วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 3

บทที่ 3 – หนีออกจากบ้าน (3)


เหล่าผู้เฒ่าประหลาดใจกับคำพูดของดูมสโตน

“ตอนเดนอายุ 12 ข้าไปรังมังกรใกล้ๆแล้วโยนเขาเข้าไป”

ผู้เฒ่าเมอร์ปาขมวดคิ้ว “งานอดิเรกยักษ์มารของท่านน่ะเหรอ?”

ผู้เฒ่าคนอื่นก็รู้ดีว่าดูมสโตนให้บรรดาลูกชายของเขาเอาชนะความกลัวสัตว์ประหลาดด้วยการโยนพวกเขาไปตรงหน้าเหล่าสัตว์ประหลาด, ปีศาจและมังกรเมื่ออายุห้าขวบ, แปดขวบและสิบสองปีตามลำดับ

ในเมื่อมีดูมสโตนคอยเฝ้าดูอยู่ในที่ลับ ลูกชายของเขาจึงไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ แถมเขายังได้บารมีของคนเป็นพ่อหากสังหารมอนสเตอร์ในยามฉุกเฉิน ด้วยเหตุนี้เขาจึงถือมันเป็นวิธีการสอนที่โยนก้อนหินก้อนเดียวได้นกสองตัว

“ยักษ์มารอะไร? มันก็แค่วิธีการสอนของข้า เอาเถอะ ตอนเขาอายุ 12 ข้าโยนเดนไปตรงหน้ามังกร ตอนแรกเขาก็วิ่งหนีนะ แต่ไม่นานเขาก็เริ่มใช้เวทมนตร์ตอดมันไปมาจนใช้มีดปาดคอมันได้ในที่สุด”

ผู้เฒ่าเมอร์ปาขมวดคิ้วมาตลอด แต่เมื่อฟังที่เขาพูดแล้วก็ลืมตาโตอย่างประหลาดใจ

ดูมสโตนประหลาดใจกับท่าทางของผู้เฒ่าเมอร์ปา นึกว่าตาเมอร์ปาจะรู้เสียอีก แกสนิทกับเดน

“หัวหน้าเผ่า จริงเหรอ?” ผู้เฒ่าคนอื่นก็ประหลาดใจเช่นกันและถามดูมสโตน

“จริงสิ เขาจับมังกรที่แม้แต่ผู้ใหญ่ยังรู้สึกตึงมือ”

“มันเป็นลูกมังกรหรือเปล่า?”

“ล้มลูกมังกรจะถือเป็นการสอนได้ยังไง? มันเป็นมังกรโตเต็มวัย”

“อายุเท่าไหร่?”

“น่าจะสามร้อยกว่าๆ”

“หมายความว่ามังกรตอนนั้นถูกเด็กจับมา ไม่ใช่ท่าน?!

“ใช่”

เหล่าผู้เฒ่าหันไปปรึกษากันเรื่องอายุปัจจุบันของเดนเบอร์และเรื่องในอนาคต

“ฮึ่ม ได้ จะบอกว่าเด็กนั่นจับมังกรแต่ไม่บอกข้าสักคำงั้นสิ?” ผู้เฒ่าเมอร์ปาพึมพำอย่างไม่พอใจ

“ท่านตั้งใจจะมอบตำแหน่งให้เด็กนั่นเมื่อไหร่?”

เสียงจ้อกแจ้กเงียบลงเมื่อคำถามของเมอร์ปาดังขึ้น

“เมื่อเขาแข็งแกร่งกว่าข้าพอสมควร หรือเมื่อข้าเริ่มอ่อนแอลง”

“ในเมื่อไม่มีทางที่ท่านจะอ่อนแอลง แสดงว่าเขาต้องแข็งแกร่งกว่าท่าน นั่นคงใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี แล้วทำไมถึงเริ่มพูดเรื่องนี้แล้วล่ะ?”

ดูมสโตนเกาศีรษะและหัวเราะ “ฮ่าๆๆ ข้าบอกลูกๆไปแล้วน่ะ ก็เลยอยากให้พวกท่านรู้ไว้ก่อนสักหน่อย”

“เจ้าบ้า! ดูอายุข้า อีก 20 ปีข้าก็ลงโลงไปแล้ว!

“งั้นท่านจะไม่ร่วมงานเลี้ยงเหรอ?”

วันที่มีการแต่งตั้งหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ พิธีสวมมงกุฎจึงกลายเป็นที่รู้จักกันว่างานเลี้ยง

“เจ้าบ้า! หมายความว่ายังไงที่ข้าจะไม่ร่วมงานเลี้ยง? เจ้ารู้ว่าข้าชอบดื่มแค่ไหน!

ผู้เฒ่าคนอื่นหัวเราะไปกับเสียงตะโกนของผู้เฒ่าเมอร์ปา

ก๊อกๆ

เสียงเฮสเทียดังพร้อมกับเสียงเคาะประตู

“พ่อ พิธีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของเดนเบอร์กจะเริ่มแล้ว”

ดูมสโตนมองนาฬิกาแล้วลุกขึ้น

“โอ้ ได้เวลาพิธีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของลูกข้าแล้ว ขอตัวก่อนล่ะ”

“ไม่ ข้าไปด้วย ข้าอยากไปดูหัวหน้าเผ่าคนใหม่สักหน่อย”

เมื่อผู้เฒ่าคนหนึ่งลุกขึ้น ที่เหลือก็ขอไปด้วย

ดูมสโตนเกาศีรษะ “เอาสิ”

ถึงจะเรียกว่าพิธี แต่อย่างมากมันคือการให้สมาชิกครอบครัวและเพื่อนฝูงมารวมกันและให้ข้อแนะนำเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบเทือกนั้น หลังจากนั้น พวกเขาแค่ต้องไปล่าสัตว์ประหลาดเพื่อแสดงความเป็นผู้ใหญ่ จากนั้นก็กินอาหารด้วยกัน ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องออกจากหมู่บ้านไกลเกินไปเพราะคนจะมารวมกันหน้าศาลากลางของหมู่บ้านก่อนพิธี

ตรงหน้าศาลากลางมีลูกชายคนโตกัลลาฮาดยืนอยู่ พร้อมด้วยลูกชายคนรองกาเวน, ลูกสาวคนโตเฮสเทียและลูกสาวคนเล็กเลชา

“เดนเบอร์กล่ะ?”

ดูมสโตนถามเลชา เธอยักไหล่และตอบว่าไม่รู้

แปลก เดนเบอร์กเป็นคนขยันผิดปกติ ถ้าเขาสัญญาว่าจะทำอะไรหรือมีสิ่งที่ต้องทำ เขาจะเป็นคนแรกที่มารอ อีกอย่างเขาฉลาดมากและต้องคาดไว้แล้วว่าดูมสโตนจะพาเหล่าผู้เฒ่ามา หรือหากเขาสามารถพลาดจุดนั้นไปได้ก็ยังมีเฮสเทียคอยเตือน เขารู้ดีว่าไม่ควรมาสาย

แปลกมากที่เดนเบอร์กยังไม่มา แต่เมื่อนึกไปถึงความขาดๆเกินๆของเขา บางทีมันอาจไม่แปลกก็ได้

ดูมสโตนขอโทษเหล่าผู้เฒ่าและมองนาฬิกา เขากำลังรอให้ถึงเวลาเที่ยงวัน นั่นเป็นเวลาเริ่มพิธี แต่เดนเบอร์กก็ยังไม่มาแม้จะเลยเวลาไปแล้ว

รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ดูมสโตนมองลูกๆของเขาทีละคน แต่ทุกคนต่างส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

“พ่อ” เฮสเทียเรียก คงรู้สึกแปลกเช่นกัน

เมื่อเธอเห็นดูมสโตนพยักหน้า เธอพยักหน้าตอบแล้ววิ่งกลับบ้าน

“เอ๊ะพี่ จะไปไหน” เลชาถาม แต่เฮสเทียลับสายตาไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน เฮสเทียวิ่งกลับมา มือหนึ่งลากศพปีศาจขนาดสองเท่าของตัวเธอมาด้วย

“พ่อ! ดูนี่!

เฮสเทียผู้นานๆจะทำเสียงดังยื่นกระดาษที่พับครึ่งให้ดูมสโตนด้วยสีหน้าร้อนรน

บนกระดาษพับเห็นลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อยเขียนว่า ถึงครอบครัวที่ข้ารัก

เห็นได้ง่ายดายว่านี่เป็นลายมือของเดนเบอร์ก

ถึงครอบครัวที่ข้ารัก

ข้าคาดว่าคงเป็นเฮสเทียที่พบจดหมายฉบับนี้เป็นคนแรกหลังจากรู้สึกถึงความผิดปกติ ตอนนี้คงผ่านเวลาเที่ยงไปเพียงไม่กี่นาที

แม้จะหวังให้จดหมายถูกพบช้ากว่านั้น 9 ใน 10 ส่วน จดหมายคงถูกพบตามเวลาที่ว่า ไม่มีทางถูกพบก่อนเพราะเวทมนตร์ที่ข้าลงไว้บนจดหมายและศพปีศาจยังไม่สลายไป

เพื่อตอบข้อสงสัยของเฮสเทียว่าทำไมข้าปล่อยให้ศพปีศาจและจดหมายถูกพบตอนเที่ยง หวังว่าเธอจะเข้าใจถ้าข้าตอบว่า “ข้าต้องการบีบขอบเขตความเป็นไปได้ให้แคบลงเพราะยังไงก็ต้องมีคนรู้อยู่ดีว่าข้าหนีไป”

คราวนี้ ขอพูดอย่างตรงไปตรงมา ข้าวางแผนจะออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปยังที่ใหม่ ขณะที่เจ้ากำลังอ่านอยู่ คงสงสัยว่าทำไมชายผู้มีอนาคตเป็นหัวหน้าหมู่บ้านจึงจากไป (ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงขอเรียกการกระทำนี้ว่าจากไป ไม่ใช่หนีออกจากบ้าน)

แต่ด้วยความสัตย์จริง ข้าไม่ต้องการเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเลย หากพ่อไม่บอกว่าเขามีแผนจะให้ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านข้าคงไม่จากไปโดยไม่บอกกล่าว อ้อ นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าไม่มีแผนออกจากหมู่บ้านแห่งนี้หรอกนะ

พ่อ ข้าไม่อยากให้ท่านเสียใจทีหลังหรือโทษตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น

นอกจากต้องการทำสิ่งที่มีคุณค่า ดูเหมือนเหตุผลสำคัญที่สุดที่ข้าไปจากหมู่บ้านคือความต้องการแรงกล้าที่จะได้เห็นโลกกว้าง ข้าจะติดต่อกลับมาบ่อยๆ ครั้งละเดือนเป็นอย่างน้อย ดังนั้นอย่าเป็นห่วงเกินไป

ปล.1 ศพปีศาจเป็นสิ่งที่ข้าล่ามาเพื่อพิธีเข้าสู่วัยเป็นผู้ใหญ่ อย่าทำกับข้าเหมือนเป็นเด็กและมาพูดทีหลังว่าข้ายังไม่ผ่านพิธี

ปล.2 ถือเป็นของขวัญที่ข้าออกจากหมู่บ้าน ข้าล่าปีศาจทั้งฝูง ประมาณ 40 ตัว ขอให้ไปตามแผนที่ที่ข้าวาดไว้และเอาพวกมันมาใส่เสบียงหมู่บ้าน

ปล.3 ข้าเอาแผนที่,อาหารและเงินสกุลจักรวรรดิจากกระทรวงการต่างประเทศไปด้วย ถึงอย่างนั้นมันคงมีค่าประมาณฟันสักสองสามซี่ของปีศาจที่ข้าจับมา

ปล.4 จะว่าไป ข้าเขียนจดหมายฉบับนี้เหมือนกำลังเขียนถึงพี่สาวคนโต จึงใช้ภาษากันเอง ถ้าพ่ออ่าน โปรดแทนคำด้วยภาษาสุภาพ

หวังเสมอให้ครอบครัวมีความสุข

-เขียนโดยลูกชายคนเล็กที่รัก 

ดูมสโตนรู้สึกความดันเลือดเพิ่มพรวด

“ฮ่าๆ ลูกชายคนเล็กของข้าเตรียมเรื่องน่าประหลาดใจให้ขนาดนี้เชียว!

“หัวหน้ายาม!” ดูมสโตนเรียก กัลลาฮาดตอบอย่างกระวนกระวาย “ครับ!

“ยกเว้นจำนวนคนน้อยที่สุดสำหรับรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ที่เหลือให้ไปจับเดนเบอร์ก เบลด!

ดูมสโตนสั่งและตะโกนชื่อลูกชายคนสุดท้องของเขา

แต่กัลลาฮาดมีอาการลังเลเล็กน้อย “พ่อ? แต่เอากำลังคนไปใช้แบบนั้นมัน...”

“ทำไม? หรือเจ้าอยากเป็นหัวหน้าเผ่าคนต่อไป? อยากใช้ชีวิตในกองเอกสารเจ้าปัญหาพวกนั้นเหรอ?”

“ครับท่าน! ยกเว้นยาม 300 คนดูแลความปลอดภัยของหมู่บ้าน ข้าจะนำยามจำนวน 1,200 คนไปพาเขากลับมา!

กัลลาฮาดทำความเคารพที่ไม่เคยทำบ่อยและผละไปอย่างรวดเร็ว

ไม่อยากอยู่กับกองเอกสารขนาดนั้นเลยเหรอ?

“แม่ทัพกองรบ”

“ครับท่าน”

“ต้องใช้กี่คนชำแหละปีศาจ 40 ตัวนี่?”

กาเวน มองปีศาจที่เดนเบอร์กทิ้งไว้ คิดครู่หนึ่งก่อนตอบ “ร้อยยี่สิบคน ไม่สิ ร้อยคนคงพอ”

ชำแหละสัตว์ประหลาดเป็นงานค่อนข้างลำบาก ที่จริงร้อยยี่สิบคนก็ถือว่าน้อยแล้วถ้าคิดว่าใช้แค่สามคนชำแหละศพสัตว์ประหลาดหนึ่งศพ แต่กาเวนลดจำนวนลงอีกเหมือนเข้าใจความรู้สึกของดูมสโตน

แม้ดูมสโตนจะซาบซึ้งใจ แต่ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาไม่อาจทำให้นักรบต้องเดือดร้อนเพราะลูกชายคนเล็กของเขา

“แบ่งสองร้อยคนไปทำงานชำแหละ ที่เหลือไปจับเดนเบอร์ก”

ต้องขอบคุณความเข้าอกเข้าใจจากกาเวน ดูมสโตนรู้สึกว่าความมีเหตุผลของเขากลับคืนมา

“ทราบแล้ว ข้าจะนำนักรบสามร้อยคนไป”

กาเวนทำความเคารพแล้ววิ่งไปทางกองรบ

“รัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่สิ เขาไม่อยู่ เลชา ไปบอกรัฐมนตรีและให้เขาส่งคนนำทางไล่ตาม”

“ค่ะพ่อ ข้าคิดว่าไม่มีใครต้านทานเวทของเดนเบอร์กได้ เพราะฉะนั้นข้าจะไปด้วย”

ดูมสโตนขอบใจเลชาและส่งเธอ จากนั้นเขาหันไปพูดกับเหล่าผู้เฒ่า “แฮ่ม ข้าต้องขอโทษที่เกิดเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ขึ้น”

ฟังคำขอโทษจริงใจของดูมสโตนแล้วเหล่าผู้เฒ่าก็โบกมือบอกไม่เป็นไร

“ไม่สิ ข้าควรพูดว่าสมเป็นลูกของท่านต่างหาก”

“ตอนเด็กท่านก็ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เหมือนกัน”

“ใช่ๆ ตอนท่านยังเด็กยิ่งแย่กว่านี้อีก”

“ถ้าจะให้ข้าพูด ก่อนหน้านี้พวกเขาทำตัวไม่สมเป็นลูกชายของท่านสักนิด”

ทุกคำที่ผู้เฒ่าพูดแทงใจดูมสโตน

จะว่าไป ตอนยังหนุ่มข้าก็ก่อเรื่องมากมายเพราะไม่อยากเป็นหัวหน้าเผ่าเหมือนกันนี่?

เนื่องจากอดีตของเขา ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องใหญ่ที่เดนเบอร์กทำไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่เลย

ดูมสโตนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาควรจะดีใจหรือกลุ้มใจ


 

สารบัญ                                              รอใส่บทที่ 4

 

 

 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น