บทที่ 184 – ทายาทมังกร (2)
ไฟตรงหน้าต้นไม้โลกโหมแรงขึ้น
มันเหมือนไฟสีดำ สีที่เหมือนเป็นการประกาศของสายเลือดไม่บริสุทธิ์
ถ้าเข้าไปใกล้จะเห็นวิญญาณร้ายลอยรอบๆมัน
ถ้ามองเข้าไปในไฟสีดำจะเห็นไฟสีขาวลุกไหม้อยู่
หัวใจมังกรกำลังหลอมละลาย และไฟสีขาวใช้หัวใจมังกรนั้นเป็นเชื้อเพลิง
วูจินนั่งตรงหน้าดวงไฟมาเกิน 10 วันแล้ว
เขาสนใจแต่วิญญาณร้ายจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น
มันเป็นการต่อสู้ส่วนตัวที่ดึงดูดความสนใจคนรอบข้าง แต่เมื่อนานเกิน
10 วัน ผู้กล้าของสหพันธ์ก็หันไปตั้งใจทำงานของตัวเอง
ถ้าวูจินซ่อมอาณานิคมด้วยพลังที่เหมือนพระเจ้าก็ดี
แต่เขากำลังยุ่งเกินไป ดังนั้นสหพันธ์จึงต้องซ่อมแซมกันเอง
พวกเขาใช้เวลา 20 วันจึงสร้างความปลอดภัยให้พื้นที่รอบๆได้
ศพมอนสเตอร์หลายพันมาอยู่ในที่เดียวทำให้ภูเขาขนาดใหญ่เปลี่ยนสภาพไป
บนภูเขาเกิดรอยเลือดหลายแห่ง
ผู้ไม่ตายนิ่งอยู่ที่เดิม แต่กองทัพผีดิบของเขากำลังรื้อถอนดินแดนรอบๆพร้อมกับเข่นฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมด
การกระทำของพวกมันทำให้คนของสหพันธ์ที่รักษาชีวิตไว้ได้ด้วยการหลบซ่อนตัวมารวมกันที่ภูเขาเซารุส
แต่ยังมีคนอีกมากที่ระแวงว่าเป็นกับดักของลอร์ดมิติจึงไม่รีบมาที่ภูเขา
ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้กล้าจึงต้องขยายพื้นที่ช่วยเหลือออกไป
พวกเขาเพิ่มกำลังรบอย่างมั่นคง
หน่วยแฟนธ่อมที่นำโดยบลังกาและเชฮีซอลก็ทำงานเป็นอย่างดี
“นี่ก็ตั้งนานแล้วนะ แต่แนวหลังยังไม่มาซักที”
“...อืม พวกเราอาจจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่มา”
หน่วยสนับสนุนถูกส่งมาเพื่อช่วยอัลเฟน
คังวูจิน,ฮงซุงกูและโดเจมินเป็นระลอกแรก หน่วยแฟนธ่อมเป็นระลอกที่สอง
ทุกคนเป็นสมาชิกของอลันดาล
อาจเป็นเพราะต้องการผลประโยชน์หรือต้องการแสดงตัวตนกับอลันดาล
กิลด์หลายๆกิลด์จากประเทศต่างๆอยากมาที่อัลเฟน แต่ยังไม่มีใครมาเลย
อาจเป็นเพราะล้มเลิกความตั้งใจไปเอง หรือมีเหตุผลที่ทำให้มาไม่ได้
“ดูเหมือนบนโลกจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น...”
ฮงซุงกูนอนใกล้ตาย โดเจมินรีบใช้ประตูกลับโลก
ราชาของพวกเขานั่งตรงหน้าเปลวไฟโดยไม่ขยับไปไหน พวกเขาจึงถามไม่ได้
ความสงสัยทำให้พวกเขาแทบบ้า
พวกเขาสงสัยไปต่างๆนานา แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ
พวกเขาตัดสินใจทำตามแผนเดิม
หน่วยแฟนธ่อมฝึกฝนไปพร้อมกับการช่วยสหพันธ์
“ผมชักกังวลแล้วสิ ถ้าพวกเรากลับโลกไม่ได้ล่ะ?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บลังกา คุณไม่เชื่อราชาของเราเหรอ? ถ้าไม่มีทาง
เขาจะสร้างมันขึ้นมาเอง”
“เฮ้อ บางทีผมก็ฝันถึงแม่ ผมกังวลจริงๆ”
“...”
ฮีซอลปลอบบลังกาอย่างใจเย็นแล้วไปหาทัวริค
“อา หัวหน้าฮีซอล มีอะไรหรือ?”
ทัวริคต้อนรับเธอ แม้แต่ในกลุ่มคนประหลาดจากโลก
ฮีซอลและหน่วยแฟนธ่อมก็ยังพิเศษ พวกเธอทำงานร่วมกันเป็นอย่างดีและทำภารกิจได้ดีมาก
พวกเธอเป็นกลุ่มที่เชี่ยวชาญด้านค้นหาและช่วยเหลือ
“คุณเจอสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือยังคะ?”
“อืม... เรากำลังพยายามอยู่ แต่ยังไม่เจอเลย”
นอกจากคนจากอลันดาล หน่วยแฟนธ่อมคุ้นเคยกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
เธอหายไปหลายวันแล้ว
เธอไปค้นหาวิหารอาเรียพร้อมกับคังวูจิน แต่ยังไม่กลับมา
พวกปากเสียบางคนปล่อยข่าวลือว่าเมโลดี้ถูกผู้ไม่ตายสังหารไปแล้ว
ในเมื่อคนที่ถูกกล่าวหาพิสูจน์ตัวเองไม่ได้
ข้อกล่าวหานี้จึงไม่หมดไปเสียที...
“ทัวริค!”
ลาตาชาวิ่งตามเส้นทางจากกำแพงปราสาทมาหยุดตรงหน้าพวกเขา
เธอหน้าแดงอย่างตื่นเต้นเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาเรียกลับมาแล้ว!”
“โอ้ จริงหรือ?”
“นางขึ้นมาจากเชิงเขา”
“ดูเหมือนดวงวิญญาณทุกดวงในอัลเฟนพยายามช่วยพวกเรา”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว เธอจะสามารถรักษาคนที่ยังบาดเจ็บ
เธอก็คือคนที่เทพส่งมาช่วยดีๆนี่เอง
ไม่มีใครเก่งกว่าเมโลดี้ในเรื่องพลังศักดิ์สิทธิ์
ยิ่งเธอได้ไอเทมของอาเรียแล้ว พลังของเธอจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เหล่าผู้กล้าวิ่งลงเขาไปต้อนรับสตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาเรียอย่างดีใจ
คนกลุ่มใหญ่เข้ามารุมล้อมเธอเพื่อแสดงความยินดีที่เธอกลับมา
แต่เมื่อดูดีๆแล้วเมโลดี้มีสีหน้าไม่สดชื่นนัก
“เสียงแห่งอาเรีย เกิดอะไรขึ้น?”
“พระแห่งสเกีย”
เสียงของเมโลดี้ฟังเศร้า
“ผู้ไม่ตายกำลังรีบจึงกลับมาก่อนข้า ข้าตามมาทีหลัง...”
“โอ้ อย่างนั้นหรือ? ท่านลำบากมามาก ทำได้ดีมาก”
ทัวริคทักทายเมโลดี้และขอความช่วยเหลือทันที
เขาเป็นหัวหน้าจึงต้องเป็นคนพูดเรื่องที่คนอื่นไม่สะดวกพูด มันเป็นสิ่งสมควรทำ
“ข้ารู้ว่าตัวเองหน้าไม่อาย ท่านเพิ่งมาถึง
แต่มีคนกำลังร้องด้วยความเจ็บปวด ท่านจะให้พรแห่งอาเรียแก่พวกเขาได้ไหม?”
“แน่นอน”
เมโลดี้หัวเราะเบาๆและเดินตามทัวริค
“ยินดีต้อนรับกลับ”
“ข้าดีใจที่ท่านปลอดภัยกลับมา”
“ขอบคุณ ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์”
ทุกคนต้อนรับเมโลดี้ แต่เธอฝืนยิ้ม รอยยิ้มของเธอบอกว่ากำลังไม่สบายใจ
***
วูจินดูเหมือนจะตื่นในอีกไม่นาน แต่ผ่านมา 20 วันแล้ว
เขายังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
หลายคนสงสัยว่าคนที่ไม่ขยับไม่กินอะไรเลยมีชีวิตอยู่ได้ยังไง
แต่เมื่อคิดถึงความโกงที่ผ่านมาของผู้ไม่ตาย นี่ไม่ถือเป็นอะไร
ยิ่งกว่านั้น คนเป็นกังวลเรื่องดาวดวงนี้มากกว่า
พื้นที่ทางอำนาจปกครองของทวีปนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ผู้ไม่ตายปรากฏตัวอีกครั้ง สหพันธ์ที่แตกฉานซ่านเซ็นถูกสร้างใหม่
และลอร์ดมิติซึ่งยึดครองอัลเฟนไปแทบทั้งหมดถูกล้มล้าง
กองทัพผีดิบเข้าสู่สงคราม พวกมันสะสางพื้นที่ไปหนึ่งในสามของดวงดาวแล้ว
พูดอีกอย่างคือ แม้สงครามยิ่งใหญ่สงบลงแล้ว ผู้ไม่ตายก็ยังไม่ตื่น
เขาอยู่ที่เดิมเพื่อปกป้องเปลวไฟแห่งชีวิตที่กำลังมอดดับ
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมองผู้ไม่ตาย
‘ผู้ไม่ตาย’
เมโลดี้มองหัวใจมังกรที่ละลายไปเกือบหมด ไฟดวงเล็กๆ วิญญาณแค้น
และคังวูจิน เขากำลังนั่งต่อหน้าสิ่งพวกนี้ และเธอเฝ้ามองทั้งหมด
‘โอเทพี เหตุใดท่านจึงมอบความยากเข็ญเช่นนี้แก่ข้า’
เธอรู้สึกขุ่นเคือง
หลังจากยกทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอให้เทพี
นี่เป็นครั้งแรกที่เมโลดี้รู้สึกไม่พอใจเทพีของเธอ
เมโลดี้ไม่สามารถเข้าใจคำพยากรณ์ครั้งล่าสุดได้
-เจ้าต้องเผาต้นไม้โลกเพื่ออัลเฟน
พวกเขาปลูกสัญลักษณ์นี้ให้เติบใหญ่อย่างยากลำบาก
มันกลายเป็นความหวังของสหพันธ์ แต่เธอต้องเผามันด้วยตัวเอง?
ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นประตูสุดท้ายที่นำไปสู่อาณาเขตมิติของวูจิน
ถ้าประตูถูกทำลาย เขาจะติดอยู่ที่อัลเฟนจนกว่าจะได้ดันเจี้ยนใหม่
ไม่ใช่เมโลดี้ไม่รู้ว่าเทพีมีเป้าหมายอะไร
แต่เธอสงสัยว่าวิธีนี้มันถูกต้องแล้วหรือ?
เธอรู้สึกทุกข์ทรมาน นี่เป็นภาระหนักสำหรับเธอ
“มาทำอะไรตรงนี้?”
“...!”
เมโลดี้ตกใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา
“อึ๊ก”
“อะไรกัน?”
คังวูจินยิ้มเมื่อเห็นเมโลดี้สะอึก
“โรคจิตเหรอเธอ? ทำไมมานั่งจ้องฉัน?”
“ฉัน...ฉันไม่ได้โรคจิตนะคะ อึ๊ก”
เมโลดี้หน้าแดงและไม่กล้าสบตาวูจิน เธอรู้สึกอาย รู้สึกผิดและขอโทษ
และหัวใจเธอเต้นแรง...
“ทำไมจู่ๆก็ขยับล่ะ...”
เมโลดี้เหลือบมองผ่านวูจิน เธอไม่เห็นวิญญาณแค้นหรือหัวใจมังกร
สิ่งเดียวที่เหลือคือไฟสีแดงและขาว มันส่องสว่างเหมือนเทียน
“อืม ฉันถือว่าทำเท่าที่ทำได้แล้ว”
“คุณซุงกูเป็นยังไงบ้างคะ?”
“มันขึ้นอยู่กับเขาแล้ว อา หวังว่าจะออกมาดีนะ”
“...?”
เมโลดี้ตาโต
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“เขาเกิดใหม่โดยไม่ผ่านการตาย พอปรับเปลี่ยนร่างให้ตัวเองเสร็จก็คงออกมา”
“...?”
เมโลดี้ฟังแล้วยังไม่เข้าใจ วูจินเปลี่ยนเรื่อง
“เอาไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของเธอมา”
“...”
“เอามาเร็วๆ”
“ฉัน...ฉันทำมันหายค่ะ”
“หืม”
วูจินยื่นหน้ามาใกล้เมโลดี้และมองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอ
เธอไม่มีความกล้าที่จะมองเข้าไปในดวงตาลึกไร้ก้นบึ้งนั้นจึงก้มหน้าลง
“อืม ก็ได้”
วูจินถอยไปโดยไม่อาละวาด
“หามันให้เจอก่อนฉันกลับมา”
“ค...คุณจะไปที่ไหนคะ?”
เขาจะกลับโลกหรือ? ถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ?
เมโลดี้มองอย่างกังวลแต่วูจินตอบอย่างไม่สนใจ
“จะที่ไหนล่ะ? ฉันต้องไปจับสาวกของเฮเรส”
ไอเทมศักดิ์สิทธิ์ 5 อย่างเป็นวัตถุดิบของเซ็ทไอเทมทราช
เขาต้องการวัตถุดิบสำหรับเข็มขัด หลังจากนั้น
เมื่อได้รัดเกล้าของอาเรียก็เป็นอันเสร็จงาน วัตถุดิบอื่นมีอยู่ในมิติอื่น
เขาแค่ต้องใช้แต้มซื้อมัน
“อ๊ะ เธอปกป้องอาณานิคมจนกว่าฉันจะกลับมานะ”
“...”
“ทำไมไม่ตอบ?”
“คะ?”
“งั้นฝากด้วยนะ”
“...”
เมื่อวูจินเดินจากไปก็เหลือเพียงเมโลดี้ เธอทรุดลงกับพื้น
“โอเทพี...”
ความทุกข์ของเธอยิ่งหนักขึ้น
***
กี๊ซ!
เสียงร้องแหลมของไวเวิร์นดังแสบแก้วหู
ลาตาชาอยากได้ยินเสียงของมังกรมากกว่า เธอชินกับเสียงลมพัดผ่านหู
เสียงของไวเวิร์นจึงทำให้เอลฟ์เจ็บหูมาก
“ทำไม...ข้าต้องไปกับเจ้าด้วย?”
ลมที่พัดสวนมาบาดผิวของเธอ เอลฟ์ผู้น่าสงสารบ่นด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรม
“เธอเป็นคนเดียวที่ดูว่างมาก”
ผู้ไม่ตายตอบอย่างไม่สนใจเหมือนเธอบ่นไม่เข้าเรื่อง ลาตาชากำหมัดแน่น
“...ข้าย่อมมีเรื่องต้องทำอยู่แล้ว!”
“คนที่มีเรื่องต้องทำน้อยที่สุดต้องมาเป็นคนนำทางให้ฉัน”
“...ทำไมเจ้าเอาแต่พูดว่าข้าไม่ทำอะไร?”
“นี่ถูกทางหรือเปล่า?”
พื้นดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลาตาชามองรอบๆอย่างไม่เต็มใจแล้วพูด
“ทางนั้น เจ้าต้องผ่านภูเขาหินไป”
“คนที่สายตาดีที่สุดต้องมาเป็นคนนำทางให้ฉัน”
“...”
เธอเถียงผู้ไม่ตายไม่ได้ จึงได้แต่กัดปากที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
“เทพแห่งเวลา...”
เทพ 5 องค์มีรหัสของอัลเฟน
เขาจะได้ไอเทมศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสุดท้ายในอีกไม่กี่วัน
***
เปรี๊ยะๆ
น้ำมันจากเนื้อที่ย่างอย่างน่าอร่อยบนกองไฟหยดลง
“ว้าว น่ากินจัง”
เด็ก 6 คนมารวมกัน
พวกเด็กกำลังนั่งรอบกองไฟ มีเนื้อเสียบไม้ในมือ เมื่อเนื้อสุก
เด็กคนหนึ่งเริ่มกิน
“ว้าว อร่อยจังเลย!”
“ว้าว จริงด้วย”
เด็กๆชิมเนื้อและทำหน้ามีความสุข
ก่อนหน้านี้พวกเด็กๆเอาแต่ยุ่งอยู่กับการตามผู้ใหญ่หนีไปหาที่ปลอดภัย
แต่พวกเด็กๆปรับตัวได้เร็ว ความเปลี่ยนแปลงอย่างแรกเมื่อมาถึงภูเขาเซารุสคือรอยยิ้มกลับคืนมาบนหน้าพวกเด็กๆ
เสียงหัวเราะของเด็กดังขึ้นในภูเขา
เด็กคนหนึ่งพูดอวดๆ
“ข้าเคยได้ยินแม่ข้าพูด”
“นางพูดว่า?”
“ราชาภูติไฟตายที่นี่”
“จริงเหรอ?”
“อื้ม เพราะอย่างนั้นไฟนี่เลยไม่เคยดับ”
“ว้าว”
พวกเด็กได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจึงตาเป็นประกาย ราชาภูติไฟเคยแสดงโชว์แปลกๆหลายอย่าง
เด็กๆจึงชอบเขา
ไฟคงอยู่ตรงที่เขาตายไป...
“เพราะอย่างนี้เนื้อย่างเลยอร่อยมาก!”
“ไว้พรุ่งนี้มาย่างที่นี่อีกเถอะ”
“อื้ม”
เด็กๆอยู่ในโลกที่คุ้นชินเกินไปกับความตายและการลาจาก
พวกเด็กๆเกี่ยวก้อยสัญญากันว่าพรุ่งนี้จะมาที่นี่อีก
ฟู่วๆ
ไฟใหญ่ขึ้นเล็กลงต่อไป มันกำลังหายใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น