วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล บทที่ 200

 

บทที่ 200 – ทราห์เน็ต (5)

 

ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เกร็งไหล่ด้วยความกังวล

แรงกดดันมหาศาลทำให้เขาหายใจลำบาก

วูจินยืนตรงหน้าศาสตราจารย์และจ้องเขาเขม็ง

ถ้าเขาเหวี่ยงหมัดก็จะถูกท็อปเลอร์

คิมคังชุลลังเลว่าควรจะหยุดหรือไม่ แต่เขาไม่กล้าเดินออกมาในบรรยากาศมาคุเช่นนี้

ทุกอย่างในห้องขัง...

ของต่างๆ

อากาศ

เหมือนมันกำลังถูกบีบต่อหน้าพลังของคังวูจิน

เขาเอ่ยปาก

“ฉันให้เวลา 5 นาที ถ้าทำให้ฉันเห็นด้วยไม่ได้ นายตาย”

นี่เป็นโอกาสที่คาดไม่ถึง ท็อปเลอร์ตาเป็นประกายและพูดทันที

“โลกนี้เป็นเรื่องโกหก”

“ฉันอยากจะถอนคำพูดจริงๆแฮะ”

วูจินพูดอย่างจริงจัง เขาไม่สนว่าได้ให้โอกาสท็อปเลอร์ไปแล้ว วูจินอยากต่อยท็อปเลอร์ที่เอาปรัชญามาพูด

“...ให้ผมพูดต่อไหม?”

“หมดไป 20 วิแล้ว”

ท็อปเลอร์พูดต่ออย่างรวดเร็ว อนาคตของโลกกับโลกพระจันทร์ขึ้นอยู่กับคำพูดของเขา

“ปี 2529 สงครามและการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติทำให้มนุษย์ชาติมีชีวิตอย่างยากลำบาก...”

ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์พูดอย่างเคร่งเครียด แต่วูจินมีสีหน้าแย่ลงเรื่อยๆ คิมคังชุลมองด้วยความกังวล

คิมคังชุลรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้เข้าเรียนวิชาที่น่าเบื่อ ที่โชคร้ายคือชีวิตของเขาใกล้จะจบในอีก 5 นาที เขาจึงกระสับกระส่าย

ท็อปเลอร์พูดถึงการล่มสลายของโลกและความเห็นแก่ตัวของประชากรโลก พูดไปเขาก็เริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น คิมคังชุลจึงต้องปรามเขาไว้

“ขอโทษครับศาสตราจารย์ ช่วยพูดให้กระชับหน่อยเถอะ...”

“หา?”

คำพูดของคิมคังชุลดึงเขาจากภวังค์

“เหลือ 3 นาที”

“อุบ”

ท็อปเลอร์กลืนเสียงครางแล้วหยุดเรียบเรียงคำพูดใหม่ เขาพูดอย่างรวดเร็วและรวบรัด

“โลกล่มสลาย เราต้องหาที่อยู่ใหม่”

วูจินนึกถึงความรู้สึกอันตรายที่เขาเคยรู้สึกในวิหารของอัลเฟน

“ใช่อัลเฟนหรือเปล่า?”

“ถูกต้อง โชคร้าย เราสร้างวิธีเดินทางไปที่นั่นได้แล้ว แต่การเตรียมการให้ที่ใหม่กลายเป็นที่ให้อาศัยอยู่ได้ยังไม่เสร็จ มนุษย์ไม่มีทางอื่นนอกจากรอ เพราะเหตุนี้สถานีย่อยจึงถูกสร้างขึ้น เราสร้างโลกเสมือนขึ้นมา”

“พูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้หน่อย”

“พวกเราต้องรออยู่ในโลกเสมือนจนกว่าอัลเฟนจะกลายเป็นเหมือนโลก หรือก็คือเราอยู่ในที่พักชั่วคราวจนกว่าบ้านของเราจะสร้างเสร็จ”

“แปลว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในนั้น?”

“ถูกต้อง”

“แล้วไงต่อ?”

“อะไร?”

ไม่สงสัยในเรื่องของเขาเลยเหรอ?

ท็อปเลอร์งงไปด้วยคาดไม่ถึงกับคำถามของวูจิน

“แล้วนายต้องการอะไร? นายจะพาพวกเราออกไปจากโลกนี้? บ้านใหม่สร้างเสร็จแล้วและนายจะพาพวกเราไปที่นั่นเหรอ?”

“...ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี แต่มันมีปัญหา”

แน่นอน ต้องมีปัญหาทำให้ทุกอย่างเละเทะทุกที

“บางคนในพวกเราเกิดความโลภ พวกเขาสร้างโลกเสมือนอื่นอีก จำนวนทั้งหมดคือ...”

“72”

“...ถูกต้อง มันเป็นโลกเสมือน แต่คนพวกนี้มีพลังเหมือนพระเจ้า บางคนกระทั่งอยากจะกลายเป็นเทพจริงๆ แหล่งพลังงานและสิทธิในอำนาจนั้นฝังอยู่ในรหัสที่แต่ละคนมี และพวกเขาเกิดอยากได้รหัสของอีกคน จากนั้นก็เกิดสงครามระหว่างมิติ...”

“สุดท้ายก็คือทะเลาะกัน”

“...ใช่”

“ถ้าทุกคนตื่นจากโลกเสมือนก็หมดปัญหาแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกนายยังลังเล?”

“นั่นก็มีปัญหาด้วย”

“อะไร?”

“การปรับสภาพดาวบ้านใหม่ของเรายังไม่เสร็จ”

“...”

วูจินมองท็อปเลอร์อย่างท้อใจ

“แต่เรามีวิธีแก้อย่างหนึ่ง”

“อะไร?”

“ทราห์เน็ต มันคือเครือข่ายที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวระหว่างดวงดาว มันจะทำให้เราปรับสภาพดวงดาวสำเร็จ...”

“อธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อย”

“พวกเราสามารถสลายร่างของคนหรือสิ่งของบนโลกทำให้กลายเป็นลำแสงและก่อตัวใหม่ที่อัลเฟน”

“...”

“คุณสามารถล็อกอินจากโลกและไปล็อกเอาท์ที่อัลเฟน”

“นายกำลังพูดถึงอุโมงค์ใช่ไหม?”

“เราใช้คอนเซ็ปท์ของอุโมงค์สร้างวิธีนี้ขึ้นมา แต่นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนมิติ การเคลื่อนย้ายระหว่างมิติเป็นวิธีที่ใช้แต่ในโลกเสมือน”

วูจินมองนาฬิกาบนผนัง

“หมดเวลาแล้ว”

“...คุณจะฆ่าผมเหรอ?”

“นายรู้จักฉันดีนี่”

“ทำไม่ได้หรอก”

“ทำไมล่ะ? นายน่าจะหนีไปเหมือนคราวที่แล้วนะ”

“ผมตายไม่ใช่ปัญหา เราต้องช่วยโลกเสมือนและโลกจริง คนที่เสียรหัสไปจะอยู่ได้แต่ในโลกเสมือน”

“งั้นก็ให้พวกเขาอยู่ไปสิ”

จำเป็นต้องแยกว่าอะไรจริงอะไรเป็นโลกเสมือนด้วยเหรอ?

จากประสบการณ์ของวูจิน การแบ่งแยกแบบนี้มันไร้ประโยชน์ สิ่งมีชีวิตอาศัยในโลก สิ่งที่ตายแล้วอาศัยในโลกหลังความตาย

“โลกของคุณกับผมกำลังตกอยู่ในอันตราย”

ท็อปเลอร์เคยพูดอย่างนี้

ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เคยพูดว่าพวกเขากำลังทำเพื่อเป้าหมายเดียวกัน ประโยคนั้นดังเข้าหูวูจินอีกครั้ง มันเคยฟังแล้วรู้สึกแย่อย่างไร ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอย่างนั้น

เขารังเกียจคนผู้นี้ พยายามเรียกร้องให้ได้ผลตามตัวเองต้องการโดยไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย

“ว่ามาสิ”

วูจินแน่ใจว่าท็อปเลอร์กำลังปิดบังบางอย่าง แต่ถ้าจำเป็นเขาจะร่วมมือกับไอ้ขี้ลังเลนี่ เขาอยากรู้ว่ามีอันตรายอะไรที่เขาต้องเจอในอนาคตอันใกล้

“พวกเราเฝ้าตรวจสอบพวกคนที่มีรหัสแอดมินมานานแล้ว เราทำแบบนี้หลายครั้ง แต่มีคนหนึ่งที่พยายามจะเป็นเทพที่แท้จริงมาตลอด”

“เทพที่แท้จริง...”

เป้าหมายของเกมเหรอ? นี่คือสิ่งที่ลอร์ดมิติพยายามจะไปให้ถึงเหรอ?

“ฉันเดาว่านายกำลังพูดถึง 72 บัลลังก์”

“ผมแน่ใจว่าคุณเจอเขาแล้ว”

“หา? เคยแล้ว?”

วูจินงง

ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์กลืนน้ำลายแล้วพูด ทุกอย่างจะจบลงเมื่อคนนั้นลงมา

“ผมกำลังพูดถึงแอดมินแห่งห้วงมิติ”

เขาเฝ้ามองทุกอย่าง เมื่อรวบรวมรหัสทั้งหมด เขาจะเกิดใหม่เป็นเทพที่แท้จริง

เขาจะรวมมิติทั้งหมดเข้าด้วยกัน... กลายเป็นเทพเหนือทุกสิ่ง

“...แอดมินแห่งห้วงมิติ”

วูจินคิดถึงการพบกันครั้งนั้น เขาถูกอัญเชิญไปยังอัลเฟน และต้องพยายามอย่างหนักเพื่อกลับโลก

ความพยายามของเขาเปรียบเหมือนกระเสือกกระสนออกจากนรก และเขาได้พบกับแอดมินแห่งห้วงมิติ

ด้วยความช่วยเหลือจากเขา วูจินจึงได้กลับโลก

“นายพูดไม่เข้าท่า ทำไมมันถึงส่งฉันกลับโลก...”

ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ตอบก่อนวูจินพูดจบ เขาไม่มีเวลามากนัก กัปตันลีโอเน่คงใกล้ถึงสถานีโซลแล้ว

“คุณมีรหัสกับกุญแจที่เขาต้องการ”

“...”

“รหัสเดิมกระจัดกระจายไป คุณมีรหัสการลบล้าง... แอดมินแห่งห้วงมิติกำลังพยายามเก็บรหัสการลบล้างที่สมบูรณ์”

“นายกำลังพูดถึงพลังของทราช”

“ถูกต้อง เขาต้องการครอบครองรหัสทั้งหมด”

ในโลกเสมือน มนุษย์เมื่อตายจะถูกลบไป

มีช่องว่างที่ผู้ตายถูกรวบรวมไว้ วูจินเป็นตัวตนที่สามารถทวนการลบด้วยการดึงผู้ตายออกจากช่องว่างนั้น

เนโครแมนเซอร์

ความรู้สึกขัดแย้งแปลกๆที่คอยรบกวนเขาเบาลง เป็นเพราะเป้าหมายที่เคยเลือนรางของเขาชัดเจนแล้วสินะ?

“เอาล่ะ บอกฉันว่านายต้องการอะไร”

“เขากำลังจะลงมา เราต้องทำภารกิจให้เสร็จก่อนที่เขาจะลงมา พวกเราเสียโอกาสนั้นไปแล้ว โลกเสมือนไม่มีความหวังอีกแล้ว เราต้องรีเซ็ทใหม่”

“ทำยังไง”

“คนของโลกพระจันทร์จะดึงคุณออกไป เมื่อคนตื่น ความทรงจำที่ฝังในรหัสจะบอกคุณว่าจะต้องทำอะไร”

เหมือนการใช้ตำราทักษะ ความรู้จะใส่ลงในความคิดของเขา... คล้ายแต่ไม่ใช่... มันเหมือนความจำที่ถูกผนึกไว้ถูกปลดผนึก

“วิธีรีเซ็ทอยู่ในรหัสการฟื้นฟูที่คุณได้จากอิเอลโล”

เมื่อเขาฆ่าอิเอลโลเขาก็ได้รหัสการฟื้นฟู

“ก่อนหน้านั้นคุณต้องทำอย่างอื่นก่อน”

“อะไร?”

“ในการฟื้นฟู คนตายจะฟื้นคืนชีพ”

เวลาจะถูกย้อนกลับทั้งหมด มันไม่ต่างจากการโรลแบ็คของเซิร์ฟเวอร์ ทุกอย่างจะย้อนไปยังจุดเซฟก่อนหน้า ขณะเดียวกัน สิ่งที่ตกค้างจากการกระทำนี้จะกลายเป็นผู้อพยพระหว่างมิติ...

“ถ้าคุณต้องการฟื้นฟูโลก คุณต้องมีรหัสของโลก”

“...”

“คุณต้องเอามันมา”

วูจินยืนนิ่ง

“เธอจะเกิดใหม่อีกครั้ง คุณไม่จำเป็นต้องลังเล”

“หึ”

วูจินหัวเราะตอบคำขออย่างจริงใจของท็อปเลอร์

ความโกรธของเขากลายเป็นบางอย่างที่เยือกเย็น... สายตาของเขาทำให้ท็อปเลอร์ขนลุก

“นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนตายของนาย”

“กรุณาทบทวน...”

เขาไม่เปลี่ยนใจ ท็อปเลอร์เห็นมันได้จากในสีหน้าและเสียงของคังวูจิน ท็อปเลอร์รู้ชะตาของเขา

“ไม่มีทางอื่นนอกจากรีเซ็ท...”

ท็อปเลอร์ให้วิธีแก้ปัญหาไม่ได้ เขามีแต่วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุด

เวลาต้องถูกย้อน ปัญหาจะหายไป

คังวูจินเหวี่ยงหมัด

แทนที่จะย้อนไปแก้ปัญหา เขาเลือกฉีกมันทิ้ง

กึง!

“หนีไป!

คิมคังชุลเข้ามาขวาง แต่ท็อปเลอร์ไม่มีเวลารู้สึกขอบคุณ คิมคังชุลเป็นแค่เราส์แรงค์ A เขาจะทนคังวูจินได้สักกี่วินาที?

ท็อปเลอร์วิ่งไปจับลูกบิดประตูห้องน้ำ

“อีกไม่นานเราจะเอาคุณออก กรุณาอย่าลืมคำพูดของผม”

ประตูเปิดและท็อปเลอร์เข้าไป วูจินเตะคังคิมชุลที่เกาะขาเขาอยู่

“ปล่อย”

คิมคังชุลถูกเตะปลิวใส่กำแพงแล้วกลิ้งบนพื้น

“อึก”

กระแทกแรงเกินไป คิมคังชุลครางโดยไม่คิดลุกขึ้น

วูจินจับลูกบิดประตูห้องน้ำ มันถูกปิดอย่างรวดเร็วโดยท็อปเลอร์

ตุบ!

เขารู้สึกมีคนเกาะขา วูจินมองลงไป หน้าคิมคังชุลเต็มไปด้วยเลือด ดูเหมือนจะศีรษะแตกแต่ยังเกาะขาของวูจินอย่างเอาเป็นเอาตาย

“คุณเป็นคนเดียว ช่วย...ผมด้วย”

ให้ช่วยใครนะ?

ดูเหมือนทุกคนเห็นแก่ตัวเอง

วูจินเตะคิมคังชุลออกไป เขากระชากประตูเปิดออก

แต่ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ไม่อยู่แล้ว ไอ้ตัวไร้วิญญาณชอบหลบๆซ่อนๆหนีกลับโลกไปแล้ว

มันใช้การย้ายมิติโดยไม่ต้องใช้ดันเจี้ยน... ไม่สิ เขาควรเรียกว่าล็อกเอาท์ใช่ไหม?

วูจินจ้องคิมคังชุลที่ไม่มีความผิดเขม็ง

“...”

ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวรุนแรงทั่วทั้งตัว

“เป้าหมายของเราไม่เหมือนกัน”

เป้าหมายของพวกเขาคือไม่ให้เกิดเทพที่แท้จริงและช่วยโลก?

แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่ ถ้าพวกมันคิดว่าเหมือนกันก็หลงผิดไปแล้ว

“รีเซ็ท? หึ!

สำหรับเขามันไม่มีทางตั้งแต่แรกแล้ว กลับไปแล้วยังไง? เขาร่อนเร่ใน 20 ปีแห่งความโหดร้ายอีกครั้ง และกลับโลกมาเพื่อดูมันล่มสลาย

เป้าหมายของเขาต่างไป

“ฉันจะจบมัน”

เขาไม่สนใจว่าโลกพระจันทร์จะเป็นอย่างไร

เขาจะปกป้องโลก ทำลายดันเจี้ยนให้หมด ตัดการเชื่อมต่อระหว่างมิติ เขาจะสร้างโลกของเขาเอง... เขาจะปกป้องโลกนี้

“ฉันจะฆ่ามันให้หมด”

เขาจะใช้วิธีที่เขามั่นใจที่สุด

วิธีเดียวที่จะได้ผู้ประหารของทราชมาคือต้องให้โซอาหลั่งเลือด?

“ฉันไม่ต้องการมัน”

เขาไม่สนใจผู้ประหาร ต่อให้เป็นวิธีแก้ปัญหาเดียวเขาก็ไม่ต้องการ

เขาจะกลายเป็นทราช และประหารพวกมันให้หมด

วู่ว

เมื่อคังวูจินมีความโกรธท่วมท้น เขาเห็นวิญญาณร้ายที่ลอยล้อมเขาอยู่เสมอ

เสียงร้องเย็นยะเยือก แต่วูจินไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว

วิญญาณร้ายหลายพันหลายหมื่นติดตามเขา

เขานับไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีเท่าไหร่

เขาแบกภาระนี้อยู่เสมอ

วิญญาณคร่ำครวญรอบตัวเขาเริ่มหลบไป แต่สถานการณ์ของเขาต่างไปจากเดิมเล็กน้อย...

วูจินแบ่งวิญญาณใส่เซ็ทไอเทมของทราชที่เขาสวมอยู่

ตึง

คังวูจินเดินออกจากห้อง

 

สารบัญ                               บทที่ 201

 

 

----

เอ่อ เรางงกับทราห์เน็ตและการย้ายดาวมากเลยค่ะ แปลไปงงไป มันเกี่ยวอันใดกับการทำเทอร่าฟอร์มมิ่ง

เอาจริงๆถ้าพวกโลกพระจันทร์อยากรีเซ็ทก็ฆ่าอิเอลโล,วูจินกับน้องของวูจินก็ได้แล้วนะ ปัญหาคือไม่มีปัญญาฆ่าเองเลยต้องมาขอร้องคนเป็นพี่ให้เสียสละน้อง เชื่อเค้าเลย ถ้าไม่ใช่พระเอกในนิยายบางเรื่องที่ย้อนเวลาไป 1000 กว่ารอบจนจิตใจแตกสลายไปหมดแล้วก็ไม่มีใครยอมหรอก

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 199

 

บทที่ 199 – ทราห์เน็ต

 

“ทางไหน?”

“ผมจะลองเกลี้ยกล่อมแอดมินแห่งการลบล้าง”

“เขาเสียความทรงจำ คุณจะทำอะไรได้!

มันเสี่ยงเกินไป ชายคนนั้นบ้าและไม่มีใครคาดเดาใจเขาได้

ท็อปเลอร์หว่านล้อมประธานสภาเชลท์อย่างใจเย็น

“ตอนนี้เขาได้กุญแจไปแล้ว เราไม่มีทางเลือกนอกจากเรียกเขามาที่นี่เพื่อทำการรีเซ็ท”

“เขาพยายามจะฆ่าพวกเราทุกคนที่เจอหน้า คุณจะไปเกลี้ยกล่อมเขาได้ยังไง! คำพูดใช้กับมันไม่ได้”

“ผมจะพยายาม”

“...”

เชลท์จ้องท็อปเลอร์เขม็ง ท็อปเลอร์ไม่กระพริบตา

“ผมเกลี้ยกล่อมเขาได้ ผมต้องไปที่โลก”

“...”

“หรือคุณมีทางเลือกอื่น?”

“อึก...”

เขาอาจเป็นฝ่ายถูก

“ผมต้องคุยกับสภา...”

“ประธาน!

ท็อปเลอร์ตะโกนด้วยความโกรธ

“คุณพยายามจะฆ่าพวกเราอยู่เหรอ? นี่ไม่ใช่เวลาลังเลนะ เราต้องเดินหน้าไปให้เร็วที่สุด”

พวกเขากำลังเข้าสู่ขอบเขตที่ไม่เคยเดินมาถึงมาก่อน

อิเอลโลปรากฏก่อนเวลาที่บันทึกไว้มาก คังวูจินยังทำกุญแจไม่เสร็จแต่ไปสู้กับอิเอลโลแล้ว แล้วยังเอาชนะได้อีก

สาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้มีหลายข้อ แต่ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ไปพบวูจินตามอำเภอใจอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง

“คุณเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องนี้ คุณมีหน้าที่แก้ไข!

“...เข้าใจแล้ว”

“เปิดประตู”

ประตูกระจกเปิดตามคำสั่งของประธานสภา ศาสตราจารย์ได้อิสระคืนมา

เขาเรียกร้องกับทหารที่ยืนเตรียมพร้อมทันที

“รบกวนเตรียมเรือให้ผมด้วย”

เขาต้องไปถึงโลกให้เร็วที่สุด ก่อนแอดมินแห่งห้วงมิติจะไปถึงโลก

***

แม่น้ำฮันที่กลายเป็นน้ำแข็งเริ่มละลาย น้ำแข็งที่ปกคลุมต้นไม้หนามสูงเสียดฟ้ากำลังละลาย แม้แต่ปราสาทน้ำแข็งก็ละลายเหมือนกำลังจะทลายลง

ไฮดร้ากำลังพ่นไฟอย่างบ้าคลั่งทำให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นอีก

“ฮู่ว”

วูจินใช้พลังเวทไปหมด เขาจึงรวบรวมวิญญาณมอนสเตอร์ใหม่

เขาดูดซับวิญญาณทั้งหมดในทีเดียว พลังเวทของเขาค่อยๆฟื้นฟู

ร่างอิเอลโลละลายจนมองไม่เป็นรูปเป็นร่าง สิ่งที่เหลือมีแต่รอยน้ำบนพื้น

วูจินเตะพื้นอย่างไม่จำเป็นเลย

“บอกแล้วใช่ไหมว่าฉันจะฆ่านาย”

เงื่อนไขการใช้อาจยุ่งยาก แต่การลงทัณฑ์ของทราชมีพลังมาก ร่างกายธาตุจะหลีกหนีมันได้ยังไง?

มอนสเตอร์และลอร์ดมิติที่อยู่เต็มพื้นที่ก็ใกล้จะถูกกำราบหมดแล้ว

วูจินได้เลเวลเพิ่มเพราะมอนสเตอร์ถูกกำจัด มันเพิ่มค่าประสบการณ์ให้เขาเรื่อยๆ

ฟู่ว

ควันดำลอยมาตรงข้างวูจินและกลายเป็นเจนิส

[เกิดอะไรขึ้นกับผู้ประหาร?]

“ไม่แน่ใจ”

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด

วูจินเปิดหน้าต่างสถานะและมองอย่างถี่ถ้วน เลเวลของเขาเปลี่ยนเป็น 99 แต่ที่เห็นได้ว่าเปลี่ยนไปก็มีแต่ค่าสถานะบางส่วนเพิ่มขึ้น

“คงไม่เกี่ยวกับเลเวล หรือฉันต้องรวบรวมเซ็ทไอเทมของทราชให้ครบ?”

วูจินล่ามอนสเตอร์เป็นจำนวนมากและได้ค่าความสำเร็จมาไม่น้อย เขาเปิดร้านแลกเปลี่ยนความสำเร็จทันทีและซื้อไอเทมจำเป็นสำหรับสร้างเกียรติของทราชทั้งหมด

“น่าจะซื้อได้หมดนะ...”

ถ้าเขาซื้อได้โดยใช้แค่ค่าความสำเร็จก็ไม่ต้องทำงานหนักเก็บแต้มมิติ

เจมินยังสู้ในสงครามมิติและแต้มมิติก็ยังเพิ่มเรื่อยๆ...

“ไหนดูหน่อย”

วูจินวางวัตถุดิบที่ซื้อมาและไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของอาเรียลงในกล่องผสมของ

เขากดปุ่มผสม วัตถุดิบผสมกันเป็นรัดเกล้า มันเหมือนมงกุฎที่มีหัวกะโหลกอันหนึ่งฝังอยู่

“เกียรติของทราช”

เขาหยิบมันออกมาสวม

เกียรติของทราช การปกป้อง การลงทัณฑ์ ความภาคภูมิและการเดินทัพ

เขารวบรวมเครื่องป้องกันครบห้าอย่าง ผลของเซ็ทไอเทมจึงทำงาน

ความสามารถบงการของเขาเพิ่มขึ้น และเขาสามารถควบคุมกองทัพใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า เขายังสามารถเรียกสนามแห่งความตายที่เป็นสนามรบหลักของผีดิบ

นอกจากนั้นแล้วทักษะที่เขามีตอนอยู่อัลเฟนก็ได้คืนมาทั้งหมด

ความรู้สึกร้อนใจที่มีหายไป แต่ไม่นานวูจินก็หน้าเครียดขึ้น

“ไม่ได้ผล”

[ผู้ประหาร...]

เขารวบรวมเซ็ทไอเทมครบแล้ว และเพิ่มเลเวลให้อาชีพสองอาชีพถึง 99 แต่ผู้ประหารของทราชก็ยังไม่ปรากฏ

[รหัสหลักของโลก...]

“หยุด”

วูจินไม่ให้เจนิสพูดต่อ

“อย่าพูดถึงมัน”

[…]

เจนิสเห็นสีหน้าไร้ความรู้สึกของวูจินแล้วไม่อาจพูดต่อ มันรู้สึกว่าวูจินกำลังโกรธ

เจนิสเป็นครูของวูจิน และมันเห็นเขาตอนอยู่ในสนามรบ ถ้าไม่เจนิสต้องเห็นความโกรธของวูจินด้วยตามันเอง

“ค่อยๆหามันเถอะ...”

[แล้วแต่ประสงค์ของท่านจ้าว]

เจนิสเปลี่ยนเป็นควันดำแล้วหายไป

วูจินหัวเราะแห้งเมื่อเห็นโซลที่ถูกทำลายราบ

นี่เป็นนรกในนรกสำหรับเขา

มีศพที่มองเหมือนเป็นของมนุษย์ปะปนอยู่ในศพมอนสเตอร์ ทุกที่มีแต่ศพ มีเขาคนเดียวที่มีชีวิตอยู่

มันเป็นความรู้สึกแย่ แต่ก็เป็นความรู้สึกคุ้นเคยเช่นกัน

“ลุก”

ศพระเบิดและทหารโครงกระดูกออกมาตามคำสั่งวูจิน ตอนนี้เขาบงการโครงกระดูกได้มากกว่าเดิม เขาจัดทหารโครงกระดูกไปอยู่ใต้การควบคุมของอัศวินมรณะแล้วเติมจำนวนกองทัพผีดิบใหม่

[ราชา]

คิบะมาใกล้เขา พวกเขามองหน้ากัน

ไฟสีแดงในดวงตามันเผยให้เห็นความเป็นห่วง

“ฉันจะเรียกนายคราวหน้า”

[แล้วแต่ประสงค์ของท่านจ้าว]

เริ่มจากคิบะ จากนั้นอัศวินมรณะตนอื่นก็กลายเป็นควันหายไป

กึง

เสียงกระแทกดังขึ้น ฟังยากว่ามันลงพื้นหรือกระแทกกับพื้น เขามองมังกรโลหิต

[...]

มังกรโลหิตเงียบไม่เหมือนเคย วูจินให้มันกลับไป

วิ้ง

เลือดรอบตัวมังกรโลหิตหลุดออกมา โดลเซในร่างดวงจิตโกเลมหมุนรอบตัววูจินก่อนจะหายไป

แม้แต่มังกรกระดูกก็กลายเป็นควันดำ ที่เหลืออยู่ข้างวูจินมีเพียงบิบิ

“เจ้านาย เราอยากกลับแล้ว”

“...อืม”

วูจินเรียกชิงชิงออกมา พวกเขาบินไปยังปราการลอยฟ้า ร่องรอยของผู้ประหาร...

เขายังไม่เจอ

ไม่ ถึงเขาจะไม่ได้คำตอบก็ช่าง

***

เรือของท็อปเลอร์แยกจากบรรยากาศดำและจอดบนดินแดนร้าง

ตัวผลักดันดับไปเมื่อเรือลงถึงพื้น

พื้นยานเปิดออกและบันไดทอดลงมา

อากาศบนโลกหายใจไม่ได้อีกต่อไป ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ใส่ชุดนักบินอวกาศลงบันได

เมื่อเขาเหยียบโลก ทหารประจำเรือเดินมาหาเขา

“ผมได้ข่าวแล้ว ศาสตราจารย์”

“เราไม่มีเวลามากนัก กัปตันลีโอเน่”

“เราเตรียมอุโมงค์ที่นำไปยังเป้าหมายไว้แล้ว”

กัปตันลีโอเน่เตรียมทุกอย่างพร้อม ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์จึงพยักหน้า

“แผนเรียบง่าย ผมจะเข้าใกล้เขา ถ้าผมเกลี้ยกล่อมเขาสำเร็จ กรุณาเตรียมพร้อมช่วยเหลือเขา”

“เราดึงเขาออกมาทันทีจะไม่ดีกว่าเหรอ?”

“เรายังพูดไม่ได้ว่าเขาเป็นมิตรกับเรา ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร ให้ผมคุยกับเขาก่อน”

“เอ่อ เข้าใจแล้ว กรุณารีบด้วย ความเข้มข้นของพลังงานมากขึ้นทุกที ผมเชื่อว่าแอดมินแห่งห้วงมิติกำลังลงมา”

“เข้าใจแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”

 กัปตันลีโอเน่กดแท็บเล็ทที่ติดข้อมือ แผนที่โฮโลแกรมปรากฏขึ้น บนนั้นมีจุดสีแดง

“สถานีโซลทางออกที่หนึ่ง อัตราสูญเสียพลังงานคือ 28%

“เข้าใจแล้ว”

“ถ้าคุณเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้ล่ะ?”

“...”

รหัสที่จำเป็นสำหรับการรีเซ็ทไม่อยู่กับอิเอลโลอีกต่อไป คังวูจินเป็นผู้ครอบครองมัน ถ้าเขาต้องการย้อนโลกที่เสียหายกลับคืนสภาพเดิม พวกเขาต้องการวูจิน

“เราต้องการเขาแม้ต้องบังคับ”

“อืม เข้าใจแล้ว”

“งั้นก็เริ่มกันเถอะ”

กัปตันจับมือท็อปเลอร์ก่อนจะไปทำธุระของตัวเอง

เรือลีโอเน่ล็อกเป้าหมาย ท็อปเลอร์ใช้ยานอวกาศเป็นตัวข้ามมิติ...

***

ปราการลอยฟ้า ปราสาทของบิบิ

บรรยากาศตึงเครียดรอบตัวคังวูจินทำให้จุงมินชานไม่เอ่ยปาก เขาตัดสินใจรายงานทีหลัง

การรบระหว่างอิเอลโลและคังวูจินเพิ่งจบไปไม่นาน ญี่ปุ่นที่ประกาศอยู่ฝ่ายเดียวกับอิเอลโลแล้วจึงเรียกร้องคำอธิบายจากอลันดาล

จุงมินชานตกที่นั่งลำบาก เพราะญี่ปุ่นส่งสัญญาณว่าจะเริ่มสงครามเพราะเรื่องนี้ เขาไม่มีทางเลือกได้แต่เมินเฉย

ถ้าเขารายงานผิดเวลา วูจินอาจบุกญี่ปุ่น ถ้าเป็นอย่างนั้นคงยิ่งยุ่งยากไปใหญ่

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“ปล่อยเจ้านายไว้คนเดียวเถอะนะ”

“ครับ”

แม้แต่บิบิยังเคร่งเครียด มินชานจึงต้องยอมรับ

เมื่อวูจินมาถึงปราการลอยฟ้า คนแรกที่เขาไปหาไม่ใช่แม่หรือน้องแต่เป็นคิมคังชุลที่ถูกขัง

คิมคังชุลนั่งอยู่เฉยๆ แต่จู่ๆคังวูจินก็ต่อยหน้าเขา

“อั่ก”

คิมคังชุลล้มไม่เป็นท่า วูจินคว้าคอเขาแล้วกัดฟันถาม

“ฉันจะเจอพวกโลกพระจันทร์เวรนั่นได้ยังไง?”

“แค่ก ถึงคุณจะถามผมไป”

คิมคังชุลถูกโยนลงพื้นอีก วูจินคำรามใส่เขา

“เรียกพวกมันมา”

“คุณไปถามสตรีศักดิ์สิทธิ์ของโลกไม่ดีกว่าเหรอ?”

เมื่อพูดถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของโลก วูจินคว้าคอของคิมคังชุลและยกขึ้น คิมคังชุลปัดป่ายขาไปมาอย่างไร้ผล

“อยากตายเรอะ?”

“แค่ก ท...เทพของโลกอยู่บนโลกของพวกเขา...”

วูจินวางเขาลงเมื่อเห็นว่าใกล้จะขาดอากาศหายใจตายแล้ว วูจินหรี่ตาลงเมื่อได้ยิน

“เทพของโลกอยู่ที่โลกพระจันทร์เหรอ?”

“แค่ก เท่าที่ผมรู้มา”

“...”

เขารู้ว่าผู้ประหารสามารถตัดการเชื่อมต่อระหว่างมิติต่างๆ ถ้านี่เป็นวิธีแก้ปัญหาวิธีเดียว เขาต้องได้มัน

แต่ รหัสหลักของโลก... ถ้ามันต้องใช้น้องสาวเขาล่ะ?

ถ้ามีวิธีช่วยโลกและช่วยน้องสาวเขาด้วย...

“โลกพระจันทร์... ฉันจะไปที่นั่นได้ยังไง?”

เขาเปิดร้านขายของมิติเพื่อหาดันเจี้ยนบนโลกพระจันทร์ แต่ไม่พบ ถ้าต้องการเชื่อมต่อไปยังที่หนึ่งก็จำเป็นต้องมีดันเจี้ยน

ตอนนั้นเอง ร่างที่คาดไม่ถึงเปิดประตูเข้ามา

“...?”

“เราเจอกันอีกแล้ว”

ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ทักทาย วูจินหน้าบึ้ง

“ฉันอยากให้นายพาไปที่โลกพระจันทร์”

ถ้าเทพของโลกอยู่ที่นั่น... เขาจะฆ่าเทพเพื่อน้องสาว เขาจะเอารหัสหลักมา

“วิธีปกติพาคุณไปที่นั่นไม่ได้”

“ถ้านายรู้ว่าอะไรดีกับนาย นายควรนำทางฉันไปที่นั่น”

วูจินเดินออกมาหนึ่งก้าว แค่ก้าวเดียว แต่ความรู้สึกอันตรายทำให้ศาสตราจารย์สะดุ้ง แต่เขายืนที่เดิม

ไม่ว่าเขาหรือโลกพระจันทร์ พวกเขาไม่เหลืออะไรให้ถอยอีกแล้ว

“ผมจะนำทางคุณไป แต่คุณต้องฟังผมก่อน”

“ฉันไม่จำเป็นต้องฟังนาย”

“มันเกี่ยวกับต้นกำเนิดของมิติต่างๆ รวมถึงต้นกำเนิดดันเจี้ยนที่ทำให้มีการเดินทางระหว่างมิติ ทุกอย่างที่ผมกำลังบอกเป็นเรื่องจริง”

คิ้ววูจินกระตุก

“ต้นกำเนิดของทราห์เน็ต... คุณไม่อยากรู้เหรอ?”

“เลิกพูดไร้สาระ บอกฉันเรื่องดันเจี้ยนที่พาไปโลกพระจันทร์!

“บนโลกพระจันทร์ไม่มีดันเจี้ยน”

วูจินหน้าบึ้งหนักขึ้นอีก

“นายอัญเชิญฉันไปได้!

มันเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลบนอัลเฟน เขาแค่ต้องยอมรับการอัญเชิญ

แต่...

“น่าเสียดาย คุณไปที่นั่นด้วยการอัญเชิญไม่ได้ มันไม่มีอุโมงค์ และการเคลื่อนย้ายระหว่างมิติก็ใช้ไม่ได้ แต่ผมรู้วิธีหนึ่งที่จะได้ผล”

วูจินขมวดคิ้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีวิธี คิมคังชุลกับท็อปเลอร์ตายไปแล้ว

“วิธีอะไร?”

“คุณล็อกเอาท์ได้”

“...”

ท็อปเลอร์ยอมรับสายตาน่ากลัวของคังวูจินอย่างสงบ เขาภาวนาอยู่ในใจ

“กรุณาฟังที่ผมพูดก่อนจะทำอะไร...”

“...”

“ทราห์เน็ต นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับต้นกำเนิดของการเดินทางระหว่างดาวต่างๆ และอนาคตของโลก”

วูจินเดินเข้าใกล้ท็อปเลอร์อีกก้าว

 

 

 

สารบัญ                                    บทที่200