บทที่ 3 – หนีออกจากบ้าน (3)
เหล่าผู้เฒ่าประหลาดใจกับคำพูดของดูมสโตน
“ตอนเดนอายุ 12 ข้าไปรังมังกรใกล้ๆแล้วโยนเขาเข้าไป”
ผู้เฒ่าเมอร์ปาขมวดคิ้ว “งานอดิเรกยักษ์มารของท่านน่ะเหรอ?”
ผู้เฒ่าคนอื่นก็รู้ดีว่าดูมสโตนให้บรรดาลูกชายของเขาเอาชนะความกลัวสัตว์ประหลาดด้วยการโยนพวกเขาไปตรงหน้าเหล่าสัตว์ประหลาด,
ปีศาจและมังกรเมื่ออายุห้าขวบ, แปดขวบและสิบสองปีตามลำดับ
ในเมื่อมีดูมสโตนคอยเฝ้าดูอยู่ในที่ลับ
ลูกชายของเขาจึงไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ แถมเขายังได้บารมีของคนเป็นพ่อหากสังหารมอนสเตอร์ในยามฉุกเฉิน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงถือมันเป็นวิธีการสอนที่โยนก้อนหินก้อนเดียวได้นกสองตัว
“ยักษ์มารอะไร? มันก็แค่วิธีการสอนของข้า เอาเถอะ ตอนเขาอายุ 12
ข้าโยนเดนไปตรงหน้ามังกร ตอนแรกเขาก็วิ่งหนีนะ
แต่ไม่นานเขาก็เริ่มใช้เวทมนตร์ตอดมันไปมาจนใช้มีดปาดคอมันได้ในที่สุด”
ผู้เฒ่าเมอร์ปาขมวดคิ้วมาตลอด แต่เมื่อฟังที่เขาพูดแล้วก็ลืมตาโตอย่างประหลาดใจ
ดูมสโตนประหลาดใจกับท่าทางของผู้เฒ่าเมอร์ปา ‘นึกว่าตาเมอร์ปาจะรู้เสียอีก
แกสนิทกับเดน’
“หัวหน้าเผ่า จริงเหรอ?”
ผู้เฒ่าคนอื่นก็ประหลาดใจเช่นกันและถามดูมสโตน
“จริงสิ เขาจับมังกรที่แม้แต่ผู้ใหญ่ยังรู้สึกตึงมือ”
“มันเป็นลูกมังกรหรือเปล่า?”
“ล้มลูกมังกรจะถือเป็นการสอนได้ยังไง? มันเป็นมังกรโตเต็มวัย”
“อายุเท่าไหร่?”
“น่าจะสามร้อยกว่าๆ”
“หมายความว่ามังกรตอนนั้นถูกเด็กจับมา ไม่ใช่ท่าน?!”
“ใช่”
เหล่าผู้เฒ่าหันไปปรึกษากันเรื่องอายุปัจจุบันของเดนเบอร์และเรื่องในอนาคต
“ฮึ่ม ได้ จะบอกว่าเด็กนั่นจับมังกรแต่ไม่บอกข้าสักคำงั้นสิ?”
ผู้เฒ่าเมอร์ปาพึมพำอย่างไม่พอใจ
“ท่านตั้งใจจะมอบตำแหน่งให้เด็กนั่นเมื่อไหร่?”
เสียงจ้อกแจ้กเงียบลงเมื่อคำถามของเมอร์ปาดังขึ้น
“เมื่อเขาแข็งแกร่งกว่าข้าพอสมควร หรือเมื่อข้าเริ่มอ่อนแอลง”
“ในเมื่อไม่มีทางที่ท่านจะอ่อนแอลง แสดงว่าเขาต้องแข็งแกร่งกว่าท่าน
นั่นคงใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี แล้วทำไมถึงเริ่มพูดเรื่องนี้แล้วล่ะ?”
ดูมสโตนเกาศีรษะและหัวเราะ “ฮ่าๆๆ ข้าบอกลูกๆไปแล้วน่ะ
ก็เลยอยากให้พวกท่านรู้ไว้ก่อนสักหน่อย”
“เจ้าบ้า! ดูอายุข้า อีก 20 ปีข้าก็ลงโลงไปแล้ว!”
“งั้นท่านจะไม่ร่วมงานเลี้ยงเหรอ?”
วันที่มีการแต่งตั้งหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองขนาดใหญ่
ด้วยเหตุนี้ พิธีสวมมงกุฎจึงกลายเป็นที่รู้จักกันว่างานเลี้ยง
“เจ้าบ้า! หมายความว่ายังไงที่ข้าจะไม่ร่วมงานเลี้ยง?
เจ้ารู้ว่าข้าชอบดื่มแค่ไหน!”
ผู้เฒ่าคนอื่นหัวเราะไปกับเสียงตะโกนของผู้เฒ่าเมอร์ปา
ก๊อกๆ
เสียงเฮสเทียดังพร้อมกับเสียงเคาะประตู
“พ่อ พิธีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของเดนเบอร์กจะเริ่มแล้ว”
ดูมสโตนมองนาฬิกาแล้วลุกขึ้น
“โอ้ ได้เวลาพิธีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของลูกข้าแล้ว ขอตัวก่อนล่ะ”
“ไม่ ข้าไปด้วย ข้าอยากไปดูหัวหน้าเผ่าคนใหม่สักหน่อย”
เมื่อผู้เฒ่าคนหนึ่งลุกขึ้น ที่เหลือก็ขอไปด้วย
ดูมสโตนเกาศีรษะ “เอาสิ”
ถึงจะเรียกว่าพิธี
แต่อย่างมากมันคือการให้สมาชิกครอบครัวและเพื่อนฝูงมารวมกันและให้ข้อแนะนำเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบเทือกนั้น
หลังจากนั้น พวกเขาแค่ต้องไปล่าสัตว์ประหลาดเพื่อแสดงความเป็นผู้ใหญ่
จากนั้นก็กินอาหารด้วยกัน ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องออกจากหมู่บ้านไกลเกินไปเพราะคนจะมารวมกันหน้าศาลากลางของหมู่บ้านก่อนพิธี
ตรงหน้าศาลากลางมีลูกชายคนโตกัลลาฮาดยืนอยู่
พร้อมด้วยลูกชายคนรองกาเวน, ลูกสาวคนโตเฮสเทียและลูกสาวคนเล็กเลชา
“เดนเบอร์กล่ะ?”
ดูมสโตนถามเลชา เธอยักไหล่และตอบว่าไม่รู้
แปลก เดนเบอร์กเป็นคนขยันผิดปกติ
ถ้าเขาสัญญาว่าจะทำอะไรหรือมีสิ่งที่ต้องทำ เขาจะเป็นคนแรกที่มารอ
อีกอย่างเขาฉลาดมากและต้องคาดไว้แล้วว่าดูมสโตนจะพาเหล่าผู้เฒ่ามา
หรือหากเขาสามารถพลาดจุดนั้นไปได้ก็ยังมีเฮสเทียคอยเตือน เขารู้ดีว่าไม่ควรมาสาย
แปลกมากที่เดนเบอร์กยังไม่มา แต่เมื่อนึกไปถึงความขาดๆเกินๆของเขา
บางทีมันอาจไม่แปลกก็ได้
ดูมสโตนขอโทษเหล่าผู้เฒ่าและมองนาฬิกา เขากำลังรอให้ถึงเวลาเที่ยงวัน
นั่นเป็นเวลาเริ่มพิธี แต่เดนเบอร์กก็ยังไม่มาแม้จะเลยเวลาไปแล้ว
รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ดูมสโตนมองลูกๆของเขาทีละคน
แต่ทุกคนต่างส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
“พ่อ” เฮสเทียเรียก คงรู้สึกแปลกเช่นกัน
เมื่อเธอเห็นดูมสโตนพยักหน้า เธอพยักหน้าตอบแล้ววิ่งกลับบ้าน
“เอ๊ะพี่ จะไปไหน” เลชาถาม แต่เฮสเทียลับสายตาไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน เฮสเทียวิ่งกลับมา
มือหนึ่งลากศพปีศาจขนาดสองเท่าของตัวเธอมาด้วย
“พ่อ! ดูนี่!”
เฮสเทียผู้นานๆจะทำเสียงดังยื่นกระดาษที่พับครึ่งให้ดูมสโตนด้วยสีหน้าร้อนรน
บนกระดาษพับเห็นลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อยเขียนว่า ‘ถึงครอบครัวที่ข้ารัก’
เห็นได้ง่ายดายว่านี่เป็นลายมือของเดนเบอร์ก
ถึงครอบครัวที่ข้ารัก
ข้าคาดว่าคงเป็นเฮสเทียที่พบจดหมายฉบับนี้เป็นคนแรกหลังจากรู้สึกถึงความผิดปกติ
ตอนนี้คงผ่านเวลาเที่ยงไปเพียงไม่กี่นาที
แม้จะหวังให้จดหมายถูกพบช้ากว่านั้น 9 ใน 10 ส่วน
จดหมายคงถูกพบตามเวลาที่ว่า
ไม่มีทางถูกพบก่อนเพราะเวทมนตร์ที่ข้าลงไว้บนจดหมายและศพปีศาจยังไม่สลายไป
เพื่อตอบข้อสงสัยของเฮสเทียว่าทำไมข้าปล่อยให้ศพปีศาจและจดหมายถูกพบตอนเที่ยง
หวังว่าเธอจะเข้าใจถ้าข้าตอบว่า “ข้าต้องการบีบขอบเขตความเป็นไปได้ให้แคบลงเพราะยังไงก็ต้องมีคนรู้อยู่ดีว่าข้าหนีไป”
คราวนี้ ขอพูดอย่างตรงไปตรงมา
ข้าวางแผนจะออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปยังที่ใหม่ ขณะที่เจ้ากำลังอ่านอยู่
คงสงสัยว่าทำไมชายผู้มีอนาคตเป็นหัวหน้าหมู่บ้านจึงจากไป
(ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงขอเรียกการกระทำนี้ว่าจากไป ไม่ใช่หนีออกจากบ้าน)
แต่ด้วยความสัตย์จริง ข้าไม่ต้องการเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเลย
หากพ่อไม่บอกว่าเขามีแผนจะให้ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านข้าคงไม่จากไปโดยไม่บอกกล่าว
อ้อ นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าไม่มีแผนออกจากหมู่บ้านแห่งนี้หรอกนะ
พ่อ ข้าไม่อยากให้ท่านเสียใจทีหลังหรือโทษตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น
นอกจากต้องการทำสิ่งที่มีคุณค่า ดูเหมือนเหตุผลสำคัญที่สุดที่ข้าไปจากหมู่บ้านคือความต้องการแรงกล้าที่จะได้เห็นโลกกว้าง ข้าจะติดต่อกลับมาบ่อยๆ ครั้งละเดือนเป็นอย่างน้อย ดังนั้นอย่าเป็นห่วงเกินไป
ปล.1 ศพปีศาจเป็นสิ่งที่ข้าล่ามาเพื่อพิธีเข้าสู่วัยเป็นผู้ใหญ่
อย่าทำกับข้าเหมือนเป็นเด็กและมาพูดทีหลังว่าข้ายังไม่ผ่านพิธี
ปล.2 ถือเป็นของขวัญที่ข้าออกจากหมู่บ้าน ข้าล่าปีศาจทั้งฝูง ประมาณ
40 ตัว ขอให้ไปตามแผนที่ที่ข้าวาดไว้และเอาพวกมันมาใส่เสบียงหมู่บ้าน
ปล.3
ข้าเอาแผนที่,อาหารและเงินสกุลจักรวรรดิจากกระทรวงการต่างประเทศไปด้วย
ถึงอย่างนั้นมันคงมีค่าประมาณฟันสักสองสามซี่ของปีศาจที่ข้าจับมา
ปล.4 จะว่าไป ข้าเขียนจดหมายฉบับนี้เหมือนกำลังเขียนถึงพี่สาวคนโต
จึงใช้ภาษากันเอง ถ้าพ่ออ่าน โปรดแทนคำด้วยภาษาสุภาพ
หวังเสมอให้ครอบครัวมีความสุข
-เขียนโดยลูกชายคนเล็กที่รัก
ดูมสโตนรู้สึกความดันเลือดเพิ่มพรวด
“ฮ่าๆ ลูกชายคนเล็กของข้าเตรียมเรื่องน่าประหลาดใจให้ขนาดนี้เชียว!”
“หัวหน้ายาม!” ดูมสโตนเรียก กัลลาฮาดตอบอย่างกระวนกระวาย
“ครับ!”
“ยกเว้นจำนวนคนน้อยที่สุดสำหรับรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน
ที่เหลือให้ไปจับเดนเบอร์ก เบลด!”
ดูมสโตนสั่งและตะโกนชื่อลูกชายคนสุดท้องของเขา
แต่กัลลาฮาดมีอาการลังเลเล็กน้อย “พ่อ? แต่เอากำลังคนไปใช้แบบนั้นมัน...”
“ทำไม? หรือเจ้าอยากเป็นหัวหน้าเผ่าคนต่อไป? อยากใช้ชีวิตในกองเอกสารเจ้าปัญหาพวกนั้นเหรอ?”
“ครับท่าน! ยกเว้นยาม 300 คนดูแลความปลอดภัยของหมู่บ้าน ข้าจะนำยามจำนวน 1,200
คนไปพาเขากลับมา!”
กัลลาฮาดทำความเคารพที่ไม่เคยทำบ่อยและผละไปอย่างรวดเร็ว
ไม่อยากอยู่กับกองเอกสารขนาดนั้นเลยเหรอ?
“แม่ทัพกองรบ”
“ครับท่าน”
“ต้องใช้กี่คนชำแหละปีศาจ 40 ตัวนี่?”
กาเวน มองปีศาจที่เดนเบอร์กทิ้งไว้ คิดครู่หนึ่งก่อนตอบ “ร้อยยี่สิบคน
ไม่สิ ร้อยคนคงพอ”
ชำแหละสัตว์ประหลาดเป็นงานค่อนข้างลำบาก
ที่จริงร้อยยี่สิบคนก็ถือว่าน้อยแล้วถ้าคิดว่าใช้แค่สามคนชำแหละศพสัตว์ประหลาดหนึ่งศพ
แต่กาเวนลดจำนวนลงอีกเหมือนเข้าใจความรู้สึกของดูมสโตน
แม้ดูมสโตนจะซาบซึ้งใจ แต่ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน
เขาไม่อาจทำให้นักรบต้องเดือดร้อนเพราะลูกชายคนเล็กของเขา
“แบ่งสองร้อยคนไปทำงานชำแหละ ที่เหลือไปจับเดนเบอร์ก”
ต้องขอบคุณความเข้าอกเข้าใจจากกาเวน ดูมสโตนรู้สึกว่าความมีเหตุผลของเขากลับคืนมา
“ทราบแล้ว ข้าจะนำนักรบสามร้อยคนไป”
กาเวนทำความเคารพแล้ววิ่งไปทางกองรบ
“รัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่สิ เขาไม่อยู่ เลชา
ไปบอกรัฐมนตรีและให้เขาส่งคนนำทางไล่ตาม”
“ค่ะพ่อ ข้าคิดว่าไม่มีใครต้านทานเวทของเดนเบอร์กได้
เพราะฉะนั้นข้าจะไปด้วย”
ดูมสโตนขอบใจเลชาและส่งเธอ จากนั้นเขาหันไปพูดกับเหล่าผู้เฒ่า “แฮ่ม
ข้าต้องขอโทษที่เกิดเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ขึ้น”
ฟังคำขอโทษจริงใจของดูมสโตนแล้วเหล่าผู้เฒ่าก็โบกมือบอกไม่เป็นไร
“ไม่สิ ข้าควรพูดว่าสมเป็นลูกของท่านต่างหาก”
“ตอนเด็กท่านก็ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เหมือนกัน”
“ใช่ๆ ตอนท่านยังเด็กยิ่งแย่กว่านี้อีก”
“ถ้าจะให้ข้าพูด ก่อนหน้านี้พวกเขาทำตัวไม่สมเป็นลูกชายของท่านสักนิด”
ทุกคำที่ผู้เฒ่าพูดแทงใจดูมสโตน
จะว่าไป ตอนยังหนุ่มข้าก็ก่อเรื่องมากมายเพราะไม่อยากเป็นหัวหน้าเผ่าเหมือนกันนี่?
เนื่องจากอดีตของเขา ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องใหญ่ที่เดนเบอร์กทำไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่เลย
ดูมสโตนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาควรจะดีใจหรือกลุ้มใจ
สารบัญ
รอใส่บทที่ 4
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น