เฮสเทียตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ แม้ข้าจะอ่อนแอที่สุดในหมู่บ้าน แต่จากจดหมายของลุงที่กองทัพจักรวรรดิ ข้าใกล้เคียงกับนายพลของจักรวรรดิเชียวนะ”
“ฮ่าๆ ต่อให้คนนอกหมู่บ้านจะอ่อนแอขนาดไหนก็เถอะ คนตำแหน่งสูงส่งอย่างนายพลจะอ่อนแอขนาดนั้นได้ยังไง? ลุงเจ้าพูดเกินไปแล้ว ฮ่าๆๆ”
เฮสเทียยิ้มตอบระหว่างดูมสโตนหัวเราะจนอ่อนแรง
“โฮะๆ ใช่ไหมคะ? ลุงยังเขียนบอกว่ากินข้าวไม่ถนัดเพราะช้อนจะงอทุกครั้งที่ท่านถือมัน”
“ฮ่าๆๆ ช้อนงอ? ของทำจากแร่อดามันไทต์มันจะงอได้ด้วยเหรอ?”
“โฮะๆ นั่นสิ โอ้! พ่อทำไม่ได้เหรอ?”
“อืม ถ้าออกแรงหน่อยก็ได้ แต่ข้าคงไม่ทำจริงๆหรอก ฮ่าๆๆ”
ระหว่างคุยไป ดูมสโตนถามเฮสเทียด้วยสีหน้าหดหู่เล็กน้อย “เราจะจับเดนเบอร์กได้หรือเปล่า?”
เขาอาจเปรยกับตัวเอง แต่เฮสเทียจงใจส่งยิ้มสดใส “พ่อ ข้าเป็นใคร? ข้าเป็นลูกสาวคนโตของท่านนะ ข้าจะจับเขาให้ได้และให้เขารับตำแหน่งต่อจากท่าน”
“ได้ยินคนที่ฉลาดที่สุดพูดแบบนี้มันทำให้ข้ารู้สึกมีกำลังใจขึ้น”
ดูมสโตนยิ้มสดใสเท่าเฮสเทีย
“พอจับเดนเบอร์กได้แล้ว ข้าจะตีก้นเขาหลายๆทีเป็นการชดเชยที่เจ้าต้องทำงาน ไม่ต้องห่วงนะ”
เฮสเทียคิดว่านั่นอาจเลวร้ายกว่าการเฆี่ยนนอกหมู่บ้าน ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดว่าเป็นการลงโทษที่สมเหตุสมผลเมื่อคิดว่าเดนเบอร์กทำให้เธอและคนหลายคนในหมู่บ้านต้องเดือดร้อน แม้จะถูกตีก็แค่ทำให้นั่งแบบปกติไม่ได้และต้องนอนคว่ำไปสักพักเท่านั้น
“ค่ะ ตีเยอะๆเลยนะ” เฮสเทียรินชาใส่แก้วเปล่าและยิ้มแบบที่จะทำให้เดนเบอร์กคิดว่าเธอเป็นปีศาจ
ตอนนั้นเอง มีคนเปิดประตูและตะโกน
“หัวหน้าหมู่บ้าน! ผู้บัญชาการ! เราได้ข้อความว่าพบร่องรอยของนายน้อยแล้ว!”
“อะไรนะ!” ดูมสโตนลุกพรวด
“พ่อ ใจเย็นๆ เรายังจับเขาไม่ได้เลย”
“อืมๆ นั่นสิ”
เฮสเทียปลอบดูมสโตนและถามคนวิ่งส่งข่าว “แล้วพวกเขาพบร่องรอยที่ไหน?”
“ครับ พวกเขาบอกว่าเจอที่จุดตั้งแคมป์ที่สอง”
จุดตั้งแคมป์ที่สอง?
จุดตั้งแคมป์ที่สองเป็นสถานที่ที่คนของกระทรวงต่างประเทศไปพักบ่อยที่สุด หากเป็นอย่างที่กาเวนพูดและเดนเบอร์กเดินทางได้ไกลชนาดนั้นในเวลาสั้นเท่านี้จริงๆ มันก็เป็นจุดที่เหมาะกับการออกนอกเส้นทางด้วยมีร่องรอยมากมายจากคนของกระทรวงกลบร่องรอยของเขา
“เป็นไปได้ไหมว่าร่องรอยพวกนั้นเป็นของคนของกระทรวง?”
เฮสเทียต้องคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่าง
“ไม่ ร่องรอยมีไปถึงส่วนที่คนของกระทรวงไม่ไปและยังมีไปต่ออีก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
“พวกเขาถามว่าจะให้ไล่ตามต่อกลางคืนนี้เลยไหมครับ?”
“หยุดไว้ก่อน บอกให้พวกเขาพักออมแรงที่จุดตั้งแคมป์”
แต่ดูมสโตนไม่เห็นด้วยกับเฮสเทีย “ตามต่อไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ไม่ แม้คนในหน่วยไล่ตามจะเป็นนักรบแข็งแกร่งแต่ป่าตอนกลางคืนอันตรายมาก” เฮสเทียถอนหายใจ “อีกอย่างศัตรูของเราคือเดนเบอร์ก ต่อให้ไล่ตามทั้งคืนก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเราจะจับเขาไม่ได้ก่อนพรุ่งนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การไล่ตามอย่างยืดเยื้อ ตอนนี้ออมแรงไว้ก่อนดีกว่า”
“เข้าใจแล้ว”
ดูมสโตนดูผิดหวัง แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งคำสั่งให้พักออมแรงที่จุดตั้งแคมป์และเดินทางตอนรุ่งสาง”
“รบกวนเจ้าด้วย อ้อ แล้วก็ช่วยบอกคนที่ค้นหาร่องรอยในหมู่บ้านให้กลับมาพักผ่อนด้วย”
“ครับ”
ความเงียบคืนมาเมื่อคนวิ่งส่งข่าวจากไป เฮสเทียจ้องแผนที่พลางดื่มชาอีกถ้วย
จุดตั้งแคมป์ที่สองที่เดนเบอร์กออกนอกเส้นทาง ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 300 กิโลเมตร แม้จะถูกถากถางเส้นทางแล้วแต่เมื่อเทียบกับในหมู่บ้านมันก็ยังขรุขระมากและคนยังต้องกระโดดสูงลิ่วเพื่อข้ามรากไม้
ถ้าเดนเบอร์กข้ามเส้นทางแบบนั้นในเวลาเพียง 3-4 ชั่วโมง แม้ในป่าจะรกขนาดไหน ตอนนี้เขาคงข้ามไปอีก 300 กิโลเมตรแล้ว ปัญหาคือทิศทาง จากเส้นทางที่คาดการณ์ไว้ เดนเบอร์กต้องพยายามออกห่างจากเส้นทางบนแผนที่พร้อมกับอ้อมเหวไปด้วยแน่
สารบัญ รอใส่บทที่ 5
จดหมายฉบับเดียวมีประโยชน์หลายสถานและ...ช้อนหมู่บ้านเค้าทำจากแร่อดามันไทต์วุ้ย XD
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น