วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 179


บทที่ 179 – ป้องกัน (3)

การหมกมุ่น
นี่คือเหตุผลเดียวที่ตัวตนอันมีรหัสแอดมิน 44 รหัสตัดสินใจสร้างอาณานิคมบนอัลเฟน
มันต้องการเป็นผู้บริหารโดยเอารหัสของอัลเฟนมาเป็นของมัน
ที่นี่มีตำแหน่งเพียง 5 ตำแหน่ง
จำนวนรหัสแอดมินมีเพียงจำนวนจำกัดและการแข่งขันเพื่อให้ได้มันมานั้นรุนแรง
ลอร์ดมิติที่มีรหัสแอดมินของดาวอื่นมุ่งความสนใจมาที่อัลเฟน เพราะมีรหัสหนึ่งที่ยังไม่กำหนดแน่นอน
ไม่เหมือนที่อื่น ที่นี่มีเทพมากจนเกินไป พวกมันต้องใช้เวลานานมากกว่าจะรู้ว่าใครมีรหัสจริง
พวกมันใช้เวลาไปนานกว่า 200 ปี
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ลอร์ดมิติทุกตนตามหารหัสอย่างไม่จริงจังนัก พวกมันต้องการสนุกกับการใช้ชีวิตอมตะ ไม่ใช่สิ พวกมันมีชีวิตที่ความตายไม่ใช่จุดจบอีกต่อไป การตามหารหัสมอบความสุขให้พวกมัน มอบเป้าหมายให้พวกมัน
กระทั่งตัวตนที่นอกเหนือจากกฎปรากฏขึ้น
บนหลังของปลากระเบนตัวมหึมามีบัลลังก์หรูหราตั้งอยู่
อิลรัคนั่งบนบัลลังก์ มันหาวแล้วลุกขึ้น บรรดาผู้พิทักษ์รอบตัวมันขยับตาม
อัศวินทั้ง 7 ของอิลรัค
พวกมันทำหน้าที่เป็นเครื่องมือ อัศวินทั้ง 7 เป็นทาสชั้นหนึ่งที่ช่วยอิลรัคครอบครองบัลลังก์
อิลรัคทิ้งบัลลังก์ไว้ เดินไปข้างหน้าช้าๆ มันสะบัดผมยุ่งเหยิง
“อา เจ้ายังขวางหูขวางตาไม่เปลี่ยน”
มันแสดงความคิดเห็นอันไม่น่าฟังขณะมองวูจินขี่ชิงชิงมาถึง
“ไม่เจอกันนาน”
วูจินยกมือทักส่งๆและมองอัศวินที่ยืนเป็นแถวด้านหลังอิลรัค พวกมันคงเป็นเหตุผลว่าทำไมอิลรัคไม่หยุดวูจินลงมาบนหลังเฟริส
อิลรัคเชื่อมั่นในอัศวินของมันมากเกินไป
วูจินลงจากหลังชิงชิง
“คึๆ น่าหัวเราะ”
“ตลกอะไร?”
“ข้ารู้สึกตลกที่เจ้าทำตัวตามสบายนัก”
“นายเคยตายเพราะฉันมาแล้วนี่? ทำไมฉันจะไม่สบายใจล่ะ?”
วูจินจำได้ว่าเขาฆ่าอิลรัคมาสามครั้งแล้ว
“ความตายเหล่านั้นเป็นประสบการณ์มีค่า ทำไมเจ้าไม่คิดบ้างว่าข้าจะเรียนรู้จากประสบการณ์นั้น? ข้าเตรียมบางอย่างมาใช้สู้กับเจ้า”
อิลรัคยังรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องสนุก และมันมีเหตุผล มันกำลังจะได้เห็นสีหน้าของผู้ไม่ตายเปลี่ยนจากสงบเป็นหวาดหวั่น
“ต่อให้นายเตรียมตัวมา ฉันก็แน่ใจว่าเตรียมผิด”
“คึๆ เจ้ายังโอหังเหมือนเดิม”
“เขาเรียกว่ามั่นใจ”
“ดูเหมือนเจ้ายังไม่รู้ตัวว่าอยู่ในสถานการณ์แบบไหน”
อิลรัคหยุดยิ้ม
“อูนอนรวบรวมลอร์ดที่อยู่ใกล้ๆ พวกมันอยู่ระหว่างการโจมตีอาณานิคมของเจ้า เซลรัคก็กำลังรวบรวมทหารชั้นหนึ่งโจมตีดันเจี้ยนของเจ้า”
“พวกนายจะเอาฉันให้ตายเลยสินะ”
“คึๆ ใช่แล้ว พวกข้าเบื่อหน่ายการกระทำไร้สาระของเจ้า ทำไมจึงพยายามทำเรื่องไม่จำเป็นอย่างการปลุกเทพแห่งการทำลายขึ้นมา”
เมื่ออิลรัคพูดถึงทราช เทพแห่งการทำลาย วูจินก็หัวเราะ พวกมันกำลังระวัง ไม่ใช่สิ ถึงจุดนี้เหมือนพวกมันกำลังกลัว
แปลว่าผู้ประหารของทราชเป็นไอเทมที่เป็นภัยของลอร์ดมิติจริงๆ มันคือวิธีหยุดสงครามและการรุกรานระหว่างมิติ
“ถ้าพวกข้ากำจัดเจ้าปัญหาก็จะหมดไป แต่ทุกคนกลัวเจ้าเกินไป เจ้าเป็นแค่มนุษย์เท่านั้น”
วูจินยิ้ม แล้วอะไรทำให้อิลรัคมั่นใจในตัวเองนัก?
“นายจะทำยังไง?”
“คึๆ เจ้าคิดว่าข้าวางแผนไม่ดี”
อิลรัคยกมือทั้งสองข้างขึ้น
แสงอ่อนๆเรืองขึ้นมาจากหลังเฟริส มันสร้างบาเรียหนึ่งขึ้น
“แต่ไม่ใช่ เจ้าเดินเข้ามาติดกับดักเอง”
อิลรัคยิ้มอย่างผู้ชนะขณะมองวูจิน เขาอยากเห็นผู้ไม่ตายวุ่นวายใจ ให้รีบรู้สึกสิ้นหวังเร็ว
“จะเป็นกับดักก็ต้องทำร้ายฉันได้ก่อน”
ยิ้มของอิลรัคเจื่อนลงเมื่อวูจินยังทำตัวตามสบายเหมือนเดิม
ดูเหมือนความกล้าหาญโง่ๆของมันจะมีไม่น้อย
“บาเรียนี่ป้องกันการเรียกอสูร”
“แล้วไง?”
“คึๆ อสูรของเจ้าไม่อาจมายืนตรงนี้ได้”
“...”
อิลรัคหัวเราะลั่นเมื่อวูจินนิ่งเงียบ
“ก๊ากฮ่าๆ เข้าใจแล้วสินะ? เจ้าเป็นเนโครแมนเซอร์ที่ไม่มีอสูร จะตัดหัวเจ้าออกมามันง่ายดายเกินไป”
อิลรัคยิ้มอีกครั้งเมื่อเห็นวูจินไม่ทำอะไร
อูนอนกับเซลรัคทำตัวไม่สมศักดิ์ศรีของเกรทลอร์ดนัก
พวกมันกลัวลอร์ดมิติคนใหม่จนวางแผนจะโดดเดี่ยวมัน นี่เป็นการกระทำของคนขี้ขลาด
อิลรัคตัดสินใจหาข้อมูลของผู้ไม่ตาย เมื่อเจอวิธีที่ใช้การได้ มันก็ตัดสินใจล่าด้วยตัวเอง
“นำหัวของมันมาให้ข้า”
[รับบัญชา]
อัศวินทั้ง 7 เดินมาทางวูจินช้าๆ อิลรัคยิ้มเมื่อเห็นผู้ไม่ตายยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“ยอมแพ้เร็วนัก”
“...”
อัศวินทั้ง 7
พวกมันไม่ได้สวมเกราะแต่ใส่ชุดเหมือนสูท พวกมันมีหน้าตาคล้ายกันจนเรียกว่าแฝดเจ็ดก็ไม่แปลก
วูจินจำได้ว่าพวกมันล้วนแต่โดดเด่นเรื่องการต่อสู้ กระทั่งสามารถสู้กับอัศวินมรณะของเขาได้
“ฮ่าๆๆ”
อิลรัคหัวเราะลั่นเมื่ออัศวินเหวี่ยงดาบ
มันชนะแล้ว
เจ้าโง่อูนอนและเซลรัค พวกมันกลัวลอร์ดมิติไร้ประสบการณ์จนเสียแต้มไปกับการกำจัดทรัพยากรของผู้ไม่ตาย
อิลรัคกำจัดเนโครแมนเซอร์ตัวปัญหาได้สำเร็จ ฐานะของเขาในเกรทลอร์ดจะ...
แคร้ง
อาวุธในมือวูจินเปลี่ยนเป็นดาบยาว การเรียกอาวุธออกมาการเหวี่ยงดาบแทบจะไม่มีชะงัก
วูจินเหมือนยอมแพ้แล้ว การตอบโต้อย่างกะทันหันจึงเหนือความคาดหมาย ดาบของวูจินปักใส่อัศวินตนหนึ่งก่อนมันจะทันชะงัก
เมื่อดาบแทงทะลุคออัศวินตนหนึ่ง ความแปลกใจเกิดขึ้นเพียงครู่เดียว แถวของพวกมันแตกไปแต่อัศวินทั้งหมดตอบโต้อย่างรวดเร็ว
ต่อให้พวกมันไม่ดูถูกศัตรู พวกมันก็ต้องพบว่ามันอ่อนแอกว่า
“อ๊าก”
ดาบของวูจินตวัดผ่านอัศวินครั้งใดก็เกิดเลือดพุ่งและพวกมันตกตายครั้งนั้น อิลรัคที่ยิ้มกว้างอยู่ยิ้มค้าง
“อะ...อะไรกัน”
มันเป็นแค่เนโครแมนเซอร์ แต่...
มันควรจะเป็นเนโครแมนเซอร์ที่ควบคุมอัศวินมรณะ มันไปเรียนดาบมาเมื่อไหร่ ตั้งแต่ตอนเป็นลอร์ดมิติ หรือก่อนหน้านั้น?
“บ้าเอ๊ย!
เรื่องนั้นไม่สำคัญ ผู้ไม่ตายสังหารอัศวินผู้พิทักษ์ตนสุดท้ายและพุ่งมาทางมัน
“ทำอะไรอยู่วะ! ออกมาเดี๋ยวนี้...”
มันรีบเรียกผู้พิทักษ์ออกมาแต่แล้วก็ต้องเลิกล้มความคิด
บาเรียที่กางบนหลังเฟริสป้องกันการอัญเชิญทุกอย่าง
“รีบไปทำไม?”
“...”
คำพูดของวูจินชวนให้แค้น อิลรัคไม่อยากเชื่อว่ามันจะถูกไอ้คนน่าชังนี่ฆ่าอีก แต่มันไม่กลัวความตาย
ที่น่ารำคาญคือมันไม่สามารถกำจัดไอ้เวรที่ฆ่ามันมาสามครั้งแล้วนี่ได้ มันลงมือหาข้อมูลด้วยตัวเองเพื่อแก้แค้น แต่...
ต้นเหตุของเรื่องคือมันละเลยผู้ไม่ตายนานเกินไป เพราะการแก้แค้นไม่ให้ประโยชน์อะไรกับมัน
อิลรัคเลิกคิดหนี มันถลึงตาใส่วูจิน ถ้ามันหนีไม่ได้ อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องการทำตัวน่าเกลียด
“น่าเสียดายที่ไม่กำจัดเจ้าตั้งแต่แรก”
“นั่นสิ”
วูจินเห็นด้วย อาณาเขตของอลันดาลครอบครองพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ในอัลเฟน ตอนที่เขาประกาศตั้งตัวเองเป็นราชา ลอร์ดมิติปล่อยเขาไว้
ถ้าลอร์ดมิติเป็นมนุษย์ พวกมันอาจมาแก้แค้นเขา แต่พวกมันตายมาหลายร้อยครั้งแล้วจึงไม่รู้สึกเคียดแค้นอะไร แทนที่จะอยากล้างแค้นพวกมันห่วงว่าจะสิ้นเปลืองแต้มมากกว่า
ยิ่งกว่านั้น วูจินสกปรกจนพวกมันหลีกห่างจากเขา วูจินเป็นเหมือนอุจจาระสำหรับพวกมัน
เพราะเขาเป็นเพียงมนุษย์ พวกมันรู้ว่าสักวันเขาจะตาย
เหล่าลอร์ดมิติคิดว่าวูจินเล่นเป็นพระราชาท่ามกลางซากศพ แต่เขากลับไม่เป็นอย่างที่พวกมันคิดและหวังจะปลุกเทพแห่งการทำลาย ถ้าอิลรัครู้มันฆ่าผู้ไม่ตายไปนานแล้ว
ลอร์ดมิติจะร่วมมือกันขัดขวางแผนการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเทพแห่งการทำลาย
“เป็นอย่างที่เจ้าว่า ข้าทำพลาด การเตรียมตัวของข้าไม่ดีพอ”
วูจินยิ้ม พวกบ้านี่ชอบหลอกตัวเองจริง
“ฉันพูดว่าไอ้การเตรียมตัวนี่ต่างหากที่ผิด”
“...”
วูจินยิ้มมากขึ้นเมื่ออิลรัคไม่เข้าใจที่เขาพูด
“พวกนายสำหรับฉันแล้วเหมือนอาหารน่าอร่อยบนโต๊ะบุฟเฟ่ต์”
“หมายความว่ายังไง?”
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
“...”
ดาบวูจินปาดคออิลรัคอย่างนุ่มนวลแต่ผลที่ได้ดูน่าสยอง
อิลรัคถูกฆ่าในพริบตาเดียว ร่างเขาถูกแสงสีเทาห้อมล้อมก่อนจะหายไป
“นี่มันฟาร์มตัวแม่เลย”
วูจินต้องเดินทางไปทั่วอัลเฟนเพื่อหาและกำจัดศัตรูทีละตัว แต่ศัตรูนับแสนมารวมตัวกันเพื่อโจมตีเขา เขาขอบคุณพวกมันจากใจจริง
วูจินปลุกผีดิบอัศวินทั้ง 7 ขึ้นมา สั่งให้พวกมันเดินไปทางหัวของเฟริส เมื่อไปถึงศพพวกมันก็ระเบิด
พร้อมกับการระเบิด ปลากระเบนพลิกตัวแล้วร่วงลงพื้น วูจินเรียกชิงชิงออกมาขี่
แม้แต่ตอนกำลังหล่นลงพื้น วูจินมองกองทัพศัตรูขนาดใหญ่เบื้องล่าง
ลอร์ดมิติของอัลเฟนทั้งหมดกำลังมุ่งโจมตีเขา?
เขาขอบคุณจนไม่รู้จะขอบคุณยังไง
“เริ่มเก็บเลเวลเลยไหม?”
วิญญาณที่ล่องลอยในสนามรบถูกดูดเข้าหาวูจิน เหมือนเขาเป็นหลุมดำ
***
พลังเวทออกจากร่างเขาผ่านไม้เท้า จากนั้นไฟที่ถูกขยายพลังเวทก็ลอยไปยังศัตรู มันทรงพลังมากก็จริง แต่น้อยกว่าที่ซุงกูคาดหวังมาก
“เชี่ย!
ถึงกำหนดหนึ่งชั่วโมง และเขาใช้เวทไปเกือบหมด เขาฆ่ามอนสเตอร์ไปเกิน 1,000 ตัว
สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายลง เพราะมอนสเตอร์ยังมีไม่หยุดไม่ว่าจะฆ่าไปมากเท่าไหร่
เหมือนเขาตักน้ำออกจากทะเล เขาไม่อาจทำให้กองทัพช้าลงได้
พวกมันกระทั่งหยุดเก็บศพพวกเดียวกันยังไม่ทำ พวกมันเหยียบมอนสเตอร์ที่บาดเจ็บและตายขณะเดินหน้าต่อไป
“พวกเราจะซวยจริงๆล่ะถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อ”
ซุงกูเคลื่อนไหวทันทีเมื่อได้ข่าวว่ามีการเคลื่อนทัพ แม้จะไม่มีลอร์ดมิติลงมาต่อสู้ในสนามรบ กองทัพก็ยังเคลื่อนที่ไม่เปลี่ยนในระหว่างที่ซุงกูพุ่งเข้าพุ่งออกสนามรบเพื่อใช้พลังเวทโจมตี
อีกประมาณ 5 วัน กองทัพใหญ่จะถึงอาณานิคมเซารุส
พวกเขาควรจะป้องกันอาณานิคมโดยเชื่อในความแข็งแรงของกำแพงปราสาทไหม?
เป็นไปไม่ได้
ปราสาทเซารุสคงทนได้เพียงครึ่งวัน
อาณานิคมจะเป็นเพียงสิ่งกีดขวางสั้นๆสำหรับพวกมัน
กี๊ซ
ฝูงค้างคาวรวมตัวกันกลายเป็นเจมิน เขามาอยู่ตรงหน้าซุงกู
“พี่! อูนอนกำลังมา เราต้องไปจากที่นี่”
“เฮ้อ เข้าใจแล้ว”
กองทัพมอนสเตอร์ 100,000 ตัวมันเกินกว่าจินตนาการของเขา กองทัพมันใหญ่มากจนส่วนหน้าอยู่ห่างจากกองหลักหนึ่งวัน ด้วยเหตุนี้ซุงกูจึงทำสงครามกองโจรได้
แต่ถ้าเขาถูกลอร์ดมิติจับจะอันตราย ด้วยเหตุนี้เขาจึงจับคู่กับโดเจมิน เจมินใช้ความสามารถทั้งหมดจับตาดูการเคลื่อนไหวของลอร์ดมิติ
เจมินปลอบใจซุงกูที่ดูหดหู่
“อย่าผิดหวังเลยครับ”
“เฮ้อ ความรู้สึกฉันน่ะช่างมันเถอะ เราอาจตายที่นี่จริงๆ”
“เรื่องนั้น...”
ซุงกูไม่ได้สิ้นหวัง เขาโกรธที่พลังของตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร
“พี่ แทนที่จะโจมตีมอนสเตอร์ ไม่โจมตีพื้นดินล่ะ?”
“นายพูดอะไร?”
“ถ้าเราเปลี่ยนสภาพพื้นที่ เราจะขวางให้พวกมันเดินทางช้าลงได้”
“หา?”
ซุงกูตาโต มอนสเตอร์จะทำอย่างไรถ้าเขาทำลายเส้นทาง? ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ต้องช้าลงอยู่ดี
“สมแล้วที่นายเป็นคนตั้งใจเรียน!
“ฮะๆ...”
พี่ซุงกูเข้ามหาวิทยาลัย เขาน่าจะรู้มากกว่า...
“ออกจากที่นี่กันก่อนเถอะครับ”
“ได้ ฉันจะไปสำรวจรอบๆอีกที”
ซุงกูและเจมินออกไปจากตรงนั้น คาดเดาการเคลื่อนไหวในกองทัพเป็นเรื่องง่ายเพราะพวกเขารู้จุดหมายของพวกมัน
ถ้าพวกเขาสามารถทำลายส่วนที่อันตรายที่สุดของเส้นทางได้ต้องช่วยทำให้การเคลื่อนทัพช้าลงแน่
เหลืออีก 5 วันก่อนถึงวันที่วูจินสัญญาว่าจะกลับมา

สารบัญ                               บทที่ 180



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น