วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 153

บทที่ 153 – การปกป้องของทราช (2)

กึง!

กำปั้นเหล็กของโดลเซทุบศัตรูลงพื้น

กึง กึง ฮู่ม คว้าง!

โดลเซขยับอย่างไม่เข้ากับร่างกายมหึมา มันกระโดดอย่างว่องไวขึ้นไปบนตัวศัตรู มันออกแรงกดหัวศัตรู

เดรกตัวหนึ่งถูกโดลเซทุบลงพื้น ปากเหมือนปากจระเข้ของมันอ้าออกส่งเสียงคราง

มอนสเตอร์พวกนี้มาได้ยังไง?

วูจินเดินเข้าไปใกล้เดรกที่ถูกน้ำหนักของโดลเซกดจมพื้น

“นายมาจากกิ้งก่าเหลืองเหรอ?”

[ครือ ข้าเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์หมวกดำ]

“อ้าว? สงสัยไม่ใช่กิ้งก่าทุกตัวจะเข้ากับสมาพันธุ์กิ้งก่าเหลืองแฮะ”

วูจินยักไหล่พลางปลดผ้าคลุมออก

“เออ ช่างเถอะ”

เขาเอาผ้าคลุมชุดเซ็ททราชคลุมลงบนจมูกเดรก รอ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“หืม หรือต้องใส่มันดีๆ”

[คึๆ ไอ้หน้าโง่ เจ้าไม่มีรหัสด้วยซ้ำแต่กลับยึดไอเทมต้องสาปไว้เป็นของตัวเอง]

วูจินเอียงคออย่างสงสัย

“นายรู้เหรอว่ามันคืออะไร?”

[ไอเทมจากเซ็ทของทราชใช่ไหมเล่า?]

“อา ใช่ แล้วรหัสคืออะไร?”

[เจ้าไม่มีคุณสมบัติ... คิดหรือว่าข้าจะตอบง่ายๆ]

ดูเหมือนเดรกจะรู้ว่ามันจบสิ้นแล้ว มันจึงคำรามไม่ยอมตอบคำถาม วูจินยิ้มพลางเคาะจมูกมัน

“เพราะแบบนี้พวกเดรกถึงไม่รวมอยู่ในเผ่ามังกร โง่เกิน”

[แฮ่]

วูจินหันไปมองโดลเซ

“ฆ่ามัน”

[โก]

กึง กึง กึง!

หมัดเหล็กของโดลเซทุบหัวเดรกจนเละ ร่างมันถูกแสงสีเทากลืนก่อนจะหายไป

“คุณสมบัติ”

ขณะที่วูจินกำลังพึมพำกับตัวเอง แรมสัน อัศวินมรณะก็เข้ามาหาเขา

[เราจะทำอย่างไรกับเมือง เจ้านาย?]

“ทำลายมันซะ”

[รับบัญชา]

เมื่อแรมสันหายไป ลิชเจนิสก็มาปรากฏตัวข้างๆเขา วูจินมองอย่างแปลกใจ

“ฉันนึกว่านายกำลังไปช่วยพวกเด็กๆอยู่”

[ก๊ากฮ่าๆ ข้าส่งเขาไปล่วงหน้า]

“ซุงกู? คนเดียวพอเหรอ?”

[พอ]

อะไรนะ? ซุงกูก้าวหน้าถึงขั้นนั้นเลยเหรอ? เพิ่งผ่านไป 3 วันเอง

เรื่องนั้นไว้ก่อน วูจินถามเจนิสสิ่งที่เขากำลังสงสัย

“เจนิส ตอนนายกลายเป็นอสูรของฉัน นายบอกว่าฉันพิเศษ”

[ท่านลอร์ดเป็นคนพิเศษ]

“นั่นคือเหตุผลที่ฉันสวมนี่แล้วไม่ตายหรือเปล่า?”

วูจินยื่นการปกป้องของทราชให้ดู

[...ใช่ คำสาปของทราชหลีกห่างจากท่าน]

“หืม”

เขามองเจนิส ผู้มองการล่มสลายของอัลเฟนมาตลอด 200 ปี

“ฉันเป็นคนแรกที่ใช้มันเหรอ?”

[ลูกน้องของทราห์เน็ต 12 รายต้องการมัน พวกมันหายไปหมดแล้ว]

“ตาย? พวกมันก็แค่คืนชีพใหม่”

[พวกมันไม่ใช่แค่ตาย มันไม่คงอยู่อีกต่อไป]

วูจินผงกศีรษะ

“นี่คือเหตุผลที่นายอยากให้ฉันหาอาวุธประหารของทราช?”

วัตถุโบราณที่เขารวบรวมได้จากอัลเฟนเป็นเครื่องป้องกันทั้งหมด แต่เขายังไม่เคยได้ไอเทมทำร้ายศัตรู

[ถูกต้อง ในความคิดของข้า นั่นเป็นวิธีเดียว และด้วยเหตุนั้นข้าจึงอาสาเป็นอสูรของท่าน...]

เจนิสเปลี่ยนตัวเองเป็นลิชเพื่อช่วยอัลเฟน

“เข้าใจแล้ว ฉันไม่เคยเห็นอาวุธประหาร แต่ถ้าฆ่าพวกลอร์ดมิติให้หมดต้องเจอในคลังของพวกมันซักคลังแน่”

วูจินไม่คิดรีบร้อน เขาแค่ต้องหาเบาะแส แน่นอนเขาไม่รู้ว่าอาวุธนี้มีอยู่จริงหรือไม่ ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องทำคือรวบรวมไอเทมอื่นในชุดเซ็ทก่อน

[ข้ามีเรื่องขอร้อง นายท่าน]

“เอาสิ อะไรล่ะ?”

[ท่านคิดว่าข้าจะฝึกเด็กเวรนั่นที่นี่ได้ไหม?]

“ซุงกู?”

[ในด้านพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ เขาอาจเหนือกว่าของนายท่าน...]

อา เขารู้สึกอิจฉาขึ้นมานิดๆ เจ้าบ้าซุงกูมีพรสวรรค์ขนาดเจนิสยังออกมายอมรับ

“ตามใจนายเลย”

[ข้าจะสร้างลูกน้องคนแรกของนายท่านที่ยังมีชีวิต]

“อืม ถ้าเขาตาย เขาจะเป็นลิชคนที่สองของฉันไหม?”

[เป็นความคิดที่ไม่เลว]

วูจินและเจนิสแสยะยิ้มแล้วมองหน้ากัน

[ก๊ากฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปหาเขาล่ะ]

“ได้ ไปเถอะ ตอนไปถึงก็ฆ่าทุกคนที่ฟื้นชีพขึ้นมาใหม่ด้วย”

แม้วูจินจะเผาโลกจาคุราบคาบและพิชิตทุกดันเจี้ยนได้ ลอร์ดมิติคนใหม่จะพยายามเชื่อมต่อมายังที่นี่อีก พวกเขาจะเป็นคู่ฝึกที่ดี และลิชจะได้ค่าประสบการณ์ส่งมาให้วูจิน

ในเมื่อเขาต้องการเก็บเลเวล พวกมันจึงเป็นสิ่งที่เขามองหาอยู่พอดี

“จับพวกมันได้อีกสักสองสามตัวแล้วกลับดีกว่า”

ช่วงคุ้มครองอาณาเขตใกล้จะหมดแล้ว

***

อาณานิคมล้มลง

สตรีศักดิ์สิทธิ์เก็บชิ้นส่วนมิติอย่างระมัดระวัง

“ฟู่ว จบจนได้”

โดเจมินถอนหายใจอย่างโล่งใจพลางทรุดลงกับพื้น เบคจองโดก็หมดแรงเช่นกัน ทั้งสองสู้อยู่แถวหน้าจึงเหนื่อยเป็นหลายเท่า

“ดิฉันขอโทษนะคะที่ครั้งนี้ช่วยอะไรไม่ได้นัก”

ฮีซอลขอโทษอย่างจริงใจ ความสามารถฝึกสัตว์ของเธอไม่มีประโยชน์กับเผ่าที่มีสติปัญญา มันเหมาะกับมอนสเตอร์และสัตว์ป่าที่มีความคิดไม่ซับซ้อนมากกว่า

ถ้าเธอเอาแจ็คสันมาด้วยคงช่วยได้มากกว่านี้ แต่เธอไม่ ดังนั้นบทบาทของเธอในปาร์ตี้จึงน้อยมาก ความสามารถเดียวที่มีประโยชน์คือเทเลพาธีแต่มันก็แค่ใช้เชื่อมความคิดของทุกคน

เท่ากับว่าเธอทำหน้าที่เป็นวิทยุสื่อสารเท่านั้นเอง

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฮีซอล พวกเราคงไม่ได้ของจากพวกมอนสเตอร์มากขนาดนี้”

พวกตัวตุ่นกำลังชำแหละศพและรวบรวมบลัดสโตน ยังมีกองไอเทมที่เอามาจากศัตรู

มันเป็นจำนวนมากเหลือเชื่อ เคลียร์ดันเจี้ยนบนโลกหนึ่งหรือสองครั้งยังได้ไม่มากเท่านี้

“ตอนนี้เรายังได้อาร์ติแฟคมาหลายชิ้นด้วย”

บลังกาพูดอย่างตื่นเต้นขณะใช้เวทค้นหา อาร์ติแฟคสำคัญกว่าบลัดสโตน

ขณะนี้พวกเขากำลังเก็บรวบรวมไอเทมที่ซ่อนอยู่

“เฮ้อ พักสักหน่อยแล้วค่อยสำรวจเถอะ น้องคังบอกว่าเขาจะมาที่นี่ด้วย”

“ครับ ว่าแต่ คุณคิดว่าคุณเราส์ไฟจะเป็นอะไรไหม?”

เบคจองโดยิ้มเมื่อฟังคำถามของบลังกา

“ใคร? คุณซุงกูเหรอ?”

“ครับ เขาดูรีบร้อน...”

หลังจากซุงกูเผาอาณานิคมเป็นเถ้าถ่านแล้วเขายังเผาลอร์ดมิติจนตาย จากนั้นก็ถูกลิชไล่ตาม ซุงกูหายไปไกล ไม่สิ พวกเขาแค่ไม่เห็น แต่ยังได้ยินเสียงระเบิดน่าหวาดหวั่นดังอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนทั้งสองจะอยู่ไม่ห่างจากที่พวกเขาอยู่นัก

“ไม่ต้องห่วง คุณซุงกูอึดออก”

“ฮะๆ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าควรช่วยเขาดีไหม มอนสเตอร์ที่ไล่ตามเขาดูอันตรายมาก...”

ฮีซอลหัวเราะ

“ไม่ใช่มอนสเตอร์นะคะ มันเป็นอสูรของประธาน ลิช”

“อะไรนะ? ลิชเหรอ? มันหายไปเร็วมาก...”

บลังกาพยายามนึก เหมือนเขาจะเห็นลิชแวบๆจริงๆ บลังกาเกาศีรษะ ฮีซอลพูดไม่ให้เขาเป็นห่วงซุงกู

“ปกติคุณซุงกูดูพึ่งไม่ค่อยได้ แต่เขาเป็นคนที่อยู่กับประธานของเราและรอดมาได้นานที่สุดนะคะ”

“...”

บลังกาทำหน้าสงสัยเหมือนจะถามว่า ‘ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ?’

“เรื่องใหญ่ๆจะเกิดขึ้นใกล้ตัวประธานเสมอ ที่เขายังไม่ตายก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วค่ะ”

ความสามารถของเขาเป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัย ซุงกูเผาศัตรูทั้งหมดตายในทีเดียว พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ปาร์ตี้ต้องฆ่าอย่างยากลำบาก

เบคจองโดเลียริมฝีปากอย่างเสียดาย

“สมแล้ว ถ้าจะลากยิงก็ต้องใช้เวทนี่ล่ะ”

ทำไมความสามารถของเขาต้องเป็นเสริมพลังร่างกายนะ...

แน่นอนว่าไม่ใช่ทักษะของเขาไม่ดี เบคจองโดพอใจอยู่มาก ความสามารถเสริมพลังของเขาจะแสดงคุณค่าที่แท้จริงออกมาในระหว่างต่อสู้

เจมินเคยคิดว่าซุงกูดูเท่มาก แต่ซุงกูมีสีหน้าสิ้นหวัง

“พอพี่ซุงกูฝึกเสร็จแล้วพวกเราไปหาเขากันเถอะครับ”

“อาฮะ ดูเหมือนพวกเราต้องตั้งใจฝึกกันจริงๆแล้วถ้าอยากจะตามคุณซุงกูให้ทัน”

พวกเขาล้วนเป็นแรงค์ A

สตรีศักดิ์สิทธิ์แรงค์ SS

ถ้าฮงซุงกูกลายเป็นแรงค์ SS สมาชิกทีมสงสัยว่าพวกเขาจะตามเขาทันไหม

ตอนนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นคนเดียวที่ไม่หมดแรง เธอเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ปาร์ตี้ยังอยู่ครบคน การฮีลและพรของเธอมีประโยชน์มาก

เจมินเป็นแวมไพร์ ปัญหาคือความสามารถของเขาเข้ากันไม่ได้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้ประโยชน์จากเธอ

“เอาล่ะ มาเก็บอาร์ติแฟคให้หมดเถอะ”

“ไปกันเถอะ”

พวกตัวตุ่นที่ฮีซอลฝึกสามารถเก็บบลัดสโตนจากศพ แต่เก็บอาร์ติแฟคไม่ได้ พวกเขาต้องทำกันเอง ทุกคนจึงลุกขึ้น

ตอนนั้นเอง วูจินก็โผล่มา

“ประธาน!”

“พี่!”

“น้องคังมาแล้วเหรอ?”

วูจินยิ้มเมื่อเห็นทุกคนดีใจที่เจอเขา

“ไม่เจอกันไม่กี่วัน ดีใจที่เห็นฉันขนาดนี้เลยเหรอ? พวกนายกำลังปล้นของเหรอ?”

บลังกาส่ายศีรษะ

“พวกเรากำลังรวบรวมไอเทม”

“อย่าเสแสร้งน่า”

วูจินมองไปรอบๆเห็นอาณานิคมที่ถูกเผาราบและศพมอนสเตอร์มีอยู่ทุกหนแห่ง

“นายฆ่า ทำลาย เอาของที่อยากได้”

“...”

วูจินพูดถูก แต่บลังการู้สึกอยากปฏิเสธ

“ปล้นก็คือปล้น”

ประธานอยากเป็นคนเลวเหรอ? บลังการู้สึกโกรธขึ้นมาจึงถาม

“คุณกำลังจะบอกว่าพวกเราทำเรื่องไม่ดีเหรอ?”

วูจินยักไหล่

“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าการปล้นเป็นสิ่งไม่ดี?”

“...”

บลังกาโต้ไม่ถูก เขาอยากเถียงกลับแต่คิดไม่ออก ใบหน้าวูจินไม่แสดงออกถึงความหลอกลวงและเขาเดาไม่ถูกว่าวูจินกำลังคิดอะไร

“ฉันกับเจมินจะแวะไปที่อาณานิคมของฉันสักพัก พวกนายจะเอายังไง?”

“จะอยู่ต่อ? หรือจะกลับโลก? เราใช้เวลาที่นี่ไป 4 วันจึงเท่ากับบนโลกผ่านไปแล้ว 1 วัน”

บลังกายินดีเมื่อได้ยินคำพูดของวูจิน

“พวกเรากลับได้เหรอครับ?”

“พวกนายไม่ ฉันถามพี่จองโดว่าจะเอายังไง”

“...”

‘งั้นก็น่าจะบอกให้ชัดตั้งแต่แรก’ บลังกางอน

“เอ่อ ฉัน...”

เบคจองโดมองปาร์ตี้

ทุกคนที่นี่เป็นคนของอลันดาล

คำถามของวูจินไม่มีเจตนาแอบแฝง เขาแค่สงสัยว่าเบคจองโดจะเอายังไง เขาเป็นคนนอก

เบคจองโดส่ายศีรษะ

“ฉันปล่อยพื้นที่ล่าระดับนี้ไปไม่ได้หรอก”

ถ้าเขาสู้กับคนเหล่านี้ ความสามารถของเบคจองโดจะเพิ่มขึ้น ระดับของมอนสเตอร์ที่นี่ต่างจากโลกมาก ยิ่งกว่านั้น ที่นี่ยังมีเชือกช่วยชีวิต สตรีศักดิ์สิทธิ์จะดูแลไม่ให้มีใครตาย

“ก็ได้ ล่ากันต่อ จากนั้นพวกเราจะกลับโลกไปร่วมงานประชุมกิลด์”

“เข้าใจแล้ว”

“งั้นพวกนายปล้นต่อ ฉันมีธุระต้องทำ เดี๋ยวกลับ”

วูจินโบกมือ อุโมงค์สีแดงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ

“ไปกันเถอะ เจมิน”

“ครับ”

เจมินและวูจินผ่านอุโมงค์หายไป

ทุกคนรู้ว่าอุโมงค์นี้เชื่อมกับที่ไหน อาณาเขตมิติของวูจิน อลันดาล

เขาเป็นผู้ที่สามารถเดินทางระหว่างมิติ เขาเป็นมนุษย์ที่มีอาณาเขตมิติ

เบคจองโดอดหัวเราะแห้งๆไม่ได้

‘ฉันอาจนับเทพเจ้าว่าเป็นน้องอยู่ก็ได้’

วูจินและเจมินมาถึงอาณาเขตมิติ

“เหลือเวลาอีก 10 นาที นายพักหน่อยก็ได้”

“ครับพี่ แล้วก็ผมมีเรื่องจะขอ...”

“เรื่องอะไร?”

เจมินพูดอย่างระมัดระวัง

“ขอยืมแต้มพี่หน่อยได้ไหม?”

“หืม? เอาไปทำอะไร?”

“ผมอยากได้ไอเทมบางอย่าง...”

“อ้อ”

เจมินลูบคาง การพึ่งไอเทมเป็นเรื่องไม่ดี แต่มองอีกแง่ เราต้องมีของให้เหมาะกับความสามารถด้วย

การรู้จักใช้ความสามารถของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ แต่การรู้จักใช้ไอเทมก็สำคัญด้วย

“ที่ฉันให้อยู่ไม่พอเหรอ?”

หลังจากเจมินรับตำแหน่งเสนาธิการ เขาก็ชนะสงครามมิติบ่อยๆ วูจินให้แต้มเขาจำนวนหนึ่งทุกครั้งที่ชนะจึงน่าจะสะสมแต้มได้มากทีเดียว

“มีของที่ผมมองๆอยู่ แต่มันค่อนข้างแพง”

“ได้ ซื้ออะไรก็ได้ที่นายอยากได้”

“ครับ ขอบคุณครับ”

“ก่อนอื่น รีเซ็ทช่วงคุ้มครองกันเถอะ”

“ครับ”

เจมินนั่งที่นั่งเสนาธิการ วูจินนั่งบนบังลังก์

เขาอยากหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมก่อนช่วงคุ้มครองจะหมดลงจึงเปิดสมุดหาลอร์ด ตอนนั้นเองที่เขาเห็นมัน

<ลอร์ดมิติ ลีอาห์ ขอท้าดวล>

“อะไร?ฟื้นแล้วเหรอ?”

เธอคงกำลังโกรธจัด วูจินหัวเราะอย่างอดไม่อยู่

“กล้าดีนี่”

ดูเหมือนเธอกำลังโกรธแค้นจนหน้ามืด

<คุณตอบรับคำท้าดวล คุณกำลังถูกย้ายไปยังสนามรบ>



สารบัญ                                            บทที่ 154

2 ความคิดเห็น: