บทที่ 14 เดินทางสู่เมืองหลวง (1)
เมื่อหนีออกจากบ้านได้สำเร็จ ผมบินหนีไปให้เร็วที่สุดเผื่อว่าหน่วยไล่ตามจะยังตามผมอยู่ หลังจากอยู่บนฟ้าได้สองชั่วโมงก็นึกได้ว่าผมไม่รู้ว่าตัวเองไปทางไหน
ผมกำลังบินไปทางตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นทิศทางของเมืองหลวง แต่เพราะไม่มีแผนที่และไม่เคยบินอย่างอิสระขนาดนี้มาก่อน ผมจึงไม่แน่ใจว่ากำลังบินเร็วขนาดไหนและมาไกลเท่าไหร่แล้ว เท่าที่รู้คือมันเร็วกว่าการวิ่งมาก ดังนั้นตอนนี้ผมจึงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ไม่มีอะไรมาวัดความเร็ว ไม่มีแผนที่ใช้ ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน
ผมมองไปมั่วๆ โชคดีที่มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ผมลงพื้นและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน
มีกลุ่มยามเฝ้าอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน พวกเขาใส่เกราะหนัง แผ่นเหล็กปิดจุดสำคัญของร่างกายและศีรษะสวมหมวกเกราะ
ปกติแล้วคนจะจินตนาการว่าทหารในยุคกลางจะสวมเกราะเหล็กเต็มตัว แต่เกราะแบบนั้นมีแต่อัศวินที่ใส่เนื่องจากปริมาณเหล็กจำนวนมากที่ต้องใช้ตีมันขึ้นมา ในความเป็นจริง เกราะที่พวกยามกำลังสวมอยู่นี้เป็นเกราะที่ดีที่สุดสำหรับทหารทั่วไป
“หยุด!”
ผมมองรอบๆหลังจากทหารยื่นหอกมาปิดทางเข้าหมู่บ้าน แต่ตรงนี้ก็มีเพียงผมคนเดียว
พวกเขาพยักหน้าเมื่อผมชี้ตัวเอง
“อะไรเหรอ?”
ทหารชี้ไปทางซ้ายของเอวผม ดาบเล่มหนึ่งแขวนตรงนั้น
“โอ๊ะ ปัญหาอยู่ที่อาวุธเหรอ?”
“ใช่ เจ้าต้องแสดงใบอนุญาตพกอาวุธก่อน”
อาจเพราะชุดที่ผมสวมอยู่ดูไม่แพงหรือหน้าเด็ก พวกทหารจึงพูดอย่างไม่นอบน้อม แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนี้
“ข้าไม่มีของแบบนั้น”
โชคร้ายที่ผมไม่มีใบอนุญาตพกอาวุธ
ถ้าเป็นในนิยาย เราพกอาวุธแบบนี้ไปมาได้ง่ายดาย
“ไม่มี? งั้นเจ้าได้ดาบนั่นมาจากไหน?”
“อะไรนะ?”
“ข้าถามว่าดาบมาจากไหน เขาห้ามขายดาบให้คนที่ไม่มีใบอนุญาตพกปืน มันผิดกฎหมาย”
ไม่น่าเชื่อว่าสมัยนี้จะมีกฎหมายที่ทันสมัย เน้นปฏิบัติจริง และไม่สะดวกแบบนี้ ผมดูถูกจักรวรรดิหน่อยๆเพราะระบบศักดินาของมัน แต่ผิดคาดมันดูเหมือนจะเป็นประเทศที่มีกฎหมายบังคับใช้
จะว่าไป ต่อให้เป็นยุคกลางในโลกที่ผมอยู่เมื่อชาติก่อน ผู้ปกครองตัวจริงคงไม่ยอมให้คนพกอาวุธอย่างไร้ข้อจำกัด แน่นอนว่าคนจะทำตามกฎหมายพวกนั้นหรือไม่มันอีกเรื่อง
“ข้าก็ไม่รู้ ข้าได้มันมาจากพ่อ”
ผมโกหก ช่างเหล็กที่เก่งที่สุดของหมู่บ้านใช้เวลาหลายวันตีดาบนี้ขึ้นมา ตอนรับดาบผมได้ยินว่ามันสร้างจากแร่อดามันไทต์ มิธริลและโอริคฮัลคัม และมันมีค่าเท่าคฤหาสน์นอกหมู่บ้าน
“อ้อ งั้นเหรอ”
โชคดีว่าพวกทหารไม่ติดใจสงสัย
“ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ต้องไปเอาใบอนุญาตก่อนเข้าหมู่บ้าน เจ้าต้องมีใบอนุญาตไม่ว่าจะพกอาวุธแบบไหน”
“ข้าจะไปเอาได้จากไหน?”
“อืม เรื่องแบบนี้มีบ่อยกว่าที่คิด เลยมีเจ้าหน้าที่รับทำด้านนี้ประจำในตึกด้านหลัง แต่ป่านนี้พวกเขาคงเลิกงานแล้ว”
ผมดูนาฬิกา 5:45 น.
เจ้าหน้าที่เลิกงานเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ฉันไปเป็นข้าราชการดีไหม?
“ถ้าพวกเขาไม่ทำงานแล้ว เจ้าก็ยังเข้าหมู่บ้านได้ถ้าทิ้งอาวุธไว้ข้างนอก เอายังไง?”
เอาไงดี?
ดาบของผมแพงมาก แต่มันฝังเวทมนตร์ที่จะกลับมาหาผมถ้าผมเรียกมัน แต่ถ้าใครรู้ราคาของดาบเล่มนี้คงกลายเป็นเรื่องวุ่นวายไม่น้อย จากนี้ไปผมควรเก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติ
ทหารหว่านล้อมเมื่อผมลังเล
“ไม่ทิ้งไว้ล่ะ? ถึงแถวนี้จะถือว่าปลอดภัยแต่ก็มีสัตว์ประหลาดออกมาบ้างนะ อีกอย่างดูสภาพเจ้าคงนอนกลางป่ามาหลายวันแล้ว ไปหาห้องพักนอนให้สบายไม่ดีกว่าเหรอ?”
ทหารดูเหมือนจะเป็นคนดีกว่าที่คิด เอาเถอะ ผมไม่ได้กังวลอะไรเพราะผมจะหนีเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าเกิดมีปัญหา
“เอาอย่างนั้นก็แล้วกัน”
“ดีแล้ว ข้าคงรู้สึกไม่ดีถ้าต้องไล่คนอายุน้อยอย่างเจ้าออกไป ฮ่าๆ” ทหารยิ้มอย่างใจดี
ถึงเขาบอกว่าผมอายุน้อย แต่ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้ารวมอายุชาติก่อนด้วยก็เกิน 40 ปีแล้ว
“งั้นขอดูบัตรประชาชนหน่อย?”
บัตรประชาชน? ฉันมีไหมหว่า?
“ทำไม? เจ้าไม่มีบัตรประชาชนเหรอ? ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เหรอ?”
ทหารมีสีหน้ากลุ้มใจ
ดูเหมือนผมจะเข้าหมู่บ้านไม่ได้ถ้าไม่มีบัตรประชาชน มาคิดดูแล้ว ไม่กี่เดือนก่อนเฮสเทียให้บัตรอะไรสักอย่างกับผมและบอกว่าพวกมันเป็นบัตรใช้ยืนยันตัวตนของจักรวรรดิกับสาธารณรัฐ จำได้ว่าตอนนั้นผมคิดอยู่ว่ามันไม่เหมือนกับที่คิดไว้
“ข้ามี เดี๋ยวนะ”
ผมดึงบัตรประชาชนออกมาจากกระเป๋ามิติโดยทำท่าเหมือนควานหาในกระเป๋า ผมใช้เวทมนตร์เปลี่ยนให้เหมือนมาจากเมืองอื่น เผื่อว่าคนจากหมู่บ้านจะมาตามหาตัวผมถึงที่นี่
สีหน้าทหารแข็งค้างเมื่อเห็นบัตรของผม
“เจ้าเป็นขุนนางเหรอ?”
ทหารมีปฏิกิริยาที่ผมคาดไม่ถึง
บัตรของคนทั่วไปกับขุนนางไม่เหมือนกันเหรอ?
“ใช่”
ผมตอบเหมือนก็แน่อยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้โกหกนะ
เพราะว่าลุงเป็นนายพลของกองทัพจักรวรรดิ ผมในฐานะคนในครอบครัวของเขาก็เป็นขุนนางด้วย
“ขออภัยที่เสียมารยาท ท่านเข้าไปได้เลยครับ”
ท่าทางของทหารเปลี่ยนไป 180 องศา เอ่อ ผมว่ามันก็ไม่เสียหายอะไร...
“อา แล้วดาบ-”
“เข้าไปได้เลยครับ ขุนนางพกอาวุธได้อยู่แล้ว”
เรอะ? บรรดาศักดิ์จงเจริญ!
“งั้นข้าไปล่ะนะ สวัสดี”
ผมโบกมือลา ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าบัตรประชาชนของผมมอบให้แต่ขุนนางระดับเคานต์ขึ้นไป
เรื่องที่ผมได้รู้ความจริงข้อนี้ภายหลังและขวนขวายหาทางปลอมบัตรให้เป็นของขุนนางระดับล่างเพื่อจะได้เป็นข้าราชการนั้นขอยกไปเล่าวันหลัง
***
ใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิ บ้านของขุนนางมากกว่าร้อยชีวิต เหยี่ยวตัวใหญ่ตัวหนึ่งบินเข้าไปในบ้านพักแห่งหนึ่ง หลอดใส่จดหมายติดอยู่ที่ขาของมัน
บลัดดี้ เบลด เจ้าของบ้านพักและนายพลของกองทัพแห่งจักรวรรดิ เปิดจดหมายที่ส่งตรงจากบ้านเกิดด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
ครึ่งปีที่ผ่านมา เขาใช้เวลาไปกับการปกป้องชายแดนที่ติดกับเขตแดนปีศาจ จดหมายต้องใช้เวลานานกว่าจะส่งมาถึงเขา แต่ทันทีที่มาถึงบ้าน เขาก็ได้จดหมายทันที
เพื่อทำหน้าที่ปกป้องชายแดนแทนบลัดดี้ นายพลจากเผ่ามังกรต้องไปแทนที่เขา แต่บลัดดี้ยังดีใจ
อีกครึ่งปี นายพลคนนั้นจะเปลี่ยนหน้าที่ของเธอกับนายพลจากเผ่าผีเสื้อ อีกหนึ่งปีจากนี้ บลัดดี้ต้องกลับไปที่ชายแดนปีศาจเพื่อผลัดกับนายพลจากเผ่าผีเสื้อ
จดหมายเริ่มด้วยการพูดถึงดินฟ้าอากาศตามเคย
ถึงลุงบลัดดี้
ตอนนี้เป็นฤดูที่ดอกไม้เริ่มผลิบาน
ที่โอลิมปัส กวางยังกัดกระชากคอโอเกอร์เช่นเคย เหล่าอสูรนำพาความมั่งคั่งมาให้หมู่บ้าน
เหมือนว่าตอนเขียนจดหมายนี้เฮสเทียจะมีอารมณ์ไม่ปกตินัก แต่บลัดดี้ผู้เติบโตในหมู่บ้านอดรู้สึกคิดถึงไม่ได้
แต่เขาก็ต้องตึงเครียดขึ้นเมื่ออ่านจดหมายไปเรื่อยๆ
วันก่อน พ่อเลือกผู้สืบทอดขึ้นมา โอ๊ะ หากท่านกังวล ท่านพ่อยังแข็งแรงดีดังนั้นอย่าเป็นห่วงไปเลยค่ะ
ก่อนที่ข้าจะอธิบายว่าทำไมท่านจึงประกาศตัวผู้สืบทอดเร็วนัก ขอบอกก่อนว่าเดนเบอร์ก เบลดเป็นผู้ถูกเลือก
เดนเบอร์กถูกเลือกเพราะ ในขั้นตอนการอบรมสั่งสอนแบบเฉพาะตัวของพ่อ เขาล้มมังกรด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้พ่อช่วย
หากเป็นคนอื่นบอกข้าอย่างนั้น ข้าคงคิดว่าเป็นเรื่องโกหก แต่เพราะเป็นพ่อบอกข้าเองข้าก็ได้แต่ต้องเชื่อ
เอาเป็นว่า พ่อตั้งใจให้เดนเบอร์กเป็นผู้สืบทอด แต่วันก่อนที่เดนเบอร์กจะเข้าพิธีเป็นผู้ใหญ่ เขาบอกพ่อว่าอยากจะไปทำงานในเมืองหลวง
พ่อจึงต้องบอกเขาว่าตั้งใจให้เดนเบอร์กเป็นผู้สืบทอด
เดนเบอร์กยอมรับ และตอนทานอาหารเย็นด้วยกันวันนั้น พ่อบอกเรื่องนี้กับทุกคน
ข้าไม่เคยสนใจตำแหน่งนั้นอยู่แล้วเพราะร่างกายอ่อนแอ เลชาก็ไม่เช่นกันเพราะเธอเลือกทุ่มเทไปที่เวทมนตร์ไม่ใช่วรยุทธ์
กาเวนข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าคิดว่ากัลลาฮาดจะคัดค้านเสียอีก แต่เขากลับเห็นด้วยอย่างยิ่ง อาจเพราะกลัวเอกสารกองโตของพ่อ
อย่างน้อยก็ข้าคนหนึ่ง ที่นึกภาพกัลลาฮาดจมอยู่กับกองเอกสารไม่ออก
ด้วยเหตุนี้เราจึงแสดงความยินดีกับเดนเบอร์ก และวันต่อมา ระหว่างพิธีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของเดนเบอร์ก พ่อเรียกประชุมผู้เฒ่าและบอกว่าเดนเบอร์กเป็นผู้สืบทอดของเขา
จากนั้นเรากำลังจะเริ่มงานฉลอง แต่พบว่าเดนเบอร์กทิ้งจดหมายไว้และหนีไปแล้ว
เราส่งหน่วยไล่ตาม 1,500 นายไปจับเขา แต่ไล่ล่าอยู่ 3 วันเขาก็หลบหนีไปได้สำเร็จ
ตามที่ท่านรู้ เดนเบอร์กเป็นนักเวทที่เก่งกาจมาก
ในฐานะนักเวทที่สามารถสังหารมังกรได้ในป่าโอลิมปัส เราตัดสินว่านอกจากพ่อก็ไม่มีใครจับเขาได้
แต่เพราะเรื่องที่พ่อก่อขึ้นสมัยท่านยังหนุ่ม (ลุงรู้เรื่องนี้ดีกว่าข้า) เขาไม่อาจออกจากป่าโดยไม่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศได้
ข้าอยากให้ลุงร่วมมือในการจับตัวเดนเบอร์ก ตอนนี้เขาควรจะกำลังมุ่งหน้าไปเมืองหลวง
หากท่านเจอเขา บอกข้าด้วยนะคะ
จากหลานผู้น่ารักของท่าน
เฮสเทีย
บลัดดี้หน้าเครียดหลังอ่านจดหมายจบ
ถ้าเรื่องที่เดนเบอร์กล่ามังกรตอนอายุสิบสองเป็นเรื่องจริง เขาย่อมเหมาะสมกับฐานะผู้สืบทอดของดูมสโตน
ถ้าไม่ใช่คนมีความสามารถขนาดนี้แล้วใครเล่าจะเป็นผู้นำของเผ่ากาแห่งโอลิมปัส?
แต่คนแบบนั้นหนีไป?
สัตว์ประหลาดที่ใช้เวทมนตร์ฆ่ามังกรในป่านั่นได้น่ะนะ?
สรุปตอนที่ 1-13 ในจดหมายของเฮสเทีย
ตอนที่ 12 เราแปลเลชาว่าเป็นน้องสาวของเดนเบอร์ก แปลผิดนะคะ เลชาเป็นพี่สาวเดนเบอร์ก จนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเฮสเทียลูกสาวคนโตกับกัลลาฮาดลูกชายคนโตใครเกิดก่อน 55... เราก็แปลโดยเดาว่ากัลลาฮาดเป็นลูกคนแรก กาเวนคนที่สอง เฮสเทียคนที่สามแล้วก็เลชาคนที่สี่ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น